บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 277 ของขวัญ
ตอนที่ 277: ของขวัญ
ตอนที่ 277: ของขวัญ
แสงจันทร์ที่เจิดจ้า ได้เผยให้เห็นเทือกเขาซึ่งถูกปกคลุมไปด้วยโลหิต สามารถเห็นร่องรอยของการต่อสู้ได้ทุกหนแห่ง
ในเวลานี้ ยกเว้นเขา อีกสี่บรรพจารย์ยุทธ์ปฐมสวรรค์ที่เหลือล้วนไม่รอด
สิ่งนี้ทำให้ในใจของซือถูกงรู้สึกเศร้าอย่างสุดจะพรรณนา
หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง ซือถูกงก็กล่าวว่า “พวกข้าแต่ละคนล้วนจ่ายด้วยโอสถวิญญาณระดับห้า เพื่อแลกกับข้อมูลของคุณชายจากหอสิบทิศ”
“พวกเจ้าไปได้แล้ว”
ซูอี้เก็บดาบนิลกาฬกลืนฟ้า และกล่าวอย่างไม่ใส่ใจ
หลังได้ยิน ซือถูกงพลันเอ่ยถามอย่างไม่อยากเชื่อ “ทำไมคุณชายซูถึงไม่สังหารข้า?”
ซูอี้คิดอยู่ครู่หนึ่ง พูดว่า “เจ้ามาเพื่อแสวงหาโชคลาภ ไม่มีเจตนาจะเอาชีวิตข้า ดังนั้นนี่ก็เพียงพอแล้วสำหรับการลงโทษ”
ซือถูกงตกตะลึง กล่าวด้วยท่าทางที่สับสน “เป็นเช่นนั้นเอง… ขอบคุณคุณชายที่ไม่สังหารข้า”
สิ้นคำพูดเหล่านี้
เขาหันหลังไป ร่างนั้นดูโดดเดี่ยว
“จำไว้ว่าเจ้าเป็นหนี้ชีวิตข้า”
ในระยะไกล ซือกงถูได้ยินเสียงของซูอี้
เขาหยุดอยู่กับที่ สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ แล้วกล่าวคำออก “ข้าจะไม่ลืม!”
ในไม่ช้าร่างของซือถูกงก็เดินหายไปในความมืดอันกว้างใหญ่
“ชิงหว่าน ไปเก็บของที่ริบมาได้”
ซูอี้ตบที่เอวของเขา
ในกลุ่มควัน ชิงหว่านโผล่ออกมาเป็นควันบาง ๆ และลอยออกไป
ซูอี้หยิบเก้าอี้หวายออกมา นอนลงอย่างผ่อนคลาย
“ข้าเกรงว่าการต่อสู้ครั้งนี้ เหล่าสัตว์ตัวน้อยจะได้เห็นมันอีกครั้ง”
ชายหนุ่มมองสูงขึ้นไปบนท้องนภา มั่นใจว่าจะต้องมีปักษาเวคินที่ถูกหอสิบทิศเลี้ยงอยู่เป็นแน่
ในค่ำคืนอันมืดมิด
อารามอวิ๋นเทาได้กลายเป็นซากปรักหักพังไปนานแล้ว
เหวินฉงหยวนและคนอื่น ๆ มองดูชายหนุ่มในชุดคลุมที่นั่งอยู่บนเก้าอี้หวายจากระยะไกล ทุกคนต่างสูญเสียจิตวิญญาณไป
ศึกครั้งนี้ราวกับการต่อสู้ของทวยเทพ!
ห้าบรรพจารย์ยุทธ์ปฐมสวรรค์ตายที่นี่ และคนที่สังหารพวกเขาคือชายหนุ่มผู้นั้น!
ถ้าไม่ได้เห็นกับตาก็คงไม่เชื่อ
ไม่นานหลังจากนั้น ชิงหว่านก็กลับมาหลังจากเก็บสินสงครามจนครบ
นอกจากศาสตราวุธวิญญาณของบรรพจารย์ยุทธ์ปฐมสวรรค์ทั้งสี่ และเม็ดยาที่จำเป็นสำหรับการรักษาหรือการฝึกฝนแล้ว สิ่งที่ดึงดูดความสนใจของซูอี้มากที่สุดคือหินวิญญาณระดับสี่ทั้งสิบก้อน
หินวิญญาณเหล่านี้แสดงสีสันต่างกัน และมีคุณลักษณะที่แตกต่างกันไปตามสีเหล่านั้น เช่นปราณวิญญาณธาตุไม้มีสีมรกต ปราณวิญญาณธาตุไฟมีสีแดง ปราณวิญญาณธาตุทองมีสี…
นี่คือสิ่งล้ำค่าหายาก
หินวิญญาณระดับหนึ่งถึงสามมีเพียงปราณวิญญาณธรรมดา และไม่มีอะไรมากไปกว่าความแตกต่างในความบริสุทธิ์ของปราณวิญญาณ
ทว่าจากหินวิญญาณระดับสี่เป็นต้นไป ปราณวิญญาณที่บรรจุอยู่ในนั้นจะมีประโยชน์อย่างมากสำหรับตัวตนในวิถีต้นกำเนิด
ในดินแดนต้าโจวแห่งนี้ คุณค่าของหินวิญญาณระดับสี่เปรียบเสมือนสมบัติ แม้แต่บรรพจารย์ยุทธ์ปฐมสวรรค์ก็ไม่เต็มใจที่จะใช้มันในการฝึกฝน
เมื่ออาณาจักรอยู่ในการณ์คับขันเท่านั้นจึงจะถูกนำมาใช้
อาจกล่าวได้ว่าหินวิญญาณระดับสี่จำนวนสิบก้อนที่เขาได้รับในขณะนี้ ถือเป็นโชคลาภสำหรับซูอี้แล้ว!
หลังเก็บของเหล่านี้เสร็จ ซูอี้จึงลุกขึ้นและตัดสินใจเดินทางต่อไป
เมื่อกวาดตามองเหวินฉงหยวนและคนอื่น ๆ ในระยะไกล เขาก็จำบางอย่างได้ จึงหยิบดาบยาวสีเงินสว่างออกมา
นี่คือสมบัติของชายชุดขาวผอมสูง อาวุธวิญญาณที่เต็มไปด้วยจิตวิญญาณและมีรูปลักษณ์ที่ไม่ธรรมดา
รับชมสิ่งนี้ทำให้เหวินฉงหยวนและคนอื่น ๆ ตกใจ ทุกคนตัวสั่นเทาคิดว่าซูอี้จะทำอะไรบางอย่างกับพวกเขา
โดยเฉพาะเหวินฉงหยวนที่โค้งคำนับทันที เหงื่อไหลท่วมตัว “ก่อนหน้านี้ข้าเป็นดั่งคนตาบอด หากทำให้คุณชายขุ่นเคือง ได้โปรดให้อภัยข้าด้วย!”
หลี่กุ้ยชายหนุ่มชุดน้ำเงินและคนอื่น ๆ ก็ตื่นตระหนก พวกเขาตัวสั่นเทา ร่างกายเกือบจะทรุดลงกองกับพื้น
ซูอี้เพิกเฉยเหวินฉงหยวน สายตาของเขาจับจ้องไปที่แม่นางเสี่ยวเหอที่ใบหน้าเต็มไปด้วยความวิตกกังวล ประหม่าอย่างยิ่ง ราวกับกวางน้อยที่กำลังหวาดกลัว
“ดาบเล่มนี้ข้ายกให้เจ้า”
ซูอี้ยิ้ม โยนดาบสีเงินสว่างตกลงต่อหน้าแม่นางเสี่ยวเหอจากระยะไกล
หญิงสาวไร้เดียงสาคนนี้จับดาบโดยไม่รู้ตัว นางผงะเมื่อได้สติ ก่อนพูดตะกุกตะกัก “ให้… ให้ข้าหรือ?”
“ในอนาคตจงยึดมั่นในตนเองและฝึกฝนให้ดี”
เมื่อพูดจบ ซูอี้เอามือไพล่หลัง เดินออกไปพร้อมกับชิงหว่านที่ลอยตามไปภายใต้แสงจันทร์
จนกระทั่งร่างของเขาหายลับไป แม่นางเสี่ยวเหอจึงหายตกตะลึง ใบหน้าเล็ก ๆ ของนางเต็มไปด้วยความสับสน ชายผู้นั้น… ทำไมเขาถึงมอบดาบให้กับตน?
นอกจากนี้ ยึดมั่นในตนเองหมายความว่าอย่างไร?
“โชคดีที่นายน้อยซูผู้นี้มีจิตใจเอื้อเฟื้อ และไม่คิดเอาความกับเรา ไม่เช่นนั้นเราคงถูกฆ่าตายจากการกระทำที่หยาบคายในคืนนี้” เหวินจงหยวนถอนหายใจยาว
เป็นเวลานี้เองที่ผู้อาวุโสจากตำหนักฉางหนิงตระหนักว่าเสื้อผ้าของเขาเปียกโชกไปด้วยเหงื่อ
หลี่กุ้ยและคนอื่น ๆ พากันเช็ดเหงื่อตามตัว ในใจก็นึกยินดีที่ยังมีชีวิตรอดออกไปอีกวัน
“อาจารย์ลุง ข้าควรทำอย่างไรกับดาบเล่มนี้ดีเจ้าคะ?”
แม่นางเสี่ยวเหออดไม่ได้ที่จะถาม
ทันใดนั้น ทุกสายตาต่างจับจ้องไปที่ดาบสีเงินสว่างสดใสในมือของนาง
“ถ้าจำไม่ผิด เมื่อสักครู่ชายชุดขาวที่แท้ก็คือ ‘เจ้าดาบฝ่าวายุ’ ซือฉ่วง เมื่อยี่สิบปีที่แล้ว เขาโด่งดังไปทั่วดินแดนจาก ‘ดาบปีศาจลม’ ของเขา วิชาดาบของคนผู้นี้นับว่ายอดเยี่ยม จึงได้รับความเคารพนับถือและชื่นชมจากผู้ยิ่งใหญ่มากมาย”
เหวินฉงหยวนกล่าวด้วยอารมณ์ “ใครจะไปคิดว่ายอดฝีมืออย่างเขาจะต้องตายด้วยดาบของคุณชายซูผู้นั้น มัน… น่าเหลือเชื่อจริง ๆ”
อารมณ์ของทุกคนสับสนอีกครั้ง
อันที่จริงแล้ว ไม่ว่าจะเป็นซือฉ่วง เล่ยหยาง โม่ฉิงชาง และคนอื่น ๆ แต่ละคนต่างก็เป็นผู้ยิ่งใหญ่พอที่ผู้อื่นไม่สามารถเทียบได้
เป็นเพราะเหตุนี้เองที่เมื่อพวกเขาเห็นผู้ยิ่งใหญ่เหล่านี้ถูกซูอี้กดทับทีละคน พวกเขาก็ตื่นตกใจเป็นอย่างมาก
หลังจากหยุดคิดชั่วคราวเหวินฉงหยวนก็พูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนว่า “ดาบเล่มนี้มีคุณสมบัติพิเศษ เต็มไปด้วยจิตวิญญาณ และคมเจาะกระดูก เนื่องจากคุณชายซูเป็นผู้มอบให้ เช่นนั้นเจ้าจงเก็บไว้เถิด”
ดวงตาของหลี่กุ้ยและคนอื่น ๆ ต่างร้อนผ่าว และเมื่อพวกเขามองไปที่เสี่ยวเหอ พวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะแสดงความอิจฉาออกมา
แม้แต่พวกเขาก็ไม่ได้คาดหวังว่าก่อนที่ซูอี้จะจากไป คนผู้นี้จะมอบดาบให้เสี่ยวเหอ
แม่นางเสี่ยวเหอกล่าวด้วยความงุนงง “อาจารย์ลุง ข้า… ข้าไม่สามารถใช้ดาบประเภทนี้ได้ อาจารย์ลุงรับไว้เถิดเจ้าค่ะ”
เหวินฉงหยวนตกใจพลางปฏิเสธอย่างรวดเร็ว “ไม่ นี่เป็นของขวัญจากคุณชายซู ข้าจะรับไว้เองได้อย่างไร?”
ขณะที่พูด สายตาของเขาเหลือบมองหลี่กุ้ยและคนอื่น ๆ กล่าวว่า “ข้าแนะนำให้เจ้าเลิกคิดถึงดาบเล่มนี้เสีย มิฉะนั้นถ้าคุณชายซูรู้ อย่าว่าแต่ข้าเลย แม้แต่พวกเราทุกคนในตำหนักฉางหนิงร่วมมือกัน ก็ยังไม่พอที่จะให้คุณชายซูฆ่า!”
คำพูดแฝงไว้ด้วยคำเตือน
ใบหน้าของหลี่กุ้ยและคนอื่น ๆ เปลี่ยนไปเล็กน้อย พวกเขารีบกล่าวอย่างรวดเร็วว่าจะไม่ทำเช่นนั้นอย่างแน่นอน
“เสี่ยวเหอ แม้ว่าเจ้าจะไม่มีประสบการณ์ ทว่าเจ้าก็มีจิตใจดีงาม นี่คือสิ่งที่คุณชายซูชื่นชมเจ้า”
เมื่อเผชิญหน้ากับแม่นางเสี่ยวเหอ ดวงตาของเหวินฉงหยวนพลันกลายเป็นอ่อนโยน ดูใจกว้าง “ด้วยของขวัญชิ้นนี้ หากคิดอยากสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับคุณชายซู เจ้าควรทะนุถนอมดูแลมันให้ดี ทำตามความคาดหวังของคุณชายซูผู้นั้น”
แม่นางเสี่ยวเหอพยักหน้าอย่างหนักแน่น “อื้ม!”
……
“แน่นอนว่าในอาณาจักรต้าโจว แม้จะเป็นบรรพจารย์ยุทธ์ปฐมสวรรค์ก็ตามที ทว่าคงมีเพียงคนไม่กี่คนเท่านั้น… ข้าเกรงว่าจะไม่มีใครเป็นคู่ต่อสู้ของซูอี้ได้อีก!”
ในคืนเดียวกัน บนยอดหน้าผา ชายชราผอมเพรียวจากหอสิบทิศเผยดวงตาที่ซับซ้อน คิ้วของเขาขมวดคิดหนัก
ในตอนนี้ปักษาเวคินนำภาพฉากที่เกิดขึ้นกลับมา มันก็ได้เผยให้เห็นศึกใหญ่แห่งทวยเทพนั่น!
พวกเขาได้พบเห็นฉากที่ซูอี้ตวัดฟันดาบ ฆ่าฟันสังหารกลุ่มบรรพจารย์ยุทธ์ปฐมสวรรค์!
“กระบวนท่าของเขาลึกลับยากคาดเดา ใช้ออกด้วยพลังแห่งฟ้าดิน สิ่งนี้คือพลังที่สามารถครอบครองโดยเทพเซียนเดินดินเท่านั้น ทว่าตัวตนของผู้ใช้กลับเป็นเพียงปรมาจารย์ขั้นสองเท่านั้น…”
ใบหน้าของหนุ่มน้อยชุดขาวเต็มไปด้วยความสงสัย “ในโลกนี้จะมีปีศาจเช่นนี้ได้อย่างไร เป็นไปได้หรือไม่ว่ามี ‘โชค’ ล้ำค่ายากจินตนาการใดอยู่ภายใต้การครอบครองของเขา?”
หลวงจีนอ้วนและชายชุดคลุมดำที่อยู่ข้าง ๆ เงียบไปครู่หนึ่ง
แม้จะมีข้อสงสัยมากมาย แต่ทั้งหมดนี้ทำให้พวกเขามั่นใจมากขึ้นเรื่อย ๆ ว่าซูอี้นั้นมีความลับที่ยิ่งใหญ่เก็บซ่อนไว้!
“ต่อไป ถ้าเราขายข้อมูลของซูอี้อีก ก็เท่ากับว่าเรากำลังรอดูคนพวกนั้นไปตายเฉย ๆ เลยหรือ?”
ผ่านไปครู่หนึ่ง ชายชราผอมแห้งก็พูดแปลก ๆ ออกมา
คนอื่น ๆ มองหน้ากันด้วยสีหน้าแปลกใจ
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ บรรพจารย์ยุทธ์ปฐมสวรรค์ที่ไปตามหาซูอี้ ก็ไม่ต่างจากการก้าวเท้าเหยียบย่างสู่ประตูมรณะ!
“สิ่งเหล่านี้ไม่เกี่ยวข้องกับหอสิบทิศของเรา”
หลวงจีนอ้วนพูดอย่างไม่ใส่ใจ “ยิ่งกว่านั้น พวกเราทุกคนสัญญาว่าจะไม่เปิดเผยรายละเอียดของการต่อสู้ที่เกี่ยวข้องกับซูอี้ เจ้าจะไม่กลับคำใช่หรือไม่?”
ชายชุดคลุมดำถามว่า “ใครเป็นคนจ่ายเงินมัดจำเพื่อซื้อข้อมูลเหล่านี้?”
“หลี่ตงหลิวผู้อาวุโสแห่งสำนักดาบมังกรเร้น โหยวชิงจืออนุภรรยาคนที่สี่ของตระกูลซูในนครหลวงอวี้จิง ราชครูหงเซินชาง องค์ชายรองโจวจื่อคุน และองค์ชายหกโจวจือหลี…”
ชายชราร่างผอมพูดอย่างรวดเร็ว เรียกชื่อต่าง ๆ ที่จะทำให้ผู้ฝึกตนบำเพ็ญทั่วหล้าสั่นสะท้าน
หลังจากหยุดสักพัก เขาก็พูดต่อ “ในหมู่พวกเขา ภัยคุกคามที่ยิ่งใหญ่ที่สุดสำหรับซูอี้คือหลี่ตงหลิวจากสำนักดาบมังกรเร้นอย่างไม่ต้องสงสัย”
“อย่างไรก็ตาม หลี่ตงหลิวระมัดระวังอย่างยิ่ง จนถึงตอนนี้เขายังไม่ได้วางแผนที่จะดำเนินการใด ๆ แต่แน่นอนว่าเมื่อลงมือ มันย่อมรวดเร็วและดุดันหมายเอาชีวิตในคราเดียว!”
หลังจากฟังสิ่งนี้ เด็กหนุ่มชุดขาวก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะสังหารซูอี้ คราวนี้สำนักดาบมังกรเร้นอาจจะมีปัญหาได้”
ชายชราร่างผอมครุ่นคิด “มันยากที่จะพูด หลี่ตงหลิวและพวกย่อมมีไพ่ตายลับในมือ หากพวกเขาใช้ถูกจังหวะ อาจทำให้ซูอี้ถึงตายได้”
“คิดจะทำอันใด?”
หลวงจีนอ้วนรีบกล่าวต่ออย่างหมดความอดทน “ในความคิดของข้า รีบส่งส่วนแบ่งทรัพย์สมบัติที่ควรแจกจ่ายให้ซูอี้ไปเสีย เพื่อไม่ให้คนผู้นี้เข้าใจผิด”
คนอื่น ๆ มองหน้ากันแล้วถอนหายใจ
สำหรับผู้อาวุโสของหอสิบทิศ การคุกคามของผู้อื่นไม่คุ้มที่จะสนใจเลย
แต่คำขู่จากซูอี้ พวกเขาจำได้ขึ้นใจ!
ตัวอย่างเช่น พวกเขากล้าดีอย่างไรที่ไม่ให้ส่วนแบ่งเก้าส่วนแก่ซูอี้?
“เจ้านายบอกว่าให้ทำตามที่ซูอี้ต้องการ เราแค่ทำในสิ่งที่เราได้รับคำสั่งก็พอ”
ชายชุดคลุมดำตัดสินใจขั้นสุดท้าย
คนอื่นย่อมไม่มีความเห็นต่าง
ดังนั้นในคืนนั้น ปักษาเวคินแบกสัมภาระหนักอึ้ง บินขึ้นไปบนท้องฟ้า มุ่งหน้าไปยังที่ที่ซูอี้อยู่