บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 301 ข้ามีหนึ่งดาบสะบั้นสุดพันธะ
ตอนที่ 301: ข้ามีหนึ่งดาบสะบั้นสุดพันธะ
ตอนที่ 301: ข้ามีหนึ่งดาบสะบั้นสุดพันธะ
เหตุใดเทพเซียนเดินดินจึงสามารถหยิบยืมพลังแห่งสวรรค์และโลกได้?
แก่นสำคัญอยู่ที่จิตสัมผัส!
เมื่อจิตสัมผัสกวาดไปในท้องฟ้าจะสามารถรับรู้การกระจายของพลังดั้งเดิมแห่งสวรรค์และโลก จากนั้นจึงใช้ธาตุวิถีของตนเพื่อนำทาง แล้วใช้ทักษะลับในการคว้าพลังแห่งสวรรค์และโลกมา ก่อนใช้มันผ่านธาตุวิถีของตน!
นี่เป็นข้อแตกต่างระหว่างผู้ฝึกยุทธ์ธรรมดากับขั้นวิถีต้นกำเนิดที่สูงส่งกว่า
แม้ว่าซูอี้จะดูถูกวิธีการฉวยโอกาสเช่นนั้น แต่ในที่สุดเขาก็แสดงสีหน้าจริงจังออกมา
เช้ง
ซูอี้เหยียดร่างขึ้น
ทันใดนั้น เสียงที่คล้ายกับการคำรามก็ดังออกมาจากร่างกายของเขา ทั่วทุกอณูผิวกายของชายหนุ่มเรืองแสงออกมา จังหวะวิถีก็ไหลชัดเจน
และธาตุแท้ก็การพรั่งพรูออกจากร่างกาย ภายในรัศมีสิบจั้งแรงกดดันได้กระจายออกไป จิตสัมผัสอันยิ่งใหญ่ออกมาจากร่าง แล้วสัมผัสถึงการเปลี่ยนแปลงของสวรรค์และโลกอย่างสงบ
หลังจากทะลวงสู่ขอบเขตปรมาจารย์ขั้นสาม จิตสัมผัสของซูอี้ก็สามารถสัมผัสได้ถึงระยะทางยี่สิบจั้ง ซึ่งมันเข้มข้น บริสุทธิ์ และแข็งแกร่งอย่างยิ่ง
คุณภาพของมันนั้นเพียงพอที่จะทำให้ผู้ฝึกฝนขั้นวิถีต้นกำเนิดรู้สึกอับอาย
นี่คือผลจากการการฝึก ‘คัมภีร์เขากลายสู่อิสระ’!
ไม่ว่าหลี่ฉางหนิงจะแข็งแกร่งเพียงใด เขาก็คงไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าคนหนุ่มอย่างซูอี้ซึ่งอยู่ในระดับปรมาจารย์จะมีจิตสัมผัสที่มีเพียงผู้ฝึกตนขั้นวิถีต้นกำเนิดเท่านั้นถึงจะสามารถครอบครองได้อยู่!
และนี่คือเหตุผลที่ซูอี้กล้าเผชิญหน้ากับเทพเซียนเดินดิน เขามีความสามารถจึงไม่ต้องกลัว!
“ไป!” ไกลออกไป หลี่ฉางหนิงทะยานขึ้นไปในอากาศ ใช้จิตสัมผัสของเขาเพื่อเคลื่อนดาบกุ้ยหยวนฟันขึ้นไปในอากาศ
ตูม!
พลังแห่งสวรรค์และโลกทั้งแปดที่เขาควบแน่นได้ระบายออกกลายเป็นกระแสปราณดาบอันรุนแรงพุ่งเข้าหาซูอี้ภายใต้พลังการฟันของดาบกุ้ยหยวน
ขอบเขตของกระแสพลังดาบนี้กว้างใหญ่เกินจินตนาการของทุกคน
ความว่างเปล่าถูกสั่นคลอน ก่อนตามมาด้วยพายุจำนวนนับไม่ถ้วน ซึ่งเมื่อพลังงานดาบผ่านไป ก็ปรากฏรอยร้าวขนาดใหญ่ที่มีความยาวหลายสิบจั้งขึ้น ซึ่งน่าตื่นตะลึงอย่างมาก
ด้วยการฟันเพียงครั้งเดียว คล้ายกับว่าจะสามารถบดขยี้ความว่างเปล่าลงด้วยกำลังอันดุร้ายได้!
เมื่อเห็นฉากนี้ หนังศีรษะของทุกคนก็ชาและมึนงง
“เยี่ยม!”
เมื่อเห็นเช่นนี้ ซูอี้ก็ยกเปล่ามือขึ้นชกออกไปเบา ๆ หมัดหนึ่ง
ในพริบตา ธาตุแท้อันไร้ขอบเขตและงดงามก็พุ่งออกมาจากร่างกายของเขา แสงสีทองที่ไม่มีที่สิ้นสุดส่องผ่านท้องฟ้า และทั่วร่างกลายเป็นดาวตกสีทองต่อยไปยังกระแสพลังปราณดาบอันทรงพลังนั้น
ตูม!
ดุจว่าท้องฟ้ากำลังจะถล่ม ซึ่งสามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าว่ากำลังหมัดของซูอี้ถูกบดขยี้ลงโดยปราณดาบภายในไม่กี่อึดใจ
จากนั้น ร่างของซูอี้ก็กระเด็นถอยไปตลอดทาง ซึ่งเขาถอยห่างออกไปในความว่างเปล่าราวสามจั้ง ก่อนจะหยุดร่างและลบล้างกระแสพลังแห่งดาบลงได้
ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยเลือด และเขาก็ดูน่าอับอายเล็กน้อย
และภายในความว่างเปล่า รอยแตกขนาดใหญ่ที่มีความยาวร้อยจั้งได้ปรากฏขึ้น
ปราณแห่งดาบสามารถทลายความว่างเปล่าได้หลายร้อยจั้ง!
ตั้งแต่เริ่มศึกมานี่เป็นครั้งแรกที่ซูอี้ถูกไล่ต้อน
“ดาบนี้ของท่านลุงยอดเยี่ยมเกินบรรยาย!”
โหยวซิงหลิงไม่สามารถระงับความปีติยินดีในใจของเขาได้และตะโกนเสียงดัง
“นี่คือพลังที่แท้จริงของเทพเซียนเดินดิน! ข้าดิ้นรนบ่มเพาะอย่างหนักไม่ใช่เพื่อที่จะควบคุมพลังเช่นนั้นแล้วหลุดพ้นจากร่างปุถุชนหรอกหรือ? ”
แต่เหนือความคาดหมายของทุกคน หลังจากที่ซูอี้ยืนหยัดอย่างมั่นคง เขาก็พูดอย่างเฉยเมยว่า
“ไม่มีประโยชน์ จิตสัมผัสของเจ้าอ่อนแอนัก และทักษะลับที่เจ้าใช้ก็ยังเป็นการทำร้ายตัวเอง ฝืนหยิบยืมพลังของสวรรค์และโลก… หลังจากเวลาผ่านไป เจ้าจะต้องเป็นฝ่ายทุกข์ทนแทนอย่างแน่นอน”
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ ซูอี้ส่ายหัวครู่หนึ่ง “ยิ่งไปกว่านั้น วิธีที่เจ้าใช้จัดการพลังต้นกำเนิดของสวรรค์และโลกนั้นหยาบเกินไป เจ้าจึงสูญเสียพลังดังกล่าวไปเปล่า ๆ”
ในการต่อสู้ที่แท้จริงของผู้ฝึกฝนขั้นวิถีต้นกำเนิด จุดสำคัญยังคงขึ้นอยู่กับธาตุวิถี กฎเต๋า อาวุธวิเศษ และวิธีการต่อสู้
แม้ว่าทุกคนจะควบคุมพลังต้นกำเนิดแห่งสวรรค์และโลกได้ แต่ทุกคนรู้ดีว่าการทำเช่นนั้นมีข้อเสียมากเกินไป ประการแรกคือช้า ประการที่สองคือพลังถูกกระจายออกไป สาม มันยิ่งดูดกลืนพลังบ่มเพาะมากขึ้น และสี่ เพราะมันคือ ‘การยืม’ เมื่อใช้พลังต้นกำเนิดแห่งสวรรค์และโลก จึงมักประสบกับผลสะท้อนกลับได้ง่าย
ซึ่งในการต่อสู้ที่แท้จริงของผู้ฝึกตน การต่อสู้ประชิดตัวมักเป็นสิ่งต้องห้ามมากที่สุด
ไม่ว่าพลังต้นกำเนิดแห่งสวรรค์และโลกที่หลี่ฉางหนิงควบคุมจะแข็งแกร่งเพียงใด หลังจากเวลาผ่านไปนาน ซูอี้ไม่จำเป็นต้องทำอะไรเลย อีกฝ่ายก็จะรู้สึกเหนื่อยล้าและตกอยู่ในสภาพอ่อนแอไปเอง
เห็นได้ชัดว่าหลี่ฉางหนิงรู้เรื่องนี้ดี ดังนั้นเขาจึงไม่ได้พูดจาไร้สาระอะไร
ตูม! ตูม! ตูม!
สายฟ้าสายแล้วสายเล่าถูกดึงดูดจากอากาศไปพันรอบดาบกุ้ยหยวนแล้วระเบิดเข้าหาซูอี้
พลังเช่นนั้นช่างราวกับโทสะของทวยเทพ
ทุกสายฟ้าที่ฟาดลงมาล้วนสามารถสังหารขอบเขตบรรพจารย์ยุทธ์ปฐมสวรรค์ลงได้
แต่ภายใต้จิตสัมผัสของซูอี้ แม้ว่ารัศมีแห่งการทำลายล้างของสายฟ้าจะน่าทึ่ง แต่ก็วุ่นวายและไม่เป็นระเบียบ
เขาหลบ และเดินไปจุดที่การโจมตีอ่อนแอที่สุดเมื่อหลีกเลี่ยงไม่ได้ก่อนชกออกไป แม้ว่าจะถูกกระแทกกลับหลายครั้งแต่เขาก็ไม่ได้รับบาดเจ็บ
ดูจากไกล ๆ
หลี่ฉางหนิงปรียบเสมือนเทพเจ้าที่ควบคุมพลังแห่งสวรรค์ เขาใช้พลังต้นกำเนิดของท้องฟ้า ซึ่งปราณดาบของเขาเป็นเหมือนกระแสน้ำที่รุนแรง ท่วงท่าช่างน่าทึ่ง แต่น่าเสียดาย… ที่มันโจมตีใครไม่ได้เลย
ตรงกันข้าม ภายใต้การโจมตีที่น่าสะพรึงกลัว ร่างของซูอี้ยังคงเข้าใกล้หลี่ฉางหนิงครั้งแล้วครั้งเล่า ราวกับเต้นรำอยู่บนปลายมีด
ในฉากนี้ ไม่รู้ว่ามีเสียงอุทานดังขึ้นมากขนาดไหน
ในไม่ช้าซูอี้ก็รู้สึกเบื่อเล็กน้อย
“หากเจ้ามีความสามารถเพียงเท่านี้ก็สามารถตัดสินผลลัพธ์ได้แล้ว”
ซูอี้พูดอย่างเฉยเมย
หลี่ฉางหนิงตกใจเล็กน้อย
ฮึ่ม!
ทันทีที่เขาได้ยินเสียงคำรามของดาบดังก้อง ดาบวิญญาณที่มืดมิดราวกับกลางคืนก็ปรากฏขึ้นในมือขวาของซูอี้ และเงาของนกที่ดุร้ายกระพือปีกก็ปรากฏขึ้นบนตัวดาบ เพิ่มความดุร้ายและแพร่กลิ่นอายที่น่ากลัว
ดาบนิลกาฬกลืนฟ้า!
ทันทีที่ดาบเล่มนี้ออกมา กลิ่นอายของซูอี้ก็เปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน ร่างกายของชายหนุ่มดูดุร้าย ราวกับคมดาบที่หมายฉีกท้องฟ้าออกเป็นชิ้น ๆ และดวงตาของเขาเย็นราวกับหิมะ และบ่อน้ำโบราณที่ไม่สั่นคลอน
ตั้งแต่เริ่มศึก ชายหนุ่มยังไม่เคยใช้ดาบเลย ใครจะรู้ว่าในชีวิตก่อน เขาเคยสั่นคลอนโลกหล้าด้วยฝีมือดาบ และได้รับความนับถือในเก้ามหาแดนดินด้วยดาบเพียงเล่มเดียว?
ยังคงจำได้ว่าแต่ก่อนนั้น โลกเรียกขานเขาว่า ‘ปรมาจารย์ดาบเสวียนจวิน’
ซึ่งซูอี้ถือว่าตัวเองเป็นผู้ฝึกฝนในเส้นทางแห่งดาบอยู่เสมอ!
“ข้าก็ฝึกดาบเหมือนกัน หลี่ฉางหนิง เจ้ากล้ารับสักดาบดูหรือไม่?”
ดวงตาที่เย็นชาของซูอี้เสมือนสายฟ้าฟาด
“ทำไมจะไม่กล้าเล่า?”
หลี่ฉางหนิงแค่นเสียง สูดลมหายใจเข้าลึก แล้วกระแทกดาบกุ้ยหยวนในมือของเขาไปยังความว่างเปล่า
ตูม!
ปราณดาบยาวสามชุ่นจำนวนนับไม่ถ้วนบินออกมาจากความว่างเปล่า ปราณดาบเหล่านี้ดูดซับพลังต้นกำเนิดของสวรรค์และโลกอย่างต่อเนื่อง และฉับพลัน พวกมันก็เปลี่ยนเป็นแปดร้อยสาย
ปราณดาบแปดร้อยสายพุ่งขึ้นไปในอากาศและสร้างค่ายกลดาบขนาดใหญ่ขึ้น
“ค่ายกลดาบของข้าสร้างด้วยพลังจากสวรรค์และโลก ใช้พลังปราณควบคุมดาบ จึงเรียกว่าค่ายกลดาบแปดร้อย! ข้าสงสัยว่าสิ่งนี้พอจะทำให้สหายเต๋าตื่นเต้นขึ้นบ้างหรือไม่?”
หลี่ฉางหนิงตะโกนเสียงกึกก้อง
ในเวลานี้ เขาได้สร้างปราณดาบแปดร้อยสายขึ้นในหนึ่งลมหายใจ และควบคุมพลังงานของสวรรค์และโลกให้กลายเป็นค่ายกลดาบ พลังที่ถูกใช้ออกไปนั้นทำให้เจ้าตัวหอบอยู่ครู่หนึ่ง หน้าอกของเขากระเพื่อมอย่างรุนแรง และไอร้อนก็ออกมาจากผมของเขา ซึ่งก็คือเหงื่อที่ระเหยหายไป
“ไม่จำเป็นต้องอับอายกับพลังที่ยืมมาอีกต่อไป”
ซูอี้หัวเราะ สะบัดดาบด้วยนิ้ว และก้าวขึ้นไปบนท้องฟ้า
“ไปซะ!”
ค่ายกลดาบที่เกิดจากพลังปราณดาบแปดร้อยสายประสานกันราวกับพายุรุนแรงพุ่งเข้าหาซูอี้ในทันที
โลกพลันเปลี่ยนสี
ปราณดาบทั้งแปดร้อยสายเหล่านี้ แต่ละเล่มล้วนสามารถสังหารขอบเขตบรรพจารย์ยุทธ์ปฐมสวรรค์ลงได้อย่างง่ายดาย ด้วยพลังต้นกำเนิดยิ่งใหญ่ของสวรรค์และโลก ปราณดาบแปดร้อยสายพุ่งออกมาพร้อมกัน ราวกับจะทิ่มแทงสวรรค์และโลกให้เป็นรวงผึ้ง แสงเย็นอันรุนแรงไร้ขอบเขตปกคลุมทั่วผืนฟ้า
จากไกล ๆ มันดูเหมือนกองทัพที่แปรสภาพจากปราณกระบี่แปดร้อยเล่มกำลังบดขยี้สวรรค์และโลก
พลังดังกล่าวนั้นน่ากลัวเกินกว่าจะจำกัดความ!
เมื่อเผชิญกับการโจมตีเช่นนี้ ดวงตาของซูอี้เป็นประกาย ทันใดนั้นเขาก็ยกดาบขึ้น และฟันดาบไปยังความว่างเปล่าโดยไม่ลังเล!
ฉัวะ!
รัศมีดาบสีทองกวาดไปหลายพันจั้ง และพลังดาบสังหารที่ไร้เทียมทานก็ระเบิดขึ้นด้วย
รู้สึกดังว่าดาบเล่มนี้สามารถผ่าผืนฟ้า ฟันพื้นดิน และผ่าอัคนีในหัวใจได้!
นั่นเป็นวิชาดาบประเภทหนึ่งที่ดูหมิ่นทุกสิ่งในโลก และต่อต้านสวรรค์ ทุกสิ่งที่ขวางทาง ข้าสามารถทำลายมันด้วยดาบเล่มเดียว
ดาบหนึ่งเล่มแบ่งแยกชีวิตและความตาย และดาบหนึ่งเล่มขจัดความอยุติธรรมทั้งหมด!
กระบวนท่าของดาบเล่มนี้มีชื่อว่า ‘สะบั้นสุดพันธะ’
กระบวนท่าสุดท้ายของวิชาดาบหลักทั้งหกของ ‘เพลงดาบสุดปรีดี’
ใช้ความหมายของ “ข้ามีดาบที่จะสะบั้นสุดพันธะ ปลดปล่อยหายใจออกลมแห่งความสุขในชีวิตของข้า”
เมื่อดาบเล่มนี้ถูกผ่าออกจากฟากฟ้า…
ปัง! ปัง! ปัง!
ความว่างเปล่าพลันเดือดพล่าน และพลังต้นกำเนิดของสวรรค์และโลกที่ถูกกักไว้โดยปราณกระบี่แปดร้อยสายก็สลายไปในอากาศราวกับว่ามันควบคุมไม่ได้อีกต่อไป
ในเวลาเดียวกัน หลี่ฉางหนิงก็คร่ำครวญด้วยความเจ็บปวด ใบหน้าของเขาน่ากลัวนัก
ดาบของซูอี้ตัดการเชื่อมต่อระหว่างจิตสัมผัสของเขากับพลังต้นกำเนิดแห่งสวรรค์และโลกลงในทันใด และยังทำให้หลี่ฉางหนิงสูญเสียพลังที่จะควบคุมพลังต้นกำเนิดของสวรรค์และโลกไป!
จากนั้น ภายใต้เสียงสั่นสะเทือนแผ่นดิน พลังปราณดาบแปดร้อยสายอันทรงพลังที่พุ่งเข้ามาก็ถูกดาบของซูอี้กวาดออกไปราวกับแก้วที่เปราะบาง
ปัง! ปัง! ปัง!
การระเบิดอย่างกึกก้องดังขึ้น ซึ่งเมื่อปราณดาบระเบิด มันก็ระเบิดเข้าไปในความว่างเปล่าราวกับดอกไม้ไฟแปดร้อยลูก ดูงดงามและวิจิตรตระการตาอย่างยิ่ง
ค่ายกลดาบแปดร้อยเล่มสำหรับซูอี้แล้ว เปรียบเสมือนไก่งวง พวกมันไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพลังดาบอันยิ่งใหญ่!
เมื่อดาบของซูอี้ฟาดลงกับพสุธา มันราวกับเกิดแผ่นดินไหว และมีลำธารยาวหลายร้อยจั้งปรากฏขึ้นบนพื้น
ผู้ชมต่างตกตะลึง พวกเขาทั้งหมดต่างสูญเสียเสียงไป
แม้แต่โหยวซิงหลินและซื่อหลานซานก็ยังตะลึงอึ้งอยู่กับที่
ดาบเล่มนี้…
น่าสะพรึงยิ่ง!!
แม้จะเป็นเพียงการเฝ้ามองจากระยะไกล แต่มันดุจพุ่งตรงเข้าสู่หัวใจ ทำลายป้อมปราการในจิตใจลง ทำให้คลื่นอารมณ์หวาดกลัว สิ้นหวัง และสับสนทะลักออกมาราวกับสึนามิ!
ควันและฝุ่นปกคลุมในอากาศ และในความวุ่นวายของสวรรค์และโลก ซูอี้ถามอย่างเฉยเมย “หลี่ฉางหนิง เจ้าว่าดาบเล่มนี้เป็นอย่างไรบ้าง?”
ไกลออกไป หลี่ฉางหนิงยังคงนิ่งเงียบ
ผมของเขากระเซอะกระเซิง เสื้อผ้าฉีกขาด ผิวของเขาซีดและโปร่งใส ส่วนลมปราณของเขาก็เหมือนกับกระแสน้ำที่อ่อนกำลังลงอย่างต่อเนื่อง และค่อย ๆ ไหลหายไปอย่างรวดเร็ว …
ทั่วทั้งร่างคล้ายจะแก่ชราลงภายในพริบตา
หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็หันไปมองดูซูอี้อย่างยากลำบาก กล่าวด้วยเสียงแหบแห้งออกมา
“หลี่ผู้นี้ฝึกดาบมาสี่สิบเก้าปี จึงได้เข้าสู่ขั้นวิถีต้นกำเนิด ตระหนักถึงภาวะดาบ และมีพลังในการควบคุมพลังต้นกำเนิดของสวรรค์และโลก ดังนั้นศัตรูควรเป็นยอดฝีมือในขั้นเดียวกันหรือคนที่ขั้นสูงกว่า ทว่าไม่เคยคิดเลยว่าดาบของวันนี้จะสังหารหลี่ผู้นี้ได้…”
หลี่ฉางหนิงถอนหายใจด้วยสีหน้าที่ซับซ้อน มันมีความชื่นชม ความไม่เต็มใจ และความขมขื่นปนเปอยู่ภายในนั้น “สังหารคนเช่นเดียวกับสังหารจิตใจ ด้วยดาบเล่มนี้ แม้หลี่ผู้นี้จะไม่เต็มใจ ทว่าข้าจะไม่นับถือได้อย่างไร?”
เสียงที่อ้างว้างก้องอยู่ในฟ้าดิน ก่อนร่างผอมบางไร้ชีวิตจะตกลงมาจากฟ้า
หนึ่งในเทพเซียนเดินดินจากวัดเสวียนเยว่แห่งต้าฉินได้ตกตายลง!