บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 275 เดิมพันชีวิต
ตอนที่ 275: เดิมพันชีวิต
ตอนที่ 275: เดิมพันชีวิต
เมื่อได้ยินคำพูดคำจาของซูอี้ ดวงตาของซือถูกงก็หรี่ลงเล็กน้อย รัศมีที่เย็นเยียบและกระหายเลือดของเขาปะทุออกมา
หลี่กุ้ยชายหนุ่มชุดน้ำเงินสั่นเทาไปทั้งตัว ด้วยเกิดความปั่นป่วนที่ควบคุมไม่ได้ในหัวใจของเขา
พลังของบรรพจารย์ยุทธ์ปฐมสวรรค์นั้นน่ากลัวเกินไปอย่างไม่ต้องสงสัย ทำให้เขามีความต้องการที่จะหลบหนี
เช่นเดียวกับชายในชุดสีทองที่อยู่ข้าง ๆ คิ้วของเขาเต็มไปด้วยความกลัวและวิตกกังวล
แม่นางเสี่ยวเหอเม้มปาก แต่นางค่อนข้างสงบ ดวงตาคู่สวยมองไปที่ซูอี้อย่างสงสัยใคร่รู้
ชายหนุ่มในชุดคลุมสีเขียวที่กล้าเผชิญหน้ากับดาบอาบเลือดซือถูกงผู้นี้แท้จริงแล้วคือผู้ใดกันแน่?
บรรยากาศในห้องโถงกดดันอย่างยิ่ง
หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง ซือถูกงก็หัวเราะออกมาด้วยดวงตาที่ลึกล้ำและกล่าวว่า
“บอกตามตรง ครั้งนี้ข้ามาที่นี่เพราะอยากได้ ‘โชคลาภ’ ของคุณชายด้วย แต่ไม่เหมือนคนอื่น ข้าต้องการเดิมพันกับคุณชาย”
ซูอี้จิบเหล้าหนึ่งอึก วางขวดไว้แล้วกล่าวด้วยความสนใจ “เดิมพันอะไร?”
ซือถูกงกล่าวว่า “ข้าและสหายอีกสี่คน แต่ละคนล้วนเดินข้ามผ่านกองภูเขาซากศพ ทว่าพวกเขาเหมือนกับข้าที่หลายปีมานี้ติดอยู่ในขอบเขตไร้แพร่งพราย ไม่สามารถก้าวหน้าได้…”
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ เขาถอนหายใจ ความเศร้าถูกเผยให้เห็นผ่านนัยน์ตา
การบรรลุถึงขอบเขตไร้แพร่งพราย กลายเป็นบรรพจารย์ยุทธ์ปฐมสวรรค์ หากมองตามสายตาของคนทั่วไป มันคือการล้างไขกระดูก ละสังขารเก่า และถือกำเนิดขึ้นใหม่ ซึ่งอยู่ห่างจากเทพเซียนเดินดินเพียงแค่หนึ่งก้าว
…แต่หนึ่งก้าวที่ว่า มันกลับเป็นดั่งคูน้ำที่ข้ามผ่านไม่ได้!
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในโลกสามัญนี้ ผู้ที่สามารถทำลายกำแพงนี้และเหยียบย่างบนเส้นทางของวิถีต้นกำเนิดล้วนหายาก
ต้องเผชิญกับภัยอันตรายใหญ่หลวง หรือพบเจอ ‘โชคลาภ’
มีแค่หนึ่งในร้อยคนเท่านั้นที่ข้ามผ่านขอบเขต และกลายเป็นเทพเซียนเดินดินได้!
ซือถูกงยืดร่างยืนขึ้น ทำให้ไอเย็นเยียบจากกายแผ่ออกกว้าง ก่อนจะจับจ้องไปที่ซูอี้ ปากกล่าวว่า
“และจากมุมมองของข้า ‘โชค’ ในตัวคุณชาย จะช่วยให้ข้าฝ่าฟันไปได้”
“ดังนั้น พวกเราจึงต้องการเดิมพันกับคุณชาย!”
“หากแพ้ พวกเราแต่ละคนจะยกหินวิญญาณระดับสี่ จำนวนสิบก้อนให้คุณชาย”
“แต่ถ้าคุณชายพ่ายแพ้ ท่านจะต้องมอบ ‘โชค’ ในตัวให้พวกเราดีหรือไม่?”
หลังจากพูดจบ เขามองไปที่ซูอี้อย่างเงียบ ๆ
เมื่อเห็นเช่นนี้ เหวินฉงหยวนชายชราในชุดคลุมก็อดที่จะตะลึงไม่ได้ บรรพจารย์ยุทธ์ปฐมสวรรค์ทั้งห้ามาเพื่อจัดการกับชายหนุ่มเพียงคนเดียว!?
นี่ไม่เป็นการรังแกกันเกินไปใช่หรือไม่?
ถ้าหากไม่ได้ยินกับหู คงไม่เชื่อว่าคำพูดที่หยาบคายดังกล่าวมาจากปากของบุคคลที่น่าเกรงขามเช่นดาบอาบเลือด ซือถูกง!
หลี่กุ้ย ชายหนุ่มชุดสีน้ำเงินและชายหนุ่มชุดทองก็ตกตะลึงเช่นกัน
หินวิญญาณระดับสี่จำนวนสิบก้อน!
นี่ไม่ใช่หินวิญญาณระดับสามจำนวนพันก้อนใช่หรือไม่?
เป็นที่รู้กันว่าสำหรับยอดยุทธ์แล้ว หินวิญญาณระดับสามนั้นเป็นสมบัติล้ำค่าอยู่แล้ว
แต่หินวิญญาณระดับที่สี่นั้นหายากกว่า ว่ากันว่าแม้แต่บรรพจารย์ยุทธ์ปฐมสวรรค์ก็ยังถือเป็นขุมทรัพย์ จะนำมาใช้เพื่อความก้าวหน้าในผลการฝึกเท่านั้น
แต่ตอนนี้ ในการเดิมพัน บรรพจารย์ยุทธ์ปฐมสวรรค์ทุกคนกลับคิดใช้หินวิญญาณระดับสี่ จำนวนสิบก้อนเป็นเดิมพัน
รวมทั้งหมดเป็นห้าสิบก้อน!
นี่มันเกินจินตนาการของหลี่กุ้ยและคนอื่น ๆ อย่างสิ้นเชิง ราวกับว่าขอทานได้ยินคำว่าทองคำหนึ่งหมื่นตำลึง แต่ไม่เคยเห็นทองคำมากขนาดนั้น แน่นอนว่าเขานึกไม่ออกเลยว่ามูลค่าของมันช่างน่าอัศจรรย์เพียงใด!
ทว่าหลี่กุ้ยและคนอื่น ๆ ก็ตระหนักดี ว่าการตกเป็นเป้าหมายของผู้ยิ่งใหญ่อย่างซือถูกงได้ ย่อมหมายความว่า ‘โชค’ ของชายหนุ่มสวมชุดคลุมเขียวผู้นี้คงไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน!
ชั่วขณะหนึ่ง สายตาของพวกเขาที่มีต่อซูอี้เปลี่ยนไป เหงื่อเย็นเยียบพาดผ่านหลังของพวกเขา
ก่อนหน้านี้ อีกฝ่ายเป็นเพียงชายหนุ่มขี้ขลาด แล้งน้ำใจ และน่าดูถูกเท่านั้น
ทว่าใครจะคิดเล่า ว่าชายหนุ่มผู้นี้จะเป็นที่ต้องการและถูกติดตามโดยซือถูกง หนึ่งในสิบบรรพจารย์ยุทธ์ปฐมสวรรค์ผู้ยิ่งใหญ่?!
น่ากลัวเกินไปแล้ว!
ทันทีที่พวกเขานึกถึงคำพูดที่พวกตนเพิ่งกล่าวไป หลี่กุ้ยและคนอื่น ๆ ก็รู้สึกหวาดหวั่นขึ้นมา
สิ่งเดียวที่ทำให้พวกเขาวางใจได้ขณะนี้ ก็คือว่าตอนนี้ซูอี้ดูเหมือนจะเผชิญกับความลำบาก และคงไม่มีเวลามาสนใจตัวละครเล็ก ๆ เช่นพวกเขา…
ส่วนแม่นางเสี่ยวเหอ นางคิ้วขมวดด้วยความกังวลและความโกรธ
นางงุนงงเป็นอย่างมาก เหตุใดบรรพจารย์ยุทธ์ปฐมสวรรค์อย่างซือถูกงที่มีชื่อเสียงถึงได้ไร้ยางอายเช่นนี้ นี่คือการเดิมพันที่ไหนกัน …มาเพื่อปล้นกันชัด ๆ!
แต่ซูอี้กลับหัวเราะออกมา และกล่าวว่า “บรรพจารย์ยุทธ์ปฐมสวรรค์ห้าคนร่วมกันสู้ ทั้งยังร่วมเดิมพัน …นี่ความกล้าของพวกเจ้าน้อยเกินไปหรือไม่?”
ชายหนุ่มใช้เสียงประชดเอ่ยอย่างไม่สะทกสะท้าน
ทว่าซือถูกงกลับดูสงบนิ่งและไม่สนใจ “คุณชายซูสามารถสังหารราชาปราการเพลิงได้อย่างง่ายดาย สิ่งนี้นับว่าเหนือกว่าผู้ใดแล้ว จึงนับว่าสมเหตุสมผลสำหรับข้าที่จะระมัดระวัง”
สังหารราชาปราการเพลิง!?
เหวินฉงหยวน หลี่กุ้ย และคนอื่น ๆ ต่างพากันตกตะลึง ไม่รู้จะพูดอะไรดี
ซูอี้กล่าว “แม้ว่าเจ้าจะแสแสร้งเป็นเดิมพันเพื่อหมายหยิบฉวย ‘โชค’ จากข้า ทว่าหากจะเดิมพันด้วยหินวิญญาณเพียงเล็กน้อยเท่านี้ เช่นนั้นก็ไม่ควรจะเดิมพัน”
ซือถูกงขมวดคิ้ว เอ่ยถามว่า “เช่นนั้นคุณชายต้องการเดิมพันอะไร?”
“เดิมพันชีวิต”
ซูอี้พูดโดยไม่ลังเล “ถ้าข้าแพ้ ก็ตามแต่พวกเจ้าต้องการ ถ้าเจ้าแพ้ ชีวิตของเจ้าจะขึ้นอยู่กับข้า”
เพียงประโยคที่เอ่ยอย่างแผ่วเบา ฉับพลันบรรยากาศภายในโถงใหญ่กลายเป็นกดดันอย่างถึงที่สุด!
เหวินฉงหยวนและคนอื่น ๆ ประหม่าจนแทบจะหายใจไม่ออก ใบหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความตกตะลึงอย่างถึงที่สุด พวกเขาไม่เคยคิดว่าชายหนุ่มอย่างซูอี้จะแข็งกร้าวถึงเพียงนี้!
ซือถูกงเงียบ
เรื่องนี้ไม่ใช่สิ่งที่เขาตัดสินใจได้ผู้เดียว
“เดิมพันกับเขา”
ท่ามกลางความมืดมิดนอกโถงใหญ่ จู่ ๆ ก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นมา “ข้าเคยบอกแล้ว ว่าไม่ต้องลำบากขนาดนั้น ลงมือเลยก็หมดเรื่อง”
ชายสูงอายุที่มีเคราและผมบางเดินเข้ามาพร้อมกับเสียงพูด อีกฝ่ายสวมเสื้อคลุมสีเหลือง ดวงตาของเขาขุ่นมัว ในมือถือไม้เท้าอยู่
เมื่อเขามาถึง อากาศก็เปลี่ยนเป็นร้อนแผดเผาราวกับมีเตาหลอมขนาดใหญ่กำลังลุกโชนอยู่ และรัศมีอันน่าสะพรึงกลัวของเจ้าตัวก็ยิ่งขับเน้นให้ชายชราในชุดคลุมสีเหลืองดูมีพลังมหาศาล
เลี่ยหยาง!
เหวินฉงหยวนจำตัวตนของชายชราในชุดคลุมสีเหลืองได้อย่างรวดเร็ว
นี่คือบรรพจารย์ยุทธ์ปฐมสวรรค์ที่โด่งดังเมื่อหลายสิบปีก่อน เขาเคยดำรงตำแหน่งเจ้าแคว้น เคยต่อสู้ในสนามรบ มากด้วยชื่อเสียง!
ซูอี้ยังคงนั่งอยู่ที่นั่นเพียงลำพัง เหลือบมองชายชราในชุดคลุมสีเหลือง แล้วถอนสายตาออกไป
เขาไม่รู้ตัวตนของอีกฝ่าย และก็ไม่สนใจที่จะถาม
แต่จากคำพูดของอีกฝ่าย ในใจของคนผู้นี้ ซูอี้ถูกตัดสินประหารชีวิตไปแล้ว
“พี่ซือถูยังลังเลที่จะสังหารและขโมยสมบัติของเจ้า ดังนั้นเขาจึงใช้วิธีประนีประนอม แต่เห็นได้ชัดว่าสหายน้อยซูอี้ไม่คิดอย่างนั้น เนื่องจากเจ้าต้องการเดิมพันชีวิต เช่นนั้นก็เดิมพันเลย”
อีกเสียงหนึ่งดังขึ้น
ทันทีหลังจากนั้น สาวงามในชุดสีสันสดใสก็เดินเข้ามา ทว่าการแต่งหน้าที่สดใสนั้นไม่สามารถปกปิดความเย็นชาระหว่างคิ้วของนางได้
ดวงตาของนางฉายแววเย็นชาและเฉียบคมดั่งเส้นสายอัสนี ทันทีที่นางเข้ามา นางก็มองที่ซูอี้และกล่าวด้วยน้ำเสียงคล้ายสงสาร “ข้าแค่หวังว่าสหายน้อยผู้นี้จะไม่เสียใจภายหลัง”
แม่นางถงฮวา!
หัวใจของเหวินฉงหยวนกระตุกอย่างรุนแรง สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง นี่คือปีศาจหญิงฝ่ายอธรรม เมื่อสามสิบปีที่แล้วนางโด่งดังไปทั่วแดนดิน การพูดถึงนางทำให้ผู้ฝึกตนบำเพ็ญจำนวนไม่น้อยต้องหน้าถอดสี
อันที่จริง ไม่ว่าจะเป็นเลี่ยหยาง แม่นางถงฮวา หรือดาบอาบเลือดซือถูกง ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เกือบทั้งหมดแทบไม่ปรากฏตัว ราวกับว่าพวกเขาเกษียณแล้ว
แม้เหล่าคนรุ่นหลังอาจไม่รู้เกี่ยวกับข่าวลือของตัวตนเหล่านี้ แต่เหวินฉงหยวนจะไม่รู้ได้อย่างไร?!
ริมฝีปากของซูอี้เผยส่วนโค้งจาง ๆ กล่าวว่า “ยังมีอีกสองคนใช่หรือไม่ ให้พวกเขาออกมาเถิด”
ท่ามกลางความมืดมิด เสียงดาบแผ่วเบาดังขึ้นนอกอารามอวิ๋นเทา
ชายร่างสูงและผอมบางในชุดขาวยืนอยู่แต่ไกล ลูบดาบด้วยฝ่ามือ ปากพึมพำว่า “หากเจ้าไม่กลัว กล้าเดิมพันชีวิต เช่นนั้นเหตุใดข้าจะต้องกลัวด้วย?”
เหวินฉงมองดูเขาจากระยะไกล เพียงรู้สึกว่าชายร่างสูงผอมในชุดขาวตัวตรงราวกับดาบ แม้ยืนอยู่ท่ามกลางความมืดก็มีอานุภาพทะลวงท้องฟ้า ทำให้หัวใจของเขาอดไม่ได้ที่จะสั่นสะท้าน นี่… บรรพจารย์ยุทธ์ปฐมสวรรค์คนใดกัน?
และในขณะที่เสียงของชายผิวขาวสูงและผอมบางเบาลง เสียงหัวเราะที่หนักแน่นและหยาบคายก็พลันดังก้องไปทั่วสวรรค์และแผ่นดิน…
“มาเถอะ มาสู้กัน!”
เสียงนั้นเสมือนฟ้าร้อง ทำให้บานหน้าต่างและกระเบื้องหลังคาสั่นสะเทือน
หลี่กุ้ยและพวกต่างรู้สึกแสบแก้วหู พลังปราณและเลือดปั่นป่วนยากควบคุม
เมื่อมองดูใกล้ ๆ ในความมืดนั้น มีชายอีกคนหนึ่งสวมมงกุฎโลหะ สวมชุดคลุมสีแดง และร่างกายของเขาก็เต็มไปด้วยรัศมีสีม่วงยืนอยู่!
ดวงตาของอีกฝ่ายราวกับคบเพลิงที่ลุกโชน ใครเห็นเป็นต้องตกอยู่ภายใต้มนต์สะกด!
เมฆม่วง โม่ฉิงชาง!
เหวินฉงหยวนจำอีกฝ่ายได้ในพริบตา ดวงตาของเขาเบิกกว้างด้วยความตกใจ คนผู้นี้มากด้วยชื่อเสียงและแข็งแกร่งไม่ต่างจากซือถูกงเลย!
เมื่อหลายปีก่อน คนผู้นี้มีชื่อเสียงเทียบเท่ารองประมุขพรรคมารหยินฮวาหลิวเยว่!
ณ เวลานี้ บรรพจารย์ยุทธ์ปฐมสวรรค์ทั้งห้าได้ปรากฏตัวขึ้นจากทั้งภายในและภายนอกอารามอวิ๋นเทาแล้ว!
เมื่อเห็นสิ่งนี้ ซูอี้จึงลุกขึ้นยืนและเก็บเก้าอี้หวาย “ไปกันเถอะ ออกไปต่อสู้ อย่าให้ผู้บริสุทธิ์เหล่านี้ได้รับผลกระทบ”
เขาเดินออกไปจากอารามอวิ๋นเทาด้วยท่าทีสงบนิ่ง
ซือถูกงและคนอื่น ๆ มองหน้ากัน ก่อนเดินตามออกไป
สำหรับเหวินฉงหยวน หลี่กุ้ย และแม่นางเสี่ยวเหอในโถง พวกเขาถูกละเลยจากบรรพจารย์ยุทธ์ปฐมสวรรค์เหล่านี้โดยสิ้นเชิง
ก็แค่ปลาและกุ้งฝอย ใครจะมาสน?
การถูกเพิกเฉยเช่นนี้ย่อมเป็นเรื่องเจ็บปวดใจไม่น้อยสำหรับคนอื่น ๆ ทว่ากับเหวินฉงหยวนและพวก คนเหล่านี้กลับรู้สึกซาบซึ้งใจอย่างยิ่งแทน!
ถูกละเลยยังดีกว่ามีส่วนร่วม!
อย่างไรก็ตาม เมื่อคิดถึงตอนแรกที่ซูอี้เตือนว่าสถานที่นี้อันตรายเกินไปและขอให้จากไป แต่พวกเขาไม่เพียงปฏิเสธ ทว่ายังพูดประชดประชันและวิพากษ์วิจารณ์ มาตอนนี้… พวกเขาจึงเพิ่งรู้สึกสำนึกผิดและเกิดความขมขื่นในใจ
ใครจะคิดว่าสิ่งน่าหวาดกลัวเช่นนี้จะเกิดขึ้นในถิ่นห่างไกลผู้คน?
ในค่ำคืนอันมืดมิด มีดวงจันทร์ที่สว่างไสวลอยอยู่สูงเหนือท้องฟ้า ฉายแสงอันเจิดจ้า
บริเวณโดยรอบของอารามอวิ๋นเทาเงียบสนิท ไม่มีแม้แต่เสียงแมลงร้อง จะมีก็แต่แรงกดดันที่กดทับจิตใจผู้คนเท่านั้น
ซูอี้ยืนอยู่ในที่โล่ง ซึ่งมีซือถูกง เลี่ยหยาง แม่นางถงฮวา โม่ฉิงชาง และชายร่างสูงผอมบางในชุดขาวยืนอยู่ไม่ไกลนัก
บรรพจารย์ยุทธ์ปฐมสวรรค์ทั้งห้าซึ่งยืนอยู่ ณ จุดสูงสุดของต้าโจว พลังของแต่ละคนแข็งแกร่งพอที่จะทำให้ปรมาจารย์คนอื่นสิ้นหวัง…
แต่ซูอี้ไม่ใช่ปรมาจารย์พวกนั้น!
“คุณชายซู คุณชายแน่ใจหรือไม่ที่จะเดิมพันด้วยชีวิต?”
ซือถูกงถอนหายใจยาว ดวงตาของเขาฉายแววซับซ้อน
เมื่อมองดูใบหน้าที่สงบนิ่งของชายหนุ่มในชุดสีเขียว ในใจก็อดที่จะรู้สึกชื่นชมไม่ได้ เช่นเดียวกับความละอายใจเล็กน้อยที่ก่อตัวขึ้น
ชายหนุ่มที่กล้าหาญเช่นนี้หายากจริง ๆ!