บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 344 แข็งกร้าว
ตอนที่ 344: แข็งกร้าว
ตอนที่ 344: แข็งกร้าว
“หึ ข้าอยากจะดูนัก ว่าเจ้าเพียงแค่พูดจาโอ้อวดหรือว่าเก่งกาจไร้คู่ต่อสู้จริง ๆ!”
เมื่อได้ยินวาจาของซูอี้แล้ว โจวฉางอี้จึงอดส่ายหน้าหัวเราะขึ้นมาไม่ได้
ชิ้ง!
โจวฉางอี้ชักดาบที่สะพายข้างหลังออกจากฝัก สายฟ้าสีม่วงบาดตารายล้อมรอบตัวดาบ กลิ่นอายแห่งการทำลายล้างน่าหวั่นเกรงนัก
“ฟัน!”
เขาร้องตะคอกเสียงดังและเป็นฝ่ายเริ่มลงมือก่อน ดาบยาวในมือราวกับแสงสายฟ้าสะท้านฟ้าสะเทือนดิน ฟาดฟันลงมาในทันใด
ท้องฟ้าในแถบนั้นถูกสายฟ้าพิฆาตจนสั่นสะเทือน!
อานุภาพการรุกโจมตีนี้รุนแรงมาก ซูหงหลี่ที่บรรลุขอบเขตก็ไม่อาจเทียบเคียงได้ กระทั่งเทพเซียนเดินดินที่อยู่รอบ ๆ ก็ยังต้องสูดปาก
“ตัวตนขอบเขตเปิดทวารน่ากลัวจริง ๆ เสียด้วย!”
มีคนตะลึงงัน
“นั่นคือดาบสายฟ้าอินทนิล ว่ากันว่าเป็นอาวุธเทพที่ได้มาจากหุบเขามารหลุมสวรรค์ สามารถชักนำเมฆาสีม่วงชาดและสายฟ้าฟาดพิฆาตศัตรูได้ อานุภาพน่ายำเกรงยิ่งนัก”
คนบางส่วนกวาดตาดูดาบยาวในมือโจวฉางอี้เล่มนั้นแล้วต่างก็แสดงสีหน้าตื่นตะลึงออกมา
โจวฉางอี้ใช้ผลการฝึกตนขอบเขตเปิดทวารบงการดาบสายฟ้าอินทนิล ไม่เสียแรงเลยที่เป็นผู้อาวุโสใหญ่แห่งภูเขามังกรเร้น ขอบเขตเท่านี้ย่อมเพียงพอที่จะปกป้องราชวงศ์โจวและสร้างความยำเกรงไปทั่วแผ่นดินได้
“ดุจดังมดตะนอย”
เผชิญหน้ากับดาบเล่มนี้แล้ว ซูอี้เย้ยหยัน แววพิฆาตผุดขึ้นในสายตา
สวบ!
ดาบนิลกาฬกลืนฟ้าเผยออกมาราวกับสายรุ้งยาวทะลุผ่านฟ้าดิน ราวกับพาดผ่านดวงเดือนดวงตะวัน แฝงไว้ซึ่งภาวะดาบอันคมกริบไร้เทียมทาน พุ่งตรงไปยังดาบสายฟ้าอินทนิลของโจวฉางอี้
ครืน!
พลังดาบทั้งสองปะทะกัน พลันระเบิดเสียงราวกับสายฟ้าฟาดออกมา อากาศในบริเวณนั้นได้รับความกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง ฝนสะเก็ดไฟแห่งการทำลายล้างของดาบแตกกระเซ็นราวกับถูกพายุโหมกระหน่ำ
ภายใต้สายตาจับจ้องของผู้คน พลังดาบที่โจวฉางอี้ฟันออกไปถูกโจมตีจนแตกสลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย!
“ทลาย!”
ซูอี้ไม่ลังเลชักช้า ถือดาบพุ่งแทงโจวฉางอี้ ลักษณะท่าทางของเขาประดุจสายรุ้ง มองร่องรอยความเหนื่อยล้าไม่ออกแม้แต่น้อย
“ไป!”
ใบหน้าของโจวฉางอี้ตึงเครียด แขนเสื้อกว้างโบกสะบัด รีบชักดาบออกมารับ
ดาบยาวทรงโบราณสีม่วงเปล่งแสงสายฟ้าฟาดที่เฉิดฉายบาดตาเข้าปะทะกับดาบนิลกาฬกลืนฟ้าอย่างดุเดือดรุนแรง
ทว่าเพียงแค่ชั่วครู่เดียวก็ได้ยินแต่เสียง ‘เพล้ง’ ดาบสายฟ้าอินทนิลสั่นสะเทือนจนเกิดเสียงดังแทบร่วงหลุดจากมือ
ถึงแม้สมบัติชิ้นนี้จะมีอานุภาพมากมายนับไม่สิ้น ทว่าอาวุธพิเศษทั่วไปก็ใช่ว่าจะสามารถเทียบเคียงกับดาบนิลกาฬกลืนฟ้าของซูอี้ได้ ดังนั้นเมื่อดาบพิเศษสองเล่มปะทะกันล้วนต้องดูที่ผลการฝึกตนและระดับวิถีดาบ
โจวฉางอี้ส่งเสียงร้องฮึ ร่างสั่นสะเทือน
ผู้ฝึกตนขอบเขตเปิดทวารอย่างเขาเกือบจะรับการบุกโจมตีของซูอี้ไม่อยู่!
“ขึ้น!”
โจวชิงเซวียนที่อยู่ไกลออกไปมองเห็นภาพเหตุการณ์นี้ รีบยื่นมือเข้าช่วยอย่างไม่รอช้า
ฟิ้ว!
มือของนางประดุจดอกบัวเบ่งบาน นิ้วมือเรียวยาวประดุจหยกทั้งสิบนิ้วเบ่งบานออก วาดลวดลายสัญลักษณ์อันลึกลับ รูปร่างคล้ายเสือสิงห์ มีความรวดเร็วว่องไว ปรากฏเป็นจังหวะวิถีอันมีอานุภาพที่ยิ่งใหญ่ สติปัญญาที่เป็นเลิศ และพร้อมสรรพสมบูรณ์
นางฟาดตราประทับไปที่ซูอี้
ตราประทับเสือสิงห์ฐานดอกบัว!
วิชาพุทธโบราณวิชาหนึ่ง
จากจุดนี้สามารถมองออกว่า กลุ่มมังกรเร้นเหล่านี้ไม่ใช่บุคคลที่เทพเซียนเดินดินคนอื่น ๆ ในโลกสามัญจะเทียบเคียงได้ แต่ละคนล้วนช่ำชองในเคล็ดวิชาโบราณหรือถือครองสมบัติลับโบราณ!
โครม!!
ซูอี้ไม่แม้แต่จะมอง ดาบนิลกาฬกลืนฟ้าในมือพุ่งแทงออกไป ตราประทับลึกลับประดุจเสือสิงห์นั้นแตกระเบิดเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยอย่างง่ายดาย
ใบหน้างามของโจวชิงเซวียนขาวซีด ฉับพลันร่นถอยหลังไปหลายก้าว นางตื่นตระหนกอย่างแรง คน ๆ นี้เพิ่งผ่านการต่อสู้อย่างดุเดือดมา เหตุใดจึงยังคงมีพลังอันแข็งแกร่งถึงเพียงนี้ได้อีก?
ถึงแม้นางจะมีผลการฝึกอยู่ในขั้นไร้เบญจธัญ ทว่าฝึกบำเพ็ญมานานถึงสามสิบปี อีกทั้งยังสืบทอดพลังลึกลับจากผู้ฝึกพุทธโบราณ แม้กระทั่งโหยวเทียนหงผู้ซึ่งอยู่ในขอบเขตไร้เบญจธัญขั้นสมบูรณ์แบบก็ยังไม่อยู่ในสายตาของนาง
ทว่าเวลานี้ ตราประทับซึ่งสร้างชื่อเสียงให้แก่นางกลับไม่อาจต้านทานแรงดาบของซูอี้ได้ เช่นนั้นจะให้นางไม่ตื่นตระหนกตกใจได้อย่างไร?
เวลานี้ คนอื่น ๆ เริ่มมองความผิดปกติแล้ว ซูอี้แสดงพลังออกมาได้โดยไม่มีท่าทีเหนื่อยล้าเลยแม้แต่น้อย
เรื่องนี้ราวกับเกินความคาดหมายของพวกเขา
“คน ๆ นี้กำลังพยายามฝืน ทุกท่านอย่าได้ร้อนใจ เมื่อเวลาผ่านไปจะต้องจัดการเขาได้อย่างแน่นอน!”
ผู้อาวุโสอันดับสองแห่งภูเขามังกรเร้นโจวอวิ๋นไห่ร้องตะโกนเสียงดัง
พอเขาพลิกฝ่ามือ หลาวสีเขียวด้ามหนึ่งก็ปรากฏขึ้นพร้อมกับพายุอันร้อนแรง พลันแหวกอากาศพุ่งออกไปกระทบกับดาบนิลกาฬกลืนฟ้าของซูอี้อย่างแรงถึงกับทำให้ดาบนิลกาฬกลืนฟ้าสั่นสะเทือน
ส่วนโจวถูหงร่างผอมบางผู้มีพลังลมปราณดุร้ายเฉียบขาดที่อยู่ข้างกายก็ก้าวเหยียบอากาศ สองมือชักดาบ พุ่งเข้าหาอย่างแรง
ฉึบ!
กลางอากาศราวกับมีสายฟ้าสีทองโฉบผ่าน
คมดาบสีทองเรืองอร่ามพาดผ่านท้องฟ้าสูงนับร้อยจั้งราวกับแม่น้ำสายยาวสีทองไหลร่วงลงมาจากสวรรค์ชั้นเก้า ฟ้าดินราวกับถูกฟันขาดสะบั้นในดาบเดียว
พลังดาบยังมาไม่ถึง ทว่าภาวะดาบรุนแรงกลับมาถึงก่อน
ดาบพิฆาตแหวกนภา
นี่เป็นวิชาที่โจวถูหงฝึกฝนมานานเป็นเวลาห้าสิบปี ถึงจะฝึกได้สำเร็จ
เมื่อหลายปีก่อน เขาก็อยู่ในขอบเขตไร้เบญจธัญแล้ว ทว่าวิชาดาบที่ฝึกฝนนั้นได้รับการถ่ายทอดจากสำนักวิถีดาบโบราณ กำลังการต่อสู้อันเปี่ยมล้มทั้งตัวไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาทั่วไปจะสามารถเปรียบเทียบได้
“น่ากลัวมาก!”
เสียงร้องตื่นตระหนกตกใจดังขึ้นไกล ๆ
ผู้ที่คอยดูการต่อสู้ต่างก็มีสีหน้าตื่นตระหนก หากไม่ใช่เพราะอยู่ไกล ลำพังเพียงแค่ภาวะดาบก็เพียงพอจะทำให้วิญญาณของผู้ฝึกยุทธ์ทั่วไปแหลกสลายกลายเป็นผุยผง!
ถึงแม้จะอยู่ไกลเพียงนี้แล้ว ทว่าเมื่อพบเห็นกับการโจมตีอย่างต่อเนื่องเช่นนี้ และแม้จะไม่ได้เผชิญหน้าเอง แต่มันก็ยังคงทำให้ทุก ๆ คนอดรู้สึกหายใจไม่ออกอยู่ดี
“ฮึ!”
ซูอี้แสดงสีหน้าดูแคลน ยกมือซ้ายขึ้น นิ้วมือเรียวยาวเนียนใสประดุจหยกเกิดประกายแสงสีเขียว จากนั้นซัดฝ่ามือออกไป
ครืน!
อากาศสั่นสะเทือน
ฝ่ามือสีเขียวสว่างเรืองรอง เรียบง่ายเป็นธรรมชาติ แต่แข็งแกร่งดุดัน โฉบไกลถึงหลายสิบจั้ง กระแทกโดนพลังดาบสีทองร้อยจั้งนั้น
ปัง!
พละกำลังร้อยจั้ง ระเบิดกระจุยในพริบตา
พลังหมัดยังคงไม่ถดถอย ถึงแม้สุดท้ายโจวถูหงจะต้านทานไว้ได้ ทว่ายังคงสั่นสะเทือนจนร่างของเขากระเด็นออกไป ดาบเกือบจะหลุดร่วงออกจากมือ
“เหตุใดเขาจึงแข็งแกร่งได้ถึงเพียงนี้?” โจวถูหงตื่นตระหนก
เพียงดาบเดียวก็สามารถตัดสินแพ้ชนะ!
โดยเฉพาะอย่างยิ่งนี่ยังเป็นวิชาดาบที่โจวถูหงใช้เวลาฝึกฝนสั่งสมมาเป็นเวลาห้าสิบปี ทว่าซูอี้เพียงแค่ชกมาหมัดเดียวเท่านั้น ขณะเดียวกันเขายังบงการดาบนิฬกาลกลืนฟ้าฆ่าคนอีกด้วย
คนเดียวสู้คนมาก ยังแข็งแกร่งได้ถึงเพียงนี้ น่ากลัวยิ่งนัก
โจวฉางอี้กับคนอื่น ๆ มองตากัน ในสายตาฉายประกายอำมหิตโหดเหี้ยม
ทันใดนั้น…
โจวฉางอี้เคลื่อนดาบสายฟ้าอินทนิล ชักนำสายฟ้าพิฆาตสีม่วงจำนวนนับพันนับหมื่น ราวกับองค์เทพอัสนีผู้มีกำลังทำลายล้างอย่างพลิกฟ้าเหนือแผ่นดิน
โจวถูหงเหยียบฟ้าควงดาบ ใช้วิชาสุดยอดอย่างแท้จริงนำพาประกายดาบสีทองอันเรืองอร่ามไร้เทียมทานบุกตะลุยผ่านอากาศ
โจวอวิ๋นไห่ควบคุมหลาวสีเขียวให้พุ่งแทงออกไปดังลมพายุที่เคลื่อนไหวคล่องแคล่ว
สิบนิ้วของโจวชิงเซวียนประสานเป็นตราประทับ ดอกบัวเบ่งบานดอกแล้วดอกเล่าจนเต็มท้องฟ้า ล้วนมีตราประทับลึกลับเกินคาดเดารวมตัวกัน ประดุจดังฝนดาวตก แผดเสียงคำรามรุนแรงออกมา
“ยังไม่พอ” ซูอี้ส่ายหน้า
ธาตุแท้ที่ถาโถมอยู่ในร่าง เวลานี้ล้วนปรากฏออกมา แม้กระทั่งเนื้อหนังภายนอกก็ยังปรากฏประกายแสงสว่างวาววับ
จากนั้น หลังจากที่เขาชักดาบฟันออกไป…
พลังดาบสีใสอันยิ่งใหญ่ร่วงลงจากฟากฟ้าราวกับภูเขาดาบโบราณห้าลูก
เขตแดนมหาดาบเบญจธาตุ!
อานุภาพดาบเช่นนั้นราวกับสามารถกดทับภูเขาแผ่นน้ำดวงเดือนดวงตะวัน
ปัง! ปัง! ปัง!
ตราประทับลึกลับทั้งหมดถูกบดขยี้ทำลายในพริบตา
โจวชิงเซวียนเซถอยหลัง สั่นสะเทือนจนถอยร่นไปไกลหลายสิบจั้ง ใบหน้างดงามขาวซีดยิ่งกว่าเดิม
ถัดมา เกิดมีเสียงดัง หลาวสีเขียวยิงย้อนออกไป ส่งเสียงดังสนั่นฟ้า ผิวนอกของหลาวปรากฏรอยร้าวเล็ก ๆ มากมายหลายรอย
โจวอวิ๋นไห่ส่งเสียงร้องออกมาด้วยความเจ็บใจ
มีแต่เพียงโจวฉางอี้กับโจวถูหงเท่านั้นที่ไม่ได้รับความกระทบกระเทือน ทว่าดาบของซูอี้ที่ฟันลงมานั้นยังทำให้ร่างของพวกเขาสั่นคลอน น่าสมเพชยิ่งนัก
อานุภาพดาบเล่มเดียว แข็งแกร่งได้ถึงเพียงนี้!
ทั้งในและนอกสนามประลอง ไม่มีใครไม่ตื่นตระหนก
“ซี้ด”
โจวซานเจี่ย โจวเป่ยหลิน จี้เหอ และอวิ๋นจงฉีที่อยู่ไกลออกไป ยังไม่ทันได้ลงมือก็ถึงกับสูดปากอย่างพร้อมเพรียงกัน
ตามที่ทราบกันว่าโจวฉางอี้ โจวถูหง โจวอวิ๋นไห่ กับโจวชิงเซวียนล้วนมีระดับการฝึกที่เหนือกว่าตัวตนอย่างโหยวเทียนหงมาก แม้กระทั่งโจวชิงเซวียนผู้อ่อนหัดที่สุดก็ไม่ได้ด้อยเลยแม้แต่น้อย
สี่คนนี้ร่วมมือกันย่อมสามารถต่อสู้กับซูหงหลี่ตอนที่ถูกมารปีศาจครอบงำได้
ทว่าซูอี้คนเดียวต่อสู้กับคนสี่คนนี้ กลับยังเป็นฝ่ายได้เปรียบ!
“ข้าลองดู!” โจวซานเจี่ยลงมือ
เขาย่างออกมาก้าวหนึ่ง ดันฝ่ามือข้างหนึ่งออกมา
ฝ่ามือสีทองขนาดใหญ่มหึมาปรากฏขึ้นกลางอากาศ แสงพุทธรังสียิ่งใหญ่ครอบคลุมฟ้าดิน ดุจดังพระพุทธพันจั้งใช้มือใหญ่ขนาดเท่าฟ้ากดแผ่นดินให้ยุบลง
ครืน!
ก่อนที่ฝ่ามือพระพุทธสีทองจะมาถึง บรรยากาศรอบตัวซูอี้ก็ถล่มทลาย ความวินาศปั่นป่วนที่เกิดขึ้นราวกับกำลังร่ำร้องคร่ำครวญอย่างเวทนา
“น่าสนุก วิชานี้ไม่ธรรมดาเลย”
สายตาของซูอี้ผุดประกายสนใจเล็กน้อย
โจวซานเจี่ยคนนี้ พละกำลังในกายแข็งแกร่งมาก เลือดลมในตัวผสานทั้งในและนอก ชักนำพลังแห่งฟ้าดิน ฝ่ามือเดียวกลับมีอานุภาพยิ่งใหญ่น่าตื่นตะลึง เห็นได้ว่าวิชาที่ฝึกนั้นคงจะเป็นเคล็ดวิชาฝึกกายแห่งสำนักพุทธ
“แต่น่าเสียดาย ยังคงไม่พอเหมือนเดิม”
ซูอี้ไม่ลังเลแม้แต่น้อย ใช้กำลังร่างกายในแบบเดียวกันกดนิ้วออก
ดาบแห่งดวงดาว!
ดวงดาวปรากฏดวงแล้วดวงเล่า ส่องแสงสีใสสว่าง ประกอบกันเป็นเกลียวคลื่นหมู่ดาว ชักพาอากาศโดยรอบให้แปรผันอย่างรุนแรง
เพล้ง!!!
เมื่อฝ่ามือพุทธะสีทองปะทะกับเกลียวคลื่นหมู่ดาว อากาศในบริเวณนั้นราวกับแตกระเบิด ฝนแสงอันเฉิดฉายดุจดังสายน้ำเชี่ยวกรากกลบทับทุกสิ่ง
เพียงแค่ชั่วพริบตา ร่างของโจวซานเจี่ยก็สั่นสะเทือนราวกับถูกพายุมรสุมซัดกระหน่ำ ราวกับว่าวที่เชือกขาด กระเด็นออกไปไกลหลายสิบจั้งจึงสามารถหยุดยั้งตัวเองได้
โจวซานเจี่ยตื่นตะลึง
หนึ่งหมัดกับหนึ่งเท้าของเขามีพลังช้างสารและมังกร สามารถบั่นแม่น้ำตัดภูเขา ทว่าพละกำลังของซูอี้เปรียบได้กับเทพอสูรซึ่งมีพลังไร้ขอบเขตดังที่กล่าวขานในตำนาน แข็งแกร่งยิ่งนัก!
“ทุกท่าน ลงมือพร้อมกันเถอะ ซูอี้คนนี้เป็นคู่ต่อสู้ที่ร้ายกาจไม่เคยพบมาก่อน” โจวฉางอี้กล่าวเสียงเคร่งขรึม
คนอื่น ๆ ต่างก็พยักหน้า
ครืน! ครืน! ครืน!
แรงพิฆาตอันยิ่งใหญ่สะท้านฟ้าแต่ละสายพุ่งทะลุขึ้นชั้นเมฆ ครอบคลุมไปทั่วสี่ทิศแปดทิศทาง กดทับจนอากาศโดยรอบแตกร้าว
เพียงแค่ชั่วพริบตา กลุ่มมังกรเร้นทั้งหกก็ลงมือพร้อมกัน
สายฟ้าอินทนิลประดุจน้ำตก ประกายดาบเจิดจรัสทั่วท้องฟ้า หลาวเขียวร่ายรำ ตราประทับนับไม่ถ้วน…
พละกำลังหกแบบที่แตกต่างกันแฝงไว้ซึ่งพละกำลังอันยิ่งใหญ่ไร้เทียมทาน ดุจดังแม่น้ำใหญ่หกสายร่วงหล่นจากสวรรค์ พุ่งตรงไปหาซูอี้ในฉับพลัน
ชั่วขณะนี้ ดวงตาลุ่มลึกของซูอี้คู่นั้นส่องสว่าง เขารอคอยมานานมากแล้ว
ตัดขาดสัมพันธ์กับตระกูลซูแล้ว ทำให้เขาหมดแล้วซึ่งความคับข้องใจ ไม่มีพันธะผูกพันอันใดอีก จิตใจและร่างกายมีความสมบูรณ์เพียบพร้อม
ตอนนี้ เขาต้องการยืมการต่อสู้ในครั้งนี้เพื่อย่างก้าวเข้าสู่ขอบเขตแห่งบรรพจารย์ยุทธ์ปฐมสวรรค์!
จิตต่อสู้ทั่วร่างคล้ายกับภูเขาไฟที่สงบนิ่งมานานถูกจุดระเบิดขึ้นมา
ซ่า!!!
เลือดโลหิตในร่างของเขาถาโถมซัดกระหน่ำราวกับคลื่นในแม่น้ำกว้าง อวัยวะทั้งห้าส่งเสียงดังราวกับสายฟ้าฟาด ร่างสูงโปร่งของเขารายล้อมด้วยแสงสีเขียวใสอำพัน ล้ำลึกจนยากนักจะคาดเดา
“ฟัน!”
ประกายในสายตาของซูอี้ขยายตัว จิตต่อสู้เดือดพล่าน ดาบนิลกาฬกลืนฟ้าในมือส่งเสียงดังสะท้านฟ้า ฟาดฟันออกไป!