บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 394 ข้าก้าวสู่ขอบเขตไร้เบญจธัญ สามพันคราดอกไม้ผลิบาน
- Home
- บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ]
- ตอนที่ 394 ข้าก้าวสู่ขอบเขตไร้เบญจธัญ สามพันคราดอกไม้ผลิบาน
ตอนที่ 394: ข้าก้าวสู่ขอบเขตไร้เบญจธัญ สามพันคราดอกไม้ผลิบาน
ตอนที่ 394: ข้าก้าวสู่ขอบเขตไร้เบญจธัญ สามพันคราดอกไม้ผลิบาน
เมล็ดพันธุ์ปฐมญาณในตอนนี้ ราวกับความยุ่งเหยิงที่มิอาจบรรยายได้ และเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง
บางครั้งก็แปลงเป็นปรากฏการณ์ภูเขา แม่น้ำ ทะเลสาบ นก สัตว์ แมลง ปลา บางครั้งก็ก่อตัวเป็นสัญลักษณ์สุริยัน จันทรา ดวงดาว และความเป็นจริงตามธรรมชาติอื่น ๆ
บางครั้งก็แปรเป็นลม สายฟ้า ดิน ไฟ…
ภาพปรากฏการณ์นั้น ต่างก็กะพริบและหายไป จากนั้นก็กลับมายุ่งเหยิงอีกครั้ง
และนับจากดาบเก้าคุมขังดูดซับเอาพลังต้องห้ามที่ลึกลับบริสุทธิ์เข้ามาอย่างต่อเนื่อง เมล็ดพันธุ์ปฐมญาณก็ยิ่งหลอมรวมและหนาขึ้น
การเปลี่ยนแปลงที่มหัศจรรย์เช่นนี้ ทำให้ซูอี้ตะลึงและรู้สึกคาดหวังเป็นอย่างมาก
ในตอนที่ ‘เมล็ดพันธุ์เต๋าสุดขั้ว’ ของตัวเองขึ้นเป็นรูปเป็นร่างจริง ๆ จะปรากฏออกมาเป็นเช่นใดนะ?
ในชาติก่อน ซูอี้ก็เคยคิด เมื่อตอนก้าวเข้าสู่ขอบเขตไร้เบญจธัญ และทำให้เกิดภัยพิบัติต้องห้ามแปลกประหลาดขึ้นมา ควรจะรับมือกับมันอย่างไรดี
ตามสิ่งที่ได้ฟังได้เห็นมาในชาติก่อนของเขา ย่อมรู้ดีว่าบุคคลยอดเยี่ยมมากมายในอดีต ล้วนเคยประสบกับภัยพิบัติเช่นนี้ โดยไม่มีข้อยกเว้น สุดท้ายต่างก็ถูกกวาดล้างและดับสูญไป
ไม่มีผู้ใดทำสำเร็จสักคน!
นี่จึงทำให้ซูอี้ไม่สนใจเรื่องนี้ไม่ได้ และเตรียมพร้อมสำหรับเรื่องนี้
ทว่าเขาไม่นึกเลยว่า ในตอนที่ภัยพิบัติแปลกประหลาดนี้มาถึงจริง ๆ กลับรู้สึกสบายเช่นนี้
แค่ใช้ดาบเก้าคุมขังเท่านั้น ก็สามารถปรับแต่งแสงภัยพิบัตินั้นอย่างง่ายดาย!
ตู้ม!
น่านฟ้าปั่นป่วน ความมืดเข้าปกคลุม มีแสงภัยพิบัติกำลังถูกสะสมและเพิ่มพูนขึ้นในส่วนลึกชั้นเมฆที่คล้ายกับระลอกคลื่น
กลิ่นอายภัยพิบัติทำลายล้างเกลื่อนไปทั่วน่านฟ้า กระตุ้นให้การมีอยู่อันน่าสะพรึงกลัวที่อยู่ไกล ๆ เหล่านั้นอกสั่นขวัญหาย
นอกจากเรือเก็บดาวที่อยู่ในพื้นที่แล้ว เกาะไร้หวน ภูเขาฝังศพ และเจดีย์กระดูกขาวต่างก็หลบเลี่ยงออกไป
“ภัยพิบัติเช่นนี้ ยังน่าสะพรึงกลัวกว่าข้าที่ทำให้เกิด ‘มหาภัยพิบัติแปรเปลี่ยนวิญญาณ’ ในตอนที่ก้าวเข้าสู่ขอบเขตแปรเปลี่ยนวิญญาณ ซึ่งเต็มไปด้วยกลิ่นอายต้องห้ามแปลกประหลาดเสียอีก…”
หญิงสาวที่อยู่บนไหล่วานรยักษ์ขาวมีสายตาเลื่อนลอย เนื้อตัวสั่นเทา
พรึบ!
ทันใดนั้น แสงภัยพิบัติที่หนากว้างดั่งน้ำตก พลันพุ่งออกมาจากเมฆดำในส่วนลึกระลอกคลื่นอย่างรุนแรง ฟาดลงสู่เบื้องล่าง
ภาพน่าสะพรึงกลัวบ้าคลั่งเช่นนี้ ทำให้การมีอยู่อันน่าสะพรึงกลัวเหล่านั้นต่างตกใจ สิ่งนี้มีอานุภาพแข็งแกร่งกว่าแสงภัยพิบัติเมื่อครู่ไม่รู้ตั้งเท่าใด!
แต่ที่ทำให้ไม่อยากจะเชื่อคือ หลังจากที่แสงภัยพิบัตินี้ระเบิดใส่ซูอี้ เพียงแค่ทำให้ร่างของเขาตกลงสู่เบื้องล่างจากหลายจั้ง จากนั้นก็ยืนทรงตัวได้อย่างมั่นคง
และแสงภัยพิบัติอันบ้าคลั่งนั่น คล้ายกับมารวมตัวกัน สุดท้ายก็ทะลักเข้าไปในร่างของซูอี้ทีละน้อยจนไม่หลงเหลือใด ๆ และค่อย ๆ หายไป
ทุกคนต่างนิ่งอึ้ง
นี่… นี่นับว่าเป็นการกลืนทัณฑ์สวรรค์หรือไม่!?
ฟู่ว!
ซูอี้ถอนหายใจยาวออกมา คล้ายกับยังไม่พอใจ พลันมองไปทางภัยพิบัตในส่วนลึกเมฆนั้น
ดาบเก้าคุมขังกำลังคำราม เมล็ดพันธุ์ปฐมญาณภายในตันเถียนก็ได้รับการแปรสภาพและหลอมรวมอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
เขารู้สึกได้ว่า การฝึกตนบำเพ็ญ จิตวิญญาณและร่างกายของตัวเอง รวมถึงสามหัวใจหลักต่างได้รับการรวบรัดและยกระดับอย่างลึกลับมหัศจรรย์
ความรู้สึกนั้นทำให้เขาล่องลอย ราวกับสำเร็จเป็นเซียนอย่างรวดเร็วก็ไม่ปาน
นี่คือการแปรสภาพการบรรลุอย่างแท้จริง
คือเหตุการณ์บรรลุที่ไม่เคยเกิดขึ้นจริงในชาติก่อนเมื่อตอนอยู่ระดับขอบเขตเดียวกัน!
และในมหาทวีปคังชิงตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ก็ยังไม่เคยมีผู้ใดสามารถทำมาถึงขั้นนี้ได้
ทว่ายามนี้ เรื่องมหัศจรรย์ที่แทบจะเป็นไปไม่ได้ กำลังแสดงออกมาโดยเขา!
ตูม!
น่านฟ้ามืดครึ้ม คมก็ยิ่งปล่อยความกดดันมากขึ้น และภัยพิบัติในส่วนลึกเมฆนั้น มีแสงภัยพิบัติที่ผสมผสานรวมตัวกันอย่างอธิบายไม่ได้
สุดท้าย กลายเป็นแสงภัยพิบัติที่มีรูปร่างคล้ายกับหอกรบพุ่งออกมาอย่างรุนแรง
ในขณะนั้น ราวกับหอกแห่งการพิพากษาจากทวยเทพมาเยือนโลก กลิ่นอายแห่งความหายนะอันน่าสะพรึงกลัวไร้ขอบเขตได้แผ่ซ่านไปทั่วสิบทิศ เกิดเสียงสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงไปทั่วน่านฟ้าราวกับเสียงคำราม
เรือเก็บดาวที่ไม่เคยเคลื่อนไหวมาตลอด ในเวลานี้ก็หลบเลี่ยงทันที ราวกับสัมผัสได้ว่ามิอาจต้านทานกลิ่นอายการทำลายล้างนี้ได้
“น่าหวาดกลัวมาก!”
สัตว์ประหลาดอย่างมารเฒ่าหลีฮั่ว ปีศาจเฒ่าสือกู่ ราชาจี้เหยียนเหลย ต่างพากันหน้าถอดสี
วานรยักษ์ขาวส่งเสียงเจ็บปวดออกมาอย่างไม่สบายใจ
หญิงสาวจึงจำต้องกระตุ้นการบำเพ็ญ เพื่อช่วยต้านทานการจู่โจมของกลิ่นอายแห่งหายนะนั้นให้แก่นางกับวานรยักษ์ขาว
ฮวาซิ่นเฟิงที่หลบอยู่ภายในซากหอเซียนดาบ แสบตาไปหมด และมองไม่เห็นเหตุการณ์ใด ๆ อีก
ซูอี้รู้สึกถึงกลิ่นอายหายนะของหอกรบนั้น และต้องยอมรับว่า หากเขาไม่มีดาบเก้าคุมขัง ด้วยระดับฝึกฝนของเขาในยามนี้ แม้จะแสดงไพ่ตายทั้งหมดออกมา สุดท้ายถึงอาจจะสลายภัยพิบัตินี้ได้ ทว่าตัวเขาเองก็จะต้องถูกทุบเป็นชิ้น ๆ จิตวิญญาณได้รับความเสียหายอย่างรุนแรงและดับสูญไปอย่างน่าเวทนา
“ก็ไม่แปลกใจเลยที่ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ไม่มีผู้ใดรอดจากหายนะนี้ได้เลย ต่อให้เปลี่ยนผู้ฝึกตนวิถีวิญญาณมาเอง ก็คงมิอาจต้านทานได้…”
ซูอี้แอบถอนหายใจกับตัวเอง
ภัยพิบัติเช่นนี้ ทำให้เขาตระหนักได้เรื่องหนึ่ง ภัยพิบัตินี้ไม่ได้มุ่งเป้าไปที่ผู้ฝึกตนธรรมดาในโลกนี้เลย
มีเพียงบุคคลที่พยายามสร้าง ‘เมล็ดพันธุ์เต๋าสุดขั้ว’ เหมือนกับเขาเท่านั้น ถึงจะประสบกับการกวาดล้างของภัยพิบัตินี้
นี่ไม่ใช่การทดสอบ
แต่คือบทลงโทษ!
เพื่อกวาดล้างพื้นฐานแห่งมหาวิถีอย่าง ‘เมล็ดพันธุ์เต๋าสุดขั้ว’ ทิ้ง และไม่อนุญาตให้พลังเช่นนี้มีอยู่บนโลกอีก!
ในขณะครุ่นคิดอยู่นั้น แสงภัยพิบัติหอกรบก็พุ่งลงมาอย่างรวดเร็วราวกับอุกกาบาต
การโจมตีนี้ นับว่าน่าสะพรึงกลัวมาก ทว่าภายใต้การปราบปรามของพลังดาบเก้าคุมขัง มันก็ถูกกลืนหายไป และยังคงมิอาจทำอะไรซูอี้ได้
ในเวลานี้เอง ซูอี้สัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าเมล็ดพันธุ์ปฐมญาณภายในตันเถียนของตัวเขา ปลดปล่อยแสงมากมายออกมา ราวกับความยุ่งเหยิงแรกเริ่ม
ตูม!
จากนั้น การฝึกฝนบำเพ็ญ ร่างกายและจิตวิญญาณของเขาสั่นไหวทันที เกิดแสงเจิดจ้ารอบร่าง คล้ายกับพระอาทิตย์ขนาดใหญ่ ส่องสว่างน่านฟ้าที่ถูกปกคลุมไปด้วยความมืด
ไม่รู้นานเท่าใด เมฆครึ้มสีดำที่ก่อตัวอย่างหนาแน่นบนน่านฟ้านั้น พลันหายไปอย่างเงียบ ๆ และท้องนภาก็กลับไปสงบเช่นเดิม
ท่ามกลางสายตาของทุกคน ซูอี้ที่ยืนอยู่ในอากาศมีแสงหมุนรอบไปทั่วร่าง ราวกับหงส์ที่เกิดใหม่จากเปลวไฟ
ในอากาศบริเวณใกล้เคียง โดยมีเขาเป็นศูนย์กลาง ได้ปรากฏเงาดอกไม้นับไม่ถ้วนแกว่งไกวไปมา คล้ายกับดอกไม้แห่งมหาวิถีปกคลุมไปทั่ว และในระหว่างความเลือนรางนั้น ยังมีเสียงคล้ายกับเสียงของธรรมชาติดังขึ้น น่านฟ้าเงียบสงัดดูศักดิ์สิทธิ์มหัศจรรย์มาก
นั่นคือปรากฏการณ์ประหลาดยอดเยี่ยมอย่างหนึ่ง!
ประหนึ่ง ‘บุปผาสวรรค์ร่วงหล่นลงมา ปทุมมาศโผล่เหนือปฐพี’ อย่างในข่าวลือ
ภาพนี้ ส่งเสริมให้ซูอี้ดูมีกลิ่นอายลึกลับดุจเทพเซียนไปโดยปริยาย
ทุกคนล้วนตกตะลึง
ใครจะดูไม่ออกกันว่าซูอี้ได้ผ่านพ้นภัยพิบัติ และก้าวเข้าสู่ขอบเขตไร้เบญจธัญแล้ว?
ความจริงแล้ว ขอบเขตนี้ไม่อยู่ในสายตาสัตว์ประหลาดเหล่านั้นเลย ทว่าซูอี้กลับต่างออกไป
ในฐานะที่เขาเป็นบรรพจารย์ยุทธ์ปฐมสวรรค์ กลับทำให้เกิดภัยพิบัติร้ายแรงที่คาดเดาไม่ได้ออกมา ซึ่งเรื่องนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน และในอดีตก็ไม่เคยเกิดขึ้น
และในตอนที่เขาผ่านพ้นภัยพิบัติ จนก้าวเข้าสู่ขอบเขตไร้เบญจธัญสำเร็จ รากฐานหลักที่ถูกสร้างขึ้นมาก็ยังทำให้เกิดปรากฏการณ์ยอดเยี่ยมขึ้น!
ทั้งหมดนี้ ต่อให้พลิกหาทั้งตำราโบราณและประวัติศาสตร์อันยาวนาน ก็คงหาที่ไหนไม่ได้!
“หรือชายผู้นี้คือเซียนบนสวรรค์ที่ลงมาจุติจริง ๆ? ไม่เช่นนั้น เหตุใดแค่ก้าวสู่ขอบเขตไร้เบญจธัญ ก็สามารถทำให้เกิดเหตุการณ์ที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้ได้?”
ฮวาซิ่นเฟิงเหม่อลอย วิงเวียนมึนงง
“เหลือเชื่อมาก เหลือเชื่อจริง ๆ ที่บอกว่าก่อนแสงสว่างแห่งโลกกว้างจะมาถึง เรื่องที่ผิดปกติทั้งหมด จะเป็นลางบอกเหตุ ทว่าความผิดปกติที่อยู่บนตัวชายหนุ่มผู้นี้ มีมากเกินไปจริง ๆ…”
หญิงสาวที่อยู่บนไหล่วานรยักษ์ขาวนิ่งอึ้งอยู่ตรงนั้น และตกใจอยู่นาน
“เมื่อสามหมื่นปีก่อน ในบรรดาตัวตนเก่งกาจยอดเยี่ยมทั่วใต้หล้า… ไม่มีผู้ใดเคยทำมาถึงขั้นนี้ได้!”
“คนผู้นี้ เป็นใครกันแน่? เหตุใดถึงได้น่าเหลือเชื่อเช่นนี้?”
สัตว์ประหลาดอย่างมารเฒ่าหลีฮั่ว ปีศาจสือกู่ ราชาจี้เหยียนเหลย ต่างมิอาจสงบลงได้ และตกใจกับภาพเหตุการณ์นี้เป็นอย่างมาก
ทั้งหมดนี้อยู่เหนือจินตนาการและการรับรู้ของพวกเขา
ไม่นาน เงาดอกไม้ที่เต็มท้องนภา ก็ค่อย ๆ หายไป
ท่ามกลางอากาศ ซูอี้มีจิตใจสงบนิ่ง ราวกับได้ชะล้างสิ่งปนเปื้อนให้หมดสิ้น และกลับคืนสู่พื้นฐานเดิม แม้แต่ลมปราณบนร่างกาย ก็ยังนิ่งราวกับน้ำ และเผยเสน่ห์อันยอดเยี่ยมออกมา
ตันเถียนที่อยู่ภายในตัวเขา มีเมล็ดพันธุ์ปฐมญาณลอยหมุนอย่างช้า ๆ และพรั่งพรูพลังชีวิตอันบริสุทธิ์และน่าเกรงขามออกมา เส้นลมปราณ จุดชีพจร และอวัยวะภายในบนตัวเขาเกิดการเชื่อมประสานราวกับกระแสน้ำขึ้นลง
เมล็ดพันธุ์ปฐมญาณที่สร้างโดยขอบเขตไร้เบญจธัญ เรียกว่า ‘เมล็ดพันธุ์เต๋า’
ผู้ที่ไร้ความสามารถ ก็มิอาจหลอมรวม ‘เมล็ดพันธุ์เต๋า’ ได้
และเมล็ดพันธุ์เต๋าก็มีหลากหลายระดับ มีความแตกต่างกันออกไปในแต่ละบุคคล เมล็ดพันธุ์เต๋าที่แข็งแกร่งมากจะสามารถแปรสภาพเป็นรูปร่างต่าง ๆ ได้ เช่น ภูเขา แม่น้ำ ทะเลสาบ พระอาทิตย์ พระจันทร์ ดวงดาว นก สัตว์ แมลง ปลา ลม สายฟ้า ดิน ไฟ เป็นต้น
แต่ละอย่างมีความลึกลับมหัศจรรย์ ราวกับพลังแห่งพรสวรรค์ที่รวมตัวกันหลังกำเนิดมา และสามารถทำให้พื้นฐานและพลังของผู้ฝึกตนอยู่เหนือกว่าบุคคลรุ่นเดียวกันได้
และเมล็ดพันธุ์สุดขั้วของซูอี้ ปรากฏรูปร่างที่ไม่ธรรมดาออกมา เมื่อเพ่งมองอย่างละเอียด รูปร่างมันดูคล้ายกับดาบเก้าคุมขังขนาดเล็ก!
เพียงแต่ ซูอี้ยังไม่ทันได้ทำความเข้าใจความเร้นลับในนั้น ก็ได้ยินเสียงตะโกนดังขึ้นมา
“ก็แค่ขอบเขตไร้เบญจธัญเท่านั้น ต่อให้เก่งกาจเหนือสวรรค์แล้วอย่างไร? หากไม่ทิ้งโชคชะตานั่นให้ข้า ก็ต้องตาย!”
น้ำเสียงเคร่งขรึมของมารเฒ่าหลีฮั่วที่อยู่บนเกาะไร้หวนดังขึ้น ลมปราณปั่นป่วนสาดซัด และพร้อมที่จะเคลื่อนไหว
ผืนปฐพีสนั่นสั่นไหว ไอสังหารเยือกเย็นแผ่กระจายไปทั่วอีกครั้ง
เมื่อเทียบกับก่อนหน้านี้ สายตาของเหล่าการมีอยู่อันน่าสะพรึงกลัวเหล่านั้นที่มองไปทางซูอี้ มีกลิ่นอายหลากหลายที่มิอาจอธิบายได้
เฉกเช่นจ้องมองเหยื่อที่ทั่วร่างซ่อนความลึกลับเอาไว้ มีความอยากรู้อยากเห็น มีจิตสังหาร และมีความโลภ
“โชคชะตานี้ ชายแก่อย่างข้าไม่เอาก็ได้ เพียงแค่พวกท่านต้องนำชายหนุ่มผู้นี้มาให้ข้า”
น้ำเสียงน่าสะพรึงกลัวของปีศาจเฒ่าสือกูดังขึ้น
“เหอะ ฝันไปเถอะ!”
ราชาจี้เหยียนเหลยยิ้มเยาะ เขาจะไม่รู้ได้อย่างไร ความลับบนตัวซูอี้ไม่ต่างอะไรกับโชคชะตาที่ว่านั่นมากนัก
ทั่วใต้หล้าเย็นยะเยือก ราวกับไอสังหารดุจกระแสน้ำแผ่ขยายไปทั่ว สถานการณ์พลันหนักอึ้งขึ้นทันใด
ในอากาศ ซูอี้ยืดเส้นยืดสายครู่หนึ่ง ก่อนเหลือบมองการมีอยู่อันน่าสะพรึงกลัวเหล่านี้ และเอ่ยด้วยรอยยิ้ม
“พูดตามตรง หากพวกเจ้าไม่ถูกกักขังจากการจองจำแห่งยุคมืด บางทีอาจทำให้ข้าซูผู้นี้หวาดกลัวก็ได้ ทว่ายามนี้ พวกเจ้าในความคิดข้า ก็เป็นเหมือนเนื้อที่อยู่บนเขียง ที่สามารถปล้นชิงไปได้!”
เมื่อเอ่ยมาถึงตรงนี้ ซูอี้สะบัดดาบนิลกาฬกลืนฟ้าในมือ พลางเอ่ย “ไม่ต้องพูดไร้สาระให้มากความ หากผู้ใดไม่พอใจ ข้าซูผู้นี้จะมอบความตาย และช่วยให้หลุดพ้นจากโลกนี้เอง”
ทั่วทั้งสนามเงียบสงัด ก่อนมีเสียงหัวเราะดังขึ้น
ไม่แปลกใจเลยที่การมีอยู่อันน่าสะพรึงกลัวเหล่านั้นจะมองคำพูดของซูอี้เป็นเรื่องตลก
หญิงสาวบนวานรยักษ์ขาวอึ้งไปชั่วครู่หนึ่ง เจ้าหมอนี่เพิ่งจะบรรลุไปเอง แม้จะผ่านพ้นภัยพิบัติ และทำให้เกิดปรากฏการณ์ยอดเยี่ยมได้ ทว่าก็มีระดับการฝึกฝนเพียงแค่ขอบเขตไร้เบญจธัญเท่านั้น แต่เมื่อฟังน้ำเสียงเขา… มันไม่ดูเย่อหยิ่งเกินไปหน่อยรึ?
ฮวาซิ่นเฟิงไร้รอยยิ้ม
นางรู้ ซูอี้จะไม่ล้อเล่นกับเรื่องเช่นนี้
ตูม!
ปีศาจเฒ่าทนไม่ไหว ลงมือโดยทันที!