บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 336 เคล็ดวิชาลับนับพัน
ตอนที่ 336: เคล็ดวิชาลับนับพัน
ตอนที่ 336: เคล็ดวิชาลับนับพัน
เมฆดำเคลื่อนคล้อยและฝนก็ตกลงมาราวกับน้ำตก
ซูหงหลี่และซูอี้ยืนเผชิญหน้ากันจากระยะไกล
ในบริเวณใกล้เคียง สายตาและจิตใจของผู้คนถูกดึงดูดโดยทั้งคู่
แม้ว่าการต่อสู้ครั้งนี้จะยังไม่ได้เริ่มขึ้นจริง ๆ แต่ทุกคนรู้ดีว่าไม่ว่าใครจะชนะหรือแพ้ การต่อสู้ครั้งนี้ก็เพียงพอแล้วที่จะบันทึกลงไปในประวัติศาสตร์แห่งต้าโจว
เปรี้ยง!
สายฟ้าอันวูบวาบพุ่งทะลุผ่านก้อนเมฆที่มืดมิด ทำให้ดินแดนสว่างไสว
ในขณะนี้ ซูหงหลี่เริ่มเคลื่อนไหวลงมือ!
ตูม!
เขาเหยียบความว่างเปล่าและชกออกไป
หมัดที่พลุ่งพล่านเป็นประกายสีทอง เจิดจ้าราวกับดวงอาทิตย์ที่แผดเผา ม่านฝนกระจายในอากาศ ทำให้เกิดรอยร้าวที่ยาวกว่าร้อยจั้ง
ด้วยท่วงทำนองของพลังที่แผดเผา ทำให้หมัดนั้นแข็งแกร่งเฉกเช่นดวงอาทิตย์ที่ส่องแสงอย่างไร้ขอบเขตออกมา!
เหล่าเทพเซียนเดินดินโดยรอบราวกับหายใจไม่ออก
เพียงหมัดเดียว!
ผู้ฝึกยุทธ์ที่อยู่ห่างไกลตกใจและตัวสั่นสะท้าน จิตใจกล้าหาญของเขาถูกพรากไปด้วยพลังของหมัดนี้ ราวกับตกลงไปในขุมนรกแห่งความสิ้นหวัง!
มีเพียงชายชราในชุดคลุมเท่านั้นที่รู้ว่าหมัดนี้คือ ‘หลอมสุริยัน’!
ดวงตาของซูอี้ไม่แยแสเช่นเคย
ความแข็งแกร่งของซูหงหลี่นั้นคาดไม่ถึงจริง ๆ เช่นเดียวกับหมัดนี้ พลังที่บรรจุอยู่ภายในนั้นไม่ธรรมดาเลย
ในแง่ของคุณภาพ มันสามารถเทียบเท่าได้กับภาวะดาบขั้นลี้ลับระดับสาม! เหนือกว่า ‘ขั้นสรวงสวรรค์’ ของโหยวเทียนหงเสียอีก!
โชคไม่ดี สำหรับซูอี้ที่ครอบครองเบญจธาตุหลอมผสานวิญญาณ และตระหนักถึงความสามารถของธาตุทั้งห้า หมัดดังกล่าวแทบจะไม่สามารถคุกคามเขาได้
จนกระทั่งที่ซูหงหลี่ชก ‘หลอมสุริยัน’ ออกมา
ซูอี้ขยับปลายนิ้วของเขา…
ในม่านฝน ท้องฟ้าพลันมีดวงดาวปรากฏขึ้นทีละดวง ทุกดวงมีสีใสพร่ามัวราวกับความโกลาหลได้จัดเรียงพวกมันไว้บนท้องฟ้าเช่นนั้น
ในชั่วพริบตา ท้องฟ้าพลันเต็มไปด้วยดวงดาวสว่างไสว!
ดาบแห่งดวงดาว!
เคล็ดวิชาทรงพลังเคล็ดหนึ่ง ว่ากันว่าเมื่อขยับดาวพวกนั้น มันจะก่อให้เกิดพลังทำลายล้างมหาศาล!
ตูม!
ด้วยการขยับปลายนิ้วมือของซูอี้ ดวงดาวจะถูกบดขยี้ทีละดวง และหากดาวหางเพลิงร่วงหล่นลงมา พวกมันก็ย่อมยิ่งใหญ่และน่าสะพรึงกลัว!
ปัง! ปัง! ปัง!
หมัดของซูหงหลี่นั้นรุนแรงมาก มันเพียงพอที่จะสังหารเทพเซียนเดินดินได้ด้วยหมัดเดียว แต่เมื่อท้องฟ้าปกคลุมไปด้วยพลังแห่งดวงดาว หมัดนั้นก็ถูกขัดขวางไว้ทันที เสียงคำรามอันน่าสยดสยองปะทุขึ้น ตามมาด้วยรัศมีอันเจิดจ้าที่แผ่ไปทั่ว
ในท้ายที่สุด หมัดของซูหงหลี่อยู่ห่างจากซูอี้สิบจั้งและสลายหายไป
เหล่าเทพเซียนเดินดินต่างเงียบกริบ
แม้ว่าจะเป็นเพียงยกแรก แต่ความแข็งแกร่งที่พวกเขาแสดงออกมานั้นช่างน่าสะพรึงกลัว
หมัดของซูหงหลี่นั้นแข็งแกร่งราวกับดวงอาทิตย์ และหมัดเดียวก็เพียงพอแล้วที่จะสังหารเทพเซียนเดินดิน
แต่ดาวหลายดวงที่ซูอี้เรียกขึ้นมาโดยบังเอิญนั้นช่างน่าสะพรึงกลัวและไร้ขอบเขตพอ ๆ กัน ราวกับท้องฟ้าเต็มไปด้วยดวงดาวที่ปกคลุมอยู่ จากนั้นดาวแต่ละดวงก็ระเบิดออกมา ทำให้เหล่าเทพเซียนเดินดินตกตะลึง
และนี่ก็เป็นเพียงการโจมตีธรรมดา ๆ เมื่อทั้งสองเริ่มต่อสู้กันเท่านั้น!
“ขัดขวางได้งั้นหรือ?”
โหยวชิงจือและซูป๋ออิ๋นแทบไม่อยากจะเชื่อสายตาของพวกเขา ซูอี้ผู้นี้มีพลังมากขนาดนี้เลยอย่างนั้นหรือ?
และเช่นเดียวกัน… เยว่ซือฉาน เก๋อฉางหลิงกับคนอื่น ๆ ขณะนี้หัวใจของพวกเขาต่างก็ว้าวุ่นเป็นอย่างมาก!
การโจมตีเพียงครั้งเดียวครานี้น่าตกใจมากกว่าตอนที่ซูอี้สังหารโหยวเทียนหงเสียอีก ดังนั้นแล้วในศึกนี้… มันคงยากที่จะคาดเดาเสียแล้วว่าจะน่าตื่นตะลึงมากเพียงใด?!
ซูหงหลี่สงบนิ่ง เขาก้าวขึ้นไปในอากาศและลงมืออีกครั้ง
เขาไม่แปลกใจเลยที่ซูอี้จะสามารถสกัดกั้นการโจมตีของตนได้
ตูม!
เขายืดตัวและชกขึ้นไปในอากาศ ส่งให้เปลวเพลิงพุ่งผ่าน ทำให้สายฝนรอบกายระเหยหายไปในฉับพลัน
หมัดทะลวงไปในอากาศทีละชั้น และราวกับเทพเจ้าแห่งไฟมาเยือน ด้วยการโจมตีครั้งนี้อัดแน่นไปด้วยพลังแห่งการทำลายล้างและการเผาไหม้!
จะเห็นได้ด้วยตาเปล่าว่าอากาศในบริเวณใกล้เคียงราวกับจะลุกเป็นไฟ ทำเอาผู้แข็งแกร่งในสถานที่แห่งนั้นต่างหน้าถอดสี
เนื่องจากการชกเช่นนั้น สามารถเผาภูเขาและต้มมหาสมุทรได้!
ร่องรอยของการดูถูกปรากฏบนริมฝีปากของซูอี้ โดยไม่ลังเลอีกต่อไป ชายหนุ่มพลันก้าวไปข้างหน้า!
ฮึ!
ที่ปลายนิ้วของเขามีแสงดาวที่สว่างใสกระจ่างอยู่ และด้วยการขยับเพียงนิ้วเดียว ก็พลันปรากฏดวงดาวเข้ามาขวางกั้นหมัดนั่นเอาไว้!
เมื่อพลังหมัดที่ราวกับพายุปะทะกับดวงดาวที่หนาแน่น ท้องฟ้าราวกับจะระเบิด แสงเปลวเพลิงและแสงดาวกวาดไปทั่ว ก่อนผลที่ตามมาของการต่อสู้ก็คือสิ่งปลูกสร้างในบริเวณโดยรอบถูกเผาทำลายสิ้น
ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!
ทั้งสองต่อสู้กันอย่างดุเดือด ราวกับว่ามีทวยเทพคู่หนึ่งกำลังต่อสู้อยู่กลางอากาศ
เหล่าเทพเซียนเดินดินที่อยู่นอกสนามประลองต่างตกตะลึง สมองของพวกเขาว่างเปล่า และจิตใจของพวกเขาก็หวาดหวั่นอย่างถึงที่สุด
ด้วยผลการฝึกฝนของพวกเขา มันไม่เพียงพอที่จะเข้าใจอย่างชัดแจ้งเกี่ยวกับการต่อสู้ในครานี้ ซึ่งพลังระดับนั้นทำให้พวกเขาตื่นตกใจเป็นอย่างมาก!
ในสายตาของเหล่าเทพเซียนเดินดิน การต่อสู้เช่นนี้ทำให้พวกเขาไม่สามารถสงบสติอารมณ์และหน้าถอดสีอยู่บ่อยครั้ง
ซูหงหลี่นั้นแข็งแกร่งยิ่ง! ทั้งจังหวะวิถีของเปลวเพลิง เคล็ดวิชาลับที่ไร้เทียมทาน และธาตุวิถีในร่าง ล้วนแข็งแกร่งกว่าโหยวเทียนหงเสียอีก! ด้วยพลังทั้งหมดของเขา ย่อมสามารถสังหารผู้คนในขอบเขตเดียวกันได้อย่างง่ายดาย
แต่ในเวลานี้ ทุกครั้งที่ลงมือ พลังของเขากลับถูกสกัดกั้นโดยซูอี้!
“นี่คือพลังที่ขอบเขตปรมาจารย์มีได้หรือ?”
ไม่รู้ว่ามีกี่คนที่มีความรู้สึกที่คล้ายคลึงกันนี้ แม้จะเคยได้ยินหรือได้เห็นการต่อสู้ที่ภูเขาจิ่วจี้ระหว่างโหยวเทียนหงและซูอี้มาแล้ว
แต่เมื่อได้มาพบเจออีกครา ได้เห็นพลังอันไร้เทียมทานของซูอี้ มันก็ยังไม่น่าเชื่อว่าขอบเขตสามัญจะมาถึงขั้นนี้ได้!
สิ่งนี้ได้ล้มล้างความเข้าใจแต่เดิมของเทพเซียนเดินดินไปอย่างสิ้นเชิง!
ตูม~~
ทันใดนั้น ในสนามรบ ซูอี้ฟันด้วยฝ่ามือของเขา
ทำให้ดวงดาวเชื่อมโยงเป็นสายรุ้งตรง ราวกับดาบแห่งดวงดาว ข้ามท้องฟ้าฟาดลงมาด้วยโทสะ
อีกฝั่งหนึ่ง หมัดของซูหงหลี่ราวกับกระแสธารอัคคีอันทรงพลัง เรียกได้ว่ากระแสนั้นท่วมท้นท้องฟ้า
ในเวลานี้เอง หมัดของซูหงหลี่ถูกกระแทกโดยหมัดของซูอี้ ทำให้เกิดแรงระเบิดหลังปะทะ ส่งผลจนสายฝนสาดกระเซ็นราวกับน้ำตก ตระการตาเป็นอย่างมาก
เมื่อเห็นแรงตกค้างจากการระเบิดใกล้เข้ามา รูม่านตาของซูหงหลี่ก็แข็งค้าง เขาพ่นลมหายใจออกมาทันที ก่อนที่มือใหญ่ซึ่งส่งมาจากซูอี้จะกำแน่นในอากาศ
ฟิ้ว~
มือสีทองขนาดใหญ่กวาดไปทั่วท้องฟ้า ทุกข้อนิ้วถูกห้อมล้อมด้วยเปลวเพลิงที่โหมกระหน่ำ จับไปที่ศาสตราวิญญาณซึ่งก่อตัวขึ้นจากดวงดาวที่เชื่อมโยงกัน
ตูม!
สวรรค์ถล่ม แผ่นดินแตกร้าว สุริยันและจันทราพากันอับแสง
พื้นที่ประลองได้ถูกหมอกอันร้อนแรงบดบังอย่างสมบูรณ์
ผู้คนต่างตกตะลึง พากันร้องออกมาด้วยความตื่นตระหนก
ยกเว้นเหล่าเทพเซียนเดินดินที่ยังคงยืนอยู่กับที่ คนอื่น ๆ พากันทำตามสัญชาตญาณ พวกเขาถอยหลัง… เร่งหลบให้ไกล!
ผู้คนมองด้วยความตกตะลึง
พื้นที่ตรงกลางระหว่างทั้งสองซึ่งห่างหลายสิบจั้งไม่มีแม้แต่ร่องรอยของสายฝน
ส่วนพื้นที่บริเวณใกล้ตัวพวกเขาก็พังทลายลง มีรอยแตกนับไม่ถ้วนที่แผ่ออก ราวกับใยแมงมุมขนาดใหญ่
ซึ่งอวิ๋นหลางและจี้เหอต่างก็ตระหนักดีว่าแม้ซูหงหลี่จะสกัดกั้นการโจมตีได้ในท้ายที่สุด แต่เจ้าตัวคงจะตกใจไม่น้อย ด้วยถูกผลักให้ถอยหลังถึงสามก้าว!
“นี่…”
ผู้เฒ่าทั้งสองอดไม่ได้ที่จะแปลกใจที่ซูหงลี่ถอยหลัง
“ซูหงหลี่ เจ้ารับมือกับพลังเช่นนี้ไม่ได้งั้นหรือ?”
ด้วยน้ำเสียงที่ไม่แยแส ซูอี้เหยียบบนอากาศ ก้าวไปข้างหน้า และใช้พลังที่ดุเดือดไร้เทียมทานอีกครั้งเพื่อจัดการกับซูหงหลี่!
ดวงดาวปรากฏขึ้นทีละดวง เกิดเสียงดังก้องไปทั่วท้องฟ้า ก่อนถูกควบคุมและปราบปรามโดยฝ่ามือของซูอี้
นี่คือความลึกลับของดาบแห่งดวงดาว
มีพลังสังหารและพลังทำลายล้างยากจินตนาการ!
หากมันถูกใช้โดยซูอี้ในชาติภพก่อน ด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว มันก็เพียงพอแล้วที่จะทำลายโลกและปราบปรามศัตรูผู้ยิ่งใหญ่
“จองหอง!”
ซูหงหลี่พ่นลมเย็นชา ดวงตาเปรียบเสมือนสายฟ้า ในทันทีทันใด เขาใช้ออกด้วยเคล็ดวิชาลับอันทรงพลังอีกครั้ง!
มือของเขาคว้ากุมความว่างเปล่า และในทันใดนั้นก็มีรอยประทับที่ดูคล้ายหมัดแต่ก็ไม่ใช่ เป็นรอยประทับแปลกประหลาดที่มีแสงทองส่องสว่างกว้างขนาดร้อยจั้ง!
“วงล้อสุริยัน”!
เป็นเคล็ดวิชาลับเฉพาะของสำนักพุทธ เป็นวิธีเดียวที่จะผสานปราณและจิตวิญญาณ สื่อสารกับฟ้าดิน และดึงดูดพลังอันยิ่งใหญ่ออกมา!
“ไป!”
ซูหงหลี่ตะโกน
พลังมหาศาลพลุ่งพล่านอยู่ในตราประทับนั่น ชั่วขณะนั้นมีพุทธองค์ปรากฏขึ้น ก่อนตามมาด้วยเสียงบทสวดโบราณแผ่วเบาดังขึ้นในอากาศ
ในขณะนี้ ซูหงหลี่เปรียบเสมือนหลวงจีนที่มากไปด้วยโทสะ ผู้ซึ่งมาพร้อมกับสายฟ้าที่หมายสังหารซูอี้ให้ตายตก!
สถานการ์เช่นนี้ทำให้จี้เหอแห่งวัดซ่างหลินตกตะลึง ซูหงหลี่ผู้นี้ฝึกฝนเคล็ดวิชาสำนักพุทธจริง!?
ตูม!
ตราประทับอยู่บนท้องฟ้า บดขยี้ดวงดาวทีละดวงอย่างง่ายดายราวกับบดวัชพืช ก่อนพุ่งเข้าหาซูอี้ด้วยพลังที่ไร้เทียมทาน
อย่างไรก็ตาม ซูอี้ไม่ได้ถอยกลับแต่ก้าวไปข้างหน้าโดยใช้มือใหญ่กดลง
วังวนของดวงดาวปรากฏขึ้น และในวังวนนั้นพลังสีใสอันงดงามราวกับอยู่ในความฝันพลันก่อตัว …ก่อนที่มันจะกลายเป็นปราณดาบที่หมุนอย่างบ้าคลั่งในอากาศ!
ปัง! ปัง! ปัง!
วงล้อสุริยันบดขยี้อย่างรุนแรง ก่อนจะระเบิดทุกสิ่งอย่างที่สัมผัสโดน ทำให้กระแสวังวนของดวงดาวสั่นสะเทือนเล็กน้อย ก่อนตามมาด้วยแรงระเบิดที่น่าสะพรึงกลัว!
ซูหงหลี่ขมวดคิ้ว
แขนเสื้อของเขาพองออก รัศมีเปลี่ยนไปอีกครั้ง และด้วยการขยับนิ้ว ดาบทั้งเก้าพลันปล่อยปราณไปในอากาศ ก่อตัวเป็นผังเก้าวัง ทะลวงผ่านอากาศ
ดาบเก้าวัง!
นี่เป็นอีกหนึ่งเคล็ดวิชาลับที่น่าอัศจรรย์
เมื่อเห็นสิ่งนี้ เหล่าเทพเซียนเดินดินอดไม่ได้ที่จะขยับตัว แท้จริงแล้วซูหงหลี่มีเคล็ดวิชาลับกี่แบบกันแน่?
อย่างไรก็ตาม ซูอี้ส่ายหัวเล็กน้อยด้วยความรังเกียจ
“ถ้าเจ้ายังไม่ใช้ไพ่ตายจริง ๆ ต่อให้มีเคล็ดวิชาลับนับพัน ข้าก็จะทำลายมันเอง!”
เมื่อซูอี้กล่าว ฝ่ามือของเขาขยับ
ตูม!
แม่น้ำสายยาวแห่งดวงดาวกวาดออกไป ถูกถือไว้โดยซูอี้ราวกับแส้ในมือทวยเทพศักดิ์สิทธิ์ ก่อนที่เขาจะขยับมันจนทำให้เกิดการบดขยี้ในความว่างเปล่า!
ไม่ว่าซูหงหลี่จะเปลี่ยนไปใช้เคล็ดวิชาใด ซูอี้ก็เพียงใช้ออกด้วยดาบแห่งดวงดาวเพื่อขจัดมัน!
เมื่อสิ่งนี้ตกลงมา
ปราณดาบของซูหงหลี่ราวกับถูกทุบด้วยค้อนขนาดยักษ์จากเงื้อมมือของเหล่าทวยเทพ เมื่อปะทะกัน… มันก็ได้ระเบิดออกเป็นชิ้น ๆ และสลายหายไป
ร่างกายของซูหงหลี่สั่นไหวจากแรงกระแทกตีกลับนั่น เขาจำต้องถอยสองก้าวด้วยความรู้สึกอับอายเป็นอย่างมาก
เหล่าเทพเซียนเดินดินที่อยู่โดยรอบตกตะลึงจนแทบไม่เชื่อสายตากับภาพตรงหน้า
ในตอนแรกซูหงหลี่ก้าวเข้าสู่ขอบเขตแห่งเทพเซียนเดินดินในชั่วพริบตา แสดงให้เห็นว่าเขามีความสามารถที่น่าสะพรึงกลัวเพียงใด
แต่ใครจะไปคิดว่าตั้งแต่เริ่มการต่อสู้ เผชิญหน้ากับซูอี้ที่อยู่ในขอบเขตปรมาจารย์ ถึงจะใช้ออกด้วยพลังที่มี แต่อีกฝ่ายกลับสามารถยังยับยั้งการกระทำเหล่านั้นได้ทั้งหมด!
สิ่งนี้เกินความคาดหมายของทุกคนโดยสิ้นเชิงและน่าตกใจเป็นอย่างยิ่ง