บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 324 ปราณดาบสายฟ้า
ตอนที่ 324: ปราณดาบสายฟ้า
ตอนที่ 324: ปราณดาบสายฟ้า
หลังจากที่โหยวเทียนหงมาถึง เขานั่งขัดสมาธิบนหินใหญ่ซึ่งอยู่บริเวณผาชมเมฆาสมุทร
หินนี้คล้ายกับพยัคฆ์หมอบ ส่วนอื่น ๆ เหมือนดาบคม
หากมองจากผาชมเมฆาสมุทรออกไป จะพบกับทัศนียภาพที่งดงาม ร่างที่นั่งขัดสมาธิของเขาอาบด้วยแสงแห่งรุ่งอรุณราวกับเทพเซียนแห่งดาบที่ดึงดูดความสนใจของทุกสายตา
“ซูอี้อยู่ที่ใด? เหตุใดเขาจึงยังไม่ปรากฏตัวอีก?”
บางคนอดไม่ได้ที่จะส่งเสียงถาม
ผู้คนจำนวนมากมองไปรอบ ๆ เพื่อหวังว่าจะพบร่างของซูอี้ แต่พวกเขากลับไม่พบอะไรเลย
“ชายผู้นี้เย่อหยิ่งเกินไปหรือไม่?”
ปรมาจารย์ผู้หนึ่งอดไม่ได้ที่จะพึมพำ “หรือเขาจะกลัว วันนี้เลยไม่กล้ามาแล้ว?”
บนหินพยัคฆ์หมอบ ดวงตาของโหยวเทียนหงเป็นประกายราวกับสายฟ้า เขามองไปที่ร่างของปรมาจารย์คนนั้นจากระยะไกล แล้วพูดอย่างเย็นชา
“เจ้ากล้าใส่ร้ายคู่ต่อสู้ของข้างั้นหรือ? ออกไป!”
คำพูดเปรียบเสมือนดาบที่ทิ่มแทง ทำให้บรรยากาศนิ่งเงียบไป
เสียงยังคงดังก้อง ร่างของปรมาจารย์ผู้นั้นราวกับถูกภูเขาศักดิ์สิทธิ์กระแทก ส่งร่างให้กระเด็นออกไปอย่างรุนแรง ลอยไปหลายสิบจั้งราวกับเป็นว่าวที่เชือกขาด
ทั่วทั้งสถานที่เงียบสงัด และทุกคนต่างประหลาดใจ
หงเซินชาง จี้เหอ และฉือเฟิงหลิว ผู้ยิ่งใหญ่เหล่านี้ต่างแสดงท่าทางแปลก ๆ ออกมา
แม้จะดูเหมือนโหยวเทียนหงลงโทษผู้ที่ใส่ร้ายซูอี้ แต่ที่จริงแล้วเขากำลังปกป้องศักดิ์ศรีของตนเอง!
จากช่วงเวลานี้ไป บรรยากาศก็เงียบและหดหู่มาก ผู้ยิ่งใหญ่และทรงพลังในต้าโจว ล้วนไม่กล้าเอ่ยอะไรออกมาอีกในตอนนี้
เมื่อเวลาผ่านไป
ขณะที่ทุกคนกำลังรออย่างใจจดใจจ่อ ทันใดนั้นก็มีเสียงตื่นเต้นดังขึ้นจากที่ไกลออกไป
“มาแล้ว! ซูอี้อยู่ที่นี่แล้ว!”
ตูม!
บรรยากาศที่หดหู่และเงียบสงบในตอนแรกมลายหาย ทุกสายตาโดยรอบต่างหันมองไปยังที่มาของเสียง
ณ จุดนั้น ชายหนุ่มรูปร่างผอมเพรียวสวมชุดคลุมสีเขียวราวกับหยกเดินมาทางนี้ เดินด้วยท่าทางสบาย ๆ ราวกับกำลังเดินทอดน่องอยู่ในลานบ้าน
“นี่คือซูอี้ที่สังหารหลี่ฉางหนิงใช่หรือไม่?”
ผู้คนในสถานที่นั้น ส่วนใหญ่ล้วนเห็นซูอี้เป็นครั้งแรก เมื่อพวกเขาเห็นว่าซูอี้นั้นยังเด็กมาก พวกเขาจึงอดที่จะแปลกใจไม่ได้
ดวงตาของฉือเฟิงหลิวฉายแววเย็นชา
เมื่อไม่กี่วันก่อน ในการต่อสู้ที่แม่น้ำชิงหลาง เขาจำต้องถอยกลับด้วยความอับอาย ทำให้ชื่อเสียงได้รับความเสียหายอย่างรุนแรง …ทั้งหมดนี้ต้องโทษซูอี้!
ผู้ยิ่งใหญ่อย่างหงเซินชาง จี้เหอ หรืออวิ๋นจงฉีต่างก็สงบสติอารมณ์ แต่เมื่อพวกเขามองไปยังซูอี้ที่กำลังเดินทอดน่อง พวกเขาพลันมีความคิดมากมายหลากหลายในใจ
โดยปกติแล้วซูอี้จะไม่สนใจการจ้องมองเหล่านี้
เช้านี้เขาล้างหน้าบ้วนปาก ฝึกฝน และกินตามปกติ จากนั้นจึงนั่งรถม้าที่ฟางหยวนขับนำ มุ่งหน้ามายังที่นัดหมายประลอง
กล่าวอีกนัยหนึ่ง สำหรับคนอื่น ๆ การประลองในวันนี้นับเป็นเหตุการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน มันดึงดูดความสนใจจากทั่วดินแดนและถูกลิขิตให้ถูกบันทึกลงไปในประวัติศาสตร์
แต่สำหรับซูอี้ วันนี้ก็ไม่ต่างจากวันปกติสักเท่าไร
ทว่าสิ่งที่ซูอี้ไม่คาดคิดก็คือเมื่อเขาเดินไปตามทาง เขายังเห็นมู่ซี ราชาสะกดขุนเขา ผูอี้ผู้อาวุโสแห่งตำหนักซิงหยา เจียงถานอวิ๋นแห่งตำหนักคงต้ง หลูฉางเฟิง และคนอื่น ๆ
มู่ซีบอกเขาว่า หนิงซือฮวาได้ก้าวเข้าสู่วิถีเทพเซียนเดินดินแล้ว และตอนนี้นางกำลังปกป้องตำหนักเทียนหยวน เพื่อให้ซูอี้ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของเหวินหลิงเสวี่ย ฉาจิ่นและคนอื่น ๆ
แน่นอนว่าสิ่งนี้นับว่าสมเหตุสมผล
เมื่อซูอี้กำลังจะมาถึงผาชมเมฆาสมุทร ดวงตาของเขาถูกดึงดูดโดยเงาอันหาที่เปรียบมิได้ซึ่งยืนอยู่ใต้ต้นสน
สวมชุดขาวถือดาบ สวยงามราวกับภาพวาด!
“นางก็มาด้วยหรือ?”
ขณะที่ซูอี้กำลังประหลาดใจ เสียงที่ชัดเจนของเยว่ซือฉานที่ใสราวกับกระดิ่งพลันดังเข้าหูของเขา
“สหายเต๋า ข้าเคยไปเยือนต้าฉิน จึงพอเข้าใจถึงความแข็งแกร่งของโหยวเทียนหงอยู่บ้าง บุคคลผู้นี้ได้รับโชคลาภในวิถีปราชญ์ ส่วนภูมิหลังนั้นก็ช่างน่าสะพรึงกลัว หลังจากแปดปีที่เก็บตัวสันโดษ เขาอยู่ห่างจากขอบเขตเปิดทวารเพียงครึ่งก้าวเท่านั้น!”
“กล่าวอีกนัยหนึ่ง บุคคลนี้อาจบุกทะลวงขอบเขตในสนามรบได้ทุกเมื่อ”
“นอกจากนี้ ดาบหิมะสีเงินโบราณในมือของเขาก็มีประวัติมากมายเช่นกัน เจ้าต้องระวังให้ดี”
นี่เป็นการเตือนสติ
“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำของเจ้า แต่โหยวเทียนหงเป็นแค่เรื่องเล็กน้อย ไม่ได้อยู่ในสายตาของข้า”
ซูอี้กล่าวแสดงความขอบคุณ
เยว่ซือฉานตกตะลึงสักครู่ เรื่องเล็กน้อย?
ชายผู้นี้ไม่ได้มองนักดาบที่เก่งกาจแห่งอาณาจักรต้าฉินคนนี้อยู่ในสายตาเลย…
ในเวลานี้ ซูอี้มาถึงผาชมเมฆาสมุทรแล้ว
ในขณะนั้นดวงอาทิตย์ดวงใหญ่โผล่พ้นจากทะเลเมฆ แสงสีทองส่องสว่างไปทั่วดินแดนงดงามยิ่งนัก และยอดภูเขาทั้งหมดดูเหมือนจะถูกฉาบด้วยแสงสีทองนั่น
“การต่อสู้ในวันนี้ไม่เพียงแต่จะถูกบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ของต้าโจวเท่านั้น แต่ยังแพร่กระจายไปทั่วต้าเว่ยและต้าฉิน มันจะต้องได้รับการกล่าวถึงจากผู้ฝึกยุทธ์ทั่วแดนดิน!”
ในระยะไกล ชายชราในชุดคลุมยืนอยู่ท่ามกลางฝูงชนและถอนหายใจ
ไม่รู้ว่าเขาอายุเท่าไร รอยย่นลึก รูม่านตาใสบริสุทธิ์และสะอาดราวกับทารก แต่ถ้ามองใกล้ ๆ จะรู้สึกว่าดวงตาคู่นั้นล้ำลึกราวกับมหาสมุทร
บุคคลนี้เป็นบุคคลลึกลับที่อยู่กับซูหงหลี่ตลอดเวลา เขาพยายามสอดแนมความลึกลับของซูอี้ แต่ถูกซูอี้ใช้โอกาสที่ว่าเพื่อดูผลการฝึกฝนขอบเขตเปิดทวารของเขาในคราวเดียว!
ฟึบ!
บนหินพยัคฆ์หมอบ ดวงตาของโหยวเทียนหงเฉียบคมขณะที่เขามองไปยังซูอี้ที่กำลังเดินเข้ามา
ชายผู้มีชื่อเสียงในอาณาจักรต้าฉินเมื่อหลายปีก่อน ผู้ฝึกดาบผู้ยิ่งใหญ่ที่ครั้งหนึ่งเคยได้รับโชคลาภมากมายจากทะเลวิญญาณโกลาหลลุกขึ้นอย่างเงียบ ๆ พลางกล่าวว่า “วันนี้ผาชมเมฆาสมุทรได้รับความสนใจจากผู้คนอย่างมาก ถ้าถูกตัดหัวที่นี่เจ้าคงจะภูมิใจอย่างยิ่ง”
“ในตอนนั้นหลี่ฉางหนิงก็หยิ่งทะนงเหมือนกับเจ้า แต่ในท้ายที่สุดเขาก็เป็นเพียงหินใต้ฝ่าเท้าของซูผู้นี้”
ซูอี้ยกมือไพล่หลัง สีหน้าเฉยเมย “เจ้า… ก็จะไม่ได้รับข้อยกเว้น”
ท่าทีของเขาดูผ่อนคลาย แต่คำพูดนั้นเปี่ยมล้นไปด้วยความมั่นใจ
…โหยวเทียนหงจะมาหินใต้ฝ่าเท้าของเขา!
คำพูดดังกล่าวทำให้ผู้คนหายใจหายคอไม่ออก
หากเป็นปรมาจารย์คนอื่นที่กล้าพูดเช่นนี้ เกรงว่าคงจะถูกเยาะเย้ยว่าประเมินค่าตนเองสูงไป แต่เมื่อคำเหล่านี้มาจากปากของซูอี้ กลับไม่มีใครกล้าเอ่ยถาม
นี่คือพลังของซูอี้ที่อยู่ในต้าโจว!
“หินใต้ฝ่าเท้า…”
โหยวเทียนหงยิ้ม ก่อนจะมองไปรอบ ๆ และกล่าวว่า “แต่ในความคิดของข้า ซูอี้… ตัวเจ้าแม้แต่หินสักก้อนก็เป็นไม่ได้ อย่างดีที่สุดเจ้าก็เป็นได้เพียงเหยื่อในสายตาของคนเหล่านี้”
หลังจากหยุดไปชั่วครู่ เขาก็กล่าวต่อว่า “ตอนนี้ข้ากังวลเพียงเรื่องเดียวเท่านั้น คือหลังจากที่สังหารเจ้าแล้ว จะมีคนตาบอดคนใดออกมาแย่งร่างของเจ้าหรือไม่ และท้ายที่สุดผู้คนก็จะพูดกันว่าคนที่ผลการฝึกเพียงขอบเขตปรมาจารย์อย่างเจ้านั้นสังหารเทพเซียนเดินดินได้เป็นเพราะโชคช่วย”
ทันทีที่คำพูดเหล่านี้ออกมา ผู้คนต่างก็โกลาหล
นี่เทียบเท่ากับการทำลายจิตใจของผู้ยิ่งใหญ่ระดับแนวหน้าบางคนในที่นี้!
สายตาของผู้คนจำนวนมากหันไปทางหงเซินชาง อวิ๋นจงฉี จี้เหอ และผู้ยิ่งใหญ่อื่น ๆ โดยไม่รู้ตัว โดยที่ผู้ยิ่งใหญ่เหล่านั้นก็อดที่จะขมวดคิ้วไม่ได้
พวกเขาไม่ได้คาดหวังว่าโหยวเทียนหงจะเปิดเผยสิ่งนี้ก่อนที่การต่อสู้จะเริ่มต้นขึ้น
นี่เป็นการเตือนให้พวกเขาไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวหรือไม่?
หรือเพียงต้องการจะกดดันซูอี้?
“ใช่หรือ?”
ซูอี้ยิ้มเบา ๆ และไม่จริงจังกับมัน “ถ้าอย่างนั้นข้าอยากจะดูว่าหลังจากที่สังหารเจ้าแล้ว ยังจะมีคนที่กล้าโยนไข่ใส่หินหรือไม่”
คำพูดเหล่านี้ไม่เพียงแต่ดูแคลนโหยวเทียนหงเท่านั้น แต่ยังดูแคลนผู้ยิ่งใหญ่เหล่านั้นด้วย!
หงเซินชาง อวิ๋นจงฉี และคนอื่น ๆ คิ้วของพวกเขาไม่สามารถขมวดไปกว่านี้ได้อีกแล้ว!
“เหอะ ๆ”
โหยวเทียนหงหัวเราะขึ้นมา
ร่างกายของเขาเพรียวบาง มีสัดส่วนที่ดีอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ และลมหายใจของเขาก็เฉียบขาดและน่ากลัว
“อย่ากังวล ข้าโหยวเทียนหง จะไม่ดูแคลนเจ้า และจะใช้วิธีตรงไปตรงมาเพื่อให้ความเคารพแก่เจ้า เจ้าจะได้ตายอย่างสมศักดิ์ศรี!”
ดวงตาของโหยวเทียนหงเป็นประกายระยิบระยับ ขณะที่เขาพูด เขายกมือขึ้นและโบกไปในอากาศทันที
ตูม!
ทะเลเมฆที่อยู่บริเวณนั้นปั่นป่วนรุนแรง พลังธาตุที่กระจายระหว่างฟ้าดินดูราวกับถูกจับด้วยมือใหญ่ที่มองไม่เห็น พุ่งเข้าหาโหยวเทียนหงอย่างบ้าคลั่ง
ภายใต้การจ้องมองของทุกคน ระหว่างฝ่ามือและนิ้วของโหยวเทียนหงมีดาบยาวค่อย ๆ ออกมาทีละชุ่น มันสว่างราวกับรุ่งสาง งดงามและพร่างพราย
ศาสตราวิญญาณ!
พลังเหนือธรรมชาติที่เปิดเผยโดยไม่ได้ตั้งใจทำให้หลายคนตกตะลึง
ในเวลานี้ โหยวเทียนหงกับเสื้อคลุมของเขาปลิวพลิ้ว ยืนอย่างภาคภูมิเหมือนดั่งธงที่โบกสะบัดขึ้นไปบนฟ้า
ผู้คนสามารถได้ยินแม้กระทั่งเลือดที่พลุ่งพล่านในร่างกายของเขาที่ไหลราวกับมหาสมุทรกว้างใหญ่ ก้องกังวานราวกับลมพายุฟ้าคะนอง
ความแข็งแกร่งของพลังเช่นนี้ทำให้เทพเซียนเดินดินอดไม่ได้ที่จะหรี่ตามอง เซียนดาบเทียนหงแห่งอาณาจักรต้าฉิน แท้จริงแล้วน่ากลัวถึงเพียงนี้!
แม้แต่ซูอี้ก็อดไม่ได้ที่จะเลิกคิ้ว
เขาสามารถมองเห็นได้อย่างรวดเร็วว่าจิตวิญญาณของโหยวเทียนหงนั้นแข็งแกร่งราวกับหิน ไม่ว่าจะเป็นร่างกาย จิตวิญญาณ หรือผลการฝึกของเขานั้น ล้วนได้รับการขัดเกลาจนเกือบถึงจุดสูงสุดของขอบเขตไร้เบญจธัญ
เป็นคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งที่สุดของขอบเขตไร้เบญจธัญที่เขาเคยเห็นมาอย่างแน่นอน
“น่าเสียดายนัก…”
ซูอี้ถอนหายใจเล็กน้อยโดยเอามือไพล่หลัง
โหยวเทียนหงเป็นการต่อสู้ที่คู่ควร แต่น่าเสียดายที่นั่นคือทั้งหมด
ไม่มีใครรู้สาเหตุของการถอนหายใจของซูอี้
แม้แต่โหยวเทียนหงก็ไม่รู้
ดังนั้นแม้ว่าผู้คนจะงงงวย แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรมาก
“สงสาร?”
โหยวเทียนหงไม่เห็นด้วยอย่างเห็นได้ชัด ปากกล่าวว่า “ข้าได้ยินมาว่าเจ้าก็เป็นผู้ฝึกดาบด้วย ชักดาบออกมา ไม่เช่นนั้นเจ้าจะไม่มีโอกาสแสดงฝีมือต่อหน้าข้า”
“เรื่องนั้นขึ้นอยู่กับว่าเจ้ามีคุณสมบัติพอหรือไม่”
ซูอี้พูดพลางเดินไปหาโหยวเทียนหง ดวงตาของเขาลึกล้ำและไม่แยแส “นอกจากนี้ เจ้าไม่ควรเรียกตัวเองว่าผู้ฝึกดาบต่อหน้าข้า ด้วยมันรังแต่จะทำให้ชื่อเสียงของผู้ฝึกดาบมัวหมอง”
“เหอะ!”
ดวงตาของโหยวเทียนหงเป็นประกายเย็นชาราวกับเหล็ก เขาไม่กล่าวอีกต่อไป ถือดาบยาวสีขาวราวหิมะที่เต็มไปด้วยพลังแห่งฟ้าดิน และฟันไปในอากาศ!
ชิ้ง!
ท่ามกลางความว่างเปล่าปรากฏเสียงลมโหยหวนดังขึ้น!
ปราณดาบอันวาววับพุ่งออกจากมือของโหยวเทียนหง ทะลุผ่านอากาศไกลสิบจั้ง ฟันไปทางซูอี้ ทำให้เกิดเสียงแหลมคมอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ดังขึ้น
ก่อนที่ปราณดาบเล่มนั้นจะมาถึง ภาวะดาบอย่างท่วมท้นก็มาถึงก่อน มันมีประกายสายฟ้าจากเมฆที่มืดครึ้ม!
ภาวะดาบขั้นสรวงสวรรค์ ‘สายฟ้าฟาด’!
ภาวะดาบอันยิ่งใหญ่นั้นปกคลุมซูอี้จากระยะไกล หากปรมาจารย์คนอื่น ๆ ยังอยู่ที่นี่ ก่อนที่ดาบจะมาถึง วิญญาณของพวกเขาคงจะถูกทำลายโดยภาวะดาบไปก่อน!
ถ้าเป็นขอบเขตบรรพจารย์ยุทธ์ปฐมสวรรค์เอง ก็คงเป็นการยากที่จะต้านทานแรงกดดันของภาวะดาบเช่นนี้!
นี่คือลักษณะพิเศษของเทพเซียนเดินดิน ร่างกายและจิตใจเชื่อมโยงกับฟ้าดิน พวกเขาจึงสามารถใช้พลังแห่งฟ้าดินเพื่อแสดงพลังที่เหลือเชื่อออกมา!
ตูม!
ณ ผาชมเมฆาสมุทร ดาบเปรียบเสมือนสายฟ้า เกิดแสงและเงาที่งดงามดั่งผลงานชิ้นเอก
บรรดาผู้ที่ดูจากระยะไกลล้วนตกตะลึง
ทรงพลังราวกับเทพเซียนเดินดิน พวกเขาอดไม่ได้ที่จะแสดงสีหน้าจริงจัง …ด้วยมีเพียงพวกเขาเท่านั้นที่รู้ว่าผู้ควบคุมภาวะดาบในขอบเขตไร้เบญจธัญได้ถึงเพียงนี้น่ากลัวมากขนาดไหน!
เช่นเดียวกับปราณดาบของโหยวเทียนหงในตอนนี้ มันก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้ทั้งโลกตกตะลึง!