บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 337 ถูกสวรรค์และโลกทอดทิ้ง
ตอนที่ 337: ถูกสวรรค์และโลกทอดทิ้ง
ตอนที่ 337: ถูกสวรรค์และโลกทอดทิ้ง
“แค่เจ้าคนเดียวคิดทำลายเคล็ดวิชาลับนับพันงั้นหรือ? เหอะ! น่าขันสิ้นดี!”
ซูหงหลี่พ่นลมหายใจอย่างเย็นชา
อึดใจต่อมา ร่างของซูหงหลี่ก็เปล่งแสงสีทองเจิดจ้า จุดชีพจรและเส้นลมปราณทั้งหมดเปิดออกและขยายใหญ่ ปลดปล่อยพลังอันน่าสะพรึงกลัว
ในทันใดนั้น ปราณวิญญาณในร่างของเขาได้ควบแน่นเป็นหนึ่ง ก่อนจะผสานกับโลกหล้า
ตูม!
พลังของซูหงหลี่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
ในสายตาของผู้คนขณะนี้ ซูหงหลี่ไม่ต่างจากจ้าวผู้ปกครองโลกหล้า พลังของเขาที่ปลดปล่อยออกนั้นเหนือล้ำเกินบรรยาย มันมากมายและรุนแรงราวกับมหาสมุทรคลั่ง
ขณะนี้ซูหงหลี่แข็งแกร่งกว่าเดิมเพียงใดไม่มีผู้ใดคาดเดาได้!
ซูหงหลี่โบกแขนเสื้อของเขา
ปราณวิญญาณในรัศมีหลายสิบลี้รวมตัวกันที่ฝ่ามือของเขาอย่างฉับพลัน ควบแน่นกลายเป็นก้อนแสงสีทองอันเจิดจ้าก่อนมันจะพุ่งไปหาซูอี้
การโจมตีนี้เป็นตัวอย่างให้เห็นได้เด่นชัดว่าซูหงหลี่บรรลุถึงความเข้าใจในพลังแห่งฟ้าดินสูงล้ำยิ่งยวด เขาสามารถควบคุมพลังที่อยู่รายล้อมได้ดั่งใจนึกภายในชั่วพริบตา!
สิ่งนี้ต่างทำให้ผู้คนตกตะลึงจนแทบจะอ้าปากค้าง
ทว่าเกือบจะในเวลาเดียวกัน ซูอี้โบกมือบังคับหมู่ดาวให้ร่วงหล่นเข้าปะทะกับพลังสีทองเจิดจ้าของซูหงหลี่
ตูม!
การปะทะครั้งนี้ยากจะอธิบาย
ทั้งสองมีพลังพอจะบดขยี้ภูผาหรือสายธารให้เป็นจุณ ดังนั้นแล้วเมื่อยามที่พลังของทั้งสองปะทะกัน มันจึงไม่ต่างจากภูเขาไฟสองลูกชนกันอย่างไม่มีใครยอม คลื่นแห่งการทำลายล้างกวาดออกไปทุกทิศทุกทางอย่างไม่มีใครสามารถยับยั้งได้
ถนนและตรอกที่อยู่ใกล้เคียงถูกทำลายไปนานแล้ว ดังนั้นเมื่อคลื่นระเบิดจากการปะทะนี้บังเกิดขึ้น ผืนดินโดยรอบจึงยิ่งพังทลายและจมลงเป็นหลุมขนาดยักษ์ หินกรวดและซากสิ่งของมากมายปลิวว่อน
แม้แต่เหล่าผู้ฝึกตนที่อยู่ห่างไกลก็ยังได้รับผลกระทบ บางผู้คนซึ่งบินอยู่ถูกคลื่นปะทะนี้กระแทกจนร่วงหล่นไปกับพื้นก็ยังมี
บรรดาผู้ยิ่งใหญ่ทั้งหลายต่างก็พูดไม่ออกเช่นกัน
การต่อสู้ระดับนี้อย่าว่าแต่การเข้าไปมีส่วนร่วม พวกเขาสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าตนเองไม่มีคุณสมบัติพอที่จะรับชมใกล้ ๆ ด้วยซ้ำ หลายคนต้องอพยพไปให้ไกลกว่าเดิมไม่เช่นนั้นแล้วพวกเขาจะถูกบดขยี้เป็นผุยผงเพราะคลื่นปะทะจากการต่อสู้ระหว่างซูอี้และซูหงหลี่
ส่วนบรรดาเทพเซียนเดินดินต่างก็ปกป้องตัวเองจากคลื่นปะทะกันเป็นพัลวัน สีหน้าของพวกเขาแต่ละคนตกตะลึงไม่อยากจะเชื่อกับสิ่งที่เกิด
ว่ากันว่าเมื่อใดที่ผู้ฝึกตนแท้จริงบังเกิดโทสะ เขาจะสามารถคว่ำภูเขา ตัดแม่น้ำ ทำลายเมือง ลบแผ่นดินได้อย่างง่ายดาย ทว่าสิ่งที่เห็นตรงหน้าขณะนี้มันไม่แตกต่างกันเลยไม่ใช่หรือ!
ตูม!
ซูหงหลี่ซัดฝ่ามือออกไปอีกครั้ง
คราวนี้ท้องฟ้าเต็มไปด้วยปราณวิญญาณก่อนจะควบแน่นกลายเป็นฝ่ามือขนาดยักษ์ ราวกับมังกรคว้าเหยื่อ ฝ่ามือเปลี่ยนท่าทางเป็นกรงเล็บคว้าเข้าหาซูอี้อย่างฉับพลัน
ทุกคนสามารถเห็นได้ว่าขณะนี้ ซูหงหลี่พยายามจะพลิกสถานการณ์กลับคืนมาโดยใช้พลังที่มากกว่าครั้งก่อน ๆ
“ก็แค่กลเม็ดจับแมลงอันเล็กจ้อย” ซูอี้เอ่ยออกก่อนจะสับสันมือเป็นการตอบโต้
เหล่าดวงดาวถูกจัดเรียงทีละดวง กลายเป็นแผนเครือข่ายดาวขนาดใหญ่ ดาวแต่ละดวงหมุนโคจรสอดคล้องกัน ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงมากมายไม่รู้จบ
พลังการโคจรของมวลหมู่ดาวแผ่ขยายไร้ที่สิ้นสุดราวกับจะบดขยี้ทุกสิ่งที่ขวางหน้าซูอี้
บรึม!!
ฝ่ามือยักษ์ของซูหงหลี่ถูกบดขยี้จนแหลกลาญและระเบิดหายไปจนไร้ร่องรอย
ทว่าซูหงหลี่ไม่ได้สนใจ เขาโบกมือขับเคลื่อนพลังแห่งฟ้าดินรอบด้าน ส่งผลให้ท้องฟ้าทั้งหมดปั่นป่วน เมฆและหมอกเปลี่ยนเป็นสีมืดครึ้ม แต่ร่างกายของเขากลับเปล่งแสงสีทองส่องไปทั่วทศทิศ
ประหนึ่งคล้ายคนผสานกับโลกหล้าหลอมรวมเป็นหนึ่ง!
ในทางกลับกัน ซูอี้ไม่ได้ยืมพลังจากภายนอกมาแม้แต่น้อย เขาอาศัยเพียงพลังอันมากล้ำในร่างกายและความแข็งแกร่งทางกายภาพที่ไม่มีใครเทียบได้ของเขาเอง
“การหยิบยืมพลังแห่งสวรรค์และโลกบ่อยครั้งหาใช่เรื่องดีไม่ มันจะทำให้เจ้าถูกสรรพสิ่งทอดทิ้งไม่ช้าก็เร็ว ก่อนหน้านี้ข้าคิดว่าเจ้า ซูหงหลี่ มีความสามารถมากพอให้ข้าชายตามอง แต่ปรากฏว่าแท้จริงเจ้าเป็นเพียงมนุษย์ที่สายตาตื้นเขิน”
ซูอี้ส่ายหัวไปมาขณะที่เขาเอ่ยกล่าว
“ผู้ฝึกตนที่แท้จริงย่อมหยิบยืมใช้พลังแห่งโลก สวรรค์ ผืนดิน ภูเขา และแม่น้ำเป็นเรื่องปกติวิถี อีกทั้งมันคือเส้นแบ่งชัดเจนระหว่างปุถุชนคนเดินดินกับผู้บ่มเพาะ คำพูดของเจ้าที่เอ่ยออกมานั้นไร้สาระทั้งเพ!”
ดวงตาของซูหงหลี่เย็นชาและเย้ยหยัน
หลังจากพ่นลมหายใจ ซูหงหลี่พนมมือพลางควบแน่นพลังแห่งโลกและสวรรค์เอาไว้ในสองฝ่ามือก่อนจะผายมือออกปลดปล่อยกรงแสงสีทองขนาดยักษ์บินพุ่งไปกักขังซูอี้ภายในพริบตา
นี่คือวิชาลับกักขังอันทรงพลังซึ่งเป็นไพ่ลับหนึ่งของเขาเอง
หากผู้ฝึกตนคนใดติดอยู่ในกรงนี้ คนผู้นั้นก็ไม่ต่างอะไรจากปลาที่อยู่อวน ถูกตัดขาดจากทุกสิ่งในโลกหล้าโดยสิ้นเชิง
เมื่อขัดขืนไม่ได้อีกทั้งยังถูกกักขัง ชะตากรรมท้ายสุดคือการถูกสยบอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง
“พังไปซะ!”
ผมยาวสีดำของซูอี้ปลิวไสว เลือดลมของเขาสูบฉีดอย่างรุนแรง
รัศมีแสงศักดิ์สิทธิ์ปะทุออกจากร่าง ดวงดาวทั้งหลายรวมตัวเคลื่อนคล้อยประหนึ่งคล้ายแม่น้ำอันยิ่งใหญ่แห่งดารา ส่งเสียงคำรามดังก้องไปนับร้อยลี้
ตูม!!!
ฟ้าดินสั่นสะเทือนรุนแรง เมฆหมอกพลันกระจัดกระจาย
ท้ายที่สุด แม้ว่าซูอี้จะทำลายกรงยักษ์สีทองของซูหงหลี่ได้ แต่ทว่าเขาก็ยังได้รับผลกระทบ ทั้งร่างส่ายไปมาเล็กน้อย เลือดลมภายในร่างปั่นป่วน
แต่ผลกระทบนั้นอยู่เพียงชั่วอึดใจ เมื่อกลับเป็นปกติซูอี้ก็ถอนหายใจเบาและพูดว่า “เจ้าจะประสบความสำเร็จได้อย่างไรถ้าเจ้าเอาแต่ใช้พลังแห่งสวรรค์และโลกเพื่อปราบปรามข้า?”
หลังจากเอ่ยจบ ร่างของซูอี้เปล่งรัศมีแสงห้าสีราวกับกำลังลุกไหม้ มันคล้ายว่าร่างที่หลับใหลของเขาก่อนหน้านี้พลันถูกปลุกขึ้นแล้ว
เมื่อเห็นฉากนี้ ซูหงหลี่จึงรีบรุดพุ่งไปข้างหน้า จากนั้นยกมือขวาของเขาขึ้นและเปล่งแสงสีทองอันเจิดจ้าจนผู้คนแสบตา
“สังหาร!”
ซูหงหลี่ซัดฝ่ามืออกไปสุดกำลัง
ในสายตาของเหล่าผู้ชม พวกเขารู้สึกว่าพลังของโลกทั้งใบสถิตอยู่ในฝ่ามือนี้ ใครก็ตามที่ต้องการเป็นศัตรูกับซูหงหลี่ ดูเหมือนจะจ้องเป็นศัตรูของสวรรค์และโลกด้วยเช่นกัน
ตูม!
ซูอี้สั่นคลอนอีกครั้งและถูกอำนาจของฝ่ามือนี้กระแทกถอยหลังกลับ
ฉากนี้ ทำให้มู่ซี ผูอี้ หลานซัวและสีหน้าของคนอื่น ๆ เปลี่ยนไปในทันที หัวใจของพวกเขาแทบจะหยุดเต้น
ใครบ้างไม่เห็นว่าเวลานี้ซูหงหลี่กำลังได้เปรียบ?
“นี่คือความแตกต่างระหว่างคนธรรมดาและผู้ฝึกตนแท้จริง”
ซูหงหลี่กล่าวอย่างเฉยเมย เขาควบคุมพลังแห่งโลกและสวรรค์อีกครั้งราวกับพระเจ้า ก่อนพุ่งเข้าหาซูอี้อีกครั้ง
ดวงตาของเขาประหนึ่งท้องฟ้าอันกว้างใหญ่ที่มองเห็นสิ่งมีชีวิตทั้งหมดรวมไปถึงซูอี้ไม่ต่างจากมด
“อย่างนั้นหรือ?”
ซูอี้เยาะเย้ย “เช่นนั้นแล้วข้าอยากจะเห็นจริง ๆ ว่าหากไร้พลังแห่งสวรรค์และโลก เจ้าจะกลายเป็นเช่นไร?”
หลังจากพูดจบ ซูอี้ก็โคจรพลังในร่างกายส่งถ่ายไปที่กำปั้น
ขณะเดียวกันดาวห้าดวงได้ปรากฏต่อหน้าซูอี้ ดาวแต่ละดวงมีสีที่แตกต่าง น้ำเงิน แดง ขาว เหลือง และดำ พวกมันหมุนวนพร้อมกันคล้ายเป็นวงแหวนศักดิ์สิทธิ์ห้าธาตุอันแพรวพราว แสงศักดิ์สิทธิ์ทั้งห้าผสานเข้ากันจนกลายเป็นความโดดเด่นอย่างไม่มีสิ่งใดจะเทียบเปรียบได้
อึดใจถัดมาธาตุทั้งห้ารวมกันเป็นหนึ่งเดียว และกลายเป็นสีใสดั่งผลึกแก้ว ปลดปล่อยอำนาจกดดันอย่างไม่มีสิ่งใดจะเทียบเทียมได้!
นี่คือพลังที่แท้จริงของซูอี้ในขอบเขตที่เขาอยู่ขณะนี้
วงแหวนศักดิ์สิทธิ์ที่ก่อตัวขึ้นจากดาวห้าดวงสีใสนั้นดูคล้ายพร่ามัว แต่แท้จริงแล้ว พลังของพวกมันถูกควบแน่นจนสุดขั้ว สุดขั้วจนคล้ายกับความโกลาหลอันไม่อาจคาดเดาได้!
“ไป!”
ซูอี้ชกกำปั้นของเขาออก
บรึม!
พลังแห่งสวรรค์และโลกที่อยู่โดยรอบบริเวณปั่นป่วนอย่างรุนแรง พื้นที่ทั้งหมดรัศมีหลายสิบลี้ถูกปกคลุมด้วยอำนาจพลังอันน่าสะพรึงกลัว
ขณะที่วงแหวนศักดิ์สิทธิ์ห้าธาตุถูกปลดปล่อย ซูหงหลี่ก็ตระหนักได้อย่างฉับพลันว่าพลังแห่งสวรรค์และโลกที่เขาเคยควบคุมได้จู่ ๆ กลับไม่อาจควบคุมมันได้อีกแล้ว
มันราวกับว่าพลังแห่งสวรรค์และโลกนั้นถูกสยบโดยการโจมตีของซูอี้ และเขาก็ไม่สามารถที่จะแก้ไขสิ่งใดได้เลย!
สีหน้าของซูหงหลี่แปรเปลี่ยนในทันที
“เปิด!”
เลือดลมของเขาเดือดพล่าน เมื่อไม่สามารถหยิบยืมพลังแห่งสวรรค์และโลกมาใช้ได้ ซูหงหลี่จึงโคจรพลังในร่างของตัวเองจนถึงขีดสุดและชกหมัดออกไปต้านอย่างสุดกำลัง
ตูม!
การระเบิดทำให้แผ่นดินสั่นสะเทือนดังก้อง
ภายใต้อำนาจของวงแหวนศักดิ์สิทธิ์ห้าธาตุ พลังหมัดของซูหงหลี่แหลกสลายราวกับเศษกระดาษ จากนั้นทั้งร่างของซูหงหลี่ก็ถูกปกคลุมไปด้วยพลังห้าธาตุอันน่าสะพรึงกลัวของซูอี้
ตูม!
ท่ามกลางควันและฝุ่นผง ร่างของซูหงหลี่กระเด็นถอยห่างออกไปหลายสิบก้าว
ผู้ชมทั้งหลายต่างตกตะลึงเมื่อเห็นสภาพของซูหงหลี่ที่ผมเผ้ายุ่งเหยิงและเสื้อผ้าขาดวิ่นราวกับขอทาน เห็นได้