บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 295 ข่มขู่ด้วยกำลัง
ตอนที่ 295: ข่มขู่ด้วยกำลัง
ชมการแสดง!
ทุกคนที่นี่ตระหนักว่าเซียวจ้งอิ๋งมีอะไรจะพูด!
“ผู้นำตระกูลหมายความว่าตระกูลซูในนครหลวงอวี้จิงได้เตรียมพร้อมอย่างเต็มที่ ตราบใดที่ซูอี้กล้าที่จะปรากฏในแคว้นไป๋ เขาจะต้องตายอย่างแน่นอน? ”
มีคนอดไม่ได้ที่จะถาม
เซียวจ้งอิ๋งพูดอย่างเฉยเมย “ข้าไม่รู้ว่าซูอี้จะตายหรือไม่ ข้ารู้แค่ว่าราชาดั้นเมฆาซื่อหลานซานรอคอยซูอี้มานานแล้ว!”
หลังจากหยุดชั่วคราว เขาก็แสดงรอยยิ้มที่มีความหมาย “ทุกท่าน อย่าลืมว่าแม้ซูอี้จะทรงพลังจนสามารถฆ่าบรรพจารย์ยุทธ์ปฐมสวรรค์ได้ ทว่าตระกูลซูในนครหลวงอวี้จิง… พวกเขาไม่ใช่สัตว์กินพืช! พวกเรา… ชมการแสดงอย่างมีความสุขก็พอ”
พูดจบเขาก็หยิบถ้วยชาขึ้นมาจิบด้วยท่าทางสบาย ๆ
“ไปรายงานท่านผู้นำ คุณหนูใหญ่กลับมาแล้ว นาง…”
นอกห้องโถง ข้ารับใช้รีบมารายงาน แต่ก่อนที่เขาจะพูดจบ เขาก็ถูกเซียวจ้งอิ๋งขัดจังหวะ
“คุณหนูใหญ่? คุณหนูใหญ่ไหน?”
คิ้วของเซียวจ้งอิ๋งแสดงถึงความเย็นชาและแสร้งทำเป็นงงงวย “เหตุใดข้าถึงไม่รู้ว่าตระกูลเซียวของเรามีคุณหนูใหญ่?”
ผู้มีอำนาจที่นั่งอยู่ทั้งหมดดูแปลกไปเล็กน้อย
ข้ารับใช้ตื่นตระหนกในทันใด คุกเข่าลงด้วยเสียงอันดัง แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่สั่นเทาว่า “ข้าน้อยสมควรตาย! ข้าน้อยสมควรตาย!”
เซียวจ้งอิ๋งกล่าวอย่างเฉยเมย “เจ้าพูดอีกครั้งสิ”
ข้ารับใช้สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ และพูดว่า “เซียวจื่อจิ่นลูกสาวของนักโทษเซียวเหิงชิว… กลับมาแล้ว!”
เซียวจ้งอิ๋งพอใจและกล่าวว่า “ไม่ว่าอะไรก็ตาม จื่อจิ่นก็เป็นหลานสาวของลูกพี่ลูกน้องข้า และเลือดของตระกูลเซียวก็ไหลเวียนอยู่ในร่างกายของนาง เนื่องจากนางเคยหลงทาง ดังนั้นข้าจะไม่วิพากษ์วิจารณ์นางอีก เจ้านำคำสั่งของข้าไปคุมขังนางไว้ที่ ‘คุกเหลิ่งสือ’ ก็พอแล้ว”
ข้ารับใช้พูดด้วยความตื่นตระหนก “ท่านผู้นำตระกูล เซียวจื่อจิ่นนำคนบุกเข้ามาที่โถงใหญ่!”
ผู้คนที่นี่ต่างตกตะลึง นำใครบุกเข้ามา?
เซียวจื่อจิ่นคนนี้ช่างกล้าหาญนัก!
เซียวจ้งอิ๋งขมวดคิ้วเล็กน้อยและพูดว่า “นางพาคนมากี่คน แล้วนางพามาด้วยเหตุใดกัน?”
ข้ารับใช้เหงื่อท่วม พูดตะกุกตะกัก “มีสามคนที่มากับเซียวจื่อจิ่น คนหนึ่งคือผู้อาวุโสเซี่ยเยวี่ยนซาน อีกคนคือปรมาจารย์เพ่ยอวิ๋นตู้ และอีกคนเป็นชายหนุ่มที่มีใบหน้าไม่คุ้นเคย…”
เมื่อเขาพูดแบบนี้ เซียวจ้งอิ๋งก็อดหัวเราะไม่ได้และกล่าวว่า “ข้าคิดว่าหญิงสาวผู้นั้นมีความสามารถมาก แต่ความจริงแล้วกลับพาคนมามากมายเท่านั้น”
คนอื่น ๆ ในห้องหัวเราะตาม เซี่ยเยวี่ยนซาน… คนผู้นี้ติดตามเซียวเหิงชิวมาหลายปีแล้ว
ตรงกันข้าม เพ่ยอวิ๋นตู้สมควรได้รับความสนใจอยู่บ้าง แต่มันก็เพียงเท่านั้น
ในอาณาเขตของตระกูลเซียว ไม่ใช่แค่เพ่ยอวิ๋นตู้ แม้แต่บรรพจารย์ยุทธ์ปฐมสวรรค์ก็ยังต้องก้มหัวให้พวกตน!
“ยงเจิง”
เซียวจ้งอิ๋งสั่งอย่างไม่เป็นทางการว่า “เจ้าจงพาคนไปจับพวกเขา ข้าต้องการให้พวกเขาทั้งหมดคุกเข่าที่นี่ และก้มศีรษะเพื่อสารภาพความผิด”
“ขอรับ!”
ทันใดนั้น ชายในเสื้อคลุมสีดำลุกขึ้นและหันหลังไป
เลี่ยยงเจิง ปรมาจารย์ขั้นห้า หนึ่งในมือขวาของเซียวจ้งอิ๋ง!
เซียวจ้งอิ๋งกล่าวอย่างเฉยเมยขณะดื่มชา “ทุกคนรอสักครู่ เซี่ยเยวี่ยนซานไม่มีอะไรต้องกังวล แต่เพ่ยอวิ๋นตู้ผู้นี้… กล้าที่จะเข้ามายุ่งเกี่ยวกับตระกูลของเรา คราวนี้ข้าจะให้บทเรียนที่เขาไม่มีวันลืม!”
ทุกคนในกลุ่มผู้ชมเผยรอยยิ้ม
แต่เพียงครู่ต่อมา
เสียงกรีดร้องที่ตื่นตระหนกดังก้องกังวานมาจากทางทะเลสาบอันไกลโพ้น
“ไม่ดีแล้ว! คุณหนูใหญ่พาคนมาสังหาร!”
“ท่านผู้นำ มีบางอย่างผิดปกติ!”
“ไม่–!”
เสียงดังปะปนไปกับเสียงกรีดร้อง และแม้แต่ในหอคอยวายุกระซิบที่ตั้งอยู่กลางทะเลสาบก็ยังสามารถได้ยินอย่างชัดเจน
“เกิดอะไรขึ้น?”
ภายในห้องโถงใหญ่ของหอคอยวายุกระซิบ ใบหน้าของเซียวจ้งอิ๋งหม่นลง ทันใดนั้นเขาก็ลุกขึ้นยืน และเดินออกมาด้านนอกของห้องโถงใหญ่โดยพิงราวบันไดเพื่อมองออกไปในระยะไกล
ผู้อาวุโสคนอื่น ๆ ก็ลุกขึ้นตามกันไป
……
เกิดความโกลาหลบนอีกฝั่งอันไกลโพ้นของทะเลสาบ
องครักษ์ของตระกูลเซียว คนในตระกูล และบริวาร…
ต่างพากันวิ่งหนีด้วยความตื่นตระหนก ตะโกนโหวกเหวก ดูวุ่นวาย
มีกลุ่มคนเดินตรงไปที่หอคอยวายุกระซิบ
เซี่ยเยวี่ยนซานและเพ่ยอวิ๋นตู้เป็นผู้นำ เซียวจื่อจิ่นและซูอี้ตามมา
มีแค่สี่คน แต่กลับไม่อาจต่อต้าน!
ตลอดทางที่พวกเขาผ่าน บรรดาผู้มีอำนาจของตระกูลเซียวต่างไม่กล้าที่จะหยุดยั้งพวกเขา
เหตุผลก็คือตั้งแต่วินาทีที่ซูอี้และพรรคพวกเข้าไปในประตูตระกูลเซียว หลายคนพยายามจะหยุดพวกเขาตลอดทาง แต่ไม่มีข้อยกเว้น พวกเขาทั้งหมดพ่ายแพ้ให้กับเพ่ยอวิ๋นตู้และเซี่ยเยวี่ยนซาน!
ตลอดทางราวกับต้นไผ่ที่หัก
จากระยะไกล เมื่อเห็นฉากนี้ ใบหน้าของเซียวจ้งอิ๋งมืดมนอย่างมาก และเขาก็ตะโกนขึ้นทันที
“พวกเจ้าหลบไปซะ แล้วให้พวกมันเข้ามา!”
เสียงเหมือนฟ้าร้องที่แผ่กระจายไปทั่วฟ้าดิน
ผู้คนในตระกูลเซียวที่ตกใจและหวาดกลัวต่างก็โล่งใจ พวกเขาพากันก้าวหลบฉากราวกับทะเลแหวก
ซูอี้และคนอื่น ๆ มาถึงสะพานหยกขาวซึ่งนำไปสู่หอคอยวายุกระซิบกลางทะเลสาบอย่างราบรื่น
ในเวลานี้เซียวจ้งอิ๋งได้นำคนกลุ่มใหญ่มาที่ประตูหน้าของชั้นหนึ่งหอคอยวายุกระซิบ พวกเขาทั้งหมดโกรธและมีเจตนาฆ่าที่ค้างอยู่บนใบหน้าของพวกเขา
“จื่อจิ่น เจ้าช่างกล้าเหลือเกิน! ข้าตั้งใจจะปล่อยเจ้าไปโดยไม่ยุ่งกับเจ้า แต่เจ้ากลับพาคนเข้ามาในตระกูล เช่นนั้นเจ้าจะต้องถูกลงโทษ!”
เซียวจ้งอิ๋งเปิดปากของเขาอย่างเย็นชา และความหมายในคำพูดของเขาก็ชัดเจน!
เซียวจื่อจิ่นสูดลมหายใจเข้าลึก กล่าวอย่างสงบ “เซียวจ้งอิ๋ง ข้าจะให้โอกาสพวกท่าน ถ้าคว้ามันตอนนี้ พวกท่านจะสามารถช่วยตัวเองให้พ้นจากความตายได้ ถ้าไม่เช่นนั้นวันนี้หอคอยวายุกระซิบจะเป็นสถานที่ฝังศพของพวกท่าน!”
คำพูดเหล่านี้ทำให้เซียวจ้งอิ๋งและคนอื่น ๆ ก็หัวเราะออกมาอย่างโกรธเคือง พวกเขาแทบไม่เชื่อหูตนเอง
“เด็กน้อย เจ้าไม่รู้จริง ๆ เชียวหรือ? แค่พึ่งพาเซี่ยเยวี่ยนซาน เพ่ยอวิ๋นตู่ และ… ชายหนุ่มที่อยู่ข้าง ๆ เจ้าก็กล้าที่จะขู่ข้าแล้ว?”
การแสดงออกของเซียวจ้งอิ๋งมืดมน และดวงตาของเขาก็เต็มไปด้วยเจตนาฆ่า
ในเวลานี้ จู่ ๆ ผู้มีอำนาจก็เตือนว่า “ท่านผู้นำ มีบางอย่างผิดปกติเลี่ยยงเจิงหายไปแล้ว!”
รูม่านตาของเซียวจ้งอิ๋งหดเกร็งเล็กน้อย ดวงตาของเขากวาดไปรอบ ๆ หากแต่ไม่เห็นเลี่ยยงเจิง
“ไม่ต้องหาหรอก เลี่ยยงเจิงตายแล้ว”
จื่อจิ่นพูดอย่างใจเย็น
“อะไรนะ!?”
เซียวจ้งอิ๋งและผู้มีอำนาจในตระกูลเซียวต่างก็ตกใจ สีหน้าของพวกเขาเปลี่ยนไปเล็กน้อย
เลี่ยยงเจิงคือปรมาจารย์ขั้นห้า นับเป็นตัวตนแข็งแกร่งผู้หนึ่ง ทว่าเหตุใดเขาถึงถูกจัดการอย่างรวดเร็วเช่นนี้?!
ผู้คนต่างประหลาดใจ
“เพ่ยอวิ๋นตู้ เจ้าทำใช่หรือไม่?”
เซียวจ้งอิ๋งจับจ้องเพ่ยอวิ๋นตู่ในทันใด ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความโกรธและเจตนาฆ่า
เพ่ยอวิ๋นตู้ส่ายหัว แล้วพูดว่า “ข้าไม่ได้มีความสามารถขนาดนั้น”
ถ้าอย่างนั้นจะเป็นใคร?
ดวงตาของเซียวจ้งอิ๋งและคนอื่น ๆ หันไปทางซูอี้ที่ยืนอยู่ข้างจื่อจิ่น
ไม่ว่าจะเป็นจื่อจิ่นหรือเซี่ยเยวี่ยนซาน มันก็เป็นไปไม่ได้ที่ทั้งสองจะเป็นคู่ต่อสู้ของเลี่ยยงเจิงเลย ดังนั้นจึงมีความเป็นไปได้เพียงทางเดียวเท่านั้น
ฆาตกรคือคนหนุ่มเสื้อคลุมเขียวที่ไม่คุ้นเคยผู้นี้!
เพียงแค่…
เห็นได้ชัดว่าพลังของคนหนุ่มผู้นี้อยู่เพียงขั้นสามเท่านั้น เช่นนั้นเขาจะเป็นคู่ต่อสู้ของเลี่ยยงเจิงได้อย่างไร?
ขณะที่เซียวจ้งอิ๋งและคนอื่น ๆ ตกตะลึง ซูอี้กล่าวว่า “ชายผู้นั้นคือคนที่สมรู้ร่วมคิดกับราชาดั้นเมฆาหลานซานเพื่อเอาตำแหน่งผู้นำของบิดาเจ้าไปหรือ?”
จื่อจิ่นพยักหน้าและกล่าวว่า “ถูกต้อง”
ซูอี้คิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “จะฆ่าพวกเขาทั้งหมดหรือจับพวกเขาทั้งเป็น บอกการตัดสินใจของเจ้ามา”
จื่อจิ่นลังเลทันที
ในระยะไกล เซียวจ้งอิ๋งและบรรดาผู้อาวุโสรอบตัว พวกเขาต่างก็นับได้ว่าสนิทสนมคุ้นเคยกับตนในระดับหนึ่ง อย่างน้อยผู้อาวุโสเหล่านี้ก็เคยใจดีกับนาง
ทว่าความจริงนั้นแสนโหดร้าย เพราะก็คือพวกเขานี่ล่ะ ที่ร่วมมือกันแย่งตำแหน่งผู้นำ กักขังเซียวเทียนเชวี่ยปู่ของนาง และต่อต้านฝ่ายบิดาของนาง!!
สิ่งนี้ทำให้นางรู้สึกสับสนมาก
ในขณะนี้ ถัดจากเซียวจ้งอิ๋ง ชายวัยกลางคนผมหงอกคนหนึ่งอดไม่ได้ที่จะหัวเราะเยาะออกมา
“ช่างเป็นคนหนุ่มที่หยิ่งผยอง เจ้ากล้ามาพูดต่อหน้าข้าได้อย่างไรกัน?”
คนอื่นเยาะเย้ย ฆ่า หรือจับทั้งเป็น?
คำพูดเหล่านี้ช่างหยิ่งผยอง!
“หนวกหู!”
ซูอี้เหลือบมองชายวัยกลางคนผมหงอกและสะบัดนิ้ว
ปราณดาบสีทองพุ่งผ่านฟากฟ้า เร็วราวกับสายฟ้าแลบ!
“รนหาที่!”
ชายวัยกลางคนที่มีผมหงอกสีเทาอยู่ในขอบเขตปรมาจารย์ และฝีมือของเขาไม่ได้ด้อยไปกว่าเพ่ยอวิ๋นตู้เลย
เมื่อปราณดาบนี้มาถึง เขาก็ตะโกนและชกออกไป
อย่างไรก็ตาม ภายใต้การจ้องมองที่ตะลึงงันและหวาดกลัวของทุกคน ปราณดาบสีทองนั่นกลับอยู่ยงคงกระพัน เพราะมันสามารถทะลุหมัดของชายวัยกลางคนผมหงอกและตัดหัวของเขาออกได้อย่างง่ายดาย
ฟึบ!
หัวถูกโยนขึ้นไปในอากาศ และเลือดก็พุ่งออกมาราวกับน้ำตก
ศพไม่มีหัวล้มลงกับพื้น
ทั่วทั้งสถานที่เงียบสงัด
เซียวจ้งอิ๋งและคนอื่น ๆ ตัวแข็งทื่อไปหมด มือและเท้าของพวกเขาเย็นลง
ฆ่าปรมาจารย์ดั่งหักคอไก่!!
ใครจะกล้าเชื่อว่านี่เป็นฝีมือของคนหนุ่มขอบเขตปรมาจารย์ขั้นสาม!
“ยังคิดไม่เสร็จหรือ?”
ซูอี้มองไปที่จื่อจิ่น
จื่อจิ่นรู้สึกกระวนกระวาย กล่าวว่า “คุณชายซู สังหารแค่เซียวจ้งอิ๋งก็เพียงพอแล้ว เมื่อพ่อและปู่ของข้าหมดปัญหา พวกเขาสามารถจัดการกับคนอื่น ๆ ได้”
“ก็ดี”
ซูอี้พยักหน้า
ณ เวลานี้…
ข้าง ๆ เซียวจ้งอิ๋ง ชายชราร่างอ้วนกรีดร้องด้วยความหวาดกลัว “ข้ารู้แล้ว เขา… เขาคือซูอี้!!”
ซูอี้!
มันเป็นเพียงแค่ชื่อ แต่ดูเหมือนว่าจะมีพลังมหัศจรรย์ ทำให้เซียวจ้งอิ๋งและคนอื่น ๆ รู้สึกเหมือนถูกฟ้าผ่า พวกเขาพากันสั่นสะท้านไปทั่วร่าง!
เป็น… คนหนุ่มคนนี้นี่เอง!??
เมื่อสักครู่พวกเขายังคงคุยกันเรื่องข่าวจากหอสิบทิศ ในเวลานั้นไม่มีใครสนใจเรื่องนี้และทุกคนก็ต่างรอชมการแสดง
ใครจะคิดว่าก่อนที่จะมีการแสดงที่ดี ซูอี้ คนหนุ่มที่น่าสะพรึงกลัว กลับมาสังหารคนต่อหน้าพวกเขาจริงๆ!
สิ่งนี้ทำให้บรรดาผู้มีอำนาจของตระกูลเซียวหวาดกลัวอย่างถึงที่สุด พวกเขาตกตะลึง
ไม่ใช่ว่าราชาดั้นเมฆาหลานซานได้เตรียมทุกอย่างไว้แล้ว แค่รอให้ซูอี้มาและจะโจมตีเขา?
แล้วซูอี้ถึงมาที่ตระกูลเซียวของพวกเขาได้อย่างไร?
“เจ้า…เจ้าคือซูอี้จริง ๆ หรือ?”
เซียวจ้งอิ๋งเบิกตากว้างราวกับว่าเขาไม่อยากเชื่อ
“ในดินแดนนี้มีใครที่ไม่กลัวนายน้อยซูบ้าง?”
เพ่ยอวิ๋นตู้เยาะเย้ย
“ลงมือเลย เร็วเข้า!! ไม่เช่นนั้นพวกเราจะถูกคิดบัญชีกันหมด เร็วเข้า!”
เซียวจ้งอิ๋งกรีดร้องเสียงดังและทรุดตัวลง
ที่น่าอายก็คือ ณ เวลานี้ ผู้คนจำนวนมากรอบตัวเขาลังเล และไม่มีใครกล้าทำ
นามของคน เงาของต้นไม้*[1]
ขนาดหลี่ตงหลิวผู้อาวุโสของสำนักดาบมังกรเร้นผู้ทรงพลังยังไม่คู่ควรกับซูอี้ แล้วใครในพวกเขาจะกล้าลงมือ?
แล้วถ้าทำจริง มันจะต่างอะไรกับการโยนไข่ใส่หิน?
“พวกเจ้า…”
เซียวจ้งอิ๋งตกใจมากจนแทบจะเป็นบ้า
เมื่อไม่นานมานี้ เขาได้เข้าควบคุมอำนาจของตระกูลเซียวและทุกอย่างเป็นไปตามที่ต้องการ ไม่มีใครกล้าที่จะไม่เชื่อฟัง
แต่ขณะนี้ เขาก็พบว่าต่อหน้าพลังของซูอี้ อำนาจผู้นำของตนกลายเป็นเพียงเรื่องไร้สาระ!
ฟึบ!
ซูอี้สะบัดมือและยิงปราณดาบ ตัดหัวเซียวจ้งอิ๋ง
ผู้นำอาวุโสของตระกูลเซียวเต็มไปด้วยความสิ้นหวังและไม่เต็มใจเมื่อเขากำลังจะตาย
ทว่าผู้คนกลับเงียบสนิทจนได้ยินเสียงเข็มตก
อารมณ์ของฝูงชนวุ่นวาย
แล้วไหนเล่าอำนาจของผู้นำตระกูล?
เมื่อเผชิญกับความแข็งแกร่งที่แท้จริง มันก็ไม่สามารถหยุดพลังของดาบได้!!
[1] นามของคน เงาของต้นไม้ เป็นสำนวน หมายถึงชื่อเสียงของคนผู้หนึ่ง เปรียบได้กับเงาของต้นไม้ แม้ไม่เห็นถึงหรือไม่พบเจอโดยตรง ทุกผู้คนที่เห็นเงาต้นไม้ล้วนทราบดีถึงชนิด หรือในที่นี้ก็คือชื่อเสียงของคนผู้นั้น