บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 272 การตัดสินใจของหอสิบทิศ
ตอนที่ 272: การตัดสินใจของหอสิบทิศ
ตอนที่ 272: การตัดสินใจของหอสิบทิศ
“มีอย่างแน่นอน!” หวังจั๋วกล่าวหนักแน่น
ซูอี้คิดสักครู่ ก่อนจะกล่าว “มีพู่กันกับกระดาษติดตัวหรือไม่?”
หวังจั๋วหยิบพู่กันกระดาษออกมาจากแขนเสื้อ แล้วยื่นไปให้
ซูอี้ตวัดพู่กัน เขียนข้อความลับขึ้นมาฉบับหนึ่ง จากนั้นจึงหยิบนกหวีดทองเหลืองสีดำลักษณะคล้ายกับหอยทากชิ้นนั้นออกมาเป่า
“วี้ด!”
เสียงนกหวีดจังหวะประหลาดดังทะลุม่านฝนส่งขึ้นไปยังท้องฟ้า
เพียงแค่ชั่วครู่ ปักษาเวคินตนหนึ่งก็ร่อนลงมา ปีกของมันเป็นสีเทาอ่อน ๆ คล้ายกับเหยี่ยวน้อยตัวหนึ่ง มีดวงตาสีเขียวมรกตกับกรงเล็บแหลมคมสีแดงชาด
ซูอี้โยนกระดาษข้อความในมือออกไป ปักษาเวคินโฉบคาบกระดาษข้อความแล้วบินออกไป
“เจ้าสามารถไปได้แล้ว” ซูอี้หมุนตัวกลับมาพูดกับหวังจั๋ว
หวังจั๋วกล่าวราวกับไม่อยากจะเชื่อ “คุณชายซูมั่นใจหรือว่าจะปล่อยข้าไป?”
“เจ้าควรจะคิดว่าหนทางในวันข้างหน้าควรต้องเดินเช่นใด”
พูดพลาง ซูอี้ถือร่มกระดาษน้ำมันเดินตรงไปยังที่ ๆ ไกลออกไป
ฝนเริ่มซาลงมากแล้ว ไอน้ำปกคลุมทั่วผืนป่า ไม่นานนักก็มองไม่เห็นร่างของซูอี้อีก
หวังจั๋วมองดูภาพที่เกิดขึ้นนี้ด้วยอาการนิ่งงัน จากนั้นจึงเชื่อได้ว่าตัวเองรอดแล้ว
เขาหัวเราะเยาะตัวเอง “ข้าอุตส่าห์เบียดตัวจนติดอันดับสิบบรรพจารย์ยุทธ์ปฐมสวรรค์ในต้าโจว แต่เมื่อเทียบกับผู้ฝึกตนบำเพ็ญที่แท้จริงแล้ว ก็ยังเป็นเพียงแค่มดตะนอยที่ได้แต่บินไปมาราวกับแมลงวันอยู่ไปวัน ๆ ราวกับสุนัขในโลกสามัญเท่านั้น…”
ถอนหายใจยาวเสร็จ ผู้กุมอำนาจสูงสุดของตำหนักเทียนสิงก็ลุกขึ้น หมุนตัวเดินจากไปด้วยความเดียวดาย
——
ราตรีมืดมิดดุจดังน้ำหมึกที่ดำมืด
บนยอดขุนเขาที่ตั้งอยู่โดดเดี่ยว
หน้ากองไฟที่ร้อนแรง ผู้เฒ่าผ่ายผอมผมเครารุงรังนั่งกับพื้น มือถือคัมภีร์โบราณ นั่งอ่านอย่างสงบภายใต้แสงไฟด้วยความสบายใจ
ไม่ไกลนัก หลวงจีนวัยกลางคนร่างอ้วนหัวโล้นสวมจีวรกำลังนอนหลับสบายอยู่บนกองฟางที่นุ่มนิ่ม ส่งเสียงกรนดังราวกับเสียงฟ้าผ่า
บนต้นสนขนาดใหญ่ที่อยู่อีกด้าน มีผู้ชายหน้าตาเคร่งเครียดใส่ชุดยาวสีดำนั่งสมาธิกำหนดลมหายใจเป็นจังหวะ
ส่วนที่ริมน้ำ มีผู้ชายใส่ชุดยาวสีขาวหน้าตาคล้ายกับหนุ่มน้อยนั่งอยู่ ในมือถือน่องไก่ย่างผิวเกรียมมันเยิ้ม กินจนปากมันแผล็บ บนใบหน้าที่งดงามเต็มไปด้วยความอิ่มเอม
ฉับพลัน บนท้องฟ้าอันไกลโพ้น ปักษาเวคินตนหนึ่งก็บินร่อนลงมา
หนุ่มน้อยผู้ใส่ชุดยาวสีขาวที่กำลังกินไก่ชี้นิ้วไปที่ผู้เฒ่าผ่ายผอมข้างกองไฟ กล่าวด้วยน้ำเสียงอู้อี้ “ไปหาเขา”
สวบ!
ปักษาเวคินบินไปเกาะไหล่ของผู้เฒ่าผ่ายผอม
ผู้เฒ่าผ่ายผอมเก็บคัมภีร์ในมือด้วยความจนปัญญา หยิบคันฉ่องทองเหลืองทรงกลมออกมาจากแขนเสื้อ จากนั้นทำสัญลักษณ์มือแตะไปที่ตัวปักษาเวคินเบา ๆ
ฉึบ!
ร่างของปักษาเวคินสั่นสะท้าน ลูกนัยน์ตาสีเขียวมรกตคู่นั้นฉายแสงเฉิดฉายงดงามออกมา เมื่อส่องไปยังคันฉ่องทองเหลืองทรงกลมบานนั้น พลันปรากฏเป็นภาพขึ้นมาอย่างชัดเจน
นั่นคือภาพการต่อสู้ที่เกิดขึ้นกับซูอี้เมื่อก่อนหน้านี้
“ลงมือเร็วถึงเพียงนี้เลยหรือ?”
ผู้เฒ่าผ่ายผอมกล่าวด้วยความประหลาดใจ
อย่างรวดเร็ว เมื่อมองเห็นซูอี้ฆ่าหญิงสาวที่ดีดพิณในระยะไกลแล้ว ผู้เฒ่าผ่ายผอมถึงกับสะท้าน กล่าวพึมพำ
“วิชาดาบน่ากลัวเหลือเกิน!”
ในฐานะที่เป็นหนึ่งในเจ็ดผู้อาวุโสของหอสิบทิศที่กระจายไปทั่วต้าโจว ผู้เฒ่าผ่ายผอมย่อมเข้าใจเป็นธรรมดาว่าหญิงสาวดีดพิณคนนี้มาจากผู้ฝึกตนขั้นบรรพจารย์ยุทธ์ปฐมสวรรค์ในอาณาจักรต้าฉิน
นามของนางคือหวงตวนอวี๋ มีสมญานามว่า ‘ปรมาจารย์ดาบพิณ’ ช่ำชองในวิชาดาบและการดีดพิณ หากว่าอยู่ในอาณาจักรต้าโจวอานุภาพของนางสามารถเทียบเคียงได้กับราชาต่างสกุลผู้เป็นใหญ่
ทว่าบรรพจารย์ยุทธ์ปฐมสวรรค์เช่นนี้กลับถูกฟันขาดเป็นสองท่อน!
ภาพอันน่าสยดสยองเช่นนั้นทำให้ผู้เฒ่าผ่ายผอมถึงกับต้องสูดปากเช่นกัน
“ข้าดูหน่อยสิ”
หนุ่มน้อยในชุดยาวสีขาวกัดกินไก่ย่างที่เหลืออีกครั้งแล้วเขยิบเข้ามาใกล้ ดวงตางดงามจับจ้องดูภาพเหตุการณ์เหล่านั้นด้วยความอยากรู้อยากเห็น
อย่างรวดเร็ว เมื่อมองเห็นเถี่ยคงใช้ ‘ค่ายกลรวมปราณจักรวาล’ แล้ว หนุ่มน้อยในชุดยาวสีขาวถึงกับกล่าวชื่นชม
“ค่ายกลนี้ช่างร้ายกาจเสียจริง ทำให้อานุภาพของ ‘วานรระเบิดพลัง’ ของเถี่ยคงพุ่งสูงขึ้นอย่างน้อยหนึ่งเท่าตัว สามารถต่อสู้รู้แพ้ชนะกับหวังจั๋วได้เลย”
ทว่าเพิ่งพูดจบไปได้ไม่นาน หนุ่มน้อยในชุดยาวสีขาวก็ต้องตะลึง ถือไก่ย่างในมือนิ่ง บนใบหน้าที่งดงามเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก
ผู้เฒ่าผ่ายผอมที่อยู่อีกด้านก็ตาค้างเช่นกัน
เป็นอีกดาบหนึ่งที่ฟันเถี่ยคง ทะลายค่ายกล แทงทะลุผืนพสุธาไกลนับพันจั้ง!
“นี่เป็นสิ่งที่ปรมาจารย์ขั้นสองสามารถทำได้เช่นนั้นหรือ?”
เสียงร้องประหลาดเสียงหนึ่งดังขึ้น ไม่รู้ว่าหลวงจีนอ้วนที่นอนกรนสบายอยู่ตรงนั้นตื่นขึ้นมาและเขยิบร่นเข้ามาอยู่ใกล้ ๆ ตั้งแต่เมื่อใดกัน ทว่าเมื่อเห็นภาพเหตุการณ์นี้แล้ว ใบหน้าอ้วนท้วนก็สั่นอย่างแรงด้วยความตื่นตระหนก
หนุ่มน้อยในชุดยาวสีขาวกล่าวพึมพำ “ดาบเล่มนี้ไม่ธรรมดาเลย!”
ผู้เฒ่าผ่ายผอมกล่าว “พื้นฐานของซูอี้เสียอีกที่น่ากลัวยิ่งกว่า!”
พูดพลาง พวกเขาก็สบตามองหลวงจีนร่างอ้วน ต่างก็มองเห็นอาการตื่นตระหนกในสายตาของกันและกัน
และนี่ก็เป็นครั้งแรกเช่นกันที่เหล่าผู้อาวุโสของหอสิบทิศได้เห็นฝีมือการต่อสู้ของซูอี้ ถึงแม้ว่าจะเคยรับรู้เรื่องราวของซูอี้ผ่านวิธีการต่าง ๆ นานามาก่อนหน้าแล้วก็ตาม
แต่เมื่อได้เห็นการต่อสู้สยดสยองที่เรียกได้ว่ากำราบจนเรียบเป็นหน้ากลองกับตาตัวเองแล้ว พวกเขาก็ยังไม่อาจทำใจให้สงบนิ่งได้
ผู้เฒ่าผ่ายผอมกล่าวเสียงเคร่งเครียด “ดูท่าแล้ว พวกเราจำเป็นต้องประเมินกำลังการต่อสู้ของซูอี้คนนี้อีกครั้งเสียแล้ว”
หนุ่มน้อยในชุดยาวสีขาวกล่าว “ข้าเริ่มรู้สึกสงสารคนที่คิดจะแย่งความลับในตัวเขาเสียแล้วสิ…”
หลวงจีนร่างอ้วนแย่งไก่ย่างจากมือของหนุ่มน้อยชุดขาวมาครึ่งตัว กัดกินเต็มปากไปคำหนึ่ง เอ่ยพูดขึ้นขณะที่แก้มพองโต “อมิตาพุทธ หากบอกว่าเจ้าหนุ่มคนนี้ไม่ได้ถูกภูตผีปีศาจตนไหนสิงสถิต ต่อให้ฆ่าข้าจนตายก็ไม่มีทางเชื่อ!”
ขณะที่กำลังพูด ผู้ชายชุดดำที่นั่งสมาธิอยู่บนต้นสนเมื่อก่อนหน้าก็เดินมาหา บนใบหน้าที่เคร่งเครียดเต็มไปด้วยความไม่พึงพอใจ “ร้องตกใจไปได้ สมควรแล้วรึ!”
พูดพลาง เขาก็ขมวดคิ้วแน่นเมื่อมองเห็นหวังจั๋วฆ่าผู้เฒ่าร่างผอมกับผู้แข็งแกร่งสิบแปดคนเหล่านั้นแล้ว ถึงกับเอ่ยออกมา “ราชาเข็มทิศทมิฬกลัวเลยหรือ?”
ผู้เฒ่าผ่ายผอมแสดงสีหน้าสับสน กล่าวแสดงความเห็น “กระทำไปเพื่อเอาตัวรอด สามารถเข้าใจได้ เพราะอย่างไรก็ดี คู่ต่อสู้ของเขาช่างน่ากลัวยิ่งนัก”
หลังจากที่เห็นซูอี้ฆ่าแมวดำดาวทมิฬแล้ว ภาพประหลาดที่เกิดขึ้นแต่ละภาพทำให้ผู้อาวุโสแห่งหอสิบทิศในอาณาจักรต้าโจวทั้งสี่ท่านถึงกับสีหน้าเปลี่ยนไปอย่างพร้อมเพรียงกัน
“ในร่างของแมวนี่มีวิญญาณสิงอยู่!?”
“ที่มาของวิญญาณตนนั้นไม่ธรรมดาเป็นแน่”
“แต่เสียดายที่ไม่เข้าใจในคำสนทนาของพวกเขา…”
เนื่องเพราะภาพเหตุการณ์แต่ละภาพล้วนได้มาจากการมองเห็นในระยะหลายพันจั้งของปักษาเวคิน มองเห็นแต่ภาพ ไม่อาจได้ยินเสียงพูดใด ๆ
จึงเป็นเหตุให้ผู้เฒ่าทั้งสี่ไม่อาจรู้ได้ว่าวิญญาณนั่นแท้จริงแล้วเป็นเสี้ยววิญญาณของผู้ฝึกตนวิถีวิญญาณของผู้ที่เรียกตัวเองว่า ‘ปราชญ์หลิวฮั่ว’
แต่ถึงแม้จะเป็นเช่นนี้ ภาพเหตุการณ์ประหลาดเช่นนี้ก็ยังทำให้พวกเขาตื่นตระหนกมากอยู่ดี
ถึงตอนนี้ ภาพทั้งหมดก็หายไป
ผู้เฒ่าผ่ายผอมเก็บคันฉ่องทรงกลมบานนั้น กวาดตามองดูคนทั้งสามพร้อมกล่าว “ทุกท่านคิดว่ารายละเอียดในการต่อสู้เช่นนี้ต้องประกาศให้ทุกคนรับรู้หรือไม่?”
ผู้ชายชุดดำเอ่ยขึ้นก่อนเป็นคนแรก กล่าว “หากว่าทำเช่นนี้ จะเป็นการผิดใจต่อซูอี้อย่างแน่นอน เพราะอย่างไรเสียก็ดี ศัตรูของเขาเหล่านั้นอาจนำรายละเอียดการต่อสู้ไปใช้ประโยชน์ได้”
หนุ่มน้อยชุดขาวกล่าวเตือนขึ้นมา “อย่าลืมว่า ครั้งนี้พวกเราได้นำเบาะแสของซูอี้ทำเป็นข้อมูลลับขายออกไปแล้ว หากว่าข้าเป็นซูอี้ จะต้องโกรธแค้นหอสิบทิศของพวกเราแล้วแน่นอน”
หลวงจีนร่างอ้วนลูบหัวโล้นเกลี้ยงเกลาเป็นมันของตัวเอง อดบ่นขึ้นมาไม่ได้
“ไม่รู้เช่นกันว่าหัวหน้าคิดอย่างไร จึงสอดแทรกเข้ายุ่งด้วย แล้วยังเอาเบาะแสของซูอี้มาขายเพื่อแลกเป็นเงิน เห็นแก่เงินจนเกินไปแล้ว”
คนอื่น ๆ ต่างก็นิ่งเงียบ
ในเจ็ดผู้อาวุโสของหอสิบทิศแห่งต้าโจว ผู้อาวุโสใหญ่ก็คือบุคคลอันดับหนึ่ง มีอำนาจอยู่ในมือ พูดคำไหนก็คือคำนั้น พวกเขาเรียกว่า ‘หัวหน้า’
ผู้อาวุโสใหญ่อะไรก็ดีไปเสียหมด มีข้อเสียเพียงอย่างเดียวก็คือหลงใหลในเงินทองจนเกินไป
เช่นเดียวกับครั้งนี้ที่เจาะจงเบาะแสของซูอี้ ก็เพราะถูกผู้อาวุโสใหญ่มองว่าเป็นความลับสุดยอดที่นำไปขายได้
หนุ่มน้อยชุดขาวพึมพำ “หากว่าหัวหน้ารู้รายละเอียดในการต่อสู้ครั้งนี้ ไม่รู้เช่นกันว่าจะเสียใจที่เอาเบาะแสของซูอี้ออกมาขายหรือไม่”
คนอื่น ๆ อีกสามคนพูดขึ้นพร้อมกัน “หัวหน้าไม่เสียใจหรอก!”
พวกเขาเข้าใจดีว่า ขอเพียงแลกเป็นเงินได้ ไม่มีอะไรที่หัวหน้าไม่กล้าทำ
และในเวลานี้เอง บนท้องฟ้าที่ไกลออกไปมีเสียง ๆ หนึ่งดังขึ้นมา…
ปักษาเวคินตนหนึ่งร่อนมาเกาะอยู่บนไหล่ของหนุ่มน้อยชุดขาว
“เอ๊ะ มีข้อความฉบับหนึ่ง”
หนุ่มน้อยชุดขาวปลดกระดาษข้อความออกมาจากปากของปักษาเวคิน พลันเปิดออกดู
ทุกคนต่างก็ชะโงกหัวมาดู
บนนั้นเขียนไว้ว่า ‘เอาเบาะแสของข้าซูผู้นี้มาขายเพื่อแลกเป็นเงิน? ได้ แต่ต้องแบ่งให้ข้าเก้าส่วน มิเช่นนั้น วันข้างหน้าอย่าหาว่าข้าคิดบัญชีย้อนหลัง’
‘หมายเหตุ สิ่งไม่ดีอย่าพูด สิ่งไม่ดีอย่ามอง ครั้งหน้าหากให้ข้ารู้ว่ามีปักษาเวคินคอยสอดส่องดูการต่อสู้ของข้า ฆ่าไม่เว้น’
ลงนาม ซูอี้
อักษรแต่ละตัวโฉบเฉี่ยว หนักแน่น แรงกดทะลุถึงหลังกระดาษ คล้ายกับพลังดาบอันคมกริบ
“เขา… เขาบังอาจข่มขู่พวกเรา?”
หนุ่มน้อยชุดขาวกล่าวด้วยอาการตกตะลึง
หลวงจีนร่างอ้วนทอดถอนใจ “เห็นไหม ข้าบอกแล้ว ซูอี้คนนี้ไม่พอใจหอสิบทิศของพวกเราเข้าแล้วจริง ๆ!”
ผู้ชายชุดดำกล่าวแทงใจดำ “แต่เขาไม่ได้ห้ามไม่ให้พวกเราเปิดเผยเบาะแสของเขา”
“แต่ว่า… หัวหน้าไหนเลยจะยอมรับปากแบ่งเงินเก้าส่วนให้กับเขา?” ผู้เฒ่าผ่ายผอมส่ายหน้าอยู่นาน
ผู้ชายชุดดำกล่าวตัดสิน “เรื่องนี้ ยกให้เป็นหน้าที่หัวหน้าจัดการก็จบ”
“ดีเหมือนกัน”
คนอื่น ๆ อีกสามคนตอบรับอย่างรวดเร็ว
พวกเขาไม่อยากจะมีเรื่องกับคนโหดเหี้ยมที่ถูกสิงสถิตอย่างซูอี้ หากว่าวันใดวันหนึ่งซูอี้เกิดบุกมาหาถึงที่เพื่อคิดบัญชีจะทำเช่นใด?
อย่างรวดเร็ว กระดาษข้อความที่มาจากซูอี้แผ่นนี้ก็ถูกปักษาเวคินพาบินออกไป
เวลาผ่านพ้นไปทีละนิด
จนกระทั่งราตรีกาลผ่านพ้น ฟ้าใกล้จะสว่าง
พวกผู้เฒ่าผ่ายผอมได้รับจดหมายจากผู้อาวุโสใหญ่ของหอสิบทิศ
ในจดหมายกล่าวเพียงแค่ประโยคเดียวเท่านั้น ‘ทำตามที่เขากล่าว’
เห็นเช่นนี้ พวกของผู้เฒ่าผ่ายผอมพากันประหลาดใจ เมื่อไรกันที่หัวหน้ายอมคายอ้อยที่เข้าปากช้างไปแล้วออกมา?
หลวงจีนร่างอ้วนเกาศีรษะ “แบบนี้ไม่เหมือนนิสัยของหัวหน้าเลย”
หนุ่มน้อยชุดขาวคาดคะเนด้วยความสมน้ำหน้า “หัวหน้าคงกลัวว่าจะโดนคนโหดเหี้ยมอย่างซูอี้แบบนี้หมายตาเป็นแน่… ถึงแม้หัวหน้าจะแข็งแกร่ง แต่ซูอี้อาจจะถูกปีศาจเฒ่าสิงสถิตก็เป็นได้ ใครกันที่ไม่กลัว?”
ผู้ชายชุดดำขมวดคิ้วกล่าว “หัวหน้าจะต้องสังเกตเจออะไรบางอย่างเป็นแน่ถึงได้ตัดสินใจเช่นนี้”
“จะคิดให้มากเรื่องไปเพื่อเหตุอันใด ตอนนี้ที่สำคัญที่สุดคือรีบส่งจดหมายตอบกลับซูอี้ ไม่ว่าพวกเจ้าจะคิดเช่นใด หลวงจีนอย่างข้าไม่ต้องการจะถูกคนที่มีพลังอันตรายรอบตัวเช่นนี้หมายตาหรอก…”
หลวงจีนร่างอ้วนเร่งเร้า
คนอื่น ๆ อีกสามคนเห็นเช่นนี้แล้วพากันพยักหน้า
อย่างรวดเร็ว ปักษาเวคินตนหนึ่งก็นำจดหมายตอบของหอสิบทิศบินออกไป