บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 381 ศัตรูรอบด้าน สยบด้วยพลัง
ตอนที่ 381: ศัตรูรอบด้าน สยบด้วยพลัง
ตอนที่ 381: ศัตรูรอบด้าน สยบด้วยพลัง
ครืน!
ผู้เฒ่าสวมหมวกทรงสูงแบบโบราณที่ถูกเรียกว่า ‘ผู้เฒ่าอวิ๋น’ คนนั้นเริ่มลงมือก่อนเป็นคนแรก ร่างผอมกะหร่องของเขาขยายใหญ่ สูงขึ้นกว่าเดิมห้าจั้งในชั่วพริบตา
ผิวนอกของเขามีเกล็ดสีดำผุดขึ้นจนทั่วร่าง นัยน์ตาเป็นสีแดง เขี้ยวสีขาวหนึ่งคู่คล้ายกับเสี้ยวพระจันทร์งอกออกมาจากปาก
พลังเพลิงปีศาจอันโชติช่วงแผ่ออกมาจากร่างของผู้เฒ่าและขยายออกไป นั่นเป็นกำลังอานุภาพของผู้ที่อยู่ในขอบเขตเปิดทวาร มีความดุดันโหดเหี้ยมอำมหิต
“นี่…”
ฉินต่งซวีกับคนอื่น ๆ ต่างขนลุกซู่ด้วยความหวาดกลัว กระทั่งหายใจยังรู้สึกติดขัด
พลังลมปราณของผู้เฒ่าคนนี้ ดุดันรุนแรง น่ากลัวยิ่งกว่าอาหลินหญิงสาวทวนเงินและหนุ่มน้อยชุดสีม่วงมาก!
ดวงไฟปีศาจสีดำโชติช่วงปกคลุมร่างที่สูงห้าจั้งของเขาอย่างเห็นได้ชัดเจน ราวกับเทพผู้อำมหิต
ซูอี้ซึ่งเดิมทีรู้สึกหมดความอดทนถึงกับเลิกคิ้ว วานรอสูรไฟ!
นี่คืออมนุษย์โดยกำเนิด มีพละกำลังมากมาย สายเลือดแข็งแกร่ง มีพลังควบคุมเพลิงไฟแต่กำเนิด!
ครืน!
ผู้เฒ่าสาวเท้าก้าวใหญ่เดินมาข้างหน้า ถึงแม้จะมีร่างสูงใหญ่ แต่กลับมีความรวดเร็วประดุจเพลิงไฟสายฟ้าแลบ ยังไม่ทันได้เข้าใกล้ ก็ซัดหมัดเข้าใส่ซูอี้แล้ว
ภายในหมัดเดียว อากาศแปรปรวน ไฟอสูรสีดำลุกโชน แผดเผาร้อนแรง
ซูอี้ไม่หลบไม่หลีก ยกมือวาดลวดลาย ปะทะเข้าใส่โดยตรง
ครืน!
คลื่นพลังทำลายล้างพลังลมปราณอันน่าสะพรึงกลัวแผ่กระจายออกจากร่างของซูอี้กับผู้เฒ่า
ร่างของซูอี้สั่นคลอนเล็กน้อย ทว่ายังคงอยู่กับที่ไม่ขยับเขยื้อน
ผู้เฒ่าสั่นสะเทือนจนถึงกับถอยออกไปหนึ่งก้าว
“ประลองอีกครั้ง!”
ดวงตาสีแดงของผู้เฒ่ามีประกายเย็นวาบผุดออกมา เสียงดังราวกับฟ้าผ่า ควงหมัดอีกครั้ง
กำลังหมัดเช่นนั้นรุนแรงโหดเหี้ยม สะท้านฟ้าสะเทือนดิน
“ที่แท้ก็เดินสายวิถีฝึกกายหนึ่งชีพจร พละกำลังของร่างกายถึงได้ใกล้เคียงร่างทองคำไม่สูญสลายของผู้ฝึกวิถีพุทธ พื้นฐานมหาวิถีก็ล้ำเลิศกว่าปกติทั่วไป ผู้ฝึกตนขอบเขตเปิดทวารในโลกสามัญไม่อาจเทียบเคียงได้ แต่เสียดาย…”
“ยังแข็งแกร่งไม่พอ”
ซูอี้แอบส่ายหน้า
เห็นหมัดของผู้เฒ่าซัดเข้าหา ร่างของซูอี้พลันขยายในทันใด เลือดลมทั่วร่างสั่นสะเทือนเกิดเสียงดังราวกับระฆังใหญ่
ทว่านิ้วมือทั้งห้าข้างขวาแนบชิดติดกันประดุจดาบ ฟันลงไปกลางอากาศ
ครืน!
หมู่ดาวสีบริสุทธิ์ที่แปลงจากพลังเลือดลมบริสุทธิ์ปรากฏขึ้นดวงแล้วดวงเล่า
ดาบแห่งดวงดาว
วิชาฝึกกายขั้นสุดยอดที่ถูกแสดงออกมาโดยร่างกายอันแข็งแกร่งไร้เทียมทานของซูอี้ ก่อให้เกิดปรากฏการณ์ประหลาดอันยิ่งใหญ่มโหฬาร
ปัง!!
กำลังหมัดที่ผู้เฒ่าซัดออกมาถูกบดขยี้ราวกับเศษกระดาษ ร่างของเขาสั่นสะเทือนจนเซถลา เกือบจะถูกกดทับอยู่กับที่
ซี้ด!
เสียงสูดปากของคนที่อยู่ในเหตุการณ์ดังขึ้น
แม้กระทั่งฉู่ซิวก็ยังถึงกับหรี่ตาลงเช่นกัน ลุงอวิ๋นเป็นบ่าวนักรบที่อยู่ข้างกายเขา ร่างกายบรรลุถึงขั้น ‘ไม่กลัวเพลิงอัคนี ภัยพิบัติยากจะทำลาย’
ถึงแม้จะต่อกรกับผู้ฝึกตนในขอบเขตเปิดทวารเช่นเดียวกันก็ยังแข็งแกร่งกว่ามาก
ทว่าตอนนี้ กลับถูกซูอี้ซัดจนถอยอย่างง่ายดาย!
ทำให้เขาไม่อยากจะเชื่อเลยสักนิดว่าเหตุใดในโลกจึงยังมีบรรพจารย์ยุทธ์ปฐมสวรรค์ที่น่ากลัวเช่นนี้อยู่อีก แข็งแกร่งจนถึงขั้นเกินธรรมดา
“ฆ่า!”
“ฆ่า!”
อาหลินกับหรงเฮ่อหนุ่มน้อยในชุดสีม่วงลงมือจัดการ
อาหลินควงทวนยาวสีเงิน สร้างเกล็ดน้ำแข็งซึ่งมีประกายความหนาวเหน็บจนทิ่มแทงกระดูกขึ้นเต็มท้องฟ้าอย่างรวดเร็ว
หรงเฮ่อแสดงกระบวนมีดซึ่งมีความน่ากลัวอย่างประหลาดออกมา พอคมมีดส่องประกาย ทั่วท้องฟ้ามีแต่พลังมีดสีโลหิตอันน่ากลัวผุดขึ้นมากมายประดุจดังคลื่นน้ำสีเลือดที่เดือดพล่าน พุ่งตรงไปหาซูอี้
มีดนรกดับวิญญาณ!
เคล็ดวิชาถ่ายทอดซึ่งมีพลังพิฆาตอันน่าสะเทือนขวัญ เมื่อถูกแสดงออกมา คมมีดนับไม่ถ้วน เงาดาบซับซ้อน มองดูไกล ๆ ราวกับเรือนจำโลหิต กำลังการทำลายล้างถึงขีดสุด
โดยไม่ต้องสงสัย อาหลินกับหรงเฮ่อในเวลานี้ต่างก็แสดงฝีมืออย่างเต็มที่ ไม่มียั้งอีก
“อย่าเอาไข่ตอกหินเลย”
ชั่วขณะนี้เอง
ในที่สุดซูอี้ผู้ยืนตระหง่านอยู่ที่เดิมไม่ขยับเขยื้อนไปไหนแม้แต่น้อยก็ออกโรงบุก
ฝ่ามือของเขาประดุจดาบ เพียงแค่ฟันออกไป ปราณดาบสีบริสุทธิ์ก็ปรากฏขึ้นกลางอากาศ
ชิ้ง!!!
ท่ามกลางเสียงกระแทกที่ดังจนแก้วหูแทบแตก อาหลินถูกฟันจนกระเด็นออกไปอีกครั้ง ราวกับว่าวเชือกขาด
เดิมทีนางได้รับบาดเจ็บข้อมือขวาขาดจากการต่อสู้เมื่อสักครู่เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว และดาบ ๆ นี้ของซูอี้ทั้งรุนแรงถึงขีดสุดอีก ถึงแม้นางจะสามารถต้านทานไว้ได้ ทว่ารับแรงปะทะอย่างรุนแรง พลังลมปราณในตัวสั่นสะเทือนจนแทบสลาย เลือดลมผันผวนจนทำให้นางกระอักเลือดติดต่อกัน
และแทบจะเป็นเวลาเดียวกัน ซูอี้เหยียบอากาศ ชุดคลุมยาวโบกสะบัด พุ่งตรงไปที่หรงเฮ่อ
พลังสีโลหิตแต่ละเล่มแผ่กระจายอานุภาพทำลายล้างที่น่ากลัวออกมา ทว่าขณะที่ยังไม่ทันแตะต้องโดนร่างของซูอี้ ก็โดนจังหวะวิถีสีบริสุทธิ์ที่แผ่กระจายออกมาจากตัวของซูอี้บดขยี้จนแหลก
ปัง! ปัง! ปัง!
เงาดาบสีโลหิตเต็มท้องฟ้าระเบิดกระจุยราวกับฟองสบู่แตก เสียงแตกระเบิดดังติดต่อกัน ร่างของซูอี้พุ่งบดขยี้เป็นทางยาวราวกับผ่าไม้ไผ่
“ไม่ได้การ!”
สีหน้าของหรงเฮ่อเปลี่ยนไป เมื่อเห็นว่าซูอี้รุกหน้าเข้ามา เขาก็ควงมีดฟันในทันที ระหว่างที่ฟันเขาผลักดันพลังในตัวทั้งหมดจนถึงขีดสุด ทำให้เวลาที่ฟันมีดออกไป แสงสีโลหิตราวกับไฟที่กำลังแผดเผาพุ่งขึ้นฟ้าสูงถึงเก้าจั้ง
ประกายแห่งความเย้ยหยันฉายขึ้นในสายตาของซูอี้ เขาสะบัดมือ
ฉึบ!
แสงสีโลหิตสูงเก้าจั้งระเบิด อ่อนแรงราวกับกระดาษ
เมื่อปลายนิ้วของซูอี้สัมผัสกับคมมีดที่ยาวและแคบเล่มนั้น ดูคล้ายกับตอบโต้อย่างแผ่วเบา แต่กลับปล่อยพลังน่ากลัวประดุจเทพเซียนควงค้อนยักษ์ฟาดลงมา
ชิ้ง!!
หรงเฮ่อราวกับถูกฟ้าผ่า มีดรบเล่มยาวและแคบโดนปะทะจนหลุดกระเด็นออกจากมือ
“เป็นไปได้อย่างไรกัน?!”
หรงเฮ่อตื่นตระหนก แทบไม่อยากจะเชื่อ
เมื่อเห็นว่าเขาใกล้จะโดนซูอี้ฆ่าตาย ‘ลุงอวิ๋น’ ก็ถือง้าวสีดำเล่มหนึ่งพุ่งออกมาจากอีกด้าน หมายแทงเข้ากระดูกสันหลังของซูอี้
“ไสหัวไป!”
ซูอี้สะบัดแขนเสื้อ
พลังสีใสบริสุทธิ์ประดุจน้ำตกถาโถมออกมา ซัดง้าวสีดำเล่มนั้นจนกระเด็นออกไปเสียงดังปัง ร่างสูงใหญ่ขนาดห้าจั้งของลุงอวิ๋นถูกกระแทกจนเซถลาถอยร่นออกไป
ทว่าหรงเฮ่อฉวยโอกาสอันดีนี้ ชักตัวถอยหนีได้อย่างหวุดหวิด
ทุกคนในเหตุการณ์ต่างก็ตื่นตะลึง
บุคคลผู้แข็งแกร่งเกินกว่าผู้ฝึกตนในโลกสามัญสามคนนี้รวมพลังกันแล้วก็ยังโดนซูอี้ซัดกระจุยจนเสียท่าอย่างง่ายดาย!
ทั้งหมดนี้เกินความคาดหมายของทุก ๆ คน ทำให้ทุกคนรู้สึกหนาวสะท้าน
พวกของฉินต่งซวีถึงกับเหงื่อหนาวไหลพลั่ก เมื่อนึกถึงระหว่างทางที่มาทะเลวิญญาณโกลาหล หากว่าซูอี้ลงมือจัดการโดยไม่สนใจต่อสิ่งใด พวกเขาเหล่านี้ล้วนไม่อาจต้านทานได้!
พวกจอมมารชั่วร้ายถงซิงไห่ที่อยู่ไกลออกไปต่างก็ใจสั่นไม่หาย เหตุใดในโลกนี้จึงมีหนุ่มน้อยที่ร้ายกาจได้ถึงเพียงนี้?
ซูอี้ยืนอยู่กลางอากาศ ดวงตาเยือกเย็นประดุจสายฟ้า มองไปที่ฉู่ซิว พลางกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ยังไม่คิดจะลงมือพร้อมกันอีกหรือ?”
ฮวาซิ่นเฟิงถือโอกาสกล่าวหัวเราะเยาะ “เฮ้อ ข้ายังเข้าใจว่าผู้สิงสถิตที่ว่าร้ายกาจมากมายเสียเหลือเกิน ที่แท้… ก็เพียงเท่านี้เอง”
ไกลออกไป ถึงแม้ฉู่ซิวยังคงสงบนิ่งเหมือนดังเดิม ทว่าสีหน้าคล้ายเปลี่ยนไป และเริ่มเคร่งเครียดขึ้นมาแล้ว เขาโบกมือ “พวกเจ้าจงบุกพร้อมกัน”
“รับทราบ!”
ถงซิงไห่ ปีศาจงูสวรรค์เฒ่า ราชาฉลามสมุทร ซากปีศาจเฒ่าทองคำ ก้าวออกมาในทันใด แต่ละคนเผยอาวุธคู่ใจของตัวเองออกมา พลังลมปราณทั่วร่างเดือดพล่าน
“ฆ่า!”
“ฆ่า!”
“ฆ่า!”
จอมมารทั้งสี่กับพวกของอาหลินอีกสามคนลงมือพร้อมกัน
ครืน!
อากาศในบริเวณนี้เกิดความผันผวน สีของท้องฟ้าแปรเปลี่ยน
ถงซิงไห่กับพวกของอาหลินทั้งสิ้นเจ็ดคน คนที่อ่อนที่สุดก็ยังอยู่ในขอบเขตไร้เบญจธัญขั้นกลาง คนที่แข็งแกร่งก็มีระดับการฝึกถึงขอบเขตเปิดทวาร
เวลานี้ร่วมมือกัน ภาพเหตุการณ์เช่นนั้นจะน่ากลัวสักเพียงใด?
ฉับพลัน พลังดาบ ประกายมีด พลังอาวุธคู่ใจแต่ละอย่างก็รวมตัวเข้าด้วยกัน ขณะเดียวกันก็ปล่อยศาสตร์วิถีทั้งหลายออกมา ราวกับน้ำหลากทลายเขื่อนกั้น พุ่งตรงไปหาซูอี้เพียงคนเดียว
ไม่ว่าผู้ฝึกตนขอบเขตเปิดทวารคนใดได้เจอกับเหตุการณ์เช่นนี้ล้วนเป็นต้องสิ้นหวัง!
“ดี!”
ซูอี้ตาเบิกกว้างขึ้นเล็กน้อย
เขาสูดหายใจลึก ๆ ทีหนึ่ง แขนเสื้อพองโต เวลานี้ระดับการฝึกตนในตัวก็ขับเคลื่อนอย่างเต็มพลัง ทั้งในและนอกร่างกายเกิดเสียงแห่งพลังถาโถมดังขึ้นราวกับน้ำในแม่น้ำใหญ่ซัดชายฝั่ง
เขาไม่หลบไม่หลีกไปไหน แต่เผชิญหน้าบุก
ฉับพลัน การต่อสู้ครั้งใหญ่ก็ระเบิดขึ้น ซูอี้กับผู้ฝึกตนเจ็ดท่านที่ถือได้ว่าเป็นยอดฝีมือในโลกก็ต่อสู้กัน พื้นที่บริเวณนี้มีเสียงดังกึกก้องราวกับเสียงฟ้าผ่า สะเก็ดไฟสาดกระเซ็น
ทว่าสิ่งที่ทำให้พวกของฉินต่งซวีที่อยู่ไกลออกไปถึงกับหนาวสะท้านก็คือ เผชิญหน้ากับการบุกล้อมของยอดฝีมือเจ็ดท่านแล้ว ซูอี้กลับไม่เคยเป็นรองเลย!
เขาเป็นอิสระดุจเซียน ราวกับไม่มีใครสามารถต่อสู้ด้วยได้ ทลายการปิดล้อมและการจับกุมของฝ่ายศัตรูได้ทุกครั้ง ระหว่างนั้นยังแสดงพลังที่แตกต่างกันออกไปอย่างพลังหมัด ฝ่ามือ กับพลังดาบ ซึ่งการตอบโต้ในแต่ละครั้งล้วนมีความแข็งแกร่งจนไม่อาจคาดเดา
วิธีการยอดเยี่ยมนับพัน ไม่มีซ้ำ!
“ความสามารถของคน ๆ นี้จะน่ากลัวเกินไปแล้ว เช่นนี้ต้องฝึกฝนพื้นฐานมหาวิถีในขอบเขตทั้งสี่แห่งวิถียุทธ์มากเท่าใดกัน?”
ไกลออกไป สีหน้าของฉู่ซิวสับสนไม่นิ่ง
ดวงตาของเขาจับจ้องไปที่ตัวของซูอี้อย่างไม่คลาดสายตา ราวกับพยายามจะค้นหาความลับทั้งหมดที่มีในตัวของซูอี้ ทว่ายิ่งดูก็ยิ่งทำให้เขาตื่นตะลึง
ด้วยสติปัญญาและประสบการณ์ของเขา ล้วนไม่เคยได้ยินมาก่อนว่า ในขอบเขตบรรพจารย์ยุทธ์ปฐมสวรรค์ เป็นไปได้อย่างไรว่ามีผู้ที่อานุภาพน่ากลัวอย่างซูอี้เช่นนี้
“ฉินต่งซวี พวกเจ้าก็เข้าโจมตีพร้อมกัน มิเช่นนั้น ประเดี๋ยวฆ่าพวกเจ้าทีหลังจะไร้ซึ่งรสชาติเกินไป”
ระหว่างการต่อสู้ จู่ ๆ เสียงของซูอี้ก็ดังขึ้น
เขารับมือศัตรูจากรอบทิศทางเพียงคนเดียว
เพียงแค่คนเดียวเท่านั้น ทว่ากลับเป็นฝ่ายได้เปรียบ กดดันจนกลุ่มเจ็ดคนของถงซิงไห่กับอาหลินเงยหน้าแทบไม่ขึ้น!
“นี่…”
ฉินต่งซวีกับคนอื่น ๆ ใจเต้นตุบ ๆ ขึ้นมา
ก่อนหน้านี้พวกเขาตั้งใจว่าจะคอยดูเสือสองตัวทะเลาะกัน ไม่คาดคิดเลยว่า ซูอี้ผู้อยู่ในการต่อสู้ยังคิดจะดึงพวกเขาให้เข้าร่วมการต่อสู้ด้วย!
“ทุกท่าน ข้าคิดว่าที่สหายเต๋ากล่าวมานั้นไม่ผิด ถึงแม้จะเป็นการต่อสู้ระหว่างหอยกับนกปากแหลม คนหาปลาได้ประโยชน์ แต่พวกเจ้า… ยังมีคุณสมบัติไม่พอจะเป็นคนจับปลา ตอนนี้ ข้าจะให้พวกเจ้าเลือก หากไม่ไปร่วมฆ่าซูอี้ในตอนนี้ ข้าจะส่งพวกเจ้าไปตาย”
ฉู่ซิวชายตามองไปที่พวกฉินต่งซวี ดวงตาเขียวมรกตคู่นั้นมีแต่ความราบเรียบ ทำให้พวกของฉินต่งซวีหนาววาบขึ้นในใจ
“ที่นายท่านกล่าวมานั้นถูกต้องที่สุด เดิมทีซูอี้ก็เป็นศัตรูคู่แค้นของพวกเรา ร่วมลงมือฆ่าเขาพร้อมกัน เดิมทีเป็นเรื่องที่พวกข้าไม่อาจปฏิเสธได้!”
สูดหายใจลึก ๆ ทีหนึ่ง ฉินต่งซวีก็รับปาก
เฉิงเจิน โหยวฉางคง ลิ่นอวี๋เปย กับซางลั่วอวี่จึงไม่กล้าโต้แย้งเป็นธรรมดา
“พวกเจ้าก็ไปด้วย”
ฉู่ซิวกวาดสายตามองไปที่เนี่ยสิงคงกับกู้ชิงโตว
“ขอรับ!”
เนี่ยสิงคงกับกู้ชิงโตวเห็นเช่นนี้ รู้เป็นธรรมดาว่าควรต้องทำเช่นใด
สวบ ๆๆ!
ฉับพลัน ร่างแต่ละร่างก็โฉบขึ้นกลางอากาศ พุ่งเข้าไปในการต่อสู้ บุกโจมตีไปที่ซูอี้
ฉินต่งซวี เฉิงเจิน โหยวฉางคง กับกู้ชิงโตวต่างก็มีระดับการฝึกตนขอบเขตเปิดทวาร เป็นผู้มีระดับการฝึกตนขั้นสุดยอดในอาณาจักรต้าฉิน
ส่วนเนี่ยสิงคง ซางลั่วอวี่ กับลิ่นอวี๋เปย ถึงแม้จะค่อนข้างอ่อนกว่าสักหน่อย ทว่าระดับการฝึกตนก็อยู่ในขอบเขตไร้เบญจธัญ
เวลานี้ หลังจากที่พวกเขาเข้าร่วมต่อสู้กับซูอี้พร้อมกับถงซิงไห่และพวกของอาหลิน ทำให้สถานการณ์ทั้งหมดเกิดความเปลี่ยนแปลงไป
ซูอี้ผู้ซึ่งเป็นฝ่ายได้เปรียบในตอนแรก ต้องตกอยู่ในสภาพลำบาก รอบทิศทางมีแต่ศัตรูปิดล้อม!
“ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ สหายเต๋าซู… เจ้ายังจะต้านทานได้อีกนานแค่ไหน?”
ไกลออกไป สองมือของฉู่ซิวไพล่หลัง กล่าวกับตัวเองเบา ๆ
แต่ในขณะเดียวกันนี้เอง ซูอี้กลับหัวเราะขึ้นมา ภายในสายตาที่ลุ่มลึกมีสภาวะต่อสู้ที่เฝ้ารอมานานแผ่ปกคลุม
จะลับมีดทั้งที หินลับมีดต้องแข็งพอจึงจะใช้ได้!