บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 325 ม่านดาบอัสนี
ตอนที่ 325: ม่านดาบอัสนี
ตอนที่ 325: ม่านดาบอัสนี
หลายคนไม่แปลกใจกับปราณดาบอันสะเทือนฟ้าดินของโหยวเทียนหง
โหยวเทียนหงคือบุคคลที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วหล้ามาหลายปีแล้ว และด้วยระดับการบ่มเพาะวิถีต้นกำเนิดขอบเขตไร้เบญจธัญ ความสำเร็จในด้านวิถีดาบของเขาจึงควรอยู่ในระดับสูงล้ำมากพอที่จะทำให้คนทั้งโลกตกตะลึงได้เช่นนี้
อย่างนี้จึงเรียกได้ว่าชื่อเสียงที่เขาได้มาไม่ใช่เพียงแค่ลมปากของผู้คน
ทว่าสิ่งที่คนอื่น ๆ อยากรู้มากกว่าก็คือ ซูอี้จะรับดาบนี้ได้อย่างไร?
ในความเป็นจริง ทันทีที่โหยวเทียนหงสำแดงปราณดาบออก สายตาของบรรดาตัวตนยิ่งใหญ่ทั้งหมดต่างจับจ้องไปที่ซูอี้อย่างพร้อมเพรียง
“ทลาย!”
ซูอี้พูดเพียงหนึ่งคำก่อนจะชกหมัดออกไปอย่างเฉยเมย
ตูม!
ปราณวิญญาณในร่างของซูอี้ปะทุขึ้นอย่างรุนแรงก่อนจะควบแน่นเป็นรูปลักษณ์หมัดสีดำขนาดมหึมา และจากนั้นหมัดยักษ์พุ่งผ่านอากาศอย่างรวดเร็วจนมองด้วยตาเปล่าจะเห็นเป็นลำแสงดำทมิฬพุ่งเข้าหาปราณดาบสีขาวของโหยวเทียนหง!
ซูอี้ขณะนี้สำเร็จขอบเขตปรมาจารย์ขั้นสี่แล้ว อีกทั้งยังกินโอสถพยัคฆ์มังกรเก้าชีพจรทุกสามวันเพื่อปรับแต่งรากฐานการบ่มเพาะของตนเอง
ในปัจจุบัน ความแข็งแกร่งของเขานั้นนับได้ว่าห่างไกลจากในอดีตอย่างไม่อาจเทียบได้ หากเปลี่ยนเป็นหลี่ฉางหนิงอยู่ที่นี่ในเวลานี้ แค่หมัดนี้เพียงหมัดเดียวก็เพียงพอที่จะบดขยี้หลี่ฉางหนิงจนกลายเป็นเศษเนื้อได้อย่างง่ายดาย
ตูม!
ปราณดาบสีขาวซึ่งแฝงด้วยพลังธาตุสายฟ้าปะทะเข้ากับหมัดสีดำอย่างรุนแรง
บนยอดผาชมเมฆาสมุทร เสียงระเบิดดังก้องกังวานราวกับฟ้าถล่ม คลื่นกระแทกจากการปะทะแผ่กระจายออกไปทุกทิศทางสร้างหายนะให้แก่ก้อนหินและต้นไม้ที่อยู่ใกล้เคียงจนล้มระเนระนาดพังทลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
“ช่างแข็งแกร่งยิ่งนัก!”
ผู้บ่มเพาะทั้งหลายที่กำลังรับชมอยู่โดยรอบต่างตกตะลึงกับความรุนแรงของการปะทะจากคนทั้งสอง พวกเขาทั้งหลายต่างถอยหนีคลื่นปะทะกันอลหม่าน
แม้ว่าพวกเขาจะเคยได้ยินเกี่ยวกับวีรกรรมมากมายของซูอี้มาก่อน แต่เมื่อได้มาเห็นพลังอันแท้จริงด้วยตาของตนเองเช่นนี้ มันทำให้พวกเขาอดไม่ได้ที่จะหวาดกลัว
“ถูกทำลายลงเช่นนี้เลยงั้นหรือ?”
หงเซินชาง อวิ๋นจงฉี จี้เหอ และเทพเซียนเดินดินคนอื่น ๆ ต่างก็จ้องมองกันและกัน
อย่างไรก็ตาม นี่ไม่ใช่สิ่งที่เหนือความคาดหมายของพวกเขาสักเท่าใดนัก หากซูอี้ไม่สามารถหยุดดาบนี้ได้ นั่นจึงจะถือว่าผิดปกติเสียมากกว่า
ท่ามกลางฝุ่นดินที่ฟุ้งหนา โหยวเทียนหงขมวดคิ้ว
เมื่อเห็นว่าปราณดาบของตนเองถูกยับยั้งโดยซูอี้เช่นนี้ ความมั่นใจในตนเองของเขาเริ่มถูกบั่นทอน
ดาบเมื่อครู่นี้ของเขาเปี่ยมล้นไปด้วยพลังแห่งฟ้าดิน อีกทั้งยังผสานความช่ำชองในวิถีดาบหลายสิบปีของตนเองซึ่งเขามั่นใจว่าดาบนั้นสมบูรณ์แบบ เจตจำนงแห่งดาบมั่นคงไร้ที่ติ แม้แต่เทพเซียนเดินดินทั่วไปก็ไม่ควรรับมันได้ง่ายดายถึงเพียงนี้
“อีกครั้ง!”
ดวงตาของโหยวเทียนหงเย็นชาและดุดัน จากนั้นเขาจึงควบแน่นปราณดาบของตนเองออกอีกครั้ง
ครืน!
ปราณดาบปะทุออกจากมือของเขาจนสูงเสียดฟ้าก่อนจะฟาดโค้งเข้าใส่ซูอี้ประหนึ่งสายรุ้งยาวบรรจบผืนพิภพ ปั่นป่วนสมดุลธรรมชาติโดยรอบ ฟ้าร้องสายฟ้าแลบแปลบปลาบดังกึกก้องไปนับสิบลี้
ดาบนี้คือขีดสุดแห่งความสำเร็จในวิถีดาบของโหยวเทียนหงแล้ว!
ทว่ายามเผชิญกับปราณดาบอันรุนแรงนี้ ซูอี้หาได้หวาดหวั่นไม่ เขาก้าวไปข้างหน้าโดยไม่หลบเลี่ยง
เมื่อดาบมาถึง ซูอี้เพียงเหยียดนิ้วออกประหนึ่งดาบก่อนจะตวัดนิ้วขึ้นคล้ายท่าฟาดฟันดาบอย่างง่าย ๆ
ทันใดนั้นปราณดาบอันล้ำลึกสีดำก็ปะทุออกจากปลายนิ้วของซูอี้อย่างฉับพลัน แม้ว่าปราณดาบที่ปรากฏออกมาจะยาวเพียงสามฉื่อ แต่อำนาจของมันนั้นไม่มีสิ่งใดสามารถหักล้างได้ และถาโถมออกไปราวกับกระแสน้ำอันเชี่ยวกราก
เพล้ง!
ด้วยเสียงที่ชัดเจน สายตาของทุกคนเบิกกว้างไม่อยากเชื่อสิ่งที่ตาเห็น ปราณดาบสีดำสามฉื่อแยกปราณดาบสูงเสียดฟ้าของโหยวเทียนหงออกเป็นสอง!
ภาพเหตุการณ์นี้คล้ายกับการได้เห็นมีดเล่มเล็กจ้อยผ่าภูเขาใหญ่ออกเป็นสอง ด้วยความแตกต่างระหว่างขนาด มันจึงทำให้ทุกคนต้องขยี้ตาแรงเข้าใจว่าตัวเองนั้นตาฝาด
อันที่จริงดาบของโหยวเทียนหงซึ่งแฝงไปด้วยภาวะหยินอสนีที่เลิศล้ำอย่างไม่ต้องสงสัย
ทว่าน่าเสียดายที่ซูอี้ไม่ได้รับผลกระทบใด ๆ เลยจากมัน!
ท้ายที่สุดต้องรู้ว่าซูอี้นั้นมีพลังจิตซึ่งแข็งแกร่งราวกับหินผา ดังนั้นเขาจะได้รับผลกระทบจากภาวะดาบที่เป็นเพียงของเทพเซียนเดินดินผู้หนึ่งได้อย่างไร?
“ใช่ว่าดาบยิ่งใหญ่โตจะยิ่งดีเสมอไปไม่” ซูอี้เย้ยเยาะ
ในฐานะปรมาจารย์ดาบซูเสวียนจวิน ผู้ซึ่งถูกผู้คนมากมายในเก้ามหาแดนดินเชิดชูเมื่อชีวิตก่อนหน้านี้ เขาจะพ่ายแพ้แก่ตัวตนเล็กจ้อยเช่นโหยวเทียนหงในด้านวิถีดาบได้อย่าง?
หลังจากเอ่ยจบ ร่างของซูอี้หายวับไปในพริบตาก่อนจะไปปรากฏที่ตรงหน้าโหยวเทียนหงอย่างฉับพลัน
วิ้ง!
ปราณดาบสีดำยาวสามฉื่อปรากฏขึ้นอีกครั้งจากปลายนิ้วของซูอี้ จากนั้นซูอี้สับลงเข้าใส่ศีรษะของโหยวเทียนหงอย่างดุดัน อำนาจอันมากล้นของดาบนี้ถาโถมเข้าใส่โหยวเทียนหงประหนึ่งคลื่นสมุทรคลั่งโถมซัดเข้าฝั่งอย่างไร้จุดจบ!
แลเห็นดาบเล่มนี้
หงเซินชาง อวิ๋นจงฉี จี้เหอ ฉือเฟิงหลิว และตัวตนใหญ่โตคนอื่น ๆ ต่างพากันตกตะลึง
ด้วยแรงกดดันที่ดาบนี้ปลดปล่อยออก พวกเขาต่างสัมผัสได้ว่ามันรุนแรงกว่าดาบที่แล้วที่ซูอี้สำแดงไป อำนาจของดาบนี้นั้นไม่ต่างจากอำนาจของเหล่าเทพเซียนเดินดินซึ่งทั้งน่าทึ่งและน่าสะพรึงกลัว
แต่ในเวลานี้มันถูกสำแดงออกโดยเด็กหนุ่มอายุยังไม่ถึงยี่สิบปีอย่างซูอี้!
เห็นเช่นนี้แล้วพวกเขาจะไม่ตกตะลึงได้อย่างไร?
“จิตวิญญาณเคลื่อนคล้อยประหนึ่งวารี รู้แจ้งเต๋าจนก่อกำเนิดเต๋ากังได้สำเร็จ อีกทั้งยังบรรลุวิถีดาบถึงระดับซึ่งน่าสะพรึงกลัว!”
ราชาขนนกเยว่ซือฉานผู้อยู่ในชุดขาวเอ่ยออกระหว่างจับจ้องไปที่ซูอี้ด้วยดวงตาเป็นประกาย ชายผู้นี้แข็งแกร่งลึกล้ำอย่างแท้จริง…
ขณะนี้สีหน้าของโหยวเทียนหงแปรเปลี่ยนเป็นมืดหม่น
แขนเสื้อของเขากระพือ รัศมีพลังของเขาปะทุพุ่งขึ้นสูงเสียดฟ้าอีกครั้ง ดาบยาวสีขาวราวหิมะซึ่งควบแน่นจากพลังสวรรค์และโลกซึ่งเขาหยิบยืมมาจากฟ้าดินโดยรอบยังคงอยู่ในมือ เขาฟันออกไปต้านปราณดาบของซูอี้ด้วยกำลังทั้งหมดที่มีอยู่!
ดาบมหาอัสนีสยบมาร!
นี่คือกระบวนท่าดาบโบราณที่เขาฝึกฝนมาอย่างช่ำชอง ดาบนี้อัดแน่นด้วยธาตุสายฟ้า มันจึงสามารถสังหารภูตผี เข่นฆ่ามารร้าย หรือแม้กระทั่งทำลายดวงวิญญาณของคนเป็น!
ที่บนยอดผาชมเมฆาสมุทรเกิดการระเบิดเสียงดังสนั่นฟ้าอีกครั้ง
ผู้คนที่กำลังรับชมสามารถเห็นได้ด้วยตาเปล่าอย่างชัดเจนว่าขณะนี้ปราณดาบทั้งสองที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิงคล้ายกับน้ำและไฟซึ่งไม่อาจเข้ากันได้ กำลังต่อต้านกันอย่างรุนแรงจนแผ่นดินสะเทือนฟ้าคำรน
หลังจากปะทะได้เพียงชั่วอึดใจ เสียงคำรามอันดังสนั่นก็ลั่นออกจากปราณดาบของซูอี้ มันค่อย ๆ แตกเป็นเสี่ยง ๆ ทีละคืบ แต่ในขณะเดียวกัน ปราณดาบยาวสีขาวราวหิมะที่ควบแน่นโดยโหยวเทียนหงก็เริ่มพังทลายลงเช่นกัน
ตูม!
ในท้ายที่สุด ร่างของโหยวเทียนหงสั่นคลอนจากคลื่นพลังอันกดดันยิ่งยวด สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปเป็นบิดเบี้ยว
เพราะถึงแม้ว่าเขาจะยับยั้งดาบของซูอี้เอาไว้ได้ แต่ปราณดาบสีขาวในมือของเขาขณะนี้แหลกสลายจนแทบจะหมดสิ้น …ในขณะที่ปราณดาบสีดำของซูอี้ยังคงหลงเหลือ!
โดยไม่ลังเลอีกต่อไป
ชิ้ง!
โหยวเทียนหงสละปราณดาบสีขาวราวหิมะในมือของเขา ก่อนจะชักดาบจริงอันแวววาวราวกับหยกขาวใสจากข้างเอวออกมาอย่างฉับพลัน บนใบดาบที่เขาชักออกมานั้นมันมีอักขระซึ่งแฝงไปด้วยพลังอัสนีถูกสลักอยู่โดยทั่ว แต่เพียงชักดาบนี้ออกมาเพียงชั่วพริบตา บรรยากาศรอบด้านหนักอึ้งและอันตรายอย่างไม่อาจคาดเดาได้
บรรดาผู้ชมที่กำลังเฝ้าดูด้วยความตั้งใจ ต่างรู้สึกว่าดวงตาของพวกเขาพร่าเลือนเมื่อเห็นประกายแสงจากดาบของโหยวเทียนหงอันพร่างพราว และต่อมามันราวกับพวกเขาอยู่ในภวังค์ มันคล้ายกับพวกเขากำลังเห็นมังกรอัสนีตัวสีขาวผ่องโบยบินอยู่บนท้องฟ้า เรียกฟ้าร้องและฟ้าผ่าจนสะเทือนเลือนลั่น
จู่ ๆ เมฆหนาทึบปรากฏขึ้นบนท้องฟ้าแจ่มใส
เพียงชักดาบนี้ออกจากฝัก มันคล้ายว่าโลกเปลี่ยนแปลง เมฆครึ้มบดบังดวงอาทิตย์ เสียงฟ้าร้องครืนดังขึ้นไม่ขาดสาย!
เหล่าเทพเซียนเดินดินที่รับชมเหตุการณ์อยู่ต่างอดไม่ได้ที่จะสูดหายใจลึก ดวงตาของพวกเขาเปล่งประกาย ศาสตรานี้ช่างอัศจรรย์นัก เพียงแค่ถูกชักออกมันก็สามารถเปลี่ยนบรรยากาศของโลกได้!
ศาสตรานี้ควรเป็นสมบัติระดับใดกัน?
ดวงตาของซูอี้เผยออกด้วยความประหลาดใจเช่นกัน
เมื่อสามวันก่อน เขาได้เห็นโหยวเทียนหงชักดาบนี้ออกมาแล้วครั้งหนึ่ง ในเวลานั้น เขาสังเกตเห็นเช่นกันว่าศาสตราวิญญาณนี้ไม่ธรรมดา
และก่อนที่จะมาถึงผาชมเมฆาสมุทร เยว่ซือฉานยังได้เตือนเอาไว้ว่าดาบของโหยวเทียนหงนั้นมาจากสถานที่ซึ่งถูกเรียกว่าทะเลวิญญาณโกลาหลในส่วนลึกของดินแดนต้าฉิน ซึ่งอำนาจของดาบนี้นั้นน่าสะพรึงกลัวอย่างยิ่ง
ตอนนี้ ในที่สุดเขาก็สามารถเห็นได้อย่างชัดเจนว่าดาบเล่มนี้ไม่ธรรมดาอย่างแท้จริง ไม่ว่าจะเป็นวัสดุ วิธีการหลอมสร้าง หรือแม้แต่ ‘บัญญัติอัสนี’ ที่สลักอยู่บนมัน
ดาบเล่มนี้เรียกได้ว่าเป็นสุดยอดศาสตราวิญญาณระดับวิถีต้นกำเนิด!
แน่นอนว่าดาบนี้ไม่ใช่สิ่งที่ผู้บ่มเพาะธรรมดาทั่วไปสามารถหลอมสร้างขึ้นได้ ผู้ที่สร้างดาบได้เช่นนี้จะต้องเป็นปรมาจารย์ช่างตีดาบที่มีความเชี่ยวชาญในด้านอักขระและการสลักบัญญัติเพื่อสร้างดาบเช่นนี้ได้อีกต่างหาก
เมื่อดาบอยู่ในมือของโหยวเทียนหง กลิ่นอายความแข็งแกร่งของเขาเปลี่ยนไปในทันใด สีหน้าของเขากลับมาเป็นสงบเช่นเดิมเหมือนกับแรกเริ่ม จิตใจมั่นคงราวกับเหล็กกล้าไม่หวั่นไหวต่อสิ่งใดอีกต่อไป
ครืน!!
เขาฟันดาบไปทางซูอี้ในทันที ส่งผลให้ฟ้าร้องดังลั่นก่อนที่ปราณดาบสีขาวราวหิมะจะพุ่งผ่านอากาศคล้ายกับสายฟ้าสีขาวฟาดเข้าใส่ซูอี้อย่างรุนแรง
สภาวะของโหยวเทียนหงขณะนี้ประหนึ่งคล้ายเทพอัสนีผู้ถือดาบลงมาจากสรวงสวรรค์!
แลเห็นปราณดาบคล้ายสายฟ้าสีขาวพุ่งเข้ามาหา ซูอี้จึงตอบสนองด้วยการเหยียดสองนิ้วออกไปประหนึ่งดาบและแทงออกอย่างไม่หวาดหวั่น
ตูม!
ทันทีที่พลังทั้งสองสายปะทะกัน มันบังเกิดการระเบิดครั้งมโหฬารยิ่งกว่าก่อนหน้า คลื่นกระแทกแผ่กระจายออกเป็นวงกว้าง ผืนดินเป็นหลุมยุบราวกับมีใครเอาพลั่วยักษ์มาตักดินออกไปในพริบตา ท้องฟ้าเลือนลั่นไปด้วยเสียงสายฟ้า
การโจมตีของซูอี้แข็งแกร่งกว่าก่อนหน้านี้อย่างเห็นได้ชัด แสดงให้เห็นว่าก่อนหน้านี้ซูอี้หาได้ใช้พลังของตัวเองจนถึงขีดสุด แต่ทว่าพลังดาบนี้ที่เขาแทงออกไปนั้นก็รุนแรงพอที่จะสังหารเทพเซียนเดินดินขอบเขตไร้เบญจธัญทั่วไปได้อย่างง่ายดาย
ทว่าโหยวเทียนหงนั้นโชคดีที่มีศาสตราอันแสนวิเศษซึ่งเสริมความแข็งแกร่งให้เขาอย่างมหาศาล เขาจึงสามารถต้านทานพลังของซูอี้ได้
ด้วยดาบในมือ โหยวเทียนหงทั้งฟัน แทง เสย ฟันขวาง สับ และเฉือน ในชั่วพริบตาเขาออกกระบวนท่าไปมากกว่าหลายสิบครั้งติดต่อกัน
มองด้วยตาเปล่า ผู้ชมทั้งหลายจะเห็นว่าผาชมเมฆาสมุทรขณะนี้เต็มไปด้วยแสงแวบวาบสีขาวพร่างพราว พลางมีเสียงคล้ายฟ้าร้องดังก้องและมีเสียงคล้ายโลหะกระทบกันผสานไม่หยุดหย่อน!
เคร้ง! เคร้ง! เคร้ง!
มันเหมือนกับการดวลกันระหว่างเทพสวรรค์ ทั้งสองแลกเปลี่ยนกระบวนท่ากันรวดเร็วจนผู้บ่มเพาะธรรมดาทั่วไปไม่มีใครมองตามได้ทัน ผู้ชมส่วนใหญ่ต่างเห็นเพียงแค่แสงอันพร่างพราวพุ่งเข้าใส่กันแวบวาบไปมา
ทว่าสิ่งที่น่าตกใจคือแม้ว่าโหยวเทียนหงจะชักดาบของตนเองออกจากฝักแล้ว แต่เขากลับไม่ได้เปรียบซูอี้เลยแม้แต่น้อย อย่างดีที่สุดเขาเพียงแค่แข็งแกร่งทัดเทียมกับซูอี้ซึ่งยังไม่ได้ชักดาบนิกาฬกลืนฟ้าออกมาก็เท่านั้น!
ฉากนี้ทำให้เหล่าบุคคลยิ่งใหญ่ทั้งหลายสั่นไปทั้งร่างกายและจิตใจ
พวกเขารู้อยู่แล้วว่าซูอี้แข็งแกร่งมาก แต่พวกเขาไม่คิดว่าซูอี้จะแข็งแกร่งขนาดนี้!
แม้แต่โหยวเทียนหงสีหน้าก็เริ่มแปรเปลี่ยนอีกครั้ง เขาไม่คิดเลยว่าซูอี้จะสามารถสกัดกั้นดาบของเขาทั้งหมดได้ด้วยมือเปล่าเช่นนี้!
ในเวลาเดียวกัน ซูอี้รู้สึกมีความสุขมาก ร่างกายของเขากำลังเดือดพล่านด้วยเจตจำนงแห่งการต่อสู้
ทุกกระบวนท่าที่เขาสำแดงออกมันเรียบง่ายและไหลลื่น แต่ทุกการโจมตีนั้นเฉียบขาดแม่นยำและไร้ที่ติ ราวกับว่าเซียนผู้เป็นอมตะกำลังแสดงให้เห็นถึงวิถีดาบอันเลิศล้ำแก่สรรพสัตว์ในโลกเบื้องล่างให้ได้รับชม
“ฮ่าห์!”
โหยวเทียนหงตะโกนเสียงดังก้อง
ดาบวิญญาณสีเงินซึ่งอยู่ในมือของเขา ฟาดฟันออกเป็นจังหวะทั้งช้าและเร็วสลับกันอย่างไม่อาจคาดเดา กระบวนท่าเปลี่ยนแปลงสามสิบหกครั้งติดต่อกัน ท้ายที่สุดทุกกระบวนท่าหลอมรวมจนกลายเป็นม่านดาบอันสมบูรณ์แบบครอบคลุมพื้นที่กว่าสามจั้ง
ภายในม่านดาบอันไร้ที่ตินี้มันแฝงไปด้วยพลังอัสนีอันรุนแรง ส่องแสงแวบวาบราวกับวันสิ้นโลก
“ไม่เลว!”
ซูอี้เอ่ยออกพลางยิ้ม ผมยาวของเขาปลิวไสว ปราณวิญญาณในร่างโคจรรุนแรงจนเดือดพล่าน ดวงตาของเขาเปล่งประกายคล้ายกับมีเปลวเพลิงสถิต!
จากนั้นเขาก็ขยับร่างอย่างฉับพลัน ใช้สันมือฟันออกประหนึ่งฟาดฟันดาบเข้าใส่ม่านดาบของโหยวเทียนหงซึ่งปกคลุมอยู่บนท้องฟ้า
เพลงดาบสุดปรีดี กระบวนท่าที่หนึ่ง ดึงดารา!
ปราณดาบสีดำลึกล้ำคล้ายกับความมืดมิดแห่งห้วงอวกาศพุ่งตรงขึ้นสู่ท้องฟ้า มันท่วมท้นไปด้วยอำนาจอันเลิศล้ำและแผ่ขยายออกเรื่อย ๆ ราวกับไร้ที่สิ้นสุด
ตูม!
ด้วยดาบเดียว ม่านดาบอัสนีกว้างสามจั้งของโหยวเทียนหงสั่นคลอนอย่างรุนแรงในทันที
แม้ว่าปราณดาบของซูอี้จะสลายหายไปในตอนท้าย แต่เลือดกับปราณวิญญาณภายในร่างของโหยวเทียนหงกลับปั่นป่วนอย่างรุนแรง ทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะโกรธจนหน้าเปลี่ยนสี!