บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 352 ข่าวลือเรื่องชุมนุมมวลพฤกษา
ตอนที่ 352: ข่าวลือเรื่องชุมนุมมวลพฤกษา
ตอนที่ 352: ข่าวลือเรื่องชุมนุมมวลพฤกษา
เยว่ซือฉานสวมชุดขาวราวหิมะ ด้านหลังแบกดาบ เส้นผมอ่อนนุ่มสีดำถูกมัดไว้ด้วยเชือกสีแดง เอวด้านข้างผูกขวดน้ำเต้าสีเหลืองไว้
ภายใต้อาทิตย์ยามอัสดงดุจเปลวไฟ ใบหน้าดั่งรูปวาดของหญิงสาวสว่างสดใสราวกับเซียน
ซูอี้เอนกายอยู่บนเก้าอี้หวายอย่างเกียจคร้าน พลางสำรวจเยว่ซือฉานขึ้นลง และชี้ม้านั่งหินที่อยู่ด้านข้าง “นั่งสิ”
เยว่ซือฉานนั่งลงบนม้านั่งหิน แสงสุริยันสาดส่องรูปร่างที่สวยงามของนาง ประหนึ่งเสื้อแสงที่สลัวอ่อนโยนพาดไว้หนึ่งชั้น ราวตกอยู่ในห้วงแห่งความฝัน
“ยามนี้สหายเต๋านับว่าแกร่งกล้าสามารถที่สุดในต้าโจวนี้แล้ว แทบเรียกได้ว่าไร้เทียมทานไม่มีคู่ต่อกร ไม่รู้ว่าจากนี้ท่านตั้งใจจะทำสิ่งใดต่อ?”
ริมฝีปากสีเลือดฝาดของเยว่ซือฉานเริ่มขยับ น้ำเสียงนุ่มนวลเย็นฉ่ำ ช่างไพเราะเหลือเกิน
“ไม่มีศัตรู?”
ซูอี้ยิ้มครู่หนึ่ง “ข้าเพิ่งอยู่ขอบเขตบรรพจารย์ยุทธ์ปฐมสวรรค์ จะกล้าประกาศว่าไม่มีศัตรูได้อย่างไร ส่วนแผนต่อจากนี้… ยังไม่มี”
เยว่ซือฉานยิ้มออกมาเล็กน้อย “สหายเต๋าถ่อมตัวเกินไปแล้ว ในความคิดข้า เว้นเสียว่าบุคคลเหล่านั้นมีรากฐานที่เหนือกฎแห่งสวรรค์ ไม่เช่นนั้น ผู้ฝึกตนภายใต้วิถีวิญญาณ ก็คงมิอาจข่มขู่สหายเต๋าได้”
ซูอี้ไม่สนใจเรื่องนี้อีก เขาจับเหล้าไหที่อยู่บนโต๊ะหนังสือด้านข้างขึ้นมา แล้วเอ่ยถาม “ดื่มสุราหรือไม่?”
เยว่ซือฉานดึงขวดน้ำเต้าสีเหลืองจากข้างเอวบาง และเอ่ย “สหายเต๋าอยากลองชิมสุราของข้าหรือไม่?”
ซูอี้ไม่ปฏิเสธ “ก็ดี”
เยว่ซือฉานลุกขึ้น นำสุราในน้ำเต้าเทให้กับซูอี้หนึ่งจอก สีของสุราเหมือนสีเขียวอำพัน เจือแสงแวววาวของจิตวิญญาณเล็กน้อย กลิ่นหอมที่โชยมาแตะจมูกแผ่กระจายออกไป ปกคลุมไปทั่วอากาศ ซึ่งแฝงไว้ด้วยกลิ่นหอมหวานที่เป็นเอกลักษณ์
“นี่คือสุราที่ข้ากลั่นมากจากน้ำหวานดอกไม้วิญญาณหลายร้อยชนิดในส่วนลึกขุนเขาปีศาจเพลิงเงิน สหายเต๋าลองชิมรสดู”
แม้เยว่ซือฉานยังคงความสุขุม ทว่านัยน์ตากลับฉายประกายขบขัน
ซูอี้ยกสุราดื่มจนหมด ลิ้มรสและจำแนกรสชาติ พลางพยักหน้า “สุรานี้ไม่เลวเลย กลมกล่อมชุ่มชื่น มีรสชาติแตกต่างโดดเด่นเป็นพิเศษ และที่หาได้ยากคือ มันยังแฝงจิตวิญญาณที่อ่อนนุ่มเอาไว้ มีประโยชน์ต่อการบำรุงเลือดลมมาก”
เยว่ซือฉานหัวเราะขึ้นมา เทสุราเต็มจอกให้แก่ซูอี้อีกครั้ง แล้วเอ่ยขึ้น “สหายเต๋าไม่อยากรู้จุดประสงค์ที่ข้าแวะมาเยี่ยมในครานี้รึ?”
ซูอี้เอ่ย “ว่ามาสิข้าฟังอยู่”
เยว่ซือฉานนั่งลงอีกครั้ง พลางคิดครู่หนึ่ง และเอ่ยขึ้น “ไม่ทราบว่าสหายเต๋าเคยได้ยินเรื่องการจัดงาน ‘ชุมนุมมวลพฤกษา’ ภายในอาณาเขตต้าเซี่ย ในอีกครึ่งปีหรือไม่?”
ซูอี้ตกใจครู่หนึ่ง แล้วส่ายหน้า “ไม่เคยได้ยินมาก่อน”
ต้าเซี่ยคือเจ้าผู้ปกครองในมหาทวีปคังชิง อาณาเขตกว้างใหญ่ อำนาจในอาณาจักรเจริญรุ่งเรือง มีตัวตนมหาปราชญ์สวรรค์มากมาย และเมืองขึ้นที่อยู่ใต้อำนาจต้าเซี่ยก็มีมากกว่าสิบเมือง!
เมื่อเทียบกันแล้ว ไม่ว่าจะเป็นต้าโจว ต้าเว่ย หรือต้าฉิน ก็แทบไม่ต่างอะไรกับเมืองขึ้นเหล่านั้นในต้าเซี่ย และมิอาจเปรียบเทียบกับต้าเซี่ยได้เลย
เนื่องจากระยะทางระหว่างต้าโจวกับต้าเว่ยไกลกันมาก จึงไม่สามารถเข้าถึงข่าวสารได้ทั้งสองฝ่าย ดังนั้นสำหรับคนทั่วไปในต้าโจว พวกเขาจึงไม่รู้ด้วยซ้ำว่าบนโลกนี้ยังมีอาณาจักรต้าเซี่ยอยู่
แม้แต่เหล่าผู้ฝึกตน ต้าเซี่ยก็ยังนับว่าห่างไกลเกินไป ดังนั้นความเข้าใจที่มีต่อต้าเซี่ยนั้น ส่วนใหญ่จึงเป็นเศษเสี้ยวที่มาจากข่าวลือเท่านั้น
เยว่ซือฉานเอ่ยทันที “ที่เรียกว่า ‘ชุมนุมมวลพฤกษา’ เริ่มมาจากจักรพรรดิเซี่ยองค์ปัจจุบัน และจัดขึ้นโดยกองกำลังสูงสุดทั้งสี่ในต้าเซี่ย…”
“เพียงผู้ฝึกตนอยู่ในวิถีต้นกำเนิด ก็สามารถเข้าร่วมได้”
“หลังจากชุมนุมมวลพฤกษาได้พิจารณาการต่อสู้ในแต่ละครั้ง สุดท้ายผู้ที่อยู่สามสิบอันดับแรก จะได้รับ ‘ยันต์พระสุเมรุ’ ไปครอง”
“ผู้ที่อยู่สิบอันดับแรก จะได้รับของรางวัลเป็นสมบัติล้ำค่า โอสถวิญญาณและอื่น ๆ จากจักรพรรดิเซี่ยองค์ปัจจุบัน”
“ผู้ที่อยู่สามอันดับแรก จะได้รางวัลพิเศษเป็น ‘กระดูกวิญญาณเสี่ยงทาย’ ไป”
“และผู้ที่ได้อันดับหนึ่ง ว่ากันว่ายังได้รับรางวัลลึกลับที่พิเศษอีกอย่างหนึ่ง”
เมื่อฟังมาถึงตรงนี้ ซูอี้ก็อดแปลกใจไม่ได้ “นำ ‘กระดูกวิญญาณเสี่ยงทาย’ มาเป็นของรางวัล? จักรพรรดิต้าเซี่ยองค์ปัจจุบันผู้นี้ช่างกระทำการใหญ่เสียจริง”
กระดูกวิญญาณเสี่ยงทาย คือวัตถุวิญญาณระดับพิเศษ ซึ่งสามารถทำให้การฝึกฝนรากฐานหลักของผู้ฝึกตนก้าวไปอีกขั้นหนึ่ง
โดยเฉพาะผู้ฝึกตนที่จะก้าวเข้าสู่ขอบเขตเปิดทวาร หากมีวัตถุวิญญาณชิ้นนี้คอยช่วยเหลือ ย่อมสามารถสร้างรากฐานในขอบเขตเปิดทวารที่ล้ำเลิศได้!
ในเก้ามหาแดนดิน วัตถุวิญญาณชิ้นนี้ถือว่ามีมูลค่าอย่างยิ่ง
และสาเหตุที่ซูอี้ตกใจ เพราะในมหาทวีปคังชิง จักรพรรดิบนโลกสามัญผู้หนึ่ง สามารถนำวัตถุวิญญาณเช่นนี้มาเป็นของรางวัลได้ ดังนั้นจึงรู้ได้ทันที ว่าพื้นเพของอาณาจักรต้าเซี่ยนี้มีกำลังทรัพย์เพียบพร้อมเพียงใด
“ว่ากันว่า จักรพรรดิเซี่ยองค์ปัจจุบันอาจจะเป็นผู้ฝึกตนวิถีวิญญาณ ซึ่งมีความสามารถยิ่งใหญ่ และพลังมหาศาลมิอาจหยั่งรู้ได้”
เยว่ซือฉานเอ่ยเสียงเบา “ยิ่งไปกว่านั้น ต้าเซี่ยเมื่อนานมาแล้ว ได้เริ่มสืบหาสถานที่ล้ำค่าบนโลกนี้ และหลายปีมานี้ ของล้ำค่าที่ตกอยู่ในมือจักรพรรดิต้าเซี่ยคงมีไม่น้อยเลย”
ซูอี้อดไม่ได้ที่จะทอดถอนใจ
นี่คือข้อดีของการเป็นจักรพรรดิ พอมีคำสั่งลงมา ก็มีคนนับไม่ถ้วนยินดีรวบรวมข้อมูลค้นหาของล้ำค่าทั่วใต้หล้าให้
และในฐานะที่เป็นเจ้าผู้ปกครองมหาทวีปคังชิง ทรัพยากรการฝึกตนมากมายที่จักรพรรดิต้าเซี่ยสะสมมาหลายปี ต้องมิอาจประเมินค่าได้แน่
ซูอี้รู้ดี หากจักรพรรดิต้าเซี่ยคือผู้ฝึกตนวิถีวิญญาณจริง ด้วยความสามารถของเขา หากต้องการรวบรวมของล้ำค่าในมหาทวีปคังชิง ก็มิใช่เรื่องยากอะไร
หากเทียบกับต้าโจวก็จะรู้ได้เลย
หลายปีมานี้ จักรพรรดิโจวได้รวบรวมของล้ำค่าในแปดมหาขุนเขาปีศาจและมอบให้กลุ่มมังกรเร้นทั้งหมด คนกลุ่มนั้นจึงมีเคล็ดวิชาสืบทอดโบราณในครอบครอง ทำให้มีกำลังเหนือกว่าผู้ฝึกฝนขอบเขตเดียวกัน
แล้วต้าเซี่ยที่เป็นเจ้าผู้ปกครองในมหาทวีปคังชิงเล่า? …รู้ได้เลยว่า จะต้องมีสถานที่อันตรายลึกลับเฉกเช่นแปดมหาขุนเขาปีศาจอยู่ภายในอาณาเขตอย่างมากมายเป็นแน่
ฉะนั้นของล้ำค่าและของรังสรรค์ที่จักรพรรดิต้าเซี่ยสะสม จะมีน้อยได้อย่างไร?
“แล้วยันต์พระสุเมรุคือสิ่งใด?” ซูอี้ถาม
เยว่ซือฉานเอ่ย “ว่ากันว่า ค้นพบเกาะลึกลับแห่งหนึ่งภายในอาณาเขตต้าเซี่ย ชื่อว่า ‘เกาะเซียนพระสุเมรุ’ มีเพียงผู้ควบคุมยันต์พระสุเมรุเท่านั้น ถึงจะสามารถเข้าไปหาของล้ำค่าในเกาะนั้นได้”
ซูอี้เข้าใจอยู่บ้าง พลางเอ่ย “จุดประสงค์ที่จักรพรรดิเซี่ยจัดประชุม ‘ชุมนุมมวลพฤกษา’ ก็เพื่อเลือกผู้ฝึกตนออกมากลุ่มหนึ่ง และช่วยจักรพรรดิเซี่ยค้นหาของล้ำค่าในเกาะเซียนพระสุเมรุสินะ?”
เยว่ซือฉานพยักหน้า “คงเป็นเช่นนั้น แต่ในผู้ฝึกฝนเหล่านั้น ใครจะปฏิเสธสิ่งล่อตาล่อใจเช่นนี้ได้กัน?”
“หากเอ่ยเช่นนี้ เกาะเซียนพระสุเมรุคงจะไม่ธรรมดาแล้ว มีเพียงผู้ฝึกตนที่มีวิถีต้นกำเนิดถึงจะสามารถเข้าไปในนั้นได้ และในนั้นจะต้องอันตรายมากแน่ ไม่เช่นนั้น จักรพรรดิเซี่ยคงมิต้องลำบากเลือกผู้ฝึกตนวิถีต้นกำเนิดที่ยอดเยี่ยมที่สุดออกมา”
ซูอี้ทำท่าทางครุ่นคิด
เยว่ซือฉานชะงักค้าง ก่อนเอ่ยขึ้น “เหตุใดสหายเต๋าถึงคิดเช่นนั้น?”
“หากผู้ฝึกตนวิถีวิญญาณสามารถเข้าไปในเกาะเซียนพระสุเมรุได้ ผู้ฝึกตนวิถีต้นกำเนิดจะมิอาจเข้าร่วมได้อย่างไร?”
ซูอี้หัวเราะขึ้นมา “เช่นเดียวกัน หากภายในเกาะเซียนพระสุเมรุไม่มีเรื่องอันตรายใด จักรพรรดิเซี่ยก็มิต้องจัดการชุมนุมมวลพฤกษาเช่นนี้ขึ้น เขาแค่เลือกผู้ฝึกตนมาหนึ่งกลุ่มแล้วเดินทางไปก็ได้แล้ว”
“สรุปคือ ในความคิดข้า จักรพรรดิต้าเซี่ยคงจะรู้เกี่ยวกับสถานการณ์ภายในเกาะเซียนพระสุเมรุไม่มาก และไม่แน่ใจ ถึงได้ใช้การชุมนุมมวลพฤกษาในครานี้เพื่อเลือกผู้ฝึกตนชั้นยอด ให้พวกเขาออกเดินทางไปค้นหา”
เมื่อเอ่ยจบ ซูอี้ก็ดื่มสุราที่อยู่ในจอกจนหมด
เมื่อหนึ่งแสนแปดพันปีก่อน เขาเคยเข้าร่วมปฏิบัติการค้นหาอาณาเขตลึกลับอันตรายมากมาย ถึงขนาดที่ตัวเขาเคยจัดการประชุมเฉกเช่น ‘ชุมนุมมวลพฤกษา’ หลายครั้ง
ในสถานการณ์นี้ จะเดาความคิดที่จักรพรรดิต้าเซี่ยจัดประชุมชุมนุมมวลพฤกษาไม่ออกได้อย่างไร
ดวงตาคู่งามของเยว่ซือฉานฉายแววตะลึงขึ้นมา ก่อนเอ่ย “ไม่นึกเลยว่า สหายเต๋าจะรู้ถึงความลี้ลับในนั้นทันที”
ซูอี้โบกมือ “เจ้าเพียงแค่ถูกของรางวัลใน ‘ชุมนุมมวลพฤกษา’ ล่อลวงไว้ มิได้คิดไปถึงส่วนลึกก็เท่านั้น”
เยว่ซือฉานอดไม่ได้ที่จะเอ่ย “เช่นนั้น… สหายเต๋าสนใจเข้าร่วมการชุมนุมมวลพฤกษาในครั้งนี้หรือไม่?”
ซูอี้เหลือบมองหญิงสาวที่มีใบหน้าดั่งภาพวาด งดงามดั่งนางฟ้า และเหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม “จุดประสงค์ที่เจ้ามาในวันนี้ เพราะอยากจะชวนข้าเดินทางไปต้าเซี่ยด้วยกันสินะ?”
เมื่อสบสายตาห้าวหาญของซูอี้โดยตรง เยว่ซือฉานก็รู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย ทว่ายังเอ่ยด้วยเสียงราบเรียบ
“ถูกต้อง ไม่ปิดบังสหายเต๋า หลายปีมานี้ ของล้ำค่าในแปดมหาขุนเขาปีศาจแห่งต้าโจว ถูกคนจำนวนมากค้นหามาจนถึงตอนนี้ และแทบจะหาของล้ำค่าที่มีมูลค่าไม่ได้แล้ว”
ใบหน้างดงามของเยว่ซือฉานฉายแววเสียดายออกมาเล็กน้อย “ในสถานการณ์นี้ ไม่เพียงแค่ต้าโจว ทว่าต้าเว่ย ต้าฉินก็เป็นเช่นเดียวกัน หลายปีมานี้ ข้าลุยน้ำข้ามเขาภายในอาณาจักรนี้ ไปยังสถานที่อันตรายที่มีของล้ำค่าซ่อนเอาไว้ แต่ส่วนใหญ่ก็กลับมาแค่มือเปล่า”
ซูอี้เอ่ย “ดังนั้น เจ้าจึงตัดสินใจไปต้าเซี่ยเพื่อลองเสี่ยงโชคดู?”
เยว่ซือฉานพยักหน้า “ถูกต้อง”
ซูอี้เอ่ยด้วยความปลง “เจ้ารู้หรือไม่ อย่างน้อยสามปี อย่างมากห้าปี มหาทวีปคังชิงนี้จะมี ‘แสงสว่างแห่งโลกกว้าง’ มาถึง? ”
เยว่ซือฉานนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนเอ่ยด้วยความนับถือ “ข้ารู้เพียงแค่แสงสว่างแห่งโลกกว้างในตำนานกำลังจะมาถึง แต่ไม่คิดว่าสหายเต๋าจะคาดเดาเวลาที่จะมาถึงออกมาได้”
เมื่อพักไปครู่หนึ่ง นางก็เอ่ยต่อ “แต่สหายเต๋าคงไม่รู้ ข้าเดินทางไปฝึกตนในต้าเซี่ยครานี้ เพื่อพยายามทำให้ระดับการฝึกฝนสูงขึ้นอีก จะได้รับมือกับแสงสว่างแห่งโลกกว้างที่จะมาถึงไหว”
นัยน์ตาซูอี้ฉายแววชื่นชม
หลังจากที่สนทนากัน เขาก็รู้ได้ทันที หญิงสาวที่เหมือนบทกวีเหมือนภาพวาดนางนี้ มีหัวใจที่มุ่งมั่นและบริสุทธิ์ยิ่ง ไม่ว่าสติปัญญาหรือความกล้าหาญ ก็เหนือกว่าคนอื่น ๆ มาก
เมื่อคิดครู่หนึ่ง ซูอี้จึงหันไปมองเยว่ซือฉาน “หากเจ้าตกลง ข้าสามารถเป็นคนชี้นำลู่ทางให้แก่เจ้าได้ ไม่เอ่ยถึงอย่างอื่น อย่างน้อยก็ทำให้เจ้าเดินไปบนลู่ทางได้สูงขึ้นและไกลขึ้น ”
เยว่ซือฉานยกยิ้มขึ้นมา “สหายเต๋าตั้งใจรับข้าเป็นศิษย์รึ?”
ซูอี้ส่ายหน้า พลางถอนหายใจเบา ๆ “เว้นเสียว่าจำเป็น หรือทำให้ข้าใจเต้นมาก ไม่เช่นนั้น ทั้งชีวิตนี้คงไม่รับศิษย์อีกแล้ว”
น้ำเสียงเจือไปด้วยความกลุ้ม
เยว่ซือฉานนิ่งไป เมื่อฟังน้ำเสียงของชายหนุ่ม นางไม่มีแม้แต่คุณสมบัติที่จะกลายเป็นศิษย์ของเขารึ?
ชั่วครู่หนึ่ง นางถึงควบคุมจิตใจให้มั่น และเอ่ยคำ “เรื่องนี้ ข้าจะคิดให้ดี”
ซูอี้ไม่รู้สึกฝืนใจ และเอ่ยทันที “เจ้าคิดได้เมื่อใด ก็มาหาข้าได้ทุกเมื่อ”
เขารู้สึกชื่นชมเยว่ซือฉานมาก ตั้งแต่กลับชาติมาเกิดจนถึงยามนี้ เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นบุคคลที่มีบุคลิก พรสวรรค์ หน้าตายอดเยี่ยมเช่นนี้
แน่นอนว่า เขาไม่บังคับ
ในตอนนี้ เยว่ซือฉานกะพริบตา และเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม “เช่นนั้น… สหายเต๋าตกลงเดินทางไปต้าเซี่ยกับข้าหรือไม่?”