บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 335 การตัดสินระหว่างพ่อลูก!
ตอนที่ 335: การตัดสินระหว่างพ่อลูก!
ตอนที่ 335: การตัดสินระหว่างพ่อลูก!
แสงแห่งรุ่งอรุณส่องมายังโลกสามัญแห่งนี้
แต่ในไม่ช้า เมฆดำก็เข้าปกคลุมท้องฟ้าเหนือนครหลวงอวี้จิง ทำให้โลกมืดมนและดูหม่นหมอง
ซู่~~
ไม่นานนักฝนก็เทลงมา ท้องฟ้ามืดครึ้ม
ผู้แข็งแกร่งที่อยู่เหนือขอบเขตปรมาจารย์ สามารถใช้พลังเพื่อบังลมฝนได้ แต่คนส่วนใหญ่ที่ไม่ได้นำร่มมาด้วยจึงจำต้องเปียกฝนเท่านั้น
ในเวลานี้ มีคนเห็นว่าคนสองคนเดินออกจากลานบ้านที่โอ่อ่าตระการตาของตระกูลซู
ซึ่งนำโดยชายแต่งกายด้วยเสื้อคลุมยาวสีดำและเกล้ามวยผมอยู่บนศีรษะ เขาดูมีราวอายุสามสิบหรือสี่สิบปี มีใบหน้าหนักแน่นมั่นคงยิ่งนัก
ซูหงหลี่!
ในพื้นที่ใกล้ตระกูลซู เสียงกระซิบของการสนทนาหายไปในทันใด ขณะที่มีดวงตานับไม่ถ้วนกวาดไปทั่ว
บรรยากาศเงียบงัน มีเพียงเสียงฝนที่ตกลงมาดังก้องระหว่างฟ้าดินเท่านั้น
ซูหงหลี่ดูเหมือนไม่รู้ตัวโดยสิ้นเชิง
เขากล่าวสายตามองไปรอบ ๆ และพูดกับชายชราในชุดคลุมที่อยู่ข้างหลังเขา “สหายเต๋า ท่านรออยู่ที่นี่”
ชายชราในชุดคลุมพยักหน้า ยืนเงียบที่หน้าประตูจวนตระกูลซู
แม้ว่าเขาจะเป็นไม่เป็นที่รู้จัก แต่เทพเซียนเดินดินอย่างผู้อาวุโสอวิ๋นหลาง จี้เหอ อวิ๋นจงฉี ก็ไม่สามารถเพิกเฉยต่อการดำรงอยู่ของคนผู้นี้ได้!
“เหตุใด… ซูหงลี่จึงยังคงอยู่ในขอบเขตบรรพจารย์ยุทธ์ปฐมสวรรค์?”
มีคนเอ่ยถามด้วยความแปลกใจ
หินก้อนหนึ่งทำให้เกิดคลื่นนับพัน หลังสิ้นคำ ผู้คนต่างตะลึงงันและยากที่จะเชื่อกับสิ่งที่พวกเขาได้ยิน
หลังจากสิบปีแห่งความสันโดษ ซูหงหลี่ก็ยังไม่สามารถก้าวข้ามขอบเขตนั้นได้อย่างนั้นหรือ?
ถ้าเป็นเช่นนั้น เขาจะใช้อะไรมาต่อสู้กับซูอี้บุตรชายของเขา?
แม้แต่เทพเซียนเดินดินเหล่านั้นก็ยังแปลกใจเล็กน้อย
แต่เมื่อเผชิญกับการจ้องมองแปลก ๆ เหล่านี้ ซูหงหลี่เมินเฉย เพียงยืนอยู่คนเดียวท่ามกลางสายฝน สีหน้าของเขาไม่แยแสและไม่ได้เอ่ยอะไร
เปรี้ยง!
ในท้องฟ้าที่มีเมฆมาก เกิดฟ้าร้องคำรามก้องกังวาน
ฝนกำลังตกหนักขึ้น
จู่ ๆ ก็เกิดความโกลาหลจากในที่ไกลออกไป
“ซูอี้มาแล้ว!”
มีความโกลาหลเกิดขึ้น
จากนั้นก็เห็นว่าในที่ไกลออกไป ฝูงชนยืนแหวกออกเพื่อให้คนหนุ่มสวมชุดคลุมที่กำลังถือร่มเดินเข้ามา
เขารูปร่างสูง ใบหน้าหล่อเหลา มีดวงตาที่ลึกล้ำและสงบนิ่ง ซึ่งแม้ว่าจะถูกมองด้วยสายตานับไม่ถ้วน แต่ดูเหมือนว่าเขาจะไม่แยแสราวกับกำลังเดินทอดน่องอยู่ในลานบ้าน
เขาคือซูอี้
ในเวลานี้ ซูหงหลี่มองไปยังซูอี้ ดูเหมือนจะมีแสงวาบในดวงตาของเขา
และซูอี้เองก็มองไปที่ซูหงหลี่เช่นกัน
ดวงตาของทั้งสองอยู่ห่างกันมาก แต่สายตาของพวกเขาประหนึ่งดาบที่มองไม่เห็นปะทะกันในชั่วพริบตานั้น!
ตูม!
ท่ามกลางความว่างเปล่าที่มองไม่เห็นเกิดแรงสั่นกระเพื่อม ก่อนจะตามมาด้วยการหักเหของสายฝน!
“จิตสัมผัส!”
เทพเซียนเดินดินเหล่านั้นล้วนอ้าปากค้างไปพร้อมกัน
คงไม่น่าแปลกใจหากพลังเช่นนี้ถูกปล่อยออกมาจากตัวตนเช่นพวกเขา…
แต่ตอนนี้เมื่อเป็นซูหงหลี่ ตัวตนขอบเขตบรรพจารย์ยุทธ์ปฐมสวรรค์เพียงเท่านั้นเป็นผู้ใช้ มันก็กล่าวได้ว่าน่าเหลือเชื่อนัก!
ซูอี้หรี่ตาลงเล็กน้อย
พลังในขอบเขตบรรพจารย์ยุทธ์ปฐมสวรรค์ของซูหงหลี่ นับได้ว่าทรงพลังที่สุดเท่าที่เขาเคยเห็นตั้งแต่เกิดใหม่
พลังนี้เชื่อมต่อกับพลังต้นกำเนิดของฟ้าดิน ไม่มีช่องโหว่ ดูธรรมดา ขณะเดียวกันก็ลึกล้ำยากแตกพ่าย!
“สามารถใช้จิตสัมผัสขณะอยู่เพียงขอบเขตบรรพจารย์ยุทธ์ปฐมสวรรค์ แม้จะเป็นในเก้ามหาแดนดิน ก็ยังนับได้ว่าเป็นตัวตนที่น่าทึ่ง!”
“ดูเหมือนว่าแม่ของข้าเยี่ยอวี่เฟย จะสอนเคล็ดวิชาลับให้เขาในตอนนั้น ทำให้สามารถบรรลุการเปลี่ยนแปลงที่แท้จริงในขอบเขตบรรพจารย์ยุทธ์ปฐมสวรรค์
“น่าเสียดาย… สำหรับข้า พลังเหล่านี้ไม่เพียงพอ!”
ซูอี้ส่ายหัวเล็กน้อย
ซูหงหลี่คนนี้อาจมีไพ่ลับ และเป็นไพ่ลับที่เหนือกว่าไพ่ตายทุกประเภทก่อนหน้า
แต่ในชีวิตก่อนของเขา ซูอี้ได้เห็นมานับไม่ถ้วน ทั้งสังหารศัตรู และท่องไปทั่วเป็นเวลากว่าหนึ่งแสนสี่พันปี จึงเรียกได้ว่าเขาอยู่ในมหาดินแดนมาช้านาน ดังนั้นไม่ว่าซูหงหลี่จะมีไพ่ลับใดก็ตาม วันนี้อีกฝ่ายก็ต้องตาย!
“แท้ที่จริง เรื่องนี้นับเป็นเรื่องภายในตระกูล ข้าจึงคิดอยากจะจัดการมันอย่างเงียบ ๆ แต่ในเมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว…”
ท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก ซูหงหลี่พูดอย่างเฉยเมย เสียงของเขาดังกึกก้องเหมือนระฆังขนาดใหญ่ ดังก้องไปทั่วฟ้าดิน
“…เช่นนั้นก็ลืมมันไปเถิด วันนี้ข้าซูหงหลี่จะให้พวกเจ้าทุกคนเป็นพยาน ข้าจะสังหารซูอี้บุตรชายที่ชั่วร้ายผู้นั้น และจัดระเบียบให้ตระกูลซูเสียใหม่!”
คำพูดนั้นเปล่งพลังอันยิ่งใหญ่และก้องกังวานในหูของทุกคน
จากนั้นภายใต้การจ้องมองของดวงตานับไม่ถ้วน ซูหงหลี่ก้าวไปข้างหน้าและทะยานขึ้นไป
ทุกย่างก้าวที่เขาก้าวขึ้นไป อากาศภายใต้ฝ่าเท้าของเขาเป็นเสมือนขั้นบันไดหินที่คอยสนับสนุนทีละชั้น
สิ่งที่ทำให้ผู้คนตกใจคือรัศมีบนร่างของซูหงหลี่เองก็พุ่งสูงขึ้นในทุกย่างก้าวเช่นกัน
เมื่อมาถึงหนึ่งร้อยฉื่อบนท้องฟ้า
ตูม!
โดยมีซูหงหลี่เป็นศูนย์กลาง ม่านฝนก็ระเบิดออก
และพลังในร่างกายของเขาราวกับจะทลายประตูสวรรค์ในคราวเดียว เพื่อเข้าสู่ขอบเขตเทพเซียนเดินดิน!
ทุกคนเห็นชัดเจนว่ารัศมีของซูหงหลี่ราวกับเป็นสายรุ้ง พุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า ทะลุผ่านรูเมฆดำหนาทึบบนท้องฟ้าไกลออกไป!
เขายืนอยู่ในความว่างเปล่า โดยไม่ได้ใช้พลังแม้แต่น้อย เพียงยืนบนอากาศชั้นบาง ๆ ราวกับว่าท้องฟ้ากำลังช่วยยกร่างขึ้น เขาดูกลมกลืนกับฟ้าดิน มีพลังแข็งแกร่งไม่มีใครเทียบได้ และดูคล้ายกับว่าเพียงแค่ยกมือขึ้นก็จะสามารถปล่อยพลังอันไร้ขีดจำกัดออกมา!
มีแสงจากท้องฟ้าลอดผ่านลงมาจากรูของก้อนเมฆ สะท้อนไปยังร่างที่ผอมสูงและโดดเดี่ยวของซูหงหลี่ ทำให้อีกฝ่ายดูราวกับเทพที่วิจิตรงดงามและเจิดจ้าจนจนไม่สามารถมองได้
ผู้คนทั้งสถานที่ต่างตกตะลึง
ก้าวขึ้นไปบนท้องฟ้า ทะยานตัวขึ้นไปและอยู่ภายใต้ความสนใจของทุกคน ก่อนเข้าสู่ขอบเขตเทพเซียนเดินดินได้ในคราวเดียว… ผู้ใดบ้างจะไม่แปลกใจ?
แม้แต่เหล่าเทพเซียนเดินดินก็รูม่านตาหดเล็กลงด้วยความประหลาดใจ!
“สวรรค์!”
“นี่มันน่ากลัวเกินไปแล้ว!”
ในพื้นที่ใกล้เคียง ไม่รู้ว่ามีผู้ฝึกยุทธ์กี่คนที่ตกตะลึง
ก่อนหน้านี้ ผู้คนยังคงสงสัยว่าทำไมหลังจากสิบปีแห่งความสันโดษ ซูหงหลี่ยังคงอยู่ในขอบเขตบรรพจารย์ยุทธ์ปฐมสวรรค์ แต่ขณะนี้ ความสงสัยดังกล่าวได้หายไปแล้ว และต่างตกใจกับสถานการณ์ตรงหน้า
ในสายตาของผู้ฝึกยุทธ์โลกสามัญ ในขณะนี้มีเมฆดำและสายฟ้าแลบเหนือศีรษะของซูหงหลี่ และเขาผู้ที่ยืนอยู่บนอากาศก็ราวกับทวยเทพในตำนาน!
“ทันทีที่เขาข้ามผ่านขอบเขต พลังที่ปล่อยออกมาช่างเหนือจินตนาการ… เส้นทางวิถีที่น่ากลัวแบบไหนกันที่ซูหงหลี่ครอบครอง?”
สีหน้าของจี้เหอแห่งวัดซ่างหลินเปลี่ยนไป
เขาสามารถมองออกได้อย่างรวดเร็ว ว่าแม้ว่าซูหงหลี่เพิ่งจะข้ามผ่านขอบเขต แต่พลังในร่างของอีกฝ่ายนั้นแข็งแกร่งกว่าของโหยวเทียนหงและผู้ยิ่งใหญ่คนอื่น ๆ ในขอบเขตเดียวกันเสียอีก!
น่าเหลือเชื่อ!
“ด้วยพลังแห่งฟ้าดิน… ทันทีที่ข้ามผ่านขอบเขตจะบังเกิดพลังที่ไร้เทียมทาน สิ่งนี้… น่ากลัวเกินไปจริง ๆ…”
อวิ๋นจงฉีบ่น ท่าทางของเขาเคร่งขรึม
เมื่อมองไปยังเทพเซียนเดินดินอย่างอาจารย์อวิ๋นหลาง ฉือเฟิงหลิว หรือเซียนฮัวซง พวกเขาต่างก็สูญเสียความคิดไปชั่วขณะหนึ่ง
ในขณะนี้ เมื่อมองไปที่ผู้ชม ใครกันจะกล้าดูถูกดูแคลนซูหงหลี่?
“แท้จริงแล้วบิดาของข้าก็แข็งแกร่งถึงเพียงนี้!”
ภายในตระกูลซู ซูป๋ออิ๋นตกใจ ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความชื่นชม
เวลานี้ ในที่สุดก็เข้าใจว่าทำไมมารดาของเขาถึงบอกว่าถ้าบิดาของเขาเคลื่อนไหว ต้าโจวนี้แทบจะไม่มีใครเทียบได้
“เป็นเรื่องปกติ ตลอดหลายปีที่ผ่านมาบิดาของเจ้าเป็นคนถ่อมตนนัก เขาไม่คิดที่จะแสดงพลังของเขาให้โลกเห็น”
โหยวชิงจือกล่าวอย่างภาคภูมิใจ
ในขณะนี้ ตระกูลซูทั้งหมดเต็มไปด้วยเสียงพูดคุยเซ็งแซ่
“เจ้าลูกชั่ว มารับความตายเสีย!”
ในความว่างเปล่า ซูหงหลี่พูดอย่างเฉยเมย และเสียงของเขาก็ดังกึกก้องไปทั่วฟ้าดิน
เสื้อคลุมของเขาพลิ้วไสว
ฟุ้บ!
ทุกสายตาหันไปทางซูอี้
เห็นเพียงซูอี้เก็บร่มกระดาษน้ำมันออกไป ก่อนจะก้าวขึ้นไปบนอากาศว่างเปล่า ขณะที่เกิดม่านฝนกั้นกายไม่ให้กระทบร่าง
หากซูหงหลี่คือตัวตนสูงส่งเหนือธรรมชาติ เช่นนั้นซูอี้ก็ราวกับทวยเทพ ไร้เทียมทาน และไม่แยแส!
“เจ้าลูกชั่วอย่างนั้นหรือ?”
ซูอี้ยิ้มพลางกล่าวว่า “ข้าสัญญา ข้าจะตบปากเจ้าทีหลัง!!”
เขายืนบนอากาศ มองไปยังซูหงหลี่ซึ่งอยู่ห่างออกไปร้อยจั้ง ก่อนจะปล่อยให้ความเกลียดชังที่ถูกระงับไว้หลายปีในส่วนลึกของหัวใจระบายออกมา!
เขาไม่ได้อดกลั้นแม้แต่น้อย ไม่สิ… ไม่จำเป็นต้องอดกลั้นอีกต่อไป วันนี้ความเกลียดชังที่ถูกฝังลึกในใจจะต้องถูกกำจัดออกไป!
เมื่อได้ยินบทสนทนาระหว่างบิดาและบุตรชาย ทุกคนที่อยู่โดยรอบพลันใจสั่นสะท้าน พวกเขาต้องมีความเกลียดชังกันมากถึงเพียงใด?
ซูหงหลี่มองไปที่ซูอี้ ไม่เพียงแต่ไม่รำคาญ แต่กลับยังหัวเราะเบา ๆ และกล่าวว่า “เจ้าลูกชั่ว เจ้าคิดจริง ๆ หรือว่าเจ้าจะทำให้โลกกลับหัวกลับหางด้วยพลังที่ได้มาจากมารดาเจ้า?”
หลังจากหยุดชั่วคราว เขาก็กล่าวต่อ “เป็นความจริงที่เจ้ามีรากฐานที่มั่นคงของมหาวิถี ซึ่งมันไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในยุคนี้ และเจ้ายังมีจิตสัมผัส สามารถใช้แสงเบญจธาตุ ซึ่งแต่ละอย่างก็ล้วนเพียงพอที่จะสร้างความประหลาดใจให้กับเหล่าผู้ฝึกฝนที่แท้จริง แม้แต่วิถีดาบของเจ้าก็ยังเทียบได้กับเทพเซียนเดินดินในโลกสามัญนี้ แต่…”
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ ดวงตาของซูหงหลี่พลันกลายเป็นมืดมนและดูไม่แยแส “ท้ายที่สุด เจ้าก็ย่อมต้องแพ้เพราะผลการฝึกฝนของเจ้าต่ำเกินไป เจ้าอยู่ในขอบเขตสามัญ และเจ้าก็ไม่ใช่ผู้ฝึกตนวิถีต้นกำเนิดที่เหนือกว่าโลกสามัญอย่างแท้จริง!”
“นี่คือความแตกต่างระหว่างข้ากับเจ้า เช่นเดียวกับความแตกต่างระหว่างฟ้าและดิน”
เมื่อเขาพูด รัศมีของซูหงหลี่ก็เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง พลังจากฟ้าดินหลั่งไหลเข้ามา ราวกับร่างกายของเขาเป็นเหมือนหลุมลึก ทำให้ปราณ จิตวิญญาณ และความแข็งแกร่งทางร่างกายของเขาเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วจนมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า
ขณะที่พูด พลังในขอบเขตที่เพิ่งบรรลุพลันขยายตัวออกอย่างน้อยสองเท่า!
สถานการณ์เช่นนี้ทำให้เทพเซียนเดินดินโดยรอบไม่สามารถสงบลงได้ ซูอี้เป็นสัตว์ร้ายก็เพียงพอแล้ว แต่ไม่เคยคาดคิดว่าบิดาของเขาจะร้ายกาจยิ่งกว่าถึงเพียงนี้!
“ความแตกต่างระหว่างฟ้าและดิน? โอ้ เจ้า ซูหงหลี่ควรค่าแก่การพูดถึงวิถีการฝึกฝนต่อหน้าข้าด้วยหรือ? ถ้าข้าต้องการ ข้าสามารถเข้าสู่วิถีต้นกำเนิดได้ด้วยการสะบัดนิ้ว บรรลุขอบเขตเปิดทวาร และเข้าสู่เส้นทางแห่งจิตวิญญาณได้”
ริมฝีปากของซูอี้เยาะเย้ย “แต่สิ่งเหล่านี้ไม่มีความหมาย และมันไม่ใช่สิ่งที่ข้ากำลังมองหา การต่อสู้ในวันนี้ ข้าจะแสดงให้เจ้าเห็นว่าขอบเขตปรมาจารย์สามัญนี้จะปราบเทพเซียนเดินดินเช่นเจ้าได้อย่างไร!”
ขณะที่พูด พลังของซูอี้ก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วราวกับแม่น้ำแยงซี ก่อนที่รัศมีของเขาจะพุ่งตรงไปที่ท้องนภา
ตูม!
เสื้อคลุมของเขาปลิวไสว เช่นเดียวกับเส้นผมสีดำที่พลิ้วไหวไปมา
ภายใต้การจ้องมองที่เหลือเชื่อของทุกคน แรงกดดันที่ชายหนุ่มปล่อยออกมาพลันเท่าทวี แค่ชั่วพริบตาเท่านั้นมันก็ทรงพลังเทียบเท่าได้กับที่ซูหงหลี่ปลดปล่อยออกมา!
ในขณะนี้ ผู้คนต่างเงียบงันและตกตะลึง
เหล่าเทพเซียนเดินดินในสถานที่นั้นต่างประหลาดใจ เมื่อเทียบกับการสังหารโหยวเทียนหง ในเวลานี้ซูอี้ซึ่งมีผลการฝึกขอบเขตปรมาจารย์ขั้นห้าแข็งแกร่งกว่าตอนนั้นมาก!
แม้แต่ซูหงหลี่ก็อดไม่ได้ที่จะเลิกคิ้ว