บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 382 ฉีกหน้าเทพเซียน สังหารศัตรูด้วยการดีดนิ้ว
- Home
- บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ]
- ตอนที่ 382 ฉีกหน้าเทพเซียน สังหารศัตรูด้วยการดีดนิ้ว
ตอนที่ 382: ฉีกหน้าเทพเซียน สังหารศัตรูด้วยการดีดนิ้ว
ตอนที่ 382: ฉีกหน้าเทพเซียน สังหารศัตรูด้วยการดีดนิ้ว
โลกรู้เพียงว่าซูอี้เคยทะลวงขั้นเหนือน่านฟ้านครหลวงอวี้จิงก้าวเข้าสู่บรรพจารย์ยุทธ์ปฐมสวรรค์
แต่ไม่มีผู้ใดรู้ว่าแม้ครั้งนั้นเขาจะไม่ได้ทะลวงขั้น เขาก็มีหนทางในการสังหารศัตรูทั้งหมดลง
เช่นเดียวกัน โลกรู้เพียงว่าเขาเคยเอาชนะชิวเหิงคง นักดาบอันดับหนึ่งของต้าเว่ยที่หน้าประตูสำนักวงเดือน
แต่น้อยคนที่จะรู้ว่ามีเพียงดาบสุดท้ายที่เขาฟันเท่านั้นที่เป็นการแสดงพลังที่แท้จริงของเขาในยามนั้นออกมา
แม้ว่ายามนั้นชิวเหิงคงจะต้านรับไว้สุดกำลัง เขาก็ยังพ่ายแพ้ลงเหมือนมดปลวก!
ซึ่งตั้งแต่ที่เขากลับไปยังตำหนักเทียนหยวน เขาได้กลืนยาสวรรค์สองขั้วทุกวัน และการฝึกฝนของเขาได้ก้าวหน้าขึ้นจนตอนนี้มาถึงจุดสูงสุดของบรรพจารย์ยุทธ์ปฐมสวรรค์แล้ว
ห่างออกไปเพียงก้าวเดียวก็จะสามารถเข้าสู่ขอบเขตไร้เบญจธัญได้
หากไม่ใช่เพื่อสร้าง ‘เมล็ดพันธุ์เต๋าสุดขั้ว’ แล้ว เขาก็สามารถก้าวเข้าสู่วิถีต้นกำเนิดได้ตลอดเวลา!
ดังนั้น แม้จะเผชิญหน้ากับกลุ่มศัตรูที่ทรงพลังในเวลานี้ ซูอี้ก็ไม่หวาดกลัว กลับกันสิ้นเชิง เป็นการปิดล้อมนี้ที่จุดประกายจิตวิญญาณการต่อสู้ที่หายไปนานของเขาขึ้น!
ยอดฝีมือต้องโดดเดี่ยว เพราะยากจะหาคู่มือที่คู่ควรได้
ได้เจอกับโอกาสที่ควรค่าทั้งที ซูอี้ยังดีใจแทบไม่ทัน แล้วจะหวาดกลัวได้อย่างไร?
ตูม!
การต่อสู้รุนแรงขึ้น
ซูอี้เปี่ยมไปด้วยพลัง และด้วยการโบกมือ เขาได้ปราบการโจมตีหนักจากทุกทิศทางลง ซึ่งยิ่งเขาต่อสู้มากเท่าไร เขาก็ยิ่งแข็งแกร่งขึ้นมากเท่านั้น
ดวงตาอันลึกล้ำของชายหนุ่มเย็นยะเยือก คล้ายว่าจิตวิญญาณในร่างเขากำลังเดือดพล่าน ซึ่งเป็นการแผดเผาจิตวิญญาณการต่อสู้ที่ทำให้ศักยภาพของเขาระเบิดออกราวกับถูกกระตุ้น!
ซูอี้สัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าภายใต้การต่อสู้ครั้งนี้ ทั้งการบ่มเพาะ ร่างกาย และจิตวิญญาณของเขาได้รับการขัดเกลาและเปลี่ยนแปลงไปอย่างเงียบ ๆ
ความรู้สึกปีติของโลหิตร้อนในกายนี้ชวนให้ผู้คนมึนเมาเสียยิ่งกว่าสุราที่ดีที่สุดในโลก
หากจะให้เทียบแล้วก็เหมือนกับความรู้สึกดื่มด่ำยามบำเพ็ญคู่…
ทว่าจะใช้คำที่ยอดเยี่ยมแบบใดมาอธิบายดี?
เวลานี้เอง ฝ่ายตรงข้ามที่ตระหนักถึงความเปลี่ยนแปลงของซูอี้ที่ยิ่งสู้ก็ยิ่งแกร่งพากันเปลี่ยนสีหน้าอย่างใหญ่หลวง พวกเขาดูจะไม่อยากเชื่อ
“ขอบเขตเปิดทวารหกคนกับขอบเขตไร้เบญจธัญสิบสองคนร่วมมือกันกลับจัดการบรรพจารย์ยุทธ์ปฐมสวรรค์ไม่ได้งั้นรึ?”
ฉินต่งซวีทั้งกลัวทั้งโมโห
พลังการต่อสู้ที่ซูอี้แสดงให้เห็นในเวลานี้แข็งแกร่งกว่าในข่าวลือมาก!
“บัดซบ เจ้าลูกกระต่ายนี่ตกมาจากสวรรรค์หรืออย่างไร? ไม่เช่นนั้นเหตุใดถึงได้ตัวประหลาดเช่นนี้อยู่ในโลกได้?”
ถงซิงไห่กับจอมมารชั่วร้ายคนอื่น ๆ ต่างตกตะลึงและไม่อยากเชื่อ ว่าพลังการต่อสู้เช่นนี้จะเป็นของบรรพจารย์ยุทธ์ปฐมสวรรค์!
ทางลุงอวิ๋น อาหลิน หรงเฮ่อ เนี่ยสิงคง และผู้สิงสถิตคนอื่น ๆ เองก็มีสีหน้าเคร่งขรึมสุดขีด หัวใจของพวกเขาเต้นแรงอย่างยิ่ง
พวกเขามาจากต่างโลก ซึ่งความรู้ความเข้าใจและประสบการณ์เกี่ยวกับเต๋าของพวกเขาไม่ใช่สิ่งที่เทพเซียนเดินดินในมหาทวีปคังชิงจะเทียบได้
ดังนั้นพวกเขาทั้งหมดจึงมีความภาคภูมิใจในตนเองสูงและถือว่าผู้ฝึกตนในโลกนี้เป็นชาวพื้นเมืองที่หยาบคาย ซึ่งมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่พวกเขายอมรับ
แต่ตอนนี้ ต่อหน้าซูอี้ ความเย่อหยิ่งและความมั่นใจในตนเองของพวกเขาได้พังทลายลง และกระทั่งกลายเป็นหวาดกลัวสุดขีด!
เพราะกระทั่งในโลกที่พวกเขาจากมา พวกเขาก็ไม่เคยเจอกับบรรพจารย์ยุทธ์ปฐมสวรรค์เช่นซูอี้มาก่อน
นี่มันแข็งแกร่งเกินพอดีไปแล้ว!
“ฆ่า!”
“ออกไปกันให้หมด! เร็วเข้า!”
มีเสียงตะโกนดังขึ้นในบริเวณ
ไม่ว่าในใจพวกเขาจะรู้สึกตระหนกเพียงใด แต่ไม่ว่าจะเป็นพวกถงซิงไห่ หรือพวกฉินต่งซวีต่างก็พุ่งออกไปสุดตัว
ศักยภาพยามเข้าตาจนของแต่ละคนนั้นน่าสะพรึงนัก
ตูม!
สายลมและสายฟ้าในที่นี้ปั่นป่วน แสงสว่างกับสายฝนระเบิดออกดุจกระแสน้ำ สร้างผลกระทบแพร่กระจายไปทั่วทุกทิศราวกับคลื่นยักษ์
ทว่าอาจเพราะที่นี่เป็นสถานที่อาศัยของเทพเซียน แม้จะถูกผลกระทบของการต่อสู้โถมเข้าใส่ ที่แห่งนี้ก็ยังไม่มีร่องรอยเสียหายใด ๆ
หากการสู้รบแบบนี้เกิดขึ้นในเมืองธรรมดา มันอาจจะก่อให้เกิดหายนะที่คาดเดาไม่ได้ขึ้น
“ฉู่ซิว เจ้าคิดจะรออีกนานแค่ไหนกัน?”
ทันใดนั้นเสียงของซูอี้ก็ดังมาจากสนามรบ
สีหน้าทุกคนเปลี่ยนไปเล็กน้อย ชายผู้นี้… คิดว่าพวกเขาร่วมมือกันแล้วจะยังจัดการตนเองไม่ได้งั้นรึ?
ไกลออกไปฉู่ซิวมีสีหน้าไร้อารมณ์ “ไม่ต้องห่วง สหายเต๋าซู หากเจ้าจัดการกับปัญหาตรงหน้าเสร็จ ข้าจะมอบความประหลาดใจให้เจ้าเอง”
ระหว่างต่อสู้ ซูอี้แค่นเสียงเย็น เขาเหลือบมองฝ่ายตรงข้ามแล้วถอนใจ “น่าเสียดายที่มีเพียงเจ้าที่คู่ควรกับการเป็นแท่นเหยียบของซูผู้นี้”
แม้คนเหล่านี้จะร่วมมือกันก็ไม่ได้ทำให้เขารู้สึกถูกคุกคามหนักหนาอะไร ซึ่งมันก็เป็นเรื่องยากที่ชายหนุ่มจะใช้การต่อสู้เช่นนี้ในการทะลวงขั้นฝึกตน
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ จิตวิญญาณในการต่อสู้ส่วนใหญ่ของซูอี้ก็หายไป กลายเป็นความเบื่อหน่ายแทน
ไม่น่าสนใจเลย!
เขาไม่ลังเลอีกต่อไปและตัดสินใจที่จะยุติการต่อสู้
“ฆ่า!”
เนี่ยสิงคงแกว่งดาบคู่พลางพุ่งตรงไปหาซูอี้
เจ้าสำนักดาบมังกรเร้น ด้วยขอบเขตเปิดทวาร ร่างอันองอาจที่เคลื่อนไหวราวกับจะคุกคามผู้คน ยามดาบคู่ถูกกวัดแกว่งราวกับยกภูเขาสองลูกขึ้น ซึ่งทุก ๆ การโจมตีนั้นทรงพลังไม่แพ้กัน
หากเปลี่ยนเป็นผู้ฝึกตนในขั้นเดียวกันเกรงว่าคงไม่สามารถต้านรับการโจมตีเข่นฆ่าที่รุนแรงเช่นนี้ได้
แต่ในเวลานี้ ซูอี้ที่ตัดสินใจยุติการต่อสู้ก็ไม่คิดที่จะลังเลอีกต่อไป จู่ ๆ เขาก็กระโดดไปข้างหน้า แขนเสื้อของชายหนุ่มปลิวไสว ก่อนจะกดฝ่ามือออกไป
ตูม!
ภายในความว่างเปล่ามีเสียงดั่งเครื่องโม่หินดังขึ้น เสียงหมุนของมันดุจเทพเจ้าขับกงล้อยักษ์ข้ามฟากฟ้า ก่อนปรากฏรอยฝ่ามือขนาดราวหนึ่งจั้งก่อตัวจากอากาศบางเบา
รอยฝ่ามือนี้ราวกับถูกสลักขึ้นจากหยกสีใสบริสุทธิ์ ยิ่งกว่านั้น มันยังมีวิญญาณเบญจธาตุกับจังหวะวิถีอันลึกลับอยู่ด้วย
“ตาย”
ซูอี้มีสีหน้าใจเย็นขณะกดฝ่ามือลง
รอยฝ่ามือสีใสที่มีพลังไร้เทียมทานฟาดลงมาทันใด เบื้องหน้ามัน… ดาบคู่ของเนี่ยสิงคงดูราวกับแท่งไม้สองแท่ง ถูกบดขยี้จนเกิดเสียงเสียดสีก่อนกระเด็นออกไปอย่างไม่อาจควบคุม
ซึ่งฝ่ามือสีใสนั้นยังคงไม่จางหายไป มันบดขยี้ต่อไปยังร่างของเนี่ยสิงคง ทำให้เลือดเนื้อทั้งร่างระเบิดออก กระดูกแตก และกระจัดกระจายออกไป
ถูกตบจนตาย!
ฉากอันรุนแรงและเลือดสาดนั้นทำให้ศัตรูคนอื่น ๆหน้าซีดเผือด ทั่วร่างแข็งค้าง
ตัวตนอันทรงพลังซึ่งอยู่ในขอบเขตเปิดทวารกลับไม่สามารถหยุดหนึ่งฝ่ามือของซูอี้ได้ และถูกฆ่าตายอย่างง่ายดาย
ห่างออกไป ฉู่ซิวกำหมัดเงียบ ๆ มีความเย็นยะเยือกวาบผ่านดวงตาของเขา
แต่เขายังคงไม่ลงมือ และเฝ้าดูเงียบ ๆ ท่าทางใจเย็นของเขาทำให้ฮวาซิ่นเฟิงที่เฝ้ามองการต่อสู้จากระยะไกลอยู่เช่นกันรู้สึกตระหนก
ชายผู้นี้ไม่รู้ว่าโหดเหี้ยมอำมหิต หรือว่ามีแผนการอื่นกันแน่!
“ตัดหัวมัน!”
ฉับพลัน กู้ชิงโตวกับฉินต่งซวีก็ร่วมมือกันสังหารซูอี้
กู้ชิงโตวแกว่งอาวุธ ปล่อยสายฝนสีทองส่องประกายระยิบระยับที่น่าสะพรึงกลัวออกมา
ฉินต่งซวีกระตุ้นตราประทับอันเปล่งประกายที่มีอักษรจารึกโบราณคำว่า ‘ปกปักษ์จิตวิญญาณ’ สลักไว้
นี่คือสมบัติโบราณ ซึ่งภายใต้การบดขยี้ของมันเพียงพอที่จะทำให้จิตวิญาณของผู้ฝึกตนแหลกสลายลอยหายไป
ในเวลาเดียวกัน เฉิงเจินที่อยู่อีกด้านหนึ่งได้โยนลูกประคำใสวาววับสายหนึ่งออกไป แสงเจิดจ้าพลันส่องขึ้นในความว่างเปล่า พร้อมกับสายฝนที่โปรยปรายลงมา
ทั้งสามให้ความร่วมมือกันอย่างไร้ช่องโหว่
ด้านหลังทั้งสาม อาหลิน ลุงอวิ๋น และคนอื่น ๆ กับถงซิงไห่และพวกปีศาจตนอื่น ๆ เองก็ใช้โอกาสนี้ลงมือ!
ราวกับคลื่นที่ซัดสาดเข้าใส่ซูอี้ที่ถูกปิดล้อมไว้
ต่างกับก่อนหน้านี้ คล้ายกับว่าพวกเขาถูกกระตุ้นด้วยการตายของเนี่ยสิงคง แต่ละคนทุ่มพลังราวกับเข้าตาจนแล้ว
เมื่อเผชิญหน้ากับการโจมตีเช่นนี้ สีหน้าของซูอี้ยังคงไร้โศกเศร้า ยินดีหรือตกใจ
เขากดฝ่ามือไปยังความว่างเปล่าหนึ่งหน
ตูม!
ในรัศมีสิบจั้งโดยมีซูอี้เป็นศูนย์กลาง… พลันปรากฏสิ่งที่คล้ายดวงดาวซึ่งลุกไหม้ผุดขึ้นทีละดวง ก่อนจะแพร่กระจายออกไป
ดาบแห่งดวงดาว!
ภายใต้การลงมือเต็มกำลังของซูอี้ การโจมตีทั่วทิศทางถูกสกัดกั้นไว้ ก่อให้เสียงดังสนั่นราวกับแผ่นดินถล่ม
“คนที่สอง”
ซูอี้ใช้โอกาสนี้ก้าวไปปรากฏตัวขึ้นข้างกายกู้ชิงโตวจากในอากาศ มือขวาของเขากำแน่นแล้วต่อยลงไป
“เปิด!”
สีหน้าของกู้ชิงโตวเปลี่ยนไป เขาทิ้งอาวุธ แล้วหันมาใช้มือสร้างสัญลักษณ์ขึ้นกลางอากาศ จากนั้นใช้ออกด้วยทักษะป้องกันลับเฉพาะของตน
ฟึบ!
แสงสว่างหลั่งไหลออกมาจากร่างของกู้ชิงโตวก่อเป็นม่านหนาสีเหลืองเก้าชั้น
แต่หมัดของซูอี้ที่ต่อยเต็มกำลังนั้นน่าสะพรึงนัก มันผ่านแสงหนาทึบได้แตกสลายและระเบิดออกภายใต้พลังของหมัดนั้น
ท่ามกลางสายฝนโปรยปราย กู้ชิงโตวถูกต่อยตาย!
เครื่องป้องกันต่าง ๆ บนร่างกายระเบิดออก แม้แต่ร่างกายของเขาก็ระเบิดออกเป็นชิ้น ๆ เลือดเนื้อสาดกระจาย
คนที่สองถูกจัดการแล้ว!
และนี่ เป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้น…
เคร้ง!
เห็นว่ายังฆ่าไม่เร็วพอ ซูอี้พลันหยิบดาบนิลกาฬกลืนฟ้าออกมา แล้วรัศมีทั่วร่างของเขาก็เปลี่ยนไปอีกครั้ง ครานี้ดูดุร้ายราวกับเทพเซียน ก่อนที่ชายหนุ่มจะกุมดาบวาดออกไปในแนวนอน
ระหว่างสวรรค์และโลกเกิดเสียงของดาบกังวานก้อง แลเห็นภูเขาดาบโผล่ออกมาจากความว่างเปล่า ก่อนโจมตีออกไปทั่วทุกทิศ
เขตแดนมหาดาบเบญจธาตุ!
ภายใต้การโจมตีเช่นนี้ หลายคนได้รับบาดเจ็บและกระอักเลือดออกมาจากปาก การปิดล้อมแทบพังทลายลง
ซูอี้ใช้โอกาสนี้ตวัดดาบออกไปรวดเดียวสามครั้ง
ฟึบ! ฟึบ! ฟึบ!
เลือดสาดกระจาย ก่อนศีรษะสามอันจะถูกโยนขึ้นไปในอากาศ พวกมันเป็นของราชาฉลามสมุทร ซากปีศาจเฒ่าทองคำ และโหยวฉางคง
รอยตัดที่คอของพวกมันเรียบเนียน ซึ่งซากศพที่ไร้หัวก็ถูกบดขยี้ด้วยผลกระทบอันน่าสะพรึงกลัวของการต่อสู้ในสนามรบก่อนที่จะพากันตกลงมา
จากนั้น…
ด้วยการดีดนิ้วสามครั้ง ฉินต่งซวีที่ใช้ดาบเบิกตากว้าง โดยมีความไม่ยินยอมพร้อมใจเขียนอยู่บนใบหน้า …เขาตายตาไม่หลับ!
หลังจากดีดนิ้วเจ็ดครั้ง ทวนสีเงินในมืออาหลินก็ถูกขว้างออกไป นางพยายามหลบสุดกำลังแต่ก็ถูกผ่าออกโดยดาบของซูอี้ และตายลงอย่างน่าสมเพช
หลังจากที่เขาดีดนิ้วสิบหน ลิ่นอวี๋เปยก็ส่งเสียงกรีดร้องโหยหวนออกมา เขาหวาดกลัวจนหันหลังวิ่งหนีไป
ทว่าไปได้ครึ่งทาง ร่างของเขาก็ถูกปกคลุมไปด้วยปราณดาบขนาดใหญ่ที่ห้อยอยู่ราวกับแม่น้ำแห่งดวงดาว และในชั่วพริบตา จิตวิญญาณของเขาก็กระจัดกระจายออกไป
จนถึงตอนนี้ ศัตรูแปดคนได้ถูกสังหารลงไปแล้ว!
ด้วยดาบในมือ ซูอี้ที่ไร้เทียมทานและฉุดไม่อยู่ ก็ได้แสดงพลังที่น่ากลัวกว่าเดิมออกมา
มองไปทั่วบริเวณ คู่ต่อสู้ที่เหลืออยู่ของซูอี้มีเพียงเฉิงเจิน ซางลั่วอวี่ ลุงอวิ๋น หรงเฮ่อ ถงซิงไห่ และคนอื่น ๆ
ทว่าพวกเขาถูกทำให้กลัวจนถอยไปนานแล้ว จึงไม่มีใครกล้าก้าวออกมา สีหน้าของทุกคนเต็มไปด้วยความสยดสยอง ราวกับหวาดกลัวมากเกินไป
ฉากการตายเลือดสาดก่อนหน้านี้ได้กระตุ้นคนเหล่านี้อย่างหนัก ทำให้พวกเขาสูญสิ้นสติสัมปชัญญะไป และจิตวิญญาณในการต่อสู้แทบพังทลาย!
เมื่อมองไปที่ซูอี้อีกครั้ง ราวกับเผชิญหน้าเทพเจ้าแห่งความตาย หัวใจเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
กระทั่งฮวาซิ่นเฟิง ในเวลานี้ยังต้องตะลึงพูดไม่ออก นางนึกไม่ถึงว่าภายใต้การปิดล้อมเช่นนี้ซูอี้จะยังสามารถแสดงพลังออกมาได้ถึงเพียงนี้!
ราวกับทำเรื่องไม่ยากเย็น สังหารตาเฒ่าเหล่านั้นเหมือนการเชือดลิงเชือดไก่!
“ข้าประหลาดใจนัก ที่เจ้ายังคงอดกลั้นได้จนถึงตอนนี้”
ซูอี้มองไปที่ฉู่ซิวอย่างแปลกใจเล็กน้อย
ไกลออกไป ฉู่ซิวยืนอยู่ที่เดิมด้วยสีหน้าเย็นชา
แม้ว่าจะเห็นหนึ่งในผู้ใต้บังคับบัญชาถูกตัดหัวคาที่ เขาก็ยังไม่ยอมเคลื่อนไหว
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าต้องมีสิ่งใดผิดปกติแน่!