บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 395 เนื้อปลาบนเขียง ต้องเชือดให้ตาย
ตอนที่ 395: เนื้อปลาบนเขียง ต้องเชือดให้ตาย
ตอนที่ 395: เนื้อปลาบนเขียง ต้องเชือดให้ตาย
“ไป!”
ปีศาจเฒ่าสือกู่สะบัดแขนเสื้อ
ตูม!
หอกรบกระดูกขาวเต็มน่านฟ้า แน่นขนัดดุจป่าไม้ ซึ่งแฝงไปด้วยหมอกโลหิตชั่วร้าย พลังที่ปลดปล่อยออกมาทุกการโจมตี ต่างแฝงไปด้วยกลิ่นอายต้องห้ามแปลกประหลาด
นี่คือการจองจำแห่งยุคมืด
มันปะทุมาจากแหล่งกำเนิดคังชิงในบ่อโบราณลึกเมื่อสามหมื่นปีก่อน และแพร่กระจายไปทั่วมหาทวีปคังชิง
ด้วยเหตุนี้ทั่วหล้าจึงตกอยู่ในยุควุ่นวายชั่วร้ายมายาวนานสามหมื่นปี
จนถึงยามนี้ แม้การจองจำแห่งยุคมืดจะค่อย ๆ สลายหายไป ทว่าอานุภาพนั้น ยังคงน่าสะพรึงกลัวเป็นอย่างยิ่ง
ไม่เพียงแต่ปีศาจเฒ่าสือกู่เท่านั้น แต่ยังมีอีกสามการมีอยู่อันน่าสะพรึงกลัวที่เหลือ ล้วนถูกกักขังอยู่ที่นี่มานับสามหมื่นปี แม้ความสามารถของตัวเองจะถูกกดไว้ แต่จากการคาดเดาและค้นคว้ามาหลายปี ในยามที่ลงมือ ก็สามารถยืมพลังการจองจำแห่งยุคมืดมาใช้ส่วนหนึ่งได้
หากไม่เป็นเช่นนี้ พวกเขาที่ถูกกักขังมาโดยตลอด ก็มิอาจปลดปล่อยอานุภาพเช่นนี้ออกมาได้เลย
ก่อนที่ซูอี้จะต่อสู้ เขาสัมผัสได้ถึงจุดนี้อย่างเลือนราง จึงย่อมเข้าใจดี ว่าควรจะเก็บกวาดไอ้เฒ่าเหล่านี้อย่างไร
ชิ้ง!
ดาบนิลกาลกลืนฟ้าส่งเสียงออกมา
ซูอี้ควบคุมดาบทะยานไปในอากาศ พลางฟาดฟันออกไปทันที
ปราณดาบสิบจั้งแทงทะลุน่านฟ้าราวกับเขื่อนแตก พลังบริสุทธิ์โหมซัดดุจกระแสน้ำ ผสานเข้ากับปราณดาบ จนทำให้เกิดเสียงคำรามดั่งฟ้าคะนอง
แค่ดาบเดียวเท่านั้น ทว่าอานุภาพกลับแตกต่างกับตอนที่อยู่ในขอบเขตบรรพจารย์ยุทธ์ปฐมสวรรค์อย่างสิ้นเชิง
นั่นคือความต่างของผู้ฝึกตนกับสามัญชน ซึ่งเป็นการแบ่งแยกระหว่างตัวตนธรรมดากับตัวตนเหนือโลก
นี่ถึงจะเป็นการเชื่อมต่อฟ้าดินกับร่างกายจิตใจ คือวิถีฝึกเต๋าตามธรรมชาติ
เมื่อเทียบกับในอดีตแล้ว มันแตกต่างกันราวฟ้ากับดิน!
และในดาบนี้ ก็แฝงไปด้วยลมปราณของดาบเก้าคุมขังเล็กน้อย!
ตูม! ตูม! ตูม!
เสียงระเบิดดังขึ้น หอกรบกระดูกขาวที่แน่นขนัดดั่งป่าไม้ ราวกับถูกปราณดาบสิบจั้งทำลายจนแหลกละเอียด และแตกกระจายไปทั่ว
“หืม? เป็นไปได้อย่างไร!?”
ปีศาจเฒ่าสือกู่ตกใจ และยากที่จะเชื่อ
“ดาบนี้ สามารถทลายพลังการจองจำแห่งยุคมืดได้?”
ยามนี้ ราชาจี้เหยียนเหลยกับมารเฒ่าหลีฮั่ว พวกเขาต่างตะลึงและตกใจสุดขีด
สิ่งที่ต้องรู้คือ ‘การจองจำแห่งยุคมืด’ ปกคลุมมหาทวีปคังชิงมาเกือบสามหมื่นปี ในตอนที่มันเพิ่งปะทุออกมา แม้แต่ตัวตนขอบเขตจักรพรรดิก็ไม่มีพลังที่จะต้านทานพลังต้องห้ามแปลกประหลาดเช่นนี้ได้
ไม่เช่นนั้น ตัวตนขอบเขตจักรพรรดิอย่างจักรพรรดิปีศาจฮุ่นเทียนแห่งหอเซียนดาบ จะตัดใจทิ้งทุกอย่างและออกจากมหาทวีปคังชิงไปได้อย่างไร?
แล้วกลุ่มวิถีปราชญ์โบราณเหล่านั้น จะทยอยหายสาบสูญไปในประวัติศาสตร์อันยาวนานได้อย่างไร?
ทั้งหมดนี้ ต่างเป็นเพราะ ‘การจองจำแห่งยุคมืด’ น่าสะพรึงกลัวเกินไป!
ความจริงแล้ว จนถึงยามนี้ การจองจำแห่งยุคมืดที่กระจัดกระจายอยู่ในมหาทวีปคังชิงใกล้จะสลายหายไปแล้ว
ทว่าอานุภาพนั้น ก็ยังเพียงพอที่จะทำให้ผู้ฝึกตนระดับวิถีวิญญาณถึงแก่ชีวิตได้!
และยามนี้ แค่ดาบเดียวของซูอี้เท่านั้น กลับสามารถทำลายหอกรบกระดูกขาวที่แฝงพลังจองจำแห่งยุคมืดเอาไว้จนแหลกละเอียดสิ้น!
แล้วใครจะไม่ตกใจกัน?
“แข็งแกร่งมาก!!”
หญิงสาวที่อยู่บนไหล่วานรยักษ์ขาวพลันแข็งทื่อไปทั่วร่าง นางตกใจกับอานุภาพของดาบนี้
นางไม่รู้ที่มาของ ‘การจองจำแห่งยุคมืด’ อย่างชัดเจน ทว่าสิ่งนี้ก็มิอาจขัดขวางนางที่จะเรียนรู้อานุภาพดาบนี้ของซูอี้ได้
เมื่อดาบนี้ถูกกวัดแกว่งออกไป ผู้ฝึกตนวิถีวิญาณอย่างนาง ก็อดเกิดความรู้สึกตกใจไม่ได้ และไม่อยากจะเชื่อว่า ดาบนี้จะมาจากชายหนุ่มที่มีขอบเขตไร้เบญจธัญ
“พูดเช่นนี้ แสดงว่าหากพวกเราเจอชายผู้นี้เร็วกว่านี้ และยืมความสามารถเขา ไม่ใช่ว่าจะสามารถทำลาย ‘การจองจำแห่งยุคมืด’ ที่กักขังพวกเราได้หรอกรึ?”
มารเฒ่าหลีฮั่วเอ่ยพึมพำ พลันตื่นเต้นขึ้นมา
ถูกกักขังมาสามหมื่นปี!
ภายใต้ความทุกข์ทรมานในความมืดมิดไร้แสงสว่าง ใครบ้างที่ไม่โหยหาอิสรภาพ?
“ยามนี้ก็ยังไม่สาย”
ราชาจี้เหยียนเหลยเอ่ยด้วยน้ำเสียงลุ่มลึก
สายตาเขาเปล่งประกาย มองเห็นความหวังในการหลุดพ้น
ก่อนหน้านี้ พวกเขารอคอยอย่างทุกข์ทรมาน รอคอยวันที่การจองจำแห่งยุคมืดจะหายไปหมดสิ้น
ไม่นึกเลยว่า ความหวังในการหลุดพ้นนั้น จะอยู่กับชายหนุ่มอย่างซูอี้!
บนเรือเก็บดาว สายตาดุดันของซิงเหิงจ้องมองไปที่ซูอี้ คล้ายกับมีแผนการแล้ว
และในตอนที่พวกเขาสนทนากัน ซูอี้ก็เริ่มเคลื่อนไหวแล้ว!
พรึบ!
เขาทะยานไปในอากาศ และพุ่งไปทางหมอกโลหิตที่อยู่ไกลออกไป
ในฐานะที่เป็นหนึ่งในสี่สรรพสิ่งต้องห้ามมาหลายปี ใครก็ตามที่เข้าใกล้หมอกโลหิต จะเหลือแต่กระดูก และกลายเป็นส่วนหนึ่งของเจดีย์กระดูกขาว
ราวกับเป็นกฎเหล็ก สำหรับผู้ฝึกตนบนโลกนี้!
แม้แต่ผู้แข็งแกร่งอย่างหญิงสาวที่อยู่บนไหล่วานรยักษ์ขาว ก็ยังมิกล้าก้าวข้ามสระที่เดือดพล่านไป*[1]
ทว่ายามนี้ ร่างของซูอี้ราวกับต้านทานทุกสรรพสิ่ง ไม่ได้รับผลกระทบใด ๆ เลยแม้แต่น้อย และพริบตาเดียวเท่านั้น ก็พุ่งพรวดเข้าไปในหมอกโลหิต
มาถึงด้านหน้าเจดีย์กระดูกขาวที่สูงพันจั้ง!
และในที่สุดเขาก็เห็นรูปร่างของปีศาจสือกู่ได้อย่างชัดเจน
คนผู้นี้มีรูปร่างผอมแห้งดั่งต้นไผ่ อบอวลไปด้วยไอชั่วร้าย แก้มเว้าลึก นัยน์ตาเจือไปด้วยสีฟ้าแปลกประหลาด
บนร่างเขามี ‘การจองจำแห่งยุคมืด’ พันรอบเอาไว้ราวกับงูยาว จึงทำให้ร่างเขาถูกกักขังอยู่ใกล้กับเจดีย์กระดูกขาว มิอาจออกไปไหนได้
“ข้ายังคิดว่าเป็นการมีอยู่ที่โดดเด่นมากเสียอีก ที่แท้ก็เป็นเพียงผู้ฝึกผีขอบเขตสยายวิญญาณตัวเล็ก ๆ เท่านั้น”
ซูอี้ส่ายหน้า พลางเผยสีหน้าเหยียดหยามออกมา
ขอบเขตแปรเปลี่ยนวิญญาณ ขอบเขตสยายวิญญาณ ขอบเขตวงล้อวิญญาณ คือสามขอบเขตใหญ่แห่งวิถีวิญญาน
ในชาติก่อน ไม่ต้องเอ่ยถึงบุคคลขอบเขตสยายวิญญาณ แม้แต่ขอบเขตวงล้อวิญญาณ ก็ไม่อยู่ในสายตาเขา!
ปีศาจเฒ่าสือกู่เบิกตากว้าง แทบไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน แค่ชายหนุ่มขอบเขตไร้เบญจธัญผู้หนึ่ง กลับเหยียดหยามมหาปราชญ์สวรรค์ขอบเขตสยายวิญญาณเช่นเขา นี่… นี่คือสิ่งที่คนควรพูดกันรึ?
“ตายซะ!”
ปีศาจเฒ่าสือกู่คำรามออกมา
ตูม!
บนเจดีย์กระดูกขาว มีศพกระดูกพากันลุกขึ้นมาอย่างแน่นขนัด พุ่งไปทางซูอี้อย่างมากมายมหาศาล
แค่มองออกไป คล้ายกับกองทัพที่ลงมาจากสวรรค์ ดูเป็นภาพที่อลังการยิ่ง
ทว่าซูอี้ไม่สนสิ่งใด พลันดาบนิลกาลกลืนฟ้าที่อยู่ในมือเปล่งประกาย
พรึบ!
ปราณดาบมหาศาลนับไม่ถ้วนที่แฝงไปด้วยลมปราณของดาบเก้าคุมขังพุ่งออกไป
ภายใต้สายตาที่ตกใจของทุกคน กองทัพศพกระดูกนับหมื่นที่คล้ายกับผืนผ้า ถูกฉีกออกจากกัน และถูกทำลายไปตลอดทาง
ตู้ม!
ท่ามกลางเสียงระเบิดที่สนั่นสั่นไหว ร่างของปีศาจเฒ่าสือกู่ต้องปราณดาบนี้ของซูอี้โดยตรง
แควก! แควก!
พลัง ‘การจองจำแห่งยุคมืด’ ที่พันรอบร่างปีศาจเฒ่าสือกู่แตกออกเป็นผุยผง นี่เป็นโอกาสที่ดีที่สุดในการหลุดพ้นของเขา
ทว่าภายใต้ดาบนี้ ก็เป็นโอกาสตายของเขาด้วยเช่นกัน!
ได้ยินเสียงปริแตกดังขึ้น พลันร่างผอมแห้งของปีศาจเฒ่าสือกู่แยกออกจากกัน โลหิตแดงฉานสาดกระเซ็นออกมาทันที
แสงกลุ่มหนึ่งพุ่งออกจากร่างเขา นั่นคือปีศาจเฒ่าสือกู่ที่หดเล็กลงเหลือเท่านิ้วหัวแม่มือ
สยายจิตวิญญาณ!
นี่คือพลังที่ผู้แข็งแกร่งขอบเขตสยายวิญญาณเท่านั้นถึงจะสามารถใช้ออกได้
แต่ก่อนที่เขาจะหนีรอด ก็มีผนึกสีครามตีแสกเข้ามากลางหน้า ปลดปล่อยกลิ่นอายลึกลับออกมา กักขังร่างสยายวิญญาณของปีศาจเฒ่าสือกู่เอาไว้แน่น จากนั้นก็หล่นลงบนฝ่ามือของซูอี้
ผนึกสีครามนี้มีชื่อว่า ‘คุกสามฉื่อ’ คือวิชาลับของผู้ฝึกผี ใช้จับกุมผี ควบคุมศพ ขับไล่วิญญาณ ซึ่งลึกลับมหัศจรรย์อย่างมาก
ในอดีต ซูอี้ยังคงแสดงวิชาลับดังกล่าวออกมาไม่ได้
ทว่ายามนี้ต่างออกไป เขาคือผู้ฝึกตนแท้จริงแล้ว จิตเดิมของเขาทั้งหมดได้เปลี่ยนเป็นพลังชีวิต และสามารถใช้วิชาเต๋าและวิชาลับมากมายที่ไม่เคยใช้มาก่อนได้
“ในเมื่อรู้ว่าเจ้าคือมหาปราชญ์สวรรค์ขอบเขตสยายวิญญาณ แล้วข้าจะปล่อยเจ้าหนีไปได้อย่างไร?”
ซูอี้ยิ้มเยาะ แล้วยื่นมือไปจับอีกฝ่ายขึ้นมา
จากนั้น ร่างของเขาก็หายวับไป ก่อนจะหมุนตัวกลับ
ตูม!
ด้านหลัง หมอกโลหิตที่ปกคลุมไปทั่วค่อย ๆ หายไป เจดีย์กระดูกขาวพังทลายลงมา กระดูกมากมายนับไม่ถ้วนร่วงลงสู่ทะเล
ที่แท้ เจดีย์กระดูกขาวนั่นก็ไม่ได้ยอดเยี่ยมอะไร แค่นำกระดูกนับไม่ถ้วนมาทับถมกันไว้ก็เท่านั้น!
หลังจากปีศาจเฒ่าสือกู่ล้มลง เจดีย์กระดูกขาวก็ไร้พลัง และสลายหายไป
‘ปีศาจเฒ่าสือกู่ตายเช่นนี้รึ?’
เมื่อเห็นภาพนี้กับตา มารเฒ่าหลีฮั่วกับราชาจี้เหยียนเหลยต่างรู้สึกกังวล และเป็นครั้งแรกที่รู้สึกถึงความตายที่คืบคลานเข้ามา
“ชายผู้นี้ ไม่กลัวการคุกคามของพลังต้องห้ามนั้นเลยรึ?”
เป็นในตอนนี้เอง คล้ายกับหญิงสาวบนวานรยักษ์ขาวเข้าใจได้ทันที นางจึงพลันมีสีหน้าเปลี่ยนไปจนคาดเดาไม่ได้
นางดูออกนานแล้ว สี่การมีอยู่อันน่าสะพรึงกลัวที่ถูกพลังต้องห้ามกักขังไว้ มิอาจหลุดพ้นด้วยตัวเองได้
แต่นางกลับไม่นึกเลยว่า ซูอี้จะไม่เกรงกลัวต่อพลังต้องห้ามนี้เลย!
ในสายตาซูอี้ พวกเขาทั้งสี่ไม่ได้น่ากลัวแม้แต่น้อย!
ในสายตาของเขา การมีอยู่อันน่าสะพรึงกลัวเหล่านี้ก็เหมือนเนื้อปลาที่อยู่บนเขียง ที่ใครก็ปล้นชิงไปได้!
“เยี่ยมจริง ๆ!”
ฮวาซิ่นเฟิงตื่นเต้นจนดวงตาคู่งามเปล่งประกาย และเต็มไปด้วยความรู้สึกภาคภูมิใจ
“สหายน้อย สามารถหยุดเรื่องนี้ และแก้ไขความเข้าใจผิดได้หรือไม่?”
ซูอี้มองไปทางเกาะไร้หวน มารเฒ่าหลีฮั่วลุกลี้ลุกลนทันที พลางตะโกนออกมา “หากสหายน้อยช่วยข้าให้หลุดพ้น ข้าสาบานจะไม่หักหลัง และยอมเป็นม้ารับใช้เจ้า!”
ผู้ที่ถูกกักขังเช่นพวกเขา วิธีที่แข็งแกร่งที่สุด คือการยืม ‘การจองจำแห่งยุคมืด’ มาสังหารศัตรู
ไม่มีผู้ใดเข้าใกล้เกาะไร้หวนมาหลายยุคสมัย เพราะ ‘การจองจำแห่งยุคมืด’ น่าสะพรึงกลัวเกินไป
ทว่ายามนี้ วิธีที่แข็งแกร่งที่สุดของพวกเขา กลับไร้ประโยชน์เมื่ออยู่ต่อหน้าซูอี้ ทำให้พวกเขารู้สึกหวาดกลัวขึ้นมา!
“ก่อนหน้านี้เจ้ายังเห่าและร้องเอะอะว่าจะฆ่าข้าอยู่เลย เหตุใดยามนี้มารเฒ่าเช่นเจ้าถึงได้ขอให้ยกโทษได้เล่า?”
ซูอี้ผิดหวังมาก ชายผู้นี้ไร้ศักดิ์ศรีเสียจริง!
เมื่อเห็นมารเฒ่าต้องการจะเอ่ยอะไรอีก ซูอี้ก็ลงมือทันที
ฉัวะ!
ปราณดาบราวกับรุ้งศักดิ์สิทธิ์ ทะลวงออกไป
ด้วยดาบเดียวกัน แม้มารเฒ่าหลีฮั่วจะดิ้นรนต่อสู้และต้านทานอย่างเต็มกำลัง ก็มิอาจต้านคมดาบได้
สุดท้าย ท่ามกลางสายตาตกใจของคนที่เหลือ มารเฒ่าหลีฮั่วก็ถูกดาบนี้สังหารไป!
ในวินาทีสุดท้ายจิตวิญญาณสยายของเขา ยังตั้งใจจะระเบิดตัวเองกับซูอี้ให้พินาศไปพร้อมกันด้วย
แต่ช่างน่าเสียดาย ในชาติก่อนตอนที่อยู่วิถีวิญญาณ ซูอี้เคยเก็บกวาดผู้ฝึกตนวิถีวิญญาณไปมากมาย ดังนั้นจะให้อีกฝ่ายสมหวังได้อย่างไร
และด้วยดาบเดียวกันนี้เอง ก็ทำให้จิตวิญญาณสยายของมารเฒ่านั่นแหลกละเอียด และขวัญหนีกระเจิงไป
ชั่วพริบตาเดียว ปีศาจเฒ่าสือกู่กับมารเฒ่าหลีฮั่วก็ถูกเชือดราวกับลูกแกะ!
เป็นเพราะการมีอยู่น่าสะพรึงกลัวเหล่านี้แข็งแกร่งไม่พอ?
ไม่ใช่ ส่วนสำคัญคือความเย่อหยิ่งจองหองของพวกเขา ที่มันล้วนไร้ประโยชน์เมื่ออยู่ต่อหน้าซูอี้ ประหนึ่งไม่มีอยู่จริง
และที่พวกเขามีเหมือนกันคือ พวกเขาถูกกักขังมานานเกือบสามหมื่นปี ทำให้ถึงพวกเขามีความสามารถระดับวิถีวิญญาณ แต่กลับไร้พลังที่จะแสดงออกมาได้
สุดท้าย มิอาจรอแสงสว่างแห่งโลกกว้างมาถึง ก็ถูกสังหารด้วยน้ำมือซูอี้!
ทั่วทั้งบริเวณเงียบสงัด ไร้เสียงนกกา
ภาพนั้น ทำให้ตกใจไปทั่ว!
ทว่าซูอี้เพียงปัดชายเสื้อ คล้ายกับฆ่าแมลงตัวหนึ่งตายเท่านั้น และหมุนตัวกลับออกมาจากเกาะไร้หวน โดนไม่สนสิ่งใด
สายตาเขามองไปทางภูเขาฝังศพที่อยู่ไกล ๆ
[1] ก้าวข้ามสระที่เดือดพล่านไป เป็นสำนวนจีน หมายถึงไม่กล้าทำสิ่งต่าง ๆ เกินขอบเขต