บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 388 การจองจำแห่งยุคมืด
ตอนที่ 388: การจองจำแห่งยุคมืด
ตอนที่ 388: การจองจำแห่งยุคมืด
ด้านนอก
บนทะเลวิญญาณโกลาหล มีปรากฏการณ์ประหลาดซึ่งเกิดจากซากโบราณหอเซียนดาบปรากฏอยู่ในอากาศ และในตอนนั้นเอง… พลันเกิดเสียงดังก้องขึ้น!
รัศมีเจิดจ้านับหมื่นราวกับกลีบดอกไม้ได้รวบรวมแสงนับไม่ถ้วนไว้ภายในอย่างเงียบ ๆ
แม้แต่เงาที่คล้ายกับวิมานสวรรค์ ยังหดเล็กลงไปหลายเท่า จนสุดท้ายกลายเป็นทางเดินหมุนวนที่เปล่งแสงออกมา
“นี่…”
หญิงสาวที่อยู่บนไหล่วานรยักษ์ขาวเบิกตากว้าง ดวงหน้างามเผยความตกใจออกมาอย่างควบคุมไม่ได้
นี่มันเกิดอะไรขึ้น?
ใต้ผิวน้ำทะเลหนึ่งร้อยจั้ง เก๋อเฉียนที่กำลังสะกดกลั้นลมหายใจ พลันสัมผัสถึงสิ่งที่เกิดขึ้นภายนอก ซึ่งมันก็ทำให้ตกใจขึ้นมาทันที
เพราะในระหว่างที่ปรากฏการณ์ประหลาดเกิดขึ้น ณ หอเซียนดาบ จู่ ๆ เขาก็เห็นว่าบนเรือดอกบัวที่เต็มไปด้วยแสงสว่างเจิดจ้า… พลันมีร่างผอมสูงยืนขึ้น!
ทั่วร่างนั้นอาบไปด้วยแสงสว่าง เลือนรางคลุมเครือ ยากที่จะเห็นดวงหน้าได้อย่างชัดเจน
แต่กลับเผยท่วงท่าสง่างามเป็นเอกลักษณ์ออกมา ประหนึ่งเทพเซียนที่เดินออกมาจากสถานที่ศักดิ์สิทธิ์!
ลมปราณบนร่างนั้นน่าสะพรึงกลัว ทำให้น่านฟ้าเปลี่ยนสี น้ำทะเลเดือดดาล
“แข็งแกร่งมาก!!”
หญิงสาวที่อยู่บนวานรยักษ์ขาวมีสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย รู้สึกหวาดกลัว และสัมผัสถึงกลิ่นอายความอันตรายที่ร้ายแรงยิ่ง
ทว่าไม่นาน เรือที่เต็มไปด้วยแสงเจิดจ้า พลันมีโซ่ตรวนแสงศักดิ์สิทธิ์สว่างจ้าพุ่งออกมา
ฟิ้ว!
โซ่ตรวนนั่นราวกับแส้ศักดิ์สิทธิ์ ตวัดอยู่บนร่างผอมสูงนั้นอย่างรุนแรง ทำให้ร่างของเขาที่เลือนรางในตอนแรกพลันหายไปทันที
“ที่แท้ก็ถูกพลังต้องห้ามของเรือเก็บดาวกักขังเอาไว้…”
หญิงสาวเข้าใจทันที ทว่าในใจกลับปั่นป่วน แม้ร่างผอมสูงนั้นจะมีลมปราณแข็งแกร่งน่าสะพรึงกลัวเพียงใด แต่ก็ยังคงถูกกักขังเหมือนเดิม
พลังต้องห้ามของเรือเก็บดาวนั้น ยังเหลืออีกเท่าใดกันนะ?
“เหอะ ‘ยุคมืด’ เมื่อสามหมื่นปีก่อนยังไม่หายไปจริง ๆ สินะ เมื่อยังไม่ถึงจังหวะ ผู้ที่พยายามทะลวงมาก็จะต้องตาย!”
บนเกาะที่อยู่ไกลออกไป จู่ ๆ ก็มีเสียงหัวเราะเยือกเย็นดังขึ้นมา
บนอากาศเหนือยอดเกาะนั้น มีโคมไฟสูงสองดวง คล้ายกับดวงตาคู่หนึ่ง จ้องมองไปทางเรือเก็บดาว
“ที่แท้บนเกาะนั้นก็ซ่อนสิ่งมีชีวิตที่น่าหวาดกลัวเอาไว้!”
หญิงสาวที่อยู่บนวานรยักษ์มีท่าทีที่เปลี่ยนไปจนคาดเดาไม่ได้
ก่อนหน้านี้ นางเคยสัมผัสถึงสิ่งมีชีวิตเคลื่อนไหวอยู่บนเกาะนั้นอย่างเลือนราง
และในยามนี้ ก็ยืนยันการคาดเดาของนางได้แล้ว!
“ยุคมืดสามหมื่นปี? นี่มันหมายความว่าอย่างไร?”
นางรู้สึกสงสัย
บนเรือเก็บดาวไร้เสียงใด ไม่มีผู้ใดตอบกลับ
ทว่าทุกคนโดยรอบต่างรู้ ว่าบนเรือเก็บดาวยังมีร่างผอมสูงอยู่!
“เหตุใดถึงไม่บอกเล่า ว่าในหลายปีที่ผ่านมานี้ มีพวกเราเพียงสี่คนเท่านั้นที่ยังคงดำรงอยู่ในทะเลวิญญาณโกลาหล”
“คนอื่น ๆ หากไม่หลบหนีไปในน่านฟ้ากว้างใหญ่ในตอนที่การจองจำแห่งยุคมืดกำลังจะมาถึง …พวกเขาก็คงถูก ‘การจองจำแห่งยุคมืด’ กัดกร่อนจนสูญสลายหายไปตามกาลเวลานานแล้ว”
น้ำเสียงนุ่มทุ้มดังขึ้นจากบนเกาะไร้หวนอีกครั้ง “กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ ในทะเลวิญญาณโกลาหล มีแค่พวกเราสี่คนที่หลุดพ้นจากการจองจำแห่งยุคมืด และเกิดขึ้นมาบนโลกนี้อีกครั้ง บนเส้นทางแห่งความทะเยอทะยานนี้ เหตุใดพวกเราถึงร่วมมือกันไม่ได้เล่า?”
บนเรือเก็บดาว ยังคงไร้เสียงตอบกลับ
หญิงสาวที่อยู่บนวานรยักษ์ขาว ดวงหน้าเต็มไปด้วยความตกใจ
นางไม่รู้ว่าสิ่งใดคือยุคมืด และไม่รู้ว่าอะไรที่เรียกว่าการจองจำแห่งยุคมืด
แต่ก็คาดเดาได้ว่า บนเกาะไร้หวน เจดีย์กระดูกขาว ภูเขาฝังศพ และเรือเก็บดาว ต่างซ่อนสิ่งมีชีวิตที่น่าสะพรึงกลัวไว้ ทั้งสี่คนเคยถูกผนึกเพราะ ‘การจองจำแห่งยุคมืด’ ผ่านการเปลี่ยนแปลงมานับหลายยุคสมัย และมีชีวิตมาจนถึงยามนี้!
และตามน้ำเสียงที่ดังออกมาจากบนเกาะไร้หวน เมื่อ ‘ยุคมืด’ สามหมื่นปีหายไปจริง ๆ การมีอยู่ที่น่าสะพรึงกลัวอย่างพวกเขาทั้งสี่คน ก็จะหลุดพ้นจากการจองจำแห่งยุคมืด และปรากฏกายบนโลกอีกครั้ง!
“ร่วมมือกัน? ยังไม่ทันหลุดพ้นการจองจำก็วางแผนเรื่องนี้แล้วหรือ มารเฒ่าหลีฮั่ว เจ้าคิดเพ้อฝันเกินไปหรือไม่?”
ทันใดนั้น เจดีย์กระดูกขาวในส่วนลึกหมอกโลหิตพลันสั่นไหว และมีเสียงเยือกเย็นดังกลับมา
“ที่แท้ สิ่งมีชีวิตอันน่าสะพรึงกลัวบนเกาะไร้หวนถูกเรียกว่า ‘มารเฒ่าหลีฮั่ว’ หรือจะบอกว่าอีกฝ่ายเป็นผู้ฝึกปีศาจ?” หญิงสาวแอบเอ่ยขึ้น
“บนมหาทวีปคังชิงแห่งนี้ ผู้ที่สามารถมีชีวิตอยู่จากการจองจำแห่งยุคมืด ไม่ได้มีเพียงแค่เราสี่คนสินะ”
น้ำเสียงนุ่มทุ้มของปีศาจเฒ่าหลีฮั่วดังมาจากบนเกาะไร้หวนอีกครั้ง “หากไม่เตรียมตัวก่อน เมื่อไปแสวงหา ‘แหล่งกำเนิดคังชิง’ ต่อจากนี้…”
เมื่อเอ่ยมาถึงตรงนี้ พลันมีเสียงคำรามดั่งสายฟ้าฟาดดังมาจากภูเขาฝังศพ
“หุบปาก! ไอ้เฒ่าหลีฮั่วอยากตายรึ! ยังกล้าเอ่ยเรื่องนี้ขึ้นมาอีก!!”
เพียงแค่น้ำเสียงเท่านั้น ทว่ากลับดังก้องไปถึงสวรรค์ชั้นฟ้าทั้งเก้า!
วานรยักษ์ขาวแสบแก้วหู ตกใจจนสติแทบกระเจิดกระเจิง
ส่วนหญิงสาวที่นั่งอยู่บนหลังวานรยักษ์ขาว หัวสมองกลายเป็นขาวโพลน ก่อนได้สติและกระตุ้นปราณทั่วร่างอย่างหนัก ถึงได้ต้านทานการจู่โจมที่ทรงพลังนั้นไว้ได้
“พี่จี้เหยียนไม่เห็นจำเป็นต้องโกรธเกรี้ยวเช่นนี้เลย ในตอนที่การจองจำแห่งยุคมืดเริ่มขึ้น เมื่อคุยเรื่องนี้ขึ้นมา ก็อาจจะหวาดกลัวไปสามส่วน ทว่ายามนี้ พลังของการจองจำยุคมืดยิ่งอ่อนกำลังลงเรื่อย ๆ อีกไม่กี่ปีนี้คงจะสลายหายไป เมื่อถึงตอนนั้น ยังจำเป็นต้องหวาดกลัวต่ออานุภาพนี้ด้วยรึ?”
ปีศาจเฒ่าหลีฮั่วในเกาะไร้หวนเอ่ยขึ้นอีกครั้ง “หรือว่า ราชาจี้เหยียนเหลยซึ่งครั้งหนึ่งเคยทำให้ผู้ฝึกตนทั้งทวีปคังชิงหวาดกลัว จนถึงยามนี้ยังไม่อาจออกมาจากเงามืดตั้งแต่ตอนนั้นได้หรือ?”
“หยุดพูดเรื่องไร้สาระ กระดูกของจักรพรรดิปีศาจฮุ่นเทียนที่หลงเหลืออยู่ในโลกได้เผยขึ้นก่อนเวลาอันควร หากเจ้ายินดีมอบสิ่งนี้ให้ข้า บางทีข้าอาจพิจารณาร่วมมือกับเจ้าเมื่อได้ออกจากการจองจำนี้ไปแล้ว”
น้ำเสียงดั่งฟ้าร้องดังขึ้นจากบนภูเขาฝังศพอีกครั้ง ตัวตนที่น่าสะพรึงกลัวนี้ถูกเรียกว่า ราชาจี้เหยียนเหลย!
“ฮ่า ๆ ข้าแค่ยอมอ่อนข้อให้ เพราะกังวลว่าปีศาจเฒ่าสือกู่จะไม่ยินยอมหรอก”
มารเฒ่าหลีฮั่วหัวเราะออกมาเสียงดัง
พลันมีเสียงดังออกมาจากเจดีย์กระดูกขาวที่อยู่ในส่วนลึกของหมอกโลหิตอีกครั้ง “หากเจ้ายอมมอบมันให้ข้า เหตุใดข้าถึงจะไม่รับปากกัน?”
คนผู้นี้ ถูกเรียกว่าปีศาจเฒ่าสือกู่!
“งั้นรึ ทว่ากระดูกของจักรพรรดิปีศาจฮุ่นเทียนมีเพียงหนึ่งท่อน ถึงข้ายอมเอาให้ปีศาจเฒ่าสือกู่ ทว่าราชาจี้เหยียนเหลยจะต้องไม่ยอมแน่”
ปีศาจเฒ่าหลีฮั่วเอ่ยอย่างไม่แยแส “อีกอย่าง ทั้งสองท่านอย่าลืม สหายซิงเหิงก็อยู่เช่นกันนะ!”
เมื่อประโยคนี้ดังออกไป ทุกสิ่งล้วนเงียบสงัด
เมื่อฟังมาถึงตรงนี้ หญิงสาวที่อยู่บนวานรยักษ์ขาว มองไปทางร่างผอมสูงที่อยู่บนเรือเก็บดาวไกล ๆ ทันที
…เขามีนามว่าซิงเหิง?
และดูเหมือนสถานการณ์ในตอนนี้ ไม่ว่าจะเป็นมารเฒ่าหลีฮั่วบนเกาะไร้หวน ปีศาจเฒ่าสือกู่ในเจดีย์กระดูกขาว และราชาจี้เหยียนเหลย ต่างหวาดกลัวต่อ ‘ซิงเหิง’ ที่อยู่บนเรือเก็บดาวยิ่ง!
ไม่นาน มารเฒ่าหลีฮั่วเอ่ยขึ้นอีกครั้ง “ในความคิดข้า เหมือนกับที่ข้าเอ่ยก่อนหน้านี้ พวกเรามาร่วมมือกันและแบ่งกระดูกของจักรพรรดิปีศาจฮุ่นเทียน หากรบราฟันแทงกัน คงมีแต่พ่ายแพ้บาดเจ็บทั้งสองฝ่ายแน่”
ในตอนนี้เอง มีน้ำเสียงเยือกเย็นดังขึ้นมาจากเรือเก็บดาว
“แต่ละคนอาศัยความสามารถของตัวเอง”
ประโยคธรรมดานี้กลับมีพลังอันน่าสะพรึงกลัวมาก จนทำให้ผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสามคนนี้ต่างตกอยู่ในความเงียบสงัดอยู่นาน
“ที่แท้ ซิงเหิงผู้นี้ก็เป็นคนที่แข็งแกร่งคนหนึ่ง!”
หญิงสาวที่อยู่บนวานรยักษ์ขาวรู้สึกสั่นกลัว
ทันใดนั้น นางก็เกิดความรู้สึกอึดอัดพรั่งพรูออกมาอย่างอธิบายไม่ได้
เศษซากโบราณหอเซียนดาบ ดึงดูดสายตาคนมากมาย ทว่าก่อนหน้านี้มีผู้ฝึกตนมากมายอยากแสวงหาโอกาสในนั้น
แม้แต่นางก็ไม่เว้น ไม่เช่นนั้นคงไม่กลับมายังอาณาเขตนี้อีก
ทว่ายามนี้ หญิงสาวรับรู้ได้ทันที ไม่ว่าผู้ฝึกตนผู้ใดมาในครั้งนี้ ต่างก็ต้องล้มเหลว!
ต่อให้สามารถได้รับโอกาสนั้นจากหอเซียนดาบ แต่เมื่อกลับออกไป ก็ต้องถูกสี่สิ่งต้องห้ามที่ซ่อนตัวตนอันน่าสะพรึงกลัวคร่าชีวิตอยู่ดี!
เมื่อนึกมาถึงตรงนี้ หญิงสาวรู้สึกสั่นสะท้าน และเกิดความคิดที่อยากหลบหนีขึ้นมา
แต่มิอาจกระทำการบุ่มบ่ามได้
นางรู้ดี ตัวตนที่น่าหวาดกลัวทั้งสี่มองเห็นนางแล้ว เพียงแค่ทำเป็นไม่สนใจมาโดยตลอด และมองนางเป็นคนที่ไม่สำคัญอะไร จึงมองข้ามไป…
เมื่อนึกมาถึงตรงนี้ หญิงสาวแอบถอนหายใจออกมาอย่างช่วยไม่ได้
ตามปกติ นางถูกเรียกว่าเป็นบุคคลในตำนานที่อยู่บนโลก มากพอที่จะทำให้เหล่าผู้ฝึกตนวิถีต้นกำเนิดหวาดกลัวและเคารพยำเกรงได้
แต่ยามนี้ นางกลับพบว่า สถานการณ์นางในตอนนี้ไม่ต่างอะไรกับเหล่าผู้ฝึกตนวิถีต้นกำเนิดที่ไม่เคยอยู่ในสายตานางเลย…
บรรยากาศในน่านน้ำนี้เปลี่ยนเป็นหนักอึ้งเงียบสงบขึ้นมาอีกครั้ง
และทุกคนต่างก็รอคอย
…..
ภายในซากหอเซียนดาบที่เกิดเสียงคำรามและเคลื่อนไหวแปลกประหลาดก่อนหน้านี้ได้เงียบสงัดลงแล้ว
บนแท่นหยกเก้าชั้น
แววตาซูอี้มีความแปลกใจและตกใจเล็กน้อย
ตราประทับกระดูกขาวในกล่องหยกนั้น กลั่นมาจากกระดูกของเผ่าพันธุ์ปีศาจที่อยู่ขอบเขตจักรพรรดิ มีลักษณะคล้ายกับฝ่ามือขนาดเล็ก แต่ในนั้นกลับผนึกคาถาไว้ถึงเก้าชั้น!
คาถาแต่ละชั้นมีค่ายกลยันต์มากมายมหาศาลประดุจมวลหมอกในท้องทะเลกว้าง
คาถาเก้าชั้นซ้อนทับเข้าด้วยกัน ทำให้ตราประทับเล็กชิ้นนี้ กลายเป็นของล้ำค่าที่ลึกลับและบริสุทธิ์เป็นอย่างมาก!
เส้นทางการฝึกฝนนั้น มีอยู่สี่ระดับใหญ่
แบ่งเป็นวิถียุทธ์ วิถีต้นกำเนิด วิถีวิญญาณ และวิถีลึกล้ำ
เมื่อก้าวเข้าสู่ ‘วิถีลึกล้ำ’ พวกเขาเหล่านั้นจะถูกเรียกว่าตัวตนขอบเขตจักรพรรดิ
และของสมบัติล้ำค่าวิถีล้ำลึก คือของล้ำค่าที่มีแต่ตัวตนขอบเขตจักรพรรดิเท่านั้นถึงจะสามารถกลั่นและใช้ได้
เมื่อชาติก่อน ซูอี้ก้าวเข้าสู่เส้นทางวิถีล้ำลึกระดับสูงสุด อยู่ในขอบเขตสานพันธะลึกล้ำขั้นสมบรูณ์แบบ ถือเป็นระดับสูงสุดในขอบเขตจักรพรรดิ ด้วยเหตุนี้จึงถูกเรียกว่า ‘ขอบเขตมหาจักรพรรดิ’
ด้วยสายตาอันเฉียบแหลมของเขา ย่อมมองความลึกลับของตราประทับกระดูกขาวออกทันที
ตราประทับชิ้นนี้คือของที่จักรพรรดิปีศาจฮุ่นเทียนเหลือเอาไว้
ร่างเดิมของจักรพรรดิปีศาจฮุ่นเทียนคือ ‘ไป๋เจ๋อ’ ตราประทับชิ้นนี้กลั่นมาจากกระดูกเขา จึงเป็นของล้ำค่าวิถีล้ำลึกที่ต่างจากปกติมาก
ตอนนี้ ซูอี้รู้เพียงแค่พลังคาถาเก้าชั้นที่ผนึกตราประทับนี้คือลูกกุญแจลับ!
หากควบคุมของล้ำค่าชิ้นนี้ ก็เท่ากับว่าควบคุมทั้งซากหอเซียนดาบ พลังค่ายกลต้องห้ามทั้งหมดที่ติดตั้งอยู่ในนั้น ล้วนถูกควบคุมด้วยตราประทับชิ้นนี้!
ส่วนของล้ำค่าชิ้นนี้จะซ่อนความลับอื่นอีกหรือไม่ ก็ต้องใช้จิตสัมผัสมองเข้าไปในนั้น และสืบหาไปทีละขั้น
แต่ซูอี้ไม่ทำเช่นนั้น
แม้จิตสัมผัสของเขาในยามนี้จะแข็งแกร่งมาก แต่ระดับการฝึกฝนนั้นต่ำเกินไป หากบุ่มบ่ามไปกระตุ้นของล้ำค่าที่ตัวตนขอบเขตจักรพรรดิทิ้งไว้ คงจะโง่เป็นอย่างมาก
เมื่อคิดอยู่ครู่หนึ่ง ซูอี้ก็หันไปมองแผ่นหยกสีทองเข้ม