บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 298 ตาข่ายดาบหมื่นอัคคี
ตอนที่ 298: ตาข่ายดาบหมื่นอัคคี
ตอนที่ 298: ตาข่ายดาบหมื่นอัคคี
ดังฟ้าลิขิต?
เห็นหลี่ฉางหนิงหัวเราะสบายอารมณ์แล้ว ซูอี้ก็อดหัวเราะขึ้นมาไม่ได้เช่นกัน
เพียงแค่ผู้ฝึกตนตัวเล็ก ๆ เท่านั้น ไม่มีคุณสมบัติพอที่จะศึกษากฎวิถีครอบฟ้า มีคุณสมบัติอันใดพูดถึง ‘ฟ้าลิขิต’ กัน?
หากว่าอยู่ที่เก้ามหาแดนดินต้องเป็นที่ขบขันเป็นแน่
ซูอี้คร้านเกินจะตอบ เบนสายตามองดูเวทีประลองที่อยู่ห่างออกไป กล่าวออกมาตามตรง “พวกเจ้าคิดจะลงมือตรงนี้เช่นนั้นหรือ?”
หลี่ฉางหนิงยิ้มพลางกล่าว “สหายเต๋าอย่าได้ร้อนรนไป ก่อนที่จะมีการศึกษาประลอง หลี่ผู้นี้มีเรื่องหนึ่งต้องการคำชี้แนะ”
ซูอี้กล่าว “ว่ามา”
หลี่ฉางหนิงคิดสักครู่ สายตาจับจ้องดูซูอี้ กล่าว “ว่ากันว่าสหายเต๋าเพิ่งกลับมาจากขุนเขาปีศาจวัดวิปัสสนา ไม่ทราบว่าเคยพบเห็นผู้บำเพ็ญตนของวัดซ่างหลินแห่งต้าฉินหรือไม่?”
ซูอี้ตอบ “เคย”
หลี่ฉางหนิงหรี่ตาลงเล็กน้อย กล่าว “เช่นนี้ ตอนนี้พวกเขายังอยู่ในขุนเขาปีศาจวัดวิปัสสนาเช่นนั้นหรือ?”
“ไม่ผิด”
ซูอี้พยักหน้า กล่าวเรียบง่าย “เพียงแต่ว่าไม่มีชีวิตแล้ว”
หลี่ฉางหนิงตะลึง กล่าวด้วยความตื่นตระหนก “ตายแล้ว?สหายเต๋าเล่าละเอียดหน่อยได้หรือไม่?”
ซูอี้ไปที่เวทีประลอง กล่าว “ชนะช้าได้ อยากรู้อะไรข้าจะบอกให้รู้ไม่ปิดบัง หากว่าเจ้าตายไป รู้ไปเยอะแยะมากมายก็ไร้ประโยชน์”
“หึ”
โหยวซิงหลินที่อยู่อีกด้านหัวเราะขึ้นมา “คุณชายซูรีบร้อนถึงเพียงนี้… อยากตายเร็วเช่นนั้นหรือ?”
ซูอี้ไม่สนใจ มองข้ามเขาไป คำท้าทายของตัวตนเล็กจ้อยเช่นนี้ไม่อาจดึงดูดให้เขาสนใจได้ ประเดี๋ยวฆ่าให้ตายเสียก็หมดเรื่อง
เขาเบนสายตามองไปที่หลี่ฉางหนิง แล้วกล่าวคำออก “เจ้าคิดว่าอย่างไร?”
เห็นว่าตัวเองถูกมองข้าม โหยวซิงหลินจึงแสดงสีหน้าเย็นชาออกมา ขณะที่กำลังจะพูดอะไรสักอย่างก็ถูกหลี่ฉางหนิงรั้งไว้ กล่าว “อย่าร้อนรน”
จากนั้นเขาพลิกมือหยิบกระจกทองเหลืองที่สลักด้วยลวดลายประหลาดบานหนึ่งออกมา ยิ้มพลางถามซูอี้ “สหายเต๋าจำของสิ่งนี้ได้หรือไม่?”
“วัตถุสำหรับส่องวิญญาณ?” ซูอี้กล่าว
“สหายเต๋าสายตาแหลมคม สมบัติชิ้นนี้คือกระจกส่องวิญญาณ”
หลี่ฉางหนิงกล่าวชื่นชม จากนั้นเกิดแววตาประหลาดผุดขึ้นมาในสายตา “ถ้าเช่นนั้นไม่รู้ว่าสหายเต๋าให้หลี่ผู้นี้ใช้สมบัติชิ้นนี้ส่องดูจิตวิญญาณได้หรือไม่?”
ซูอี้เลิกคิ้วถาม “เจ้าสงสัยว่าข้าถูกสิงสถิตเช่นนั้นหรือ?”
ดวงตาของหลี่ฉางหนิงลุ่มลึก กล่าวอย่างมีเลศนัย “ใช่หรือไม่ใช่? ส่องดูก็รู้”
พอพูดจบ เขาพลันยกมือขึ้น ไม่รู้ว่าปลายนิ้วถูกกัดจนเลือดออกตั้งแต่เมื่อใด จากนั้นใช้เลือดหยดลงบนกระจกส่องวิญญาณบานนั้น
ฟิ้ว!
กระจกส่องวิญญาณปรากฏแสงสีดำประหลาดออกมาในทันใด ส่องแสงไปที่ซูอี้ราวกับเกลียวคลื่นที่รุนแรง
ชั่วขณะนี้ ดวงตาของหลี่ฉางหนิงกับโหยวซิงหลินต่างก็จับจ้องไปที่ตัวของซูอี้ ไม่แม้แต่กะพริบ ไม่ยอมพลาดรายละเอียดใด ๆ
ซูอี้ยืนตรงอยู่ตรงนั้นไม่ขยับไปไหน
เพียงแค่ชั่วครู่เดียว…
เพล้ง!
กระจกส่องวิญญาณที่ส่องแสงสีดำออกมานั้นพลันแตกกระจายกลายเป็นเศษย่อยปลิวว่อนในทันใด
“นี่…”
หลี่ฉางหนิงตะลึงจนทำอะไรไม่ถูก นี่มันเรื่องอันใดกัน?
ซูอี้กล่าวดูแคลน “สมบัติเช่นนี้กระจอกงอกง่อยนัก จะให้ข้า… ซูผู้นี้ สอนวิชาส่องวิญญาณที่แท้จริงให้เจ้าหรือไม่?”
น้ำเสียงแฝงความเหน็บแนมอย่างชัดเจน
“เจ้าบังอาจทำลายสมบัติของท่านลุงข้า!”
โหยวซิงหลินสีหน้าคร่ำเคร่ง
ซูอี้หมุนตัว เดินขึ้นเวทีประลอง มองลงมาพลางกล่าว “ไม่ต้องพูดมากอีก อยากตายก็ขึ้นมา”
โหยวซิงหลินกล่าวน้ำเสียงเย็นชา “ท่านลุง ให้ข้าสั่งสอนคน ๆ นี้ก่อนเถอะ!”
กระจกส่องวิญญาณถูกทำลาย ทำให้หลี่ฉางหนิงรู้สึกเจ็บช้ำใจยิ่งนัก พอได้ยินความ เขาสูดหายใจลึก ๆ กล่าว “ได้ เจ้าไปประลองกับเขาก็ดีเช่นกัน หากถือโอกาสนี้ขัดเกลาตัวเองไปด้วยก็ดีไม่น้อย”
โหยวซิงหลินกระโดดขึ้นไปบนเวทีประลองฝั่งตรงข้ามซูอี้
ตั้งหลักดูเชิง
สักครู่หนึ่ง ซื่อหลานซานราชาดั้นเมฆา รวมถึงสายตาของทหารนับหมื่นในค่ายทหารล้วนมองมาอย่างพร้อมเพรียงกัน สายตาแฝงไว้ซึ่งความหวัง
“อย่าได้ประมาท” หลี่ฉางหนิงส่งเสียงร้องกำชับ
โหยวซิงหลินยิ้มน้อย ๆ กล่าว “พญาเหยี่ยวจับกระต่าย ล้วนออกแรงเต็มกำลัง ท่านลุงจงวางใจ”
ชิ้ง!
ปลายนิ้วของเขาสัมผัสเอว ดาบยาวสีแดงเล่มหนึ่งปรากฏออกมา
ตัวดาบส่องประกายวาววับดุจดังอัคคีหยก มีคลื่นแสงอัคคีผุดขึ้นเป็นระลอกราวกับเกลียวคลื่น รู้ใจยิ่งนัก
“ดาบเล่มนี้ชื่อว่ากางเขนอัคคี อาจารย์ของข้า ‘เซียนชังหง’ เป็นผู้มอบให้ ติดตามข้าฝึกตนมาถึงตอนนี้เป็นเวลาแปดปีแล้ว ฟาดฟันศัตรูในขอบเขตเดียวกันสามสิบหกคน ฆ่าอสูรปีศาจมากมายจนนับไม่ถ้วน”
มีดาบในมือ ลักษณะของโหยวซิงหลินก็เปลี่ยนไป ชุดยาวโบกสะบัด สายตาคมกริบ “วันนี้ ข้าจะใช้ดาบเล่มนี้ปลิดหัวเจ้า!”
ครืน!
เสียงยังคงดังก้อง พลังปราณไหลเวียนรอบกายคล้ายเพลิงอัคคี ตัวของเขาราวกับกำลังลุกไหม้ พละกำลังพุ่งจนถึงระดับสูงสุดในชั่วพริบตา
คนเปรียบเสมือนดาบ ดาบเปรียบเสมือนแรงเผาผลาญ!
“พูดมากเสียจริง” ซูอี้หัวเราะเยาะ
“สมควรตาย!”
ประกายน่ากลัวผุดขึ้นในสายตาของโหยวซิงหลิน พุ่งไปข้างหน้าราวกับแสงไฟ ดาบกางเขนอัคคีในมือเขาแทงออกไปนับร้อยครั้งอย่างรุนแรง
ราวกับลมมรสุมพายุฝน ราวกับฝนธนูยิงออกมา
ชั่วพริบตา พลังดาบสีเพลิงแดงประดุจไฟเผาผลาญครอบคลุมไปไกลหลายสิบจั้ง ดาบแต่ละเล่มล้วนสว่างใสเป็นเงาวาววับ แฝงด้วยกลิ่นอายเพลิงไฟที่ร้อนแรง
ขับเคลื่อนด้วยพลังเช่นนั้น บรรลุถึงขั้นสุดยอดแล้ว!
แข็งแกร่งยิ่งกว่าตอนที่จิงเหอผู้อาวุโสหอสยบมังกรของวัดซ่างหลินยังไม่ได้ย่างก้าวสู่ขอบเขตเทพเซียนเดินดินมาก
“กระบวนท่า ‘ดาบอัคคีผลาญแปดทิศ‘ ไม่เลวเลย!”
หลี่ฉางหนิงแอบพยักหน้า
ในอาณาจักรต้าฉิน โหยวซิงหลินไม่เพียงแต่เป็นศิษย์สืบทอดสายตรงรุ่นใหม่ที่หลายคนยกนิ้วให้ เพราะนอกจากจะได้รับสมญานามเป็น ‘แปดสุดยอดอาณาจักรต้าฉิน’ แล้ว เขายังได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้ฝึกตนที่แท้จริง
ตอนนี้ พอเขาลงมือก็แสดงพลังที่แท้จริงของตัวเองออกมา!
“รุนแรงมาก!”
ไกลออกไป ซื่อหลานซานถึงกับสูดปาก
เขาเป็นบรรพจารย์ยุทธ์ปฐมสวรรค์เช่นกัน ดังนั้นเพียงแค่ดูก็สามารถมองออกว่าอานุภาพในตัวดาบของโหยวซิงหลินนั้นบรรลุถึงขั้นที่แทบไม่น่าเชื่อแล้ว ไม่ใช่ระดับที่บรรพจารย์ยุทธ์ปฐมสวรรค์ในโลกสามัญเช่นเขาจะสามารถเปรียบเทียบได้
ทว่าในสายตาของเหล่าทหารโดยรอบ ดาบของโหยวซิงหลิงดาบนี้เกินกว่าขอบเขตที่พวกเขาสามารถเข้าใจได้ จึงไม่แปลกที่จะรู้สึกตื่นตะลึง
ทว่าซูอี้กลับยืนสบายอยู่ตรงนั้น ประกายดูแคลนผุดขึ้นในสายตา
สวบ!
จนกระทั่งฝนดาบเพลิงอัคคีเต็มท้องฟ้าเหล่านั้นร่วงหล่นลงมาประดุจตาข่าย เขาจึงวาดนิ้วออกไป ปราณดาบสีทองเล่มหนึ่งปรากฏขึ้น
ครืน!
ท่ามกลางเสียงดังครืน ๆ สะท้านฟ้าดิน ฝนดาบเพลิงอัคคีเต็มท้องฟ้าถูกดาบสีทองฟันกระจายจนย่อยยับแตกสลายเหมือนดังถูกลมมรสุมใหญ่พัดทำลาย
“ซูอี้ เจ้าคิดว่าดาบของข้าง่ายดายเพียงเท่านี้จริง ๆ น่ะหรือ?”
ทว่าโหยวซิงหลินไม่ตื่นตระหนก กลับหัวเราะด้วยความยินดี
ทันใดนั้นดาบกางเขียนอัคคีในมือของเขาก็ลอยตัวขึ้น
ฝนอัคคีเพลิงเต็มท้องฟ้าปรากฏขึ้นในฉับพลัน รวมตัวกันเหมือนดังลมพายุมรสุมโดยมีซูอี้เป็นศูนย์กลาง ดาบอัคคีเพลิงแต่ละเล่มรวมตัวกัน ชั่วขณะนั้นราวกับมีลูกดอกธนูจำนวนนับพันนับหมื่นยิงออกไปอย่างพร้อมเพรียงกัน
กำลังเสียงถึงเพียงนั้น… ย่อมหมายความว่าครานี้มันรุนแรงกว่าเมื่อสักครู่ถึงเท่าตัว!
“พรางฟ้าเปลี่ยนตะวันได้ไม่เลว!”
หลี่ฉางหนิงปรบมือชมเชย แม้กระทั่งเขาก็ยังคาดไม่ถึงว่าโหยวซิงหลินจะใช้วิธีการที่ไม่เหมือนเดิม ต่อหน้าแสดงกระบวนท่า ‘ดาบอัคคีผลาญแปดทิศ’ ทว่าความจริงยืมพลังเพื่อแสดงกระบวนท่าไม้ตาย ‘ดาบอัคคีโอบมรสุม’ นี้!
“เช่นนั้นหรือ?”
ทันใดร่างสูงโปร่งของซูอี้ก็ก้าวมาข้างหน้า มือข้างหนึ่งฟาด อีกข้างหนึ่งชัก
ครืน!
ฉับพลันดาบฝนเพลิงอัคคีที่คล้ายกับลมมรสุมก็หยุดนิ่งราวกับถูกมือขนาดใหญ่ดึงรั้ง
ในชั่วขณะที่หยุดนิ่ง มือขนาดใหญ่สีทองอร่ามข้างหนึ่งก็กดทับลงมาจากฟ้า บดขยี้ฝนดาบเพลิงอัคคีมรสุมนั้นจนย่อยยับ เกิดเป็นเสียงแตกระเบิดเปรี๊ยะ ๆ สะเก็ดไฟแตกกระจายเต็มท้องฟ้า!
อานุภาพทำลายล้างเช่นนั้นทำให้ทุกคนในเหตุการณ์ถึงกับนิ่งเงียบ
“นี่…”
หนังตาของซื่อหลานซานกระตุกอย่างแรง หนาวสะท้านถึงหัวใจ ซูอี้คนนี้น่ากลัวเหมือนดังที่เล่าลือจริง ๆ เสียด้วย! หากว่าเป็นตนเอง เกรงว่าคงรับมือกับกระบวนท่านี้ไม่ได้เป็นแน่ ทว่าเขากลับแก้กระบวนท่าได้อย่างง่ายดาย!
“นี่คือพลังที่ปรมาจารย์ขั้นสามมีเช่นนั้นหรือ? ต่อให้ไม่มีกระจกส่องวิญญาณ ข้าก็มั่นใจได้ว่าคน ๆ นี้จะต้องเป็นผู้สิงสถิตอย่างแน่นอน!”
ดวงตาของหลี่ฉางหนิงส่อประกาย
“แสดงกระบวนท่าไม้ตายของเจ้าออกมา มิเช่นนั้น ข้าจะไม่หยอกล้อกับเจ้าอีกแล้ว”
ซูอี้เอ่ยออกมาน้ำเสียงราบเรียบ
หยอกล้อ?
โหยวซิงหลินรู้สึกว่าศักดิ์ศรีของตนเองถูกเหยียบย่ำอย่างแรง สีหน้าดำทะมึนลง
เดิมทีเขาคิดว่าซูอี้อายุไม่ถึงยี่สิบและเป็นเพียงแค่ปรมาจารย์ขั้นสาม ต่อให้มีพลังสามารถฆ่าบรรพจารย์ยุทธ์ปฐมสวรรค์ได้ แต่เจอกับตนเองผู้ฝึกตนที่แท้จริงแล้วไม่มีทางต่อสู้ด้วยได้
แต่ไม่นึกเลยว่าซูอี้จึงแข็งแกร่งถึงเพียงนี้!
นี่ก็คือความน่ากลัวของผู้สิงสถิตเช่นนั้นหรือ?
“ขึ้น! ขึ้น! ขึ้น!”
โหยวซิงหลินสูดลมหายใจลึก ๆ ทีหนึ่ง พลันก้าวเท้าย่ำอากาศ ตวัดดาบติดต่อกันหลายครั้ง
ดาบเพลิงอัคคีจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งไปคลุมรอบตัวซูอี้ในทุก ๆ ด้าน ราวกับตาข่ายตาถี่ที่ถูกถักทอด้วยดาบเพลิงอัคคีตะครุบลงมากลางอากาศ สกัดกั้นทุกความเปลี่ยนแปลงในพื้นที่ตรงนั้น
ตาข่ายดาบหมื่นอัคคี!
กระบวนท่าไม้ตายหนึ่งในสี่วิชาสืบทอดใน ‘คัมภีร์ดาบมังกรอัคคี’ ของวัดเสวียนเยว่ กล่าวได้ว่ากระบวนท่านี้ประดุจดังตาข่ายครอบคลุมทั่วพสุธา เผาแผ่นฟ้าผลาญแผ่นดิน ทำให้ศัตรูไร้ที่ซุกซ่อน ไม่มีที่อำพรางตัว มีความน่ากลัวเป็นที่สุด
ในสายตาของคนอื่น ชั่วขณะนี้ซูอี้เปรียบประดุจเหยื่อที่ถูกดักจับอยู่ในตาข่ายสวรรค์เพลิงอัคคี อยู่ในสถานการณ์ที่เลวร้ายและอันตรายรอบด้าน!
ภาพเหตุการณ์นั้นทำให้ผู้ที่ชมการต่อสู้ไกลออกไปถึงกับเกิดความรู้สึกสิ้นหวังไม่มีที่จะหนี ในใจมีแต่ความกดดัน
เพียงแค่คิดก็สามารถรู้ได้ว่าอานุภาพของดาบ ๆ นี้น่ากลัวถึงเพียงใด!
ความเป็นจริงแล้ว กระบวนท่านี้เป็นกระบวนท่าไม้ตายที่โหยวซิงหลินภาคภูมิใจเป็นที่สุด ด้วยกระบวนท่านี้ทำให้เขาได้รับชื่อเสียงและคำชื่นชมไม่รู้มากมายเท่าไร
ทว่าเวลานี้ ซูอี้กลับแสดงสีหน้าผิดหวังออกมา กล่าวถอนใจเบา ๆ “เพียงเท่านี้เอง…”
เพิ่งพูดจบก็เห็นซูอี้เอื้อมมือใสสว่างข้างหนึ่งออกมา พลันบีบแน่น
ครืน!
ดาบสีทองเล่มหนึ่งพุ่งทะลุขึ้นสู่ชั้นเมฆ ตัวดาบใสวาววับทั้งเล่ม แฝงไว้ซึ่งพลังวิถีอันลึกลับยากจะคาดเดา ยิ่งใหญ่เด่นตระหง่าน มีพลังเหลือคณา
ชั่วพริบตา ราวกับหมู่ดาวสีทองเรืองอร่ามที่เจิดจ้าบนท้องฟ้ารวมตัวกันเป็นสาย ฟาดท้องนภากว้างใหญ่อย่างรุนแรง!
ภายใต้คลื่นพลังอันน่ากลัวเช่นนั้น ดาบเพลิงอัคคีที่คล้ายกับตาข่ายครอบคลุมทั่วพสุธาถูกฟาดจนล่มสลาย แตกสลายย่อยยับ ปลิวว่อนเต็มท้องฟ้า
เสียงร้องตื่นตระหนกนอกลานประลองดังขึ้นจากสี่ทิศทาง ไม่รู้ว่ามีคนมากมายเท่าใดตื่นตะลึงกับเหตุการณ์นี้ นี่คือวิชาของผู้ฝึกยุทธ์เช่นนั้นหรือ? น่าจะเป็นวิชาของเทพเซียนมากกว่า!
“นี่…”
ในที่สุดสีหน้าของโหยวซิงหลินก็เปลี่ยนไป
ซูอี้ก้าวออกมาหนึ่งก้าว กุมดาบสีทองอันยิ่งใหญ่ประดุจหมู่ดาวเล่มนั้น กล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“ดาบ ๆ นี้ของข้าสามารถฟันบรรพจารย์ยุทธ์ปฐมสวรรค์คนใดก็ได้ในใต้หล้า ส่วนเจ้า… ก็ไม่มียกเว้นเช่นกัน“
เสียงยังคงดังก้อง กลับเห็นแต่เพียง…
พอซูอี้ขยับแขนขวา อากาศก็แปรปรวนและระเบิดขึ้นมาในทันใด ดาบสีทองที่ยิ่งใหญ่ฟันกลางอากาศ เกิดแสงระยิบระยับเป็นทางยาวราวกับสายน้ำฟันออกไป
ราวกับหมู่ดาวสีทองเจิดจ้าสาดเทลงสู่แดนดินโลกมนุษย์!