บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 346 เพลงดาบสุดปรีดี
ตอนที่ 346: เพลงดาบสุดปรีดี
ตอนที่ 346: เพลงดาบสุดปรีดี
หนึ่งหมัด สังหารโจวซานเจี่ย!
แม้แต่โจวฉางอี้ก็อดไม่ได้ที่จะหรี่ตา และมีสีหน้าเปลี่ยนไปมาก
คนที่เหลือมีสีหน้าเคร่งขรึมดั่งน้ำลึก
โดยเฉพาะโจวชิงเซวียนที่มีการบ่มเพาะเพียงขอบเขตไร้เบญจธัญ ที่ตกใจจนแทบจะตะโกนออกมา
หากหมัดนั่นโจมตีมาที่นาง เกรงว่าร่างคงถูกทำลายอยู่กลางอากาศแล้ว!
จี้เหอ อวิ๋นจงฉี พวกเขาต่างก็ตกใจและสั่นกลัวขึ้นมา
“กลุ่มมังกรเร้นมีฝีมือแค่นี้เองรึ?”
ซูอี้ยืนอยู่กลางอากาศ ดวงตาฉายแววเยือกเย็น ในน้ำเสียงมีความเหยียดหยาม
เวลานี้ลมปราณหมุนเวียนรอบตัวเขา แผ่ขยายไปทั่ว ชุดเขียวปลิวไสว ร่างกายสว่างแวววาว ประหนึ่งเทพเซียน
“สังหาร!”
โจวฉางอี้ตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด พลันแสดงเพลงดาบทันที
ตูม!
ราวกับสายฟ้าสีม่วงมากมายมหาศาลผ่าลงมาจากเบื้องบน
โจวถูหงและคนอื่น ๆ ต่างกระตุ้นของล้ำค่าพร้อมกัน พลังมหึมาดั่งกลุ่มดาวตกลงมา ปกคลุมไปทั่วท้องฟ้า
เวลานี้ ใครจะกล้าไม่สู้สุดชีวิตกัน?
ร่างซูอี้หายวับไปกลางอากาศ ชั่วพริบตาหนึ่งก็มาปรากฏอยู่ต่อหน้าโจวชิงเซวียน
การฝึกตนของผู้หญิงคนนี้อ่อนที่สุด ทว่ากลับคุยโวโอ้อวดมากที่สุด
ในตอนที่คุมเชิงก่อนหน้านี้ เอ่ยคำพูดเสียดสีและถากถางออกมาไม่รู้เท่าไร จึงถูกซูอี้เล็งเป้าไว้แล้ว
ชิ้ง!
โจวชิงเซวียนมีท่าทางเปลี่ยนไป พลันเปิดเคล็ดวิชาป้องกันตัวเอง สองมือขยับไปมา ทันใดนั้นมีรุ้งหลากสีสันงดงามพุ่งขึ้นไปในอากาศ คล้ายกับหนวดปลาหมึกที่พัวพันสลับกัน ขวางอยู่ด้านหน้านาง
เคล็ดวิชาหมื่นเถาวัลย์แปรเป็นรุ้ง!
เคล็ดวิชาลับโบราณที่ดึงพลังทั่วใต้หล้ามารวมกัน
ทว่าพลังของซูอี้นั้นน่าสะพรึงกลัวกว่ามาก?
ตูม!
ทันทีที่ชกลงไป ม่านกั้นที่แปรสภาพเป็นรุ้งศักดิ์สิทธิ์นับหมื่น พังทลายโดยพลัน
ท่ามกลางประกายแสงที่สาดกระเด็นออกมา ร่างอ่อนช้อยดุจกระดาษเปียกของโจวชิงเซวียนพลันแตกระเบิด
“หืม? ยันต์แทนกาย?”
ซูอี้เลิกคิ้ว เขารู้ในทันทีที่โจมตีโจวชิงเซวียนเมื่อครู่ ว่าเป็นร่างเงาแปรสภาพมาจากยันต์
ที่จริงแล้ว ร่างของโจวชิงเซวียนปรากฏห่างออกไปหลายสิบจั้ง
ใบหน้านางเต็มไปด้วยความหวาดผวา
หมัดเมื่อครู่ ทำให้นางได้รับรู้ว่าความรู้สึกหนีก่อนตายเป็นอย่างไร หากไม่อาศัย ‘ยันต์แทนกาย’ เกรงว่านางคงถูกหมัดนั้นสังหารไปแล้ว!
“ขวางเขาไว้!”
โจวฉางอี้แผดเสียงตะโกนขึ้น
ซูอี้เร็วเกินไป การเคลื่อนไหวก็ไม่แน่นอน ทำให้การโจมตีของพวกเขาก่อนหน้านี้ล้วนล้มเหลว และทำให้โจวชิงเซวียนเกือบตาย
เมื่อเอ่ยจบ โจวฉางอี้ก็พุ่งไปข้างทันที พลางกวัดแกว่งดาบอย่างเกรี้ยวกราด
“ในบรรดาผู้ที่อยู่ในนี้ มีเพียงเจ้าที่มีขอบเขตเปิดทวารผู้เดียวที่พออยู่ในสายตาข้า”
ซูอี้เอ่ยอย่างไม่แยแส
เขาไม่สนการโจมตีของคนอื่น และตวัดหมัดไปทางโจวฉางอี้
ตูม!
โจวฉางอี้ชักดาบอย่างรวดเร็ว ก่อเกิดประกายสายฟ้านับหมื่น พละกำลังมหาศาล รุนแรงไม่มีที่สิ้นสุด
พลังชีวิตของเขาสั่งสมได้อย่างมหาศาล และคู่ควรแก่การเป็นผู้ฝึกตนขอบเขตเปิดทวาร ทุกการเคลื่อนไหว แฝงไว้ด้วยจังหวะวิถีลึกลับ อานุภาพรุนแรงยิ่ง
คล้ายกับคนผู้นี้ แข็งแกร่งกว่าซูหงหลี่ที่บรรลุเมื่อครู่ไปหนึ่งขั้น
ทว่าซูอี้ยิ่งน่ากลัวกว่า แม้เขาจะไม่ใช้ของล้ำค่า แต่ทุกการเคลื่อนไหว หนึ่งหมัดหนึ่งฝ่ามือ ล้วนนำพาพลังที่หนักหมื่นชั่งมาด้วย หมัดแข็งแกร่งห่อหุ้มด้วยลมปราณกำเนิด ดั่งเซียนที่แสดงการต่อสู้ ซึ่งดูเหมือนง่าย ทว่าลึกลับอย่างมาก
หลังจากแลกหมัดกันหลายครั้ง
ซูอี้ชกหมัดขึ้น คล้ายกับดาบเดียวที่พุ่งเข้าไป
ตึง!!
ปราณดาบสายฟ้าสีม่วงที่ปกคลุมท้องฟ้าถูกทลาย ชุดเต๋าบนตัวโจวฉางอี้ฉีกขาด ตัวเขาถอยหลังด้วยแรงระเบิด ทุกการถอยของเขา เกิดรอยทรุดขนาดใหญ่ภายใต้ฝ่าเท้า สายลมรุนแรงพัดมาทั่วทุกทิศ นั่นเป็นเพราะเขามิอาจต้านทานพลังของซูอี้ได้ จึงต้องขจัดการโจมตีทั้งหมดทิ้งไป
ด้วยหมัดเดียว เขาจึงสามารถโจมตีโจวฉางอี้จนถอยรนกลับ ทำให้ผู้ฝึกตนขอบเขตเปิดทวารผู้นี้ใบหน้าแดงก่ำ เลือดลมปราณทั่วร่างปั่นป่วน ได้รับการจู่โจมจนแทบกระอักเลือด!
ในเวลานี้เอง คนที่เหลือต่างโจมตีสุดพลัง แต่ไม่ว่าจะเป็นวิชายอดเยี่ยมเพียงใด หรือของล้ำค่าเพียงไหน ในตอนที่เข้าใกล้ซูอี้ ต่างถูกลมปราณแรกกำเนิดในตัวเขาโต้กลับและสลายไป!
ภาพนี้ ทำให้กลุ่มมังกรเร้นและพวกจี้เหอ ทั้งตกใจทั้งโกรธเกรี้ยว
หลังจากบรรลุ ซูอี้ก็แข็งแกร่งจนพวกเขามิอาจจินตนาการได้!
“ตั้งค่ายกล!”
โจวฉางอี้เอ่ยเสียงขรึม ขณะที่เอ่ยนั้น ก็นำธงขนาดเล็กสีชมพูอมส้มออกมา
สี่คนที่เหลือต่างนำธงค่ายกลของตัวเองออกมา พลันประสานมือออกท่า เพียงพริบตาเดียวเท่านั้น ก็รวมกันเป็นค่ายกล
ตูม!
ทันใดนั้นร่างทั้งห้าของกลุ่มมังกรเร้น ปรากฏเงาวิญญาณปีศาจสูงตระหง่านหนึ่งร้อยจั้ง ลมปราณน่าสะพรึง ทั่วร่างแผ่กลิ่นอายชั่วร้ายมหาศาลนับไม่ถ้วนราวกับน้ำตก
ผืนดินสนั่นสั่นไหว ประหนึ่งรับอานุภาพนั้นไม่ไหว
“เอ๊ะ?”
ซูอี้แปลกใจ
กลุ่มมังกรเร้นห้าคนที่รวมกันเป็นค่ายกลขนาดใหญ่ ค่อนข้างแปลกและยอดเยี่ยมมาก ไม่เพียงทำให้ลมปราณระหว่างพวกเขาทั้งห้ารวมกันเป็นหนึ่ง แต่ยังทำให้พลังของพวกเขาพุ่งสูงขึ้นทันที และสามารถควบคุมพลังวิญญาณปีศาจที่แปรสภาพจากค่ายกลขนาดใหญ่ได้!
“น่าเสียดาย โจวซานเจี่ยตายไปแล้ว ไม่เช่นนั้นพลังของ ‘ค่ายกลหกชนกลายมาร’ นี้คงแข็งแกร่งขึ้นไปอีก”
นัยน์ตาโจวชิงเซวียนเผยความโศกเศร้าออกมา
แววตาโจวฉางอี้ดั่งสายฟ้า พลางเอ่ยอย่างเย็นชา “ซูอี้ ในเมื่อพวกข้ากล้ามา ก็มิเคยดูถูกเจ้าแม้แต่น้อย เห็นแล้วใช่หรือไม่ นี่คือค่ายกลที่มีชื่อว่าหกชนกลายมาร คือของล้ำค่าที่ได้รับมาจากหุบเขามารหลุมสวรรค์ ค่ายกลที่รวมกันนี้ สามารถสังหารผู้ฝึกตนที่ต่ำกว่าวิถีวิญญาณทั้งหมดได้ เจ้าโชคดีที่เห็นค่ายกลนี้ ตายไปก็ไม่สามารถหยั่งรู้ได้!”
มือเขาถือธงขนาดเล็กสีชมพูอมส้ม พลังร้ายแรงของเงาวิญญาณปีศาจบนร่าง น่าสะพรึงกลัวเป็นอย่างมาก
“ค่ายกลหกชนกลายมารอะไร แค่ค่ายกลรบวิชามารที่รวมกันก็เท่านั้น อาจยืมใช้พลังวิญญาณปีศาจได้ ทว่าก็เกิดการสะท้อนกลับต่อผู้ที่ตั้งค่ายได้ด้วย ซึ่งมันช่างไม่โดดเด่นเอาเสียเลย”
ยามนี้ ซูอี้ได้มองความลี้ลับของค่ายกลนี้ออกแล้ว พลางเผยสีหน้าเหยียดหยาม
แม้ค่ายกลนี้จะสะเทือนฟ้าดิน อีกทั้งยังสามารถใช้พลังวิญญาณปีศาจท่ามกลางความมืดมนได้ หากเป็นผู้ฝึกตนวิถีต้นกำเนิดคนอื่น เกรงว่าคงตกใจหวาดกลัวนานแล้ว
แต่น่าเสียดาย วิธีการนี้ไม่ได้ทำให้ซูอี้ตกใจ
เมื่อเอ่ยจบ ซูอี้พลันสะบัดมือ พริบตาหนึ่งกลายเป็นดาบรุ้งที่น่าสะพรึง ผ่าลงมาจากอากาศ
“สังหาร!”
ในขณะเดียวกันโจวฉางอี้และอีกห้าคนเร่งรัดเคล็ดวิชา เพื่อกระตุ้นค่ายกล
เงาวิญญาณปีศาจทั้งห้าที่สูงหนึ่งร้อยจั้ง ราวกับร่างแปรสภาพของทุกคน เมื่อพวกเขาลงมือโจมตีออกมาพร้อมกัน พลังวิญญาณปีศาจที่น่าสะพรึงกลัวและมีกลิ่นอายโบราณ ระเบิดพลังทั้งหมด ปกคลุมไปทางซูอี้ผู้เดียว!
พลังของกลุ่มมังกรเร้นทั้งห้าที่ร่วมมือกัน เดิมทีก็แข็งแกร่งมิอาจเทียบได้ ผนวกกับยามนี้ที่ปลุกพลังวิญญาณปีศาจ ก็ยิ่งมีความน่าสะพรึงกลัวมากขึ้น
เมื่อมองไปที่อากาศจากในระยะไกล ห้าวิญญาณปีศาจแผดเสียงคำราม มีพลังยิ่งใหญ่เทียมฟ้าดิน พลังกดทับดั่งภูเขาและแม่น้ำ ทำให้อากาศปั่นป่วนยุ่งเหยิง
ไม่รู้ว่าผู้ชมกี่คนที่ตกใจจนขลาดกลัว แทบรู้สึกหายใจไม่ออกและสิ้นหวัง
ซูอี้ไม่ถอยและไม่หลบ พร้อมเผชิญกับการโจมตีนี้
เขาสะบัดมือ ลมปราณมหาศาลทะยานไปในน่านฟ้า และขยายแก่นแท้ของเพลงดาบสุดปรีดี
ดึงดารา หลอกล่อสังหาร ตัดสมุทรผ่าขุนเขา คว้าสุริยันจันทรา ทัศนาสิบทิศ สะบั้นสุดพันธะ!
ทั้งหกเพลงดาบพ้นพันธนาการและอยู่เหนือกฎเกณฑ์ ทุกกระบวนท่าที่กวัดแกว่ง ล้วนปรากฏความสุขออกมาดั่งสายลมที่ลอยไปมาอย่างอิสระ
แม้พลังค่ายกลขนาดใหญ่ที่รวมจากกลุ่มมังกรเร้นห้าคนจะไม่มีที่สิ้นสุดก็ตาม ทว่าก็มิอาจโจมตีซูอี้ได้เลย
กลับกันในขณะที่เขาตวัดปราณดาบออกไปเพียงเล็กน้อย ก็ทำให้ ‘ค่ายกลหกชนกลายมาร’ ได้รับการโจมตีอย่างน่าสะพรึงกลัว และถูกเหวี่ยงอย่างรุนแรง
เงาวิญญาณปีศาจทั้งห้า ถูกปราณดาบทุกทิศทางตัดจนปรากฏรอยแยกออกมา และดูเหมือนลมปราณทั่วร่างจะเผยความปั่นป่วนขึ้น
สิ่งนี้ทำให้โจวฉางอี้และคนอื่นเกือบมึนงงสับสน
ไม่นึกเลยว่า พลังค่ายกลหกชนกลายมารจะทำอะไรซูอี้ไม่ได้!
พวกเขาไม่รู้ว่า ในตอนที่ซูอี้ล่วงรู้ความลับของค่ายกลนี้ อีกฝ่ายได้หาวิธีรับมือกับวิชานี้แล้ว แล้วเขาจะบาดเจ็บจากค่ายนี้ได้อย่างไร?
“ตัด!”
ทันใดนั้น ซูอี้คำรามขึ้นมา พลันฝ่ามือที่มีปราณดาบสีใสแสบตา มีความหนาเพียงนิ้วเดียว รวมกันอย่างมหาศาล ผู้ใดที่มองปราณดาบนี้โดยตรง จะถูกแสงแหลมคมของมันทำลายดวงตา
พรึบ!
แทบไม่มีคำพูดใดมาเปรียบเทียบกับเพลงดาบนี้ ประหนึ่งโลกมืดมนไร้แสงภายใต้เพลงดาบนี้
พริบตาหนึ่ง เพลงดาบนี้เจาะเข้าไปในค่ายกลหกชนกลายมารด้วยความเร็วที่น่าเหลือเชื่อ ทะลุผ่านร่างโจวฉางอี้กับกลุ่มมังกรเร้นที่เหลือทั้งห้า
จากนั้น
ตูม! ตูม! ตูม! ตูม!
เกิดเสียงระเบิดดังขึ้น
บนอากาศเหนือค่ายกลหกชนกลายมาร เงาวิญญาณปีศาจห้าร่างแตกกระจายไปทั่วราวกับกระดาษเปียก พังทลายดั่งกระแสน้ำ
ต่อมา โจวฉางอี้กับห้าคนที่เหลือกรีดร้องด้วยความทรมาน บนร่างปรากฏรอยดาบเด่นชัดที่ชโลมไปด้วยเลือด
โจวถูหงเผยท่าทางเจ็บปวดออกมา ก้มหน้ามองร่างตัวเองราวกับไม่อยากจะเชื่อ
ตุบ!
ในระหว่างที่ก้มหน้านั้นเอง ร่างเขาขาดเป็นสองส่วน ร่วงหล่นจากอากาศ เลือดแดงฉานสาดกระเซ็นไปทั่ว
ผู้ฝึกดาบแข็งแกร่งระดับขอบเขตไร้เบญจธัญผู้นี้ ถูกตัดขาดครึ่งในการโจมตีนี้!
ทว่านี่เป็นเพียงแค่เริ่มต้นเท่านั้น
ฉัวะ!
โจวอวิ๋นไห่ที่ยืนอยู่ด้านข้าง ปรากฏเส้นสีเลือดจากหน้าผาก ลามลงมาอย่างรวดเร็วผ่านปลายจมูก ริมฝีปาก คอ อก…
จนสุดท้าย ตัวเขาก็แยกออกเป็นสองส่วน ปราณดาบที่น่าหวาดกลัว ระเบิดออกมาจากร่างที่ฉีกขาด
“น่าเสียดาย…”
ท่ามกลางอากาศ มีเพียงเสียงโศกเศร้าของโจวอวิ๋นไห่ที่หลงเหลืออยู่
ร่างสองส่วนของเขายังไม่ทันได้หล่นลงพื้น ก็ถูกปราณดาบฟันอีกครั้งอย่างโหดร้าย
ตามมาด้วยโจวเป่ยหลิน ชายหนุ่มหล่อเหลา สวมชุดผ้าไหมขนนก หัวเอียงและกลิ้งหล่นมาจากคอ เลือดแดงฉานพุ่งกระจายออกมาจากคอดุจน้ำพุ
ปั้ง!
จากนั้น ร่างสูงผอมของโจวชิงเซวียนเกิดเสียงดังขึ้นราวกับพลุที่ระเบิดติดต่อกัน ยันต์หยกล้ำค่าหายากต่าง ๆ ที่ห้อยอยู่กับตัวนาง พลันแตกละเอียดเป็นผุยผงทันที
นางมองซูอี้ที่อยู่ไกลออกไปด้วยความนิ่งอึ้ง ในตอนที่นางกำลังจะเอ่ยสิ่งใดออกมา ลำคอนั้นกลับมีรอยแยกปรากฏขึ้น นั่นคือรอยของปราณดาบเจาะทะลุเหลือเอาไว้
จากนั้น ร่างที่เหมือนจอกแหนของนางพลันร่วงลงสู่เบื้องล่าง
ยันต์แทนกายที่ช่วยนางไว้ครั้งหนึ่ง กลับมิอาจช่วยนางได้ในครั้งที่สอง!
เหลือเพียงโจวฉางอี้ผู้เดียว ที่ไอออกมาอย่างรุนแรง ด้านหลังเขามีรอยดาบลึกจนเห็นกระดูก เลือดแดงฉานไหลทะลักออกมาดั่งน้ำตก
และมีเพียงเขาผู้เดียวที่บาดเจ็บและไม่ตาย!
เพียงดาบเดียว ทลายค่ายกลหกชนกลายมารอย่างไร้ปรานี สังหารกลุ่มมังกรเร้นสี่คน และทำให้โจวฉางอี้ที่อยู่ขอบเขตเปิดทวารได้รับบาดเจ็บสาหัส
ภาพเหล่านั้น สั่นสะเทือนไปทั้งแดนดิน ทำให้คนส่วนใหญ่นิ่งอึ้ง ทั่วทั้งบริเวณเงียบสงัด
นี่… คือเพลงดาบอะไรกันแน่!?
ก่อนหน้านี้จี้เหอ ฉือเฟิงหลิว อวิ๋นจงฉี และคนอื่นที่หลบอยู่หลังค่ายกลมาตลอด ล้วนตกใจกับภาพเข่นฆ่านี้จนมือไม้เย็นเฉียบ ราวกับตกลงไปในถ้ำน้ำแข็ง ในใจมิอาจระงับความหวาดกลัวที่พรั่งพรูออกมาได้
ครั้นมองไปที่ซูอี้ เขากลับส่ายหน้าเล็กน้อย
เพลงดาบนี้ เขาได้ใช้การบ่มเพาะขอบเขตบรรพจารย์ยุทธ์ปฐมสวรรค์ ผสานกับสามหัวใจหลัก*[1] และใช้แก่นแท้ของเพลงดาบสุดปรีดีกวัดแกว่งออกไป ดังนั้นพลังนี้… จะธรรมดาได้อย่างไร?
แต่ซูอี้กลับไม่ค่อยพอใจ
สังหารได้เพียงสี่คน แต่ไม่สามารถสังหารโจวฉางอี้ที่อยู่ขอบเขตเปิดทวารไปพร้อมกันได้ ยอมรับว่า เขาที่เพิ่งบรรลุ ยังขาดความชำนาญในการควบคุมพลัง
[1] สามหัวใจหลัก ประกอบด้วยจิตวิญญาณ แก่นแท้ และพลังชีวิต ที่เมื่อประกอบรวมกันจะเท่ากับมนุษย์หนึ่งคน