บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 312 ท่าเรือหลงจิ่ง
ตอนที่ 312: ท่าเรือหลงจิ่ง
ตอนที่ 312: ท่าเรือหลงจิ่ง
สำหรับสัตว์อสูรอย่างเต่าชรา มันคงเป็นการยากในการหาหนทางเช่นนั้น
ด้วยมันง่ายมากที่จะพบเจอภัยพิบัติและถูกฆ่าตาย
ดังนั้นซูอี้จึงรู้ว่าเต่าชราชื่นชมเขาเพราะอะไร
“เจ้าไม่กังวลว่าจะได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติหรือ?” ซูอี้ตีหน้าเฉยเอ่ยถาม
สิ่งที่เว่ยเสียนพูดก่อนหน้านี้ แม้ว่าจะพยายามจะใส่ร้าย ทว่าก็ไม่นับว่าผิดเสียทีเดียว
ด้วยคนผู้นี้คิดถูกอย่างหนึ่ง ในต้าโจว มีคนมากมายที่ถือว่าซูอี้เป็นหายนะ และเกรงว่าพวกเขาจะมามีส่วนเกี่ยวข้องกับซูอี้
เต่าชราเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วกล่าวว่า “ด้วยความสัตย์จริง หลังจากเรียนรู้สิ่งที่ท่านผู้ยิ่งใหญ่ทำเมื่อเร็ว ๆ นี้ ข้าก็มีความมุ่งมั่นมากขึ้นอีก อีกอย่าง พวกผู้ฝึกตนธรรมดาย่อมไม่อาจเทียบกับผู้ยิ่งใหญ่ได้! วันนี้การต่อสู้ของท่านกับฉือเฟิงหลิวได้พิสูจน์ให้เห็นว่ามุมมองของข้านั้นไม่ผิด”
เมื่อพูดอย่างนั้น นัยน์ตาของสัตว์อสูรที่มีชีวิตอยู่มานานกว่าสามร้อยปีกลับกลายเป็นความตื่นตระหนกอีกครั้ง “ยิ่งไปกว่านั้น หากท่านกังวลเกี่ยวกับภัยพิบัติ ข้าก็ขอบอกเลยว่าท่านไม่ต้องกังวลไป!”
“สรุปคือ ต่อให้ตายเพราะท่าน ก็ไม่มีอะไรต้องเสียใจ!”
น้ำเสียงนั้นก้องกังวานและหนักแน่น
ทุกคนบนเรืออดไม่ได้ที่จะขยับตัว พวกเขาไม่คาดคิดว่าเต่าชราที่น่าสะพรึงกลัว จะชื่นชมคนหนุ่มอายุสิบเจ็ดปีอย่างซูอี้ถึงเพียงนี้
ซูอี้พยักหน้า มองไปที่เว่ยเสียนบนเรือ และกล่าวว่า “แล้วเจ้าคิดว่าข้าควรทำอย่างไรกับคนผู้นี้ดี?”
เว่นเสียนตกใจตัวสั่นจนทำอะไรไม่ถูก และเมื่อได้ยินคำพูดนั้น วิญญาณของเขาก็แทบจะออกจากร่าง เร่งคุกเข่าลงบนพื้นทันที
เขาอยากจะเปิดปากพูด แต่ถูกกดโดยจิตสัมผัสของซูอี้ จึงไม่สามารถออกเสียงคำใดได้
การแสดงออกของเต่าชราเริ่มเคร่งขรึม ตระหนักว่าซูอี้กำลังทดสอบตนเองอยู่
ผ่านไปครู่หนึ่งมันก็พูดอย่างเคร่งขรึม “รายงานต่อท่านผู้ยิ่งใหญ่ ตามมุมมองของข้า ถ้อยคำเหล่านั้นโกหกและกล่าวตามอำเภอใจ เขาไม่มีคุณสมบัติที่จะถูกลงโทษโดยท่านผู้ยิ่งใหญ่เป็นการส่วนตัว! หากท่านสังหารเขา รังแต่จะเป็นการเพิ่มชื่อเสียงให้เขาแทน”
มันโบกเท้าหน้าที่ใหญ่ราวกับเสาหิน คว้าเว่ยเสียนขึ้นมากลางอากาศ เช่นเดียวกับการบีบมดจนตาย มันบีบเว่ยเสียนทั้งเป็น เลือดไหลลงมาจากช่องว่างของกรงเล็บแหลมคมของมัน
ฉากนองเลือดทำให้ทุกคนบนเรือต่างกรีดร้องและเกิดความวุ่นวาย
เช่นเดียวกับเวินอวี้ชง ใบหน้าของเขาซีดด้วยความกลัว!
“ท่านผู้ยิ่งใหญ่ หากในอนาคตจะลงโทษผู้คนที่ไม่คู่ควรเช่นนี้ ได้โปรดบอกข้า!”
เต่าชราเปิดปากพูดอย่างเคร่งขรึม
ไม่ต้องพูดถึงการฆ่าเว่ยเสียน หากซูอี้สั่งให้มันกลืนเรือ มันก็ย่อมทำโดยไม่ลังเล!
ซูอี้ถอนหายใจเบา ๆ “เจ้าเต่าน้อย เจ้ามีความฉลาดในเรื่องเล็ก ๆ แต่กลับไม่มีปัญญาในเรื่องใหญ่โต เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าว่าซูผู้นี้อยากจะแบกรับความอับอายนั้น?”
เต่าชราตกตะลึง และก็รู้สึกตื่นตระหนกในทันใด คิดว่าตนเองล้มเหลวใน ‘การทดสอบ’ ของซูอี้ และรีบพูดขึ้นว่า “ท่าน…”
ซูอี้ขัดจังหวะ “ไม่จำเป็นต้องพูด ด้วยความถนัดและพรสวรรค์แม้ว่าเจ้าจะทื่อเล็กน้อย แต่เมื่อเจ้าจริงใจต่อซูผู้นี้… เช่นนั้นแล้วเจ้าจงรออยู่ข้าง ๆ ก่อน”
ขณะที่พูดอย่างนั้น เขาก็ก้าวเข้าไปในอากาศและลงไปยืนบนเรือ
เมื่อเห็นซูอี้เข้ามาใกล้ เวินอวี้ชงพลันถอยหลังไปสองสามก้าว ขณะเดียวกันกายก็สั่นกลัวอย่างไม่อาจควบคุม… เมื่อคิดว่าซูอี้มาที่นี่เพื่อสังหารเขา
แต่มีหรือที่ซูอี้จะสนใจตัวตนเล็กจ้อยเช่นนั้น? เขาเพิกเฉยต่อเวินอวี้ชงอย่างสมบูรณ์
“เจ้าทั้งสอง อยากเข้าร่วมกับข้าและพาเจ้าเต่าตัวน้อยนี้ไปที่นครหลวงอวี้จิงหรือไม่?”
ซูอี้มองไปที่ฟู่ชิงเหยี่ยนและกูไฉ่หนิง
ฟู่ชิงเหยี่ยนตกตะลึงและกล่าวว่า “ก่อนหน้านี้ข้าและศิษย์น้องไม่รู้จักหน้าของศิษย์พี่ซู ดังนั้นสิ่งที่เราพูดและทำระหว่างทางจึงไม่เหมาะสม ศิษย์พี่จะไม่ตำหนิพวกเราทั้งสองหรือ?”
ซูอี้หัวเราะและพูดว่า “พวกเจ้าดูแลข้าอย่างดีตลอดทาง เหตุใดถึงพูดเช่นนั้น?”
กูไฉ่หนิงอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถาม “คุณ… คุณชายซูจะไม่ตำหนิพวกเราจริง ๆ หรือ?”
“แน่นอน”
ซูอี้พยักหน้า “อย่างไรเล่า? พวกเจ้าจะไปกับข้าหรือไม่”
ฟู่ชิงเหยี่ยนและกูไฉ่หนิงหันสบตากันและพยักหน้า
ทั้งคู่รู้ว่าถ้าพวกเขายังอยู่บนเรือ เมื่อซูอี้จากไป เวินอวี้ชงและคนอื่นย่อมเข้ามาถามเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของพวกเขากับซูอี้อย่างแน่นอน
ตอนนั้นทั้งสองคนเกรงว่าจะถูกคนอื่นขับไล่และเป็นปรปักษ์
“ไป”
ซูอี้ไม่รอช้า โบกแขนเสื้อของเขา พลังที่มองไม่เห็นโอบอุ้มคนทั้งสามลอยขึ้นไปอยู่บนหลังเต่าชรา
การถูกผู้ฝึกยุทธ์เหยียบหลังย่อมถือเป็นความอัปยศของเต่าชรา
แต่เมื่อเป็นซูอี้ เต่าชรากลับรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง ราวกับว่ามันได้รับการยอมรับอย่างมาก จนแทบรู้สึกอยากกรีดร้อง
“ไปนครหลวงอวี้จิง”
ซูอี้นั่งลงตามใจชอบ ต้องบอกว่าหลังของเต่าชรานี้ใหญ่โตราวกับภูเขา และมั่นคงกว่าเรือนั้นมาก
“อื้ม!”
เต่าชราโบกทั้งสี่แขน พาทั้งสามคนแหวกว่ายออกไป
เมื่อทุกคนบนเรือเห็นดังนั้น พวกเขาก็อยู่ในภวังค์
การเดินทางในแม่น้ำชิงหลานโดยขึ้นขี่เต่าชรา?
นี่มันสวรรค์ชัด ๆ!
“ชายผู้นี้… ไม่สนใจข้า…”
เวินอวี้ชงถอนหายใจยาวอย่างโล่งอก แต่ความรู้สึกอับอายที่อธิบายไม่ได้พลันหลั่งไหลออกมาจากหัวใจของเขา
รสชาติของการถูกละเลยเป็นเช่นนี้นี่เอง!
……
ซู่~
เต่าชราแหวกว่ายไปตามแม่น้ำชิงหลาน ไม่เร็วหรือช้า มั่นคงดุจภูเขา
ระหว่างทางฟู่ชิงเหยี่ยนและกูไฉ่หนิงรู้สึกราวกับฝันไป นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาข้ามแม่น้ำด้วยวิธีนี้
เมื่อเผชิญหน้ากับซูอี้ ทั้งคู่รู้สึกไม่สบายใจอย่างที่เคยเป็นมา และมีความกลัวที่อธิบายไม่ได้
ซูอี้เองก็สัมผัสได้ถึงท่าทีของคนทั้งคู่ที่เปลี่ยนไปเช่นกัน
ก่อนที่ตัวตนของเขาจะถูกเปิดเผย ไม่ว่าจะฟู่ชิงเหยี่ยนหรือกูไฉ่หนิงต่างก็ปฏิบัติต่อตัวเขาในฐานะเพื่อน พูดคุยได้อย่างอิสระ
แต่เมื่อรู้ว่าเป็นใคร ทั้งสองก็ไม่กล้าที่จะถือว่าตนเองเป็นเพื่อนกับเขาอีกโดยไม่รู้ตัว…
นี่เป็นเรื่องปกติ
ในเก้ามหาแดนดิน เมื่อผู้เฒ่าบางคนเดินทางไปทั่วทั้งดินแดน หากไม่จำเป็น พวกเขาจะไม่แสดงพลังศักดิ์สิทธิ์ของตนต่อหน้าผู้อื่น
มิฉะนั้น ไม่รู้ว่าจะมีสิ่งมีชีวิตตัวใดเข้ามารบกวนระหว่างทาง นำพาซึ่งความวุ่นวายและปัญหาที่ไม่จำเป็นเข้ามามากมาย!
ดังนั้นหากใครก็ตามที่มีขั้นพลังขอบเขตสูงล้ำต้องการท่องโลก พวกเขาจะปกปิดพลังปราณในกาย หรือแม้กระทั่งเปลี่ยนใบหน้าของพวกเขาเอง
จุดประสงค์คือเพื่อไม่ให้รบกวนผู้อื่นและเพื่อหลีกเลี่ยงการถูกรบกวนจากผู้อื่นด้วยเช่นกัน
แม้ว่าซูอี้จะพยายามฟื้นฟูความสัมพันธ์ระหว่างเขากับคนทั้งสอง แต่ชายหนุ่มก็ไม่อาจขจัดความกลัวในใจของคนทั้งคู่ได้
อีกทั้งยังไม่สามารถพูดคุยและหัวเราะได้เหมือนเมื่อก่อน
เมื่อเวลาผ่านไป
ในเวลาเพียงครึ่งชั่วยาว ไกลออกไปในแนวชายฝั่ง ที่แคบและยาวสุดลูกหูลูกตาได้ปรากฏขึ้น ที่แห่งนั้นมีท่าเทียบเรือ และเรือก็หนาแน่นราวกับต้นไม้ในป่า เป็นฉากที่มีชีวิตชีวาและพลุกพล่าน
“หยุดตรงนี้”
ซูอี้เอ่ย แล้วเดินเข้าไปหา ด้วยร่างใหญ่ราวกับภูเขาของเต่าชรา มันคงจะต้องรบกวนผู้คนบนฝั่งเป็นแน่
“ท่านผู้ยิ่งใหญ่ ด้านหน้าคือ ‘ท่าเรือหลงจิ่ง’ หลังจากลง ให้เดินไปตามถนนราว ๆ สามสิบลี้ จากนั้นจะเจอ ‘ช่องประตูมังกร’ ”
เต่าชราหยุดอยู่ในน้ำ กระดองลอยอยู่เหนือแม่น้ำไม่ถึงสองชุ่น กล่าวด้วยความเคารพว่า “หลังจากข้ามช่องประตูมังกรแล้ว ท่านจะไปถึงนครหลวงอวี้จิงได้”
ซูอี้ยืนขึ้น ปัดเสื้อผ้าของเขาเล็กน้อยก่อนจะกล่าวว่า “เจ้าเป็นสัตว์อสูร และอยู่ห่างจากการเปลี่ยนแปลงเพียงเอื้อมเท่านั้น เจ้าสามารถไปหาเถาชิงซาน เขาจะให้เคล็ดวิญญาณแปรกำเนิดแก่เจ้า สิ่งนี้สามารถแปลงร่างเจ้าเป็นผู้ฝึกตนอสูร ไว้เดินบนเส้นทางของวิถีต้นกำเนิดจงมาหาข้าอีกครั้ง จากนั้นข้าจะสอนทักษะการฝึกฝนที่เหมาะสมให้แก่เจ้า”
เต่าชราพูดอย่างตื่นเต้นว่า “ขอบคุณท่านผู้ยิ่งใหญ่ ข้าจะไม่ทำให้ท่านผิดหวัง!”
มันรู้ว่ามันได้รับการยอมรับจากซูอี้แล้ว
แต่เส้นทางนั้นยังห่างไกล ต้องรอเมื่อมันเปลี่ยนแปลงตัวเองอย่างแท้จริงและเดินบนเส้นทางของวิถีต้นกำเนิดเท่านั้น มันจึงจะได้รับการยอมรับจากซูอี้อย่างแท้จริง
แต่ถึงกระนั้น เต่าชราก็ดีใจมากและตระหนักว่ามีโอกาสสำหรับมัน ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับตัวมันเองแล้วว่าจะสามารถคว้ามันไว้ได้หรือไม่!
“ว่าแต่ เจ้ามีชื่อหรือไม่?” ซูอี้ถาม
ท่านผู้ยิ่งใหญ่ตั้งใจจะให้ชื่อข้าหรือ?
เต่าชราระงับความตื่นเต้นและความปีติยินดีของเขา กล่าวว่า “รายงานต่อนายท่าน หลายปีมานี้ถูกคนในโลกสามัญเรียกว่า ‘ชิงหลาน สุ่ยจุน’ หรือเหล่าหยวน ถ้าเป็นไปได้ ข้าหวังว่าท่านผู้ยิ่งใหญ่จะตั้งชื่อให้ข้า!
ซูอี้ยิ้มทันที ดวงตาของเขากวาดไปรอบ ๆ และพูดอย่างสบาย ๆ ว่า “เจ้าอาศัยอยู่ในแม่น้ำชิงหลางเพื่อฝึกฝน ในช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้เจ้าไม่สามารถแปลงกายได้ แม้ว่าพรสวรรค์ของเจ้าจะมีเพียงน้อยนิด แต่ก็ยังถือว่าเกี่ยวข้องกับซูผู้นี้ รอให้เจ้าแปลงกายเพื่อพิสูจน์ตนได้ ข้าก็ไม่รังเกียจที่จะตั้งชื่อเต๋าให้”
ชื่อเต๋า!
เต่าชราพูดอย่างตื่นเต้น “ข้าจะทำตามความคาดหวังของผู้ยิ่งใหญ่!”
ฟู่ชิงเหยี่ยนและกูไฉ่หนิงสบตากันด้วยความรู้สึกงงงวย มันเป็นแค่ชื่อเต๋า ต้องปีติยินดีถึงขนาดนั้นเลยหรือ?
ท้ายที่สุดแล้ว ทั้งสองก็ไม่ใช่ผู้ฝึกฝนที่แท้จริง จึงไม่รู้ว่าการให้ ‘ชื่อเต๋า’ นั้นพิเศษมากเพียงใด ไม่เพียงประกอบด้วยความคาดหวังของผู้ให้เท่านั้น แต่ยังเป็นการยกย่องและปกป้องอีกด้วย!
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเพณีลัทธิเต๋าโบราณ จะมีพิธีพิเศษสำหรับการให้และรับ ‘ชื่อเต๋า’ ข้อกำหนดมีความเข้มงวดและจำเป็นต้องเจรจาและตัดสินใจโดยผู้มีอำนาจ
ศิษย์ที่ได้รับชื่อเต๋าอาจจะถึงขั้นอนาคตเปลี่ยนไปแบบพลิกฟ้าคว่ำดินด้วยซ้ำไป!
แน่นอนว่าผู้ฝึกตนทั่วไปมักจะเพิ่มชื่อเต๋าให้กับตัวเอง ส่วนใหญ่ก็เพื่อแสดงตัวตนของพวกเขา
สำหรับซูอี้ การตัดสินใจตั้งชื่อเต๋าให้เต่าชราในครั้งนี้ ในอนาคตไม่ใช่การยอมรับ แต่เพื่อให้อีกฝ่ายรับรู้!
นั่นคือการบอกโลกภายนอกว่าเต่าชรานี้ถูกคุ้มครองโดยซูเสวียนจวิน
ฟู่ชิงเหยี่ยนและกูไฉ่หนิงไม่ทราบเรื่องนี้ และแน่นอนว่าพวกเขาไม่เข้าใจว่าความปีติยินดีของเต่าชรามาจากสาเหตุใด
“ไปกันเถอะ”
ซูอี้สะบัดแขนเสื้อ เขายกฟู่ชิงเหยี่ยนและกูไฉ่หนิงด้วยพลังที่มองไม่เห็น พาร่างทั้งสามเดินบนน้ำขณะชายหนุ่มกวาดสายตาไปทางชายฝั่งที่ห่างไกล
“ท่านผู้ยิ่งใหญ่ดูแลตนเองด้วย!”
เต่าชรากล่าวลาอย่างเคารพ
จนกระทั่งเห็นซูอี้และคนอื่น ๆ ไปถึงริมฝั่งแม่น้ำ มันจึงจมร่างใหญ่ของมันลงใต้น้ำอย่างไม่เต็มใจและว่ายออกไป
มันตัดสินใจออกเดินทางตอนนี้เพื่อตามหาเถาชิงซานและเตรียมพร้อมสำหรับการเปลี่ยนแปลง!
ในวันนี้
บนแม่น้ำชิงหลาง ซูอี้เผชิญหน้ากับฉือเฟิงหลิวรองเจ้าสำนักดาบมังกรเร้น ในช่วงสุดท้ายของการปะทะ สัตว์พาหนะของเขาถูกฆ่าและเขาก็หนีไปด้วยความอับอาย
ในวันเดียวกันนั้น ซูอี้ก็มาถึงท่าเรือหลงจิ่งของแม่น้ำชิงหลางโดยเต่าชรา และก้าวเท้าเข้าสู่อาณาเขตของนครหลวงอวี้จิง เมืองหลวงอาณาจักรต้าโจว!
วันนี้เป็นวันที่สิบห้าเดือนสี่
เหลือเวลาอีกเพียงสิบเก้าวันก็จะถึงวันที่สี่เดือนห้า!