บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 254 ดาบเดียว
ตอนที่ 254: ดาบเดียว
ตอนที่ 254: ดาบเดียว
บรรพจารย์ยุทธ์ปฐมสวรรค์คือบุคคลประเภทใด?
ถอนผมล้างเลือด เกิดใหม่เปลี่ยนกระดูก ละทิ้งปฏิกูล ปราณทั่วร่างเปลี่ยนเป็นปราณสะอาดปฐมสวรรค์ สมบูรณ์เพียบพร้อมไร้แพร่งพราย
ด้วยเหตุนี้จึงถูกเรียกว่าเป็นขอบเขตไร้แพร่งพราย
บรรลุถึงขอบเขตนี้แล้วไม่เกรงกลัวน้ำและไฟ ไม่แปดเปื้อนละอองธุลี ไร้ฝุ่นไร้ตะกอน ดุจดังหยกห้าสี
ความแข็งแกร่งแห่งพลังมีผลทำให้ทะยานขึ้นสู่อากาศ ขี่วายุโลดแล่นได้สูงถึงสิบจั้ง
เวลาที่ฆ่าฟันศัตรู ควบคุมพลังสะท้านฟ้าสยบดินแห่งปฐมสวรรค์ทะลายภูเขาตัดธารน้ำ เป่าลมดังสายฟ้าฟาด!
เปรียบกับบุคคลระดับปรมาจารย์แล้ว พลังของบรรพจารย์ยุทธ์ปฐมสวรรค์ใกล้เคียงกับผู้ฝึกตนระดับสุดยอด อานุภาพที่มีจึงน่ากลัวเป็นธรรมดา
ด้วยเหตุนี้ เมื่อราชาคิ้วขาวไฉ่จิงไห่ฟันดาบใส่อย่างเต็มที่ ทุกคนจึงรู้สึกราวกับกำลังโดนบังคับควบคุมจากกฎเคล็ดวิชาอันพรั่นพรึง โดยมีอัสนีม่วงอยู่ใจกลางพลังดาบ
อานุภาพเช่นนี้ทำให้ทุกคนในเหตุการณ์ถึงกับตื่นตระหนกไม่หาย
กระทั่งบุคคลระดับสุดยอดในขอบเขตปรมาจารย์อย่างเชินจิ่วซง กับเฉินเจิ้งก็ยังถึงกับต้องกลั้นหายใจขนลุกไปทั่วตัว
เห็นว่าดาบนี้นำมาซึ่งอัสนีพิฆาต ทว่าสีหน้าของซูอี้กลับไม่แม้แต่ตื่นตระหนก แต่กลับปล่อยหมัดออกไปในทันใด
ครืน!
พลังหมัดเรียบง่าย ไร้ซึ่งกลิ่นอายของประกายไฟ
เมื่อหมัดนี้ถูกปล่อยออกไป อานุภาพที่สั่นสะท้านไปถึงจิตใจเช่นนั้นราวกับสามารถทำให้ฟ้าดินพลิกกลับตาลปัตร บดขยี้ดวงดาวและดวงจันทร์จนเป็นผุยผงได้ในหมัดเดียว
นี่คือ ‘พลัง’ อันบริสุทธิ์ เป็นจังหวะวิถีที่มีเอกลักษณ์ ผสมผสานอยู่ในหมัดเดียว คล้ายกับเทพเซียนแสดงยุทธ์
ปัง!!!
พลังดาบสีม่วงรุนแรงที่ร่วงหล่นจากฟากฟ้าถูกหมัดนี้ซัดกระจุยจนแตกระเบิดเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยในหมัดเดียว
ท่ามกลางฝนสะเก็ดไฟที่แตกกระเซ็นก็ได้ยินเสียงกระแทกอย่างรุนแรง ดาบเล่มหนาขนาดใหญ่ในมือราชาคิ้วขาวถูกกำลังไร้เทียมทานของหมัดซัดเข้าอย่างจัง
ชั่วขณะนั้นราชาคิ้วขาวรู้สึกเจ็บแปลบที่ง่ามนิ้ว เจ็บราวกับง่ามนิ้วฉีกขาด เจ็บจนดาบใหญ่แทบหลุดกระเด็นออกจากมือ
“เปิด!”
ราชาคิ้วขาวร้องตวาดเสียงดังสนั่นรอบกาย พลังสะท้านฟ้าสยบดินปฐมสวรรค์ถาโถมราวกับคลื่นซัดโหมกระหน่ำ ต้องสำแดงพลังทั้งหมดที่มีจึงสามารถขจัดแรงของหมัดนั้นลงไปได้
ทว่าอาการตื่นตระหนกยังคงผุดขึ้นจนเต็มใบหน้าของเขา
เพียงแค่ปรมาจารย์อายุเพียงสิบเจ็ดปีคนหนึ่งเท่านั้น เหตุใดจึงมีพลังที่คาดไม่ถึงเช่นนี้ได้?
พวกของเซี่ยโหวหลินพากันสูดปากด้วยสีหน้าสับสน
“ด้วยร่างที่ชราภาพ ตกค้างอยู่ในขอบเขตแห่งปฐมสวรรค์ ถึงแม้อายุขัยจะยืดยาวออกไป ทว่าจิตใจอันอาจหาญฮึกเหิมนั้นไม่เหลืออีกแล้ว ชาตินี้ไม่เพียงแต่ไม่อาจย่างก้าวเข้าสู่หนทางแห่งวิถีต้นกำเนิดได้เท่านั้น จิตวิญญาณมีแต่จะถดถอยไปตามกาลเวลาที่ผ่านพ้น เป็นเรื่องน่าเศร้ายิ่งนัก”
ซูอี้ส่ายหน้า
คำกล่าวนี้ราวกับทิ่มแทงใจลึก ๆ ของราชาคิ้วขาว
ประกายแสงสีเขียวผุดขึ้นบนใบหน้าของเขาชั่วแวบ พลันสูดหายใจเข้าลึก ๆ และตวัดดาบบุกเข้าหาอีกครั้ง
ครืน!
สายฟ้าแลบแปลบปลาบ เสียงฟ้าผ่าดังสนั่น พลังดาบสีม่วงที่เจิดจ้าผลักดันพลังสะท้านฟ้าสยบดินปฐมสวรรค์ให้เดือดดาล เทียบกับเมื่อสักครู่แล้ว
อานุภาพร้ายแรงน่ากลัวยิ่งกว่า
ซูอี้ไม่คิดจะเสียเวลาด้วยอีก
สภาพการณ์ในวันนี้ไม่ใช่การประลองกำลังเพื่อศึกษาร่วมกัน ทั้งไม่ใช่การประลองแบบหนึ่งต่อหนึ่ง
และเขาก็ไม่อยากจะเสียเวลากับบรรพจารย์ยุทธ์ปฐมสวรรค์อาวุโสอีกด้วย
ชิ้ง!
เสียงดาบอันเยือกเย็นและหนักหน่วงดังขึ้น
คนทั้งหลายรู้สึกตาลายราวกับมองเห็นม่านแห่งราตรีกาลอันมืดมิดปรากฏขึ้น แสงสว่างเจิดจ้าพลันมลายหายไป จวนใหญ่ราวกับจมสู่ความมืดมิด
และนี่ก็เป็นเพียงแค่กลิ่นอายที่แผ่กระจายเมื่อดาบนิลกาฬกลืนฟ้าถูกชักออกมาเท่านั้น
ทันใด…
หนึ่งดาบอยู่ในมือ พลังรอบกายของซูอี้พลันเปลี่ยนไป แววตาอันลุ่มลึกแฝงความสงบนิ่งราวกับก้มมองดูสรรพสัตว์
เต๋ากังในร่างที่สูงโปร่งของเขาพลันสว่างพลันมืดประดุจดังภาพลวงตา ทว่าอานุภาพที่ปล่อยออกมานั้นมีความน่าหวั่นเกรงยิ่งนัก
คล้ายกับเทพดาบที่ล่องลอยอยู่เหนือฟ้า เจิดจำรัสไร้ผู้เทียบเทียม!
ทุกคนต่างรู้สึกเจ็บแสบไปทั้งตัว ดวงตาแทบลืมไม่ขึ้นราวกับถูกของมีคมบาด
ทว่าในสายตาของไฉ่จิงไห่ ซูอี้ในเวลานี้ราวกับเปลี่ยนไปเป็นคนละคน ความเจิดจำรัสแห่งพลังดาบที่แผ่ซ่านออกมารอบตัวทำให้เขารู้สึกหนาววาบขึ้นมาอย่างระงับไม่อยู่
สีหน้าของเขาเปลี่ยนไป
และในเวลานี้เอง ซูอี้ก็ตวัดดาบรุกเข้าหา แทงเข้าใส่อย่างง่ายดาย ฉึบ!
เรียบง่ายยิ่งนัก ทว่าเต็มไปด้วยพลังที่สามารถฟาดฟันทุกสิ่งที่ขวางหน้า อานุภาพร้ายแรงไม่อาจต้านทาน
ปลายดาบอันดำขลับคล้ายน้ำหมึกนั้นแหวกฝ่าอากาศกลายเป็นรอยฉีกแนวยาวในชั่วพริบตา
ดาบที่ไฉ่จิงไห่ฟันลงมานั้นมีความน่ากลัวถึงเพียงใด พลังสะท้านฟ้าสยบดินปฐมสวรรค์ที่ถูกผลักดันให้เกิดขึ้นนั้นราวกับอัสนีพิฆาต
ทว่าเพียงชั่วพริบตาเท่านั้นก็ถูกดาบที่แทงเข้ามาทำลายจนย่อยยับราวกับแผ่นกระดาษ ฝนสะเก็ดไฟมลายหายไปสิ้น
ฉึบ!
เมื่อปลายดาบสีดำแทงโดนดาบหนาขนาดใหญ่ในมือของไฉ่จิงไห่ ดาบหนาขนาดใหญ่ด้ามนั้นระเบิดเป็นชิ้นย่อยในทันทีราวกับค้อนมหึมาทุบโดนกระจกอย่างแรง
ปลายดาบสีดำกลับพุ่งตรงต่อไปข้างหน้า แทงทะลุคอหอยของไฉ่จิงไห่ในชั่วพริบตา
เอื๊อก!
เลือดไหลทะลัก
ไฉ่จิงไห่เบิกตาโพลงราวกับไม่อยากจะเชื่อ ส่งเสียงพูดที่ไม่ชัดเจนออกมา “เจ้า…เจ้า…”
ยังพูดไม่ทันจบก็ถูกคมดาบฟันหัวกระเด็นขึ้นกลางอากาศ
ส่วนร่างที่ไร้หัวนั้นล้มกระแทกกับพื้น
รอบด้านเงียบสงบ ปราศจากสุ้มเสียง
เพียงแค่ดาบเดียว หัวของไฉ่จิงไห่ก็แยกออกจากร่าง!
ราชาต่างสกุลของต้าโจว บรรพจารย์ยุทธ์ปฐมสวรรค์ผู้มีชื่อเสียงเกรียงไกรในใต้หล้า ผู้ยิ่งใหญ่อาวุโสที่เป็นสุดยอดแห่งยอดยุทธ์กลับไม่อาจต้านแรงดาบเดียวของซูอี้ได้!
เซี่ยโหวหลินกำมือแน่น ดวงตาเบิกกว้าง
เพ่ยเหวินซานเหงื่อชุ่มสันหลัง มือเท้าเย็นไปหมด
เล่อชิงที่คุกเข่าอยู่กับพื้นตัวสั่นระริกจนฟันกระทบเสียงดังราวกับได้รับความตื่นตระหนกอย่างแรง
เมื่อหันไปมองดูใต้เท้าผู้มีอำนาจทั้งหลายที่อยู่ในเหตุการณ์ แต่ละคนสีหน้าตื่นตะลึงสับสนราวกับอยู่ในมรสุม ตัวคนรู้สึกหนาววาบเข้าสันหลังราวกับความหนาวทิ่มแทงกระดูก
หนังตาของมู่ซีกระตุก
เขาก็เป็นบรรพจารย์ยุทธ์ปฐมสวรรค์เช่นกัน อีกทั้งยังเป็นหนึ่งให้ราชาต่างสกุลของต้าโจวที่อายุน้อยที่สุด จึงเข้าใจเป็นอย่างดีว่าระหว่างบรรพจารย์ยุทธ์ปฐมสวรรค์กับปรมาจารย์นั้นแตกต่างกันมากราวเมฆบนฟ้ากับโคลนตมบนดิน
หากว่าเป็นปรมาจารย์คนอื่น ๆ เกรงว่าคงถูกราชาคิ้วขาวฆ่าตายไปนานแล้ว
ทว่าเวลานี้ ซูอี้กลับใช้ผลการฝึกขั้นที่หนึ่งของปรมาจารย์ฆ่าบรรพจารย์ยุทธ์ปฐมสวรรค์อย่างราชาคิ้วขาวผู้นี้ในดาบเดียว
ช่างน่ากลัวเสียเหลือเกิน
เชินจิ่วซง เฉินเจิ้ง เจียงถานอวิ๋น กับหลูฉางเฟิงตื่นตระหนกจนใจสั่นสะท้าน ต่างก็มองหน้ากันด้วยความตื่นตะลึง
“พวกข้ารู้สึกชื่นชมในความองอาจของคุณชายสามยิ่งนัก เพียงแต่ว่าคุณชายสามทำเช่นนี้ ไม่กลัวว่าคนรอบข้างเหล่านั้นจะได้รับการตอบโต้อย่างรุนแรงหรอกหรือ?”
เซี่ยโหวหลินสูดหายใจลึก ๆ กล่าวเสียงเข้ม “เอาเช่นนี้ พวกข้าขออภัยต่อคุณชายสามสำหรับการกระทำเมื่อก่อนหน้า และขอให้คุณชายสามโปรดรามือ ข้าเชื่อว่าด้วยความสามารถของคุณชายสามในตอนนี้ หากว่ายอมกลับมาเป็นมิตรกับตระกูลซูของพวกเรา ผู้นำตระกูลจะต้องให้ความเห็นดีเห็นงาม การเลื่อนยศเลื่อนตำแหน่งนั้นเป็นสิ่งที่แน่นอนที่สุด”
อย่างไม่ต้องสงสัย หลังจากเห็นภาพที่ราชาคิ้วขาวถูกฟันคอขาดในดาบเดียวแล้ว ท่าทีของเซี่ยโหวหลินจึงเปลี่ยนไป ไม่กล้าดูแคลนซูอี้เหมือนเมื่อก่อนหน้าอีก
ไม่เพียงแค่เขาเท่านั้น หลังจากที่ทุกคนในเหตุการณ์ผ่านความตื่นตระหนกตกใจไปแล้ว สายตาที่มองดูซูอี้ก็เปลี่ยนไป ในสายตามีแต่ความตื่นตะลึงและหวาดกลัว
เพียงดาบเดียว ซูอี้ก็สามารถฆ่าบรรพจารย์ยุทธ์ปฐมสวรรค์ตายได้ หากว่าซูอี้ต่อกรกับพวกเขา นอกจากบรรพจารย์ยุทธ์ปฐมสวรรค์อย่างเซี่ยโหวหลินเช่นนี้แล้ว ยังจะมีใครสามารถขึ้นมาเป็นคู่ต่อสู้ของซูอี้ได้อีก?
รอยยิ้มเย็นยะเยือกบางเบาของซูอี้ผุดขึ้นน้อย ๆ พลางกล่าว “เลื่อนยศเลื่อนตำแหน่ง? ต่อให้ยกตำแหน่งจักรพรรดิ ข้าซูอี้ก็คร้านนักที่จะมอง”
เซี่ยโหวหลินสะดุ้งในใจ กล่าว “คุณชายสาม ไม่สนใจความปลอดภัยของคนที่มีความเกี่ยวข้องกับเจ้าแล้วจริง ๆ หรือ คิดจะแตกหักกับพวกข้าจริง ๆ หรือ?”
ซูอี้มองดูดาบนิลกาฬกลืนฟ้าในมือสักครู่จึงกล่าว “สิ่งที่ข้าเกลียดมากที่สุดก็คือการยกเอาเรื่องนี้มาข่มขู่ และข้าก็ไม่เคยก้มหัวให้ใครด้วย หากว่าคนที่มีความเกี่ยวข้องกับข้าเกิดเรื่องอันใดขึ้น ข้ารับรองได้ว่าผู้ที่ลงมือจะต้องตายไม่เหลือหรอ หากว่าใครไม่เชื่อสามารถลองดูได้”
พูดพลาง เขาก็กวาดตามองดูทุกคนในเหตุการณ์ด้วยสายตาที่เย็นชา
ไม่ว่าใครคนใดที่ถูกเขามองแล้ว หน้าเป็นต้องถอดสี เย็นสะท้านขึ้นมาในใจ
เซี่ยโหวหลินหน้าซีดจนเขียว กล่าวช้า ๆ ทีละคำ “คุณชายสาม ข้าถามเป็นประโยคสุดท้าย วันนี้เจ้าไม่ยอมรามือก็หมายความว่าจะแตกหักกับตระกูลซู เจ้าคิดดีแล้วถึงผลของการกระทำเช่นนี้ใช่หรือไม่?”
ชิ้ง!
ซูอี้ไม่พูดพล่ามอีก พลันชูดาบนิลกาฬกลืนฟ้าในมือฟันเซี่ยโหวหลินในระยะไกล!!