บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 339 หมื่นดาบส่งเสียงร้องพร้อมเพรียง
ตอนที่ 339: หมื่นดาบส่งเสียงร้องพร้อมเพรียง
ตอนที่ 339: หมื่นดาบส่งเสียงร้องพร้อมเพรียง
“ข้าสงสัยว่าซูอี้จะรับดาบนี้ได้หรือไม่”
หัวใจของมู่ซี ผูอี้ และคนอื่น ๆ เต้นแรงจนแทบจะกระดอนออกจากอก
ชิ้ง!
ขณะที่ซูหงหลี่ฟาดฟันดาบมา ซูอี้ผายมือออกไป ดาบนิลกาฬกลืนฟ้าปรากฏขึ้นในอุ้งมือของเขา ทั้งดาบส่งเสียงร้องบาดลึกและก้องกังวาน
สีหน้าของซูอี้ยังดูเฉยเมย จากนั้นเขาฟาดฟันดาบด้วยท่วงท่าธรรมดาทั่วไป
ครืน!
ปราณดาบสีใสดั่งผลึกแก้วปรากฏขึ้นอย่างทรงพลังและน่าเกรงขาม มันพุ่งผ่านอากาศเข้าหาปราณดาบอันชั่วร้ายของซูหงหลี่
ตูม!!
ปราณดาบสีแดงฉานอันชั่วร้ายของซูหงหลี่ปะทะเข้ากับปราณดาบสีใสดั่งผลึกแก้วของซูอี้อย่างจัง
ทันใดนั้นคลื่นแห่งการทำลายล้างที่รุนแรงก็แผ่ออกไปทั่วทุกทิศทาง คลื่นทั้งสีแดงเข้มและสีใสปะปนกัน เป็นภาพที่งดงามแต่น่าสะพรึงกลัวจับใจ
พื้นที่ใกล้เคียงหลายลี้ถูกทำลายกลายเป็นซากปรักหักพัง และหลังจากที่คลื่นปะทะสงบลง หลุมยุบขนาดใหญ่กินรัศมีหลายลี้ที่น่าตกใจก็ปรากฏขึ้นบนพื้น
การปะทะกันครั้งนี้มีผู้รับชมบางคนที่ไม่ยอมถอยหนีให้ห่างออกไปถูกคลื่นปะทะบดขยี้จนตายไปหลายราย
โชคดีที่เมื่อวานพื้นที่สิบลี้จากจุดศูนย์กลางซึ่งก็คือจวนตระกูลซูนั้นถูกทำให้ร้างผู้คนแล้ว ดังนั้นจึงไม่มีคนธรรมดาหลงเหลือ ไม่เช่นนั้นการปะทะเมื่อครู่นี้คงทำให้มีผู้บาดเจ็บล้มตายเป็นจำนวนมาก
ตูม!
ท่ามกลางฝุ่นดินที่ยังคงคละคลุ้ง ร่างของซูอี้บินขึ้นมาลอยอยู่กลางอากาศอีกครั้งในชั่วพริบตา และหยุดห่างจากซูหงหลี่ออกไปเพียงไม่กี่สิบฉื่อ
ในมือของเขา ดาบนิลกาฬกลืนฟ้าสั่นสะท้านอย่างเห็นได้ชัด
“ดาบอันน่าสะพรึงกลัวของซูหงหลี่เมื่อครู่นี้ถูกรับได้จริง ๆ หรือ?”
ความรู้สึกสับสนเกิดขึ้นทั่วบริเวณ เหล่าเทพเซียนเดินดินเบิกตากว้างและตัวสั่น
คนอื่น ๆ ต่างก็ตกอยู่ในภวังค์เช่นกัน
ซูหงหลี่เมื่อถือดาบสีดำเล่มนั้นแล้วมีพลังแข็งแกร่งประหนึ่งสามารถควบคุมโลกหล้า แม้กระทั่งผู้คนที่มองดูจากระยะไกลยังรู้สึกสิ้นหวังกับชีวิต
แต่เมื่อครู่นี้ซูอี้กลับสามารถรับดาบอันรุนแรงนั้นไว้ได้!
แม้ว่าซูอี้จะมือสั่นเทา แต่ทุกคนต่างเห็นว่าเขาไม่ได้รับบาดเจ็บเลยจากดาบนี้ของซูหงหลี่
“ฮึ่ม! อยากจะรู้เช่นกันว่าเจ้าจะรับดาบของข้าได้อีกกี่ครั้ง!”
กลางอากาศ ซูหงหลี่พ่นลมหายใจอย่างเย็นชา
ขณะที่เสียงของเขายังคงก้องกังวาน
วิ้ง!
เขาสะบัดดาบ
ปราณดาบเพลิงสีเลือดมหึมาปรากฏขึ้นเคลือบใบดาบของเขาอีกครั้ง มันส่งเสียงสะท้านกึกก้องราวกับสามารถสั่นสะเทือนสวรรค์และโลก
แค่เพียงแลมองยังต้องตกตะลึง
“เมื่อการท้าสู้ต้องอาศัยอำนาจของศาสตราในการตัดสินผลลัพธ์ มันย่อมไม่น่าสนใจอีกต่อไป”
ในระยะไกล ซูอี้ถอนหายใจเบา ความสนใจของเขาลดลง “ช่างเถิด จบเรื่องเลยก็แล้วกัน…”
ชิ้ง!
ดาบนิลกาฬกลืนฟ้าเปล่งประกาย
กลิ่นอายของซูอี้เปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน ทุกรูขุมขนบนผิวหนังของเขาเต็มไปด้วยปราณวิญญาณอันบริสุทธิ์ซึ่งปะทุออก ทั้งร่างกายของเขาส่องแสงสว่างเจิดจ้าดั่งเทพสวรรค์จุติลงสู่โลก
พับ!
ด้วยการสะบัดข้อมือ คมดาบของดาบนิลกาฬปะทุขึ้นด้วยลำแสงซึ่งแฝงพลังอันคาดเดาไม่ได้
ถัดจากนั้นในชั่วพริบตา แสงเบญจธาตุปะทุขึ้นก่อนจะหลอมเคลือบเต็มดาบ
ตูม!
ขณะเดียวกันที่กลางอากาศ จู่ ๆ ก็มีดาบห้าเล่มห้าสีซึ่งดูไร้เทียมทานปรากฏขึ้น
เขตแดนมหาดาบเบญจธาตุ!
นี่คือวิชาดาบที่ไม่เหมือนใครซึ่งซูอี้สร้างมันขึ้นเมื่อชีวิตก่อนหน้านี้ มันเป็นหนึ่งใน ‘สามสิบสามอันดับยอดวิชาดาบแห่งเก้ามหาแดนดิน’
ความลึกลับของวิชาดาบนี้เกี่ยวข้องกับความเข้าใจในเต๋าของห้าธาตุแห่งธรรมชาติ เมื่อถูกใช้แล้ว พลังจากดาบจะเสมือนกับภูเขาเบญจธาตุศักดิ์สิทธิ์ห้าลูกซึ่งสามารถบดขยี้ได้แม้กระทั่งทวยเทพและหมู่มาร!
ทว่าหากไม่ใช่เพราะความสำเร็จของซูอี้ในเรื่อง ‘เบญจธาตุหลอมผสานวิญญาณ’ เขาคงไม่สามารถใช้วิชาดาบอันเลิศภพจบแดนสวรรค์นี้ได้ตั้งแต่อยู่ในขอบเขตปรมาจารย์เช่นนี้!
ทันใดนั้นขณะที่เขาสำแดงวิชาดาบอันไม่ธรรมดานี้
ตูม!
ดูเหมือนว่าโลกทั้งใบจะทนไม่ได้ มีความผันผวนรุนแรงเกิดขึ้นไปทั่วทุกหัวระแหง มันทำให้ผู้คนรู้สึกว่าราวกับดาบกำลังจะทำลายล้างโลกนี้อย่างสมบูรณ์!
เทพเซียนเดินดินที่กำลังดูอยู่ในระยะไกลต่างตกตะลึงเมื่อเห็นสิ่งนี้ ใจเต้นแรงราวกับกลองศึก ดูเหมือนว่าภายใต้ดาบนี้ ไม่ว่าดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ ดวงดาว ภูเขา แม่น้ำ หรือสิ่งมีชีวิตในโลกนี้ มันสามารถถูกทำลายได้ทั้งหมดไม่มีข้อยกเว้น!
ทว่าขณะนี้ดวงตาของซูอี้ฉายแววเหม่อลอยไปครู่หนึ่ง
วิชาดาบนี้ที่เขาคิดค้นขึ้นได้ก้าวข้ามข้อจำกัดของกระบวนท่าทั้งหมด เขาฝึกฝนมันจนถึงขีดสุดจนอำนาจที่เขาสามารถสำแดงออกมาได้นั้นนับได้ว่าไร้เทียมทาน
เป็นเวลานานแล้วตั้งแต่ที่เขาใช้ดาบเล่มนี้ท่องไปทั่วเก้ามหาแดนดินและไม่แพ้ใครในการต่อสู้เลยแม้แต่หนึ่ง แม้กระทั่งในหมู่ผู้ยิ่งใหญ่รุ่นเดียวกัน มีเพียงไม่เกินจำนวนหยิบมือเท่านั้นที่สามารถรับท่านี้ของเขาได้
ตูม!
ซูหงหลี่เหวี่ยงดาบของเขาเพื่อสังหารอย่างฉับพลัน
เกือบจะในเวลาเดียวกัน ซูอี้ฟาดฟันดาบออกเช่นกัน
ไม่มีทางที่จะอธิบายดาบนี้เป็นคำพูดได้
หากภูเขาศักดิ์สิทธิ์ทั้งห้าซึ่งค้ำชั้นฟ้าและผืนดินในสมัยโบราณเคลื่อนตัวไปพร้อมกัน มันย่อมมีอำนาจถึงขนาดทำให้สวรรค์ร่วงหล่นผืนแผ่นดินพลิกกลับด้าน ดวงอาทิตย์และดวงจันทร์พังทลาย หมู่ดาราแตกสลาย!
นี่คือพลังของเขตแดนมหาดาบเบญจธาตุ เป็นพลังอันเลิศล้ำซึ่งเกิดขึ้นจากธาตุทั้งห้า เมื่อใดที่มันปรากฏขึ้น เพียงแค่กลิ่นอายของมันก็สามารถทำให้หัวใจของผู้คนเต้นระทึก
ตูม!!
ในสายตาของทุกคน ปราณดาบสีเลือดและภูเขาดาบห้าธาตุปะทะเข้าด้วยกัน ก่อนที่เสียงคำรามสั่นฟ้าสะเทือนดินจะปะทุขึ้น
พลังที่รุนแรงและเสียงปะทะอันดังก้องแผ่กระจายไปทั่วทุกทิศทุกทางในทันที เหมือนพายุกระหน่ำที่พาดผ่านไปทั่วทั้งโลกหล้า
“นี่…”
อวิ๋นหลาง อวิ๋นจงฉี จี้เหอ และเทพเซียนเดินดินคนอื่น ๆ สีหน้าต่างแปรเปลี่ยน ตามด้วยเยว่ซือฉาน เก๋อฉางหลิง มู่ซี และคนอื่น ๆ ทั้งหมดต่างสีหน้าตกตะลึงสุดขีดไปตาม ๆ กัน
“ผู้ใดแพ้ผู้ใดชนะ?”
ทุกคนเบิกตากว้าง พยายามมองหาผลลัพธ์ให้ชัดเจน
เมื่อพายุฝุ่นดินค่อย ๆ สงบลง ฉากที่น่าเหลือเชื่อก็ปรากฏขึ้น
บนพื้นดิน ซูหงหลี่ซึ่งอยู่ในสภาพเสื้อผ้าขาดแหว่งราวกับขอทานกำลังคุกเข่าข้างหนึ่งพร้อมกับกระอักเลือดออกจากปาก
ดูเหมือนว่าเมื่อครู่นี้เขาถูกพลังดาบของซูอี้บดขยี้อย่างรุนแรงจนไม่สามารถคงสภาพลอยอยู่บนฟ้าและร่วงหล่นลงมาที่พื้น ซึ่งแม้แต่พละกำลังในร่างกายยังเหือดแห้งจนไม่สามารถลุกขึ้นยืนหยัดด้วยสองขาของตัวเองได้เหมือนเช่นเคย ท้ายที่สุด สิ่งที่เขาสามารถทำได้ดีที่สุดคือรักษาท่าคุกเข่าข้างเดียวนี้ไว้
ห่างออกไปกว่าสิบก้าวย่าง ดาบอันดุร้ายของซูหงหลี่ปักฝังอยู่กับพื้นดินส่งเสียงฮึมฮัมและสั่นสะท้าน
บนอากาศเหนือพื้นดิน ซูอี้ลอยตัวอยู่บนนั้นด้วยสีหน้าเฉยเมยเหมือนเช่นเคย มือข้างหนึ่งถือดาบไว้ส่วนอีกข้างหนึ่งไพล่หลัง ทั้งร่างของเขาเปล่งรัศมีแสงเป็นประกาย ดูราวกับเทพสวรรค์ล่องลอยลงมาจากสวรรค์
ทั้งบริเวณเงียบสงัด ทุกคนตกตะลึง
ก่อนหน้านี้ซูหงหลี่ใช้เคล็ดวิชาลับแปลกประหลาดเพื่อดูดซับเอาพลังชีวิตและปราณวิญญาณทั้งหมดของชายชราในชุดพรตเต๋าจนทำให้ตนเองมีพลังเหนือล้ำจนสะท้านฟ้าดิน
จากนั้นเขาสำแดงอำนาจของดาบอันแสนดุร้ายที่ซึ่งเขาหล่อเลี้ยงในร่างชายชราในชุดพรตเต๋ามาเป็นเวลาสิบปี อำนาจของดาบนั้นเลิศล้ำรุนแรงจนทำให้เหล่าผู้ชมต่างตกใจและทำให้เหล่าเทพเซียนเดินดินทั้งหลายต้องหวาดกลัว
แต่ตอนนี้ซูหงหลี่ผู้ทรงพลังเลิศล้ำกลับถูกซูอี้สะกดข่มอีกครั้งด้วยสองกระบวนท่า อีกทั้งยังไม่สามารถยืนได้ด้วยขาทั้งสองข้างเสียด้วยซ้ำ!
นี่มันเหลือเชื่อเกินไปอย่างไม่ต้องสงสัย เหนือจินตนาการของผู้คนโดยสิ้นเชิง
ในเวลานี้เองที่ผู้คนตระหนักว่าดาบที่ซูอี้เพิ่งใช้ไปนั้นทรงพลังมาก…
“น่าเสียดายที่ดาบเล่มนี้ตกไปอยู่ในมือของเจ้า มันเหมือนกับไข่มุกที่ปกคลุมไปด้วยโคลนตม ด้วยความสามารถของเจ้า พลังที่เจ้าสามารถดึงใช้ออกจากมันได้นั้นช่างน่าสังเวช” ซูอี้พูดอย่างเฉยเมย
อันที่จริงแล้วดาบอันดุร้ายเล่มนี้มีพลังที่เหนือล้ำยิ่งนัก แต่น่าเสียดายที่ความเข้าใจวิถีดาบของซูหงหลี่นั้นตื้นเขินมากเมื่อเทียบกับซูอี้ ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถสำแดงพลังที่แท้จริงของดาบเล่มนี้ได้!
บนพื้น ซูหงหลี่เช็ดคราบเลือดจากมุมริมฝีปากของเขาและค่อย ๆ ยันกายลุกขึ้นยืน
ใบหน้าของเขาดูมืดมน ดวงตาของเขาดูน่ากลัวและพูดว่า “ข้ารู้ตั้งแต่แรกแล้วว่ามารดาของเจ้าไม่ได้จริงใจต่อข้า มรดกที่แท้จริงในมือนางเห็นได้ชัดว่ามอบให้เจ้า ไอ้ลูกชั่ว!”
ซูหงหลี่เผยให้เห็นความเกลียดชังซึ่งฝังลึกไปในทุกอณูของเขา
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเขาคิดว่าการที่ซูอี้สามารถมีพลังต่อสู้ได้เฉกเช่นทุกวันนี้เป็นเพราะเยี่ยอวี่เฟยทิ้งมรดกที่แท้จริงไว้ให้กับซูอี้แทนที่จะเป็นเขา
ดวงตาของซูอี้กลายเป็นเย็นชา
เยี่ยอวี่เฟยมารดาผู้ให้กำเนิดเขาต้องหูหนวกตาบอดเพียงใดในตอนนั้นถึงตกหลุมรักไอ้สารเลวอย่างซูหงหลี่ผู้นี้ได้!?
“ซูหงหลี่ เจ้าทำให้ข้าผิดหวังอย่างแท้จริง”
ซูอี้เอ่ยออกก่อนจะเดินไปด้วยความตั้งใจที่จะฆ่าอย่างควบคุมไม่ได้ในหัวใจของเขา
“ดาบมา!”
ซูหงหลี่ตะโกน
เคร้ง!
ห่างออกไปกว่าสิบย่างก้าว ดาบอันดุร้ายพุ่งออกจากพื้นดินและกลับเข้าไปสู่มือของซูหงหลี่
“เจ้ายิ่งคิดใช้ดาบต่อหน้าข้าอีกงั้นหรือ?”
ซูอี้เหยียดหยาม เสื้อผ้าของเขาพลิ้วไสวอย่างรุนแรง และทันใดนั้นร่างกายของเขาก็ปะทุพลังอันไม่มีใครเทียบได้
ในเวลานี้ ซูอี้ผสานความรู้แจ้งในวิถีดาบที่เขามีเข้ากับกลิ่นอายของตัวเอง และปลดปล่อยมันออกมาโดยไม่ยั้งไว้อีกแล้ว ทั้งร่างของเขาราวกับกลายเป็นดาบศักดิ์สิทธิ์ซึ่งแทงทะลุขึ้นเสียดฟ้า และคมดาบของเขานั้นไร้ที่ติไม่มีสิ่งที่คมได้ทัดเทียม
ในจิตวิญญาณของเขา ดาบเก้าคุมขังที่เงียบงันมาตลอดดูเหมือนจะสัมผัสได้ถึงพลังแห่งวิถีดาบของซูอี้ ทันใดนั้นมันก็สั่นสะท้านและส่งเสียงก้องกังวาน
ในสายตาของทุกคน ซูอี้ในขณะนี้เป็นเหมือนเซียนดาบอมตะ เป็นตัวตนอันสูงส่งไม่อาจคาดคะเนถึงอำนาจที่มีอยู่ได้
เคร้ง! เคร้ง!! เคร้ง!!!
ทันใดนั้น บริเวณใกล้เคียง บรรดาดาบของเหล่าผู้ฝึกตนทั้งหลายที่เฝ้ามองดูเหตุการณ์ต่างส่งเสียงร้องอย่างพร้อมเพรียง
เหล่าตัวตนยิ่งใหญ่ทั้งหลายที่ถือดาบต่างตกใจเมื่อพบว่าอาวุธของตัวเองส่งเสียงจนสั่นสะท้าน
เหล่าเทพเซียนเดินดินตกตะลึงไม่ต่างจากผู้อื่น พวกเขาต่างมองไปที่ศาสตราวิญญาณของตนเองด้วยดวงตาเบิกกว้าง ไม่ว่าพวกเขาจะสยบมันเพียงใด มันก็ไม่เป็นผล!
ดาบนับพันส่งเสียงพร้อมกันราวกับพวกมันได้เจอเจ้านายตัวจริง!
ในขณะนี้ ซูอี้โบกมือและคำสองคำดังออกจากริมฝีปากของเขา
“มานี่!”
ราวกับได้รับโองการจากสวรรค์ ดาบอันดุร้ายที่อยู่ในมือของซูหงหลี่พลันสั่นสะท้านรุนแรง มันดิ้นรนอย่างบ้าคลั่งพยายามจะหนีออกจากมือของผู้ที่ถือมัน
ใบหน้าของซูหงหลี่แปรเปลี่ยนเป็นน่าเกลียด เขาส่งเสียงคำรามด้วยความโกรธ
“เงียบ!”
ทว่าอึดใจต่อมา ดาบสีดำปะทุปราณดาบขึ้นมาอย่างดุเดือดปราณดาบนั้นปะทุสูงไปถึงเสียดฟ้า และด้วยความรุนแรงแห่งปราณดาบนี้ มันได้ทำให้นิ้วทั้งห้าของซูหงหลี่แหลกกระจายเลือดสาดกระเซ็นไปทั่วบริเวณ
เมื่อเป็นไทจากมือของซูหงหลี่ ดาบสีดำก็ลอยไปอยู่ข้างหน้าซูอี้อย่างรวดเร็ว ก่อนจะหมุนวนไปรอบ ๆ พร้อมกับเอียงด้ามจับดาบไปทางซูอี้
กระทำเช่นนี้ของดาบไม่ต่างจากการถวายตัวมันให้แก่ซูอี้!
ฉากอันน่าเหลือเชื่อนี้ทำให้ดวงตาของทุกคนที่ชมอยู่เกือบจะถลนออกจากเบ้า
นี่มันเป็นการปล้นชิงที่ไหนกัน? เห็นได้ชัดว่าเป็นดาบเล่มนี้ที่ยอมมอบตัวไปในอ้อมแขนของซูอี้ต่างหาก!
“ก่อนหน้านี้ข้าเคยเอ่ยไว้ว่าจะให้เจ้าดูวิธีที่ทำให้ดาบนี้ยอมสยบอย่างสมบูรณ์ ตอนนี้เจ้าเห็นมันชัดเจนแล้วใช่หรือไม่?”
ซูอี้พูดอย่างใจเย็น จากนั้นเขาก็ทำเพียงแค่ยืนอยู่กับที่ไม่ได้เอื้อมมือไปจับดาบอันดุร้ายนี้ แต่ดาบนั้นกลับยังคงแสดงท่าทีเชื่อฟังประหนึ่งคนรับใช้อันซื่อสัตย์ลอยอยู่ข้าง ๆ ไม่ห่างกายของซูอี้
“บัดซบ!!!”
ซูหงหลี่ตกตะลึงครู่หนึ่ง และทันใดนั้นเขาก็ตวาดเสียงคำรามก้อง ใบหน้าเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำด้วยโทสะ ดวงตาของเขาราวกับคลุ้มคลั่ง ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้อย่างสมบูรณ์!
เป็นเวลาสิบปีที่เขาทุ่มเททั้งแรงกายและแรงใจเพื่อหล่อเลี้ยงและสยบดาบเล่มนี้ เขาหวงแหนมันยิ่งกว่าเลือดเนื้อเชื้อไขของตนเองเสียอีก แต่ตอนนี้ดาบเล่มนั้นกลับดิ้นรนออกจากมือและยอมสยบต่อคนหนุ่มที่เขาเกลียดอย่างสุดหัวใจ!
สิ่งนี้มันไม่ต่างอะไรจากซูอี้ควักหัวใจของเขาออกมากัดกระชาก!!