บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 40 เนี่ยเป่ยหู่ผู้โหดเหี้ยม
ตอนที่ 40 เนี่ยเป่ยหู่ผู้โหดเหี้ยม
หวงเฉียนจวินก้มหัวลงยอมรับ และไม่คิดจะอธิบายอะไร
สีหน้าซูอี้อ่อนลงเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยคำ “ครั้งนี้ข้าจะละเว้น”
หวงเฉียนจวินที่กำลังรู้สึกไม่สบายใจอย่างรุนแรง เมื่อได้ยินประโยคดังกล่าวพลันโล่งใจ ก่อนแสดงความสำนึกโดยกล่าวว่า
“พี่ซูอย่าได้ห่วง ข้าไม่กล้าทำเกินเลยอีกแน่นอน!”
เนี่ยเป่ยหู่ที่อยู่ด้านข้างถอนหายใจ หวงอวิ๋นชงนับเป็นจิ้งจอกเฒ่าที่รู้จักเคลื่อนไหวอย่างชาญฉลาด!
ตราบเท่าที่ลูกชายของเขาติดตามคุณชายซู มีหรือที่เขาจะไม่กลายเป็นผู้ยิ่งใหญ่ในอนาคต?
‘ไว้เมื่อใดพบเจอเนี่ยเถิง ข้าจะต้องให้เขาใกล้ชิดคุณชายซูเช่นกัน!’ เนี่ยเป่ยหู่ลอบคิดในใจ
จากนั้น เขาประสานมือด้วยความหวั่นเกรงและกล่าวคำ “คุณชายซู ท่านเจ้าเมืองเตือนท่านไม่กี่วันก่อน ว่าเรื่องของท่านก็คือเรื่องของท่านเจ้าเมือง ท่าน… วันนี้อยากให้ข้าจัดการเรื่องนี้เช่นไร?”
เหวินเจี้ยหยวนเป็นบุตรชายของเหวินฉางชิง ส่วนซูอี้เป็นบุตรเขยของตระกูลเหวิน ทว่าครั้งนี้เกิดเหตุนองเลือดขึ้นแล้ว หากจัดการเรื่องนี้อย่างเหมาะสมไม่ได้อาจทำให้เกิดเหตุหายนะ
แต่ก่อนที่ซูอี้จะตัดสินใจ เหวินเจี้ยหยวนรีบฝืนลุกขึ้นและหันมาคุกเข่าขอขมาซูอี้ ร้องขอความเมตตาด้วยเสียงอันดัง
“ซูอี้ ข้าผิดไปแล้ว ข้าผิดไปแล้ว! ข้าไม่กล้าอีกแล้ว ได้โปรดปล่อยข้าไป ข้ารับปากว่าเรื่องนี้จะไม่แพร่งพราย!”
เหวินเจี้ยหยวนตัวสั่น สีหน้าดูหวาดกลัว
ไม่ว่าเขาจะโง่งมถึงเพียงใด เขาก็รู้มากพอ เมื่อทราบว่าสถานการณ์ตอนนี้เลวร้าย ท่าทีจึงแปรเปลี่ยนโดยทันที
แต่แล้ว เหตุการณ์ที่เกินผู้ใดคาดคิดก็บังเกิดขึ้นอย่างฉับพลัน
หวงเฉียนจวินที่ยืนอยู่ด้านหลัง จู่ ๆ ก็ก้าวเท้าออกมา ก่อนจะดึงมีดสั้นที่ปักคาหลังเหวินเจี้ยหยวนออกอย่างรุนแรงและแทงสวนกลับเข้าไปอีกครั้งกลางหลังตัดขั้วหัวใจเหวินเจี้ยหยวนอย่างไม่บอกกล่าว
สวบ!
มีดสั้นคมกริบทะลวงร่างของเหวินเจี้ยหยวน จนปลายมีดทะลุออกมาตรงหน้าอกพร้อมมีเลือดกระฉูด
ดวงตาเหวินเจี้ยหยวนเบิกกว้าง ปากอ้าออก ก่อนจะล้มตุ้บลงพื้น
มีดที่ซูอี้ขว้างไปนั้นไม่เพียงพอจะสังหารเขา
แต่ครั้งนี้หวงเฉียนจวินเป็นคนปลิดชีวิตของเหวินเจี้ยหยวน!
เนี่ยเป่ยหู่และผู้อื่นรอบตัวผงะไป เพราะไม่คิดว่าคนที่สังหารเหวินเจี้ยหยวนจะเป็นคนเช่นหวงเฉียนจวิน
แม้แต่ซูอี้ก็อดเลิกคิ้วให้กับเรื่องน่าตกใจนี้ไม่ได้
หวงเฉียนจวินหายใจหอบแรง ก่อนจะดึงมีดสั้นออกมา ส่งผลให้เลือดพลันกระฉูดเลอะทั้งตัวเขาด้วย
ถึงจะมีเลือดเปรอะไปทั้งตัวเขาก็หาได้แยแสไม่ สิ่งที่ทำต่อมามีเพียงก้มหน้าลงไม่กล้ามองไปที่ซูอี้ และกล่าวเสียงแหบแห้ง
“พี่ซู ข้าทำเกินเลยอีกแล้ว…”
ซูอี้เพ่งมองเด็กหนุ่มใจเด็ดตรงหน้าก่อนจะเอ่ยคำ “ไปล้างคราบเลือดออกจากหน้าเจ้าก่อนเถอะ”
หวงเฉียนจวินตะลึงไปครู่หนึ่ง คำกล่าวตอบอย่างไม่คาดคิด “พี่ซูจะกล่าวโทษข้าหรือไม่? ข้าก็แค่…”
“ไม่ต้องพูดอะไร ข้าทราบแล้ว”
ซูอี้โบกมือตอบ
หวงเฉียนจวินยิ้มรับ ก่อนจะรีบไปทำความสะอาด
“เจ้าหนุ่มหวงเฉียนจวินช่างเหี้ยมโหดเด็ดเดี่ยวนัก กล้าหาญ กล้าได้กล้าเสีย การลงมือครั้งนี้กระทำได้วิจิตรยิ่ง!”
“นี่เปรียบเสมือนตั๋วผ่านทางอันหนึ่ง หากทำเช่นนี้ย่อมต้องได้รับการยอมรับจากคุณชายซู!”
ในที่สุดเนี่ยเป่ยหู่ก็ได้สติ แต่ยังอดสงสัยไม่ได้ “ว่าแต่ เจ้าเด็กจอมกร่างคนนี้มีนิสัยใจคอเช่นนี้ได้อย่างไรกัน?”
ในสถานการณ์ยามนี้ หากซูอี้ฆ่าเหวินเจี้ยหยวนไป เขาก็จะเป็นคนที่ขัดแย้งกับตระกูลเหวินโดยตรงที่สุด
ดังนั้นภายใต้สถานการณ์นี้ การกระทำของหวงเฉียนจวินก็เปรียบเสมือนเป็นการช่วยซูอี้ให้พ้นจากปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต โดยการนำตัวเองเป็นผู้แบกรับปัญหาแทน!
ถึงตระกูลเหวินจะทราบข่าวก็คงทำได้เพียงเกลียดหวงเฉียนจวิน
นี่เป็นราคาที่หวงเฉียนจวินจะต้องแบกรับจากหนึ่งมีดที่แทงไป
แต่ด้วยมีดเล่มนี้เอง เขาก็ได้รับการยอมรับจากซูอี้โดยแท้จริง!
เนี่ยเป่ยหู่เป็นตาเฒ่าเจ้าเล่ห์ มีหรือเขาที่จะไม่ทราบลับลมคมนัย?
แม้กระนั้น ตัวเขาก็ยังต้องประหลาดใจ
หากถามตนเอง ต่อให้เป็นเขาและต้องตัดสินใจเช่นเดียวกัน เขาคงจะลังเล ไม่เด็ดขาดถึงเพียงนี้
เนี่ยเป่ยหู่ประสานมือพร้อมกล่าวคำ “คุณชายซู ที่นี่คือสำนักแพทย์ซิ่งหวง เหวินเจี้ยหยวนมาที่นี่และมีหลายคนรู้เห็น บัดนี้ทั้งเขาและผู้ติดตามตกตายที่นี่หมดสิ้น เรื่องนี้คงปิดบังได้ยาก”
จากนั้นเขากล่าวด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด “อย่างไรก็ดี ท่านอย่าได้กังวล ข้าจะหาทางแก้เรื่องนี้ให้!”
ตัวตนของเหวินเจี้ยหยวนนั้นไม่ธรรมดา เขาเป็นบุตรสายตรงของเหวินฉางชิง ด้วยตัวตนและอำนาจของเนี่ยเป่ยหู่นั้น การจะแก้ปัญหานี้ได้เขาก็ต้องเผชิญปัญหามากมาย
แต่อย่างไรเขาก็เห็นดีด้วย
เหตุผลนั้นง่ายมาก เพราะเบื้องหลังเขามีเจ้าเมืองฟู่ซาน และเบื้องหลังฟู่ซานก็มีนายเหนือแห่งเขตปกครองหลิงเหยา!
ซูอี้เก็บดาบใส่เข้าฝักและกล่าวอย่างเป็นกันเองว่า “ไม่ต้องลำบากแต่อย่างใด หากเหวินฉางชิงสอบถาม ให้บอกไปว่าคนพวกนี้ตายไปเพราะฝีมืออู๋รั่วชิวจากพรรคมารหยิน”
กล่าวคือการโยนหม้อร้อนให้ผู้อื่น
นับเป็นเรื่องดีที่เหวินฉางชิงทราบเรื่อง ‘อู๋รั่วชิว’ พร้อมอะไรบางสิ่งที่อยู่ในลานบ้านแห่งนี้อยู่ก่อนแล้ว
หากโยนเรื่องการตายของบุตรชายเขาให้แก่อู๋รั่วชิวและพรรคมารหยิน ก็คงจะไม่มีผู้ใดนึกสงสัยอะไร
“พรรคมารหยิน? อู๋รั่วชิว?”
เนี่ยเป่ยหู่ตะลึง เห็นได้ชัดว่าเขาไม่เคยได้ยินชื่อพรรคนี้ รวมทั้งอู๋รั่วชิว
ซูอี้ตระหนักนึกขึ้นได้ว่าจำเป็นต้องอธิบายเรื่องราวให้กระจ่าง เขาจึงอธิบายกล่าวบอกเรื่องของอู๋รั่วชิวที่เลี้ยงแมลงปีศาจในลานบ้านแห่งนี้โดยคร่าวออกไป
“น่าทึ่งนัก!”
เนี่นเป๋ยหู่พอได้ทราบ พลันต้องปรบมือชื่นชม
หากหม้อร้อนนี้ถูกโยนให้อู๋รั่วชิว นั่นก็เหมาะสมอย่างไม่ต้องสงสัย!
ซูอี้ไตร่ตรองดู “ผู้บัญชาการเนี่ย อย่าลืมบอกเจ้าเมืองฟู่ด้วย ว่าให้ตรวจดูว่ามีบ้านที่มีผีสิงที่คล้ายกันนี้ในส่วนอื่นของเมืองหรือไม่ เพราะหากอู๋รั่วชิวตายและไม่มีใครเลี้ยงแมลงปีศาจพวกนั้น พวกมันจะพร้อมนำหายนะมาสู่ทุกชีวิตในเมือง”
เนี่ยเป่ยหู่รู้สึกมีแรงใจ ก่อนจะประสานมือคารวะตอบรับ “คุณชายซูเป็นผู้มีจิตใจอันงดงาม ข้าจะถือเรื่องนี้เป็นความสำคัญลำดับแรก!”
จากนั้นเขาหันไปมองเหล่าทหารผู้คุ้มกันและกล่าวอย่างเคร่งขรึม “ไปเก็บกวาดศพในลานบ้านเสีย จะวิธีไหนก็ช่าง อย่าให้เหลือเบาะแสที่ไม่พึงประสงค์ต่อคุณชายซูเป็นอันขาด ทราบหรือไม่?”
“ขอรับ!”
กลุ่มทหารรับคำสั่งพร้อมลงมือ
พวกเขาทำงานรับใช้ในจวนเจ้าเมืองตลอดทั้งปี เป็นมือดีที่เคยชิมเลือดเปื้อนคมดาบ และมีประสบการณ์โชกโชนในการสะสางเรื่องราวเหล่านี้
เมื่อหวงเฉียนจวินทำความสะอาดคราบเลือดบนร่างกายเรียบร้อยและกลับมา เขากลับได้เห็นว่าลานบ้านนั้นสะอาด ร่างของเหวินเจี้ยหยวนและผู้อื่นหายไปหมดแล้วราวกับระเหยหายไปในอากาศ
แม้กระทั่งรอยเลือดที่อยู่บนพื้นก็ถูกชำระล้างไปจนไม่เหลือร่องรอย!
หวงเฉียนจวินอดแปลกใจไม่ได้ กระทั่งพูดบ่น “ท่านผู้บัญชาการเนี่ย เหตุใดข้าจึงรู้สึกว่าทหารคุ้มกันเหล่านี้ของหน่วยท่าน เคยรับมือกับเรื่องเช่นนี้ไม่น้อยกว่าครั้งหนึ่งแล้ว?”
เนี่ยเป่ยหู่ตอบกลับเสียงราบเรียบ “ก็แค่เพียงทักษะทำลายหลักฐาน เรื่องราวอันง่ายดายเช่นนี้ข้าไม่อยากจะคุยโอ้อวด แต่ทว่าหากเป็นคนของข้าจัดการสะสางที่เกิดเหตุ ต่อให้เป็นตระกูลหวงของเจ้าส่งคนมา ก็ไม่มีทางพบเจอแม้เพียงเบาะแส”
สิ้นคำกล่าว เขาหันมองยังทหารคุ้มกันคนหนึ่งพร้อมกล่าวคำ “ทุกคนทราบดีว่าเรื่องวันนี้ควรทำเช่นไรใช่หรือไม่?”
ทหารคุ้มกันทุกคนต่างหัวเราะเบาตอบรับ
หนึ่งในนั้นเอ่ยคำ “นายท่าน มีกฎแต่โบราณว่าเอาไว้ หากท่านเชิญพวกเราเหล่าพี่น้องดื่มเหล้าสามครั้ง เหล่าพี่น้องก็สัญญาว่าจะหุบปากไว้เสมือนไม่เคยมีสิ่งใดเกิดขึ้น!”
เนี่ยเป่ยหู่พยักหน้า
“เหล้าสามมื้อ มาได้ทุกเมื่อ”
หลังจากเอ่ยจบซูอี้หันมองยังหวงเฉียนจวิน
หวงเฉียนจวินรีบเอามือทาบอกอย่างรู้ความ “พี่ซูวางใจ ข้าจะจัดการเอง!”
เนี่ยเป่ยหู่อดหัวเราะไม่ได้
ซูอี้พูดเปรยท่าทีกล่าวบอกหวงเฉียนจวินให้เลี้ยงสุราแขกเช่นนี้ แสดงให้เห็นว่าซูอี้ยอมรับและวางใจให้หวงเฉียนจวินจัดการอย่างไม่ต้องสงสัย
เท่านี้ก็มากพอแล้ว!
หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เนี่ยเป่ยหู่เอ่ยคำแนะนำเสียงเบา “คุณชายซู ข้าส่งคนไปเชิญเหวินฉางชิงมาแล้ว ไว้ท่านมาดูหลังจากนั้นจะดีกว่า”
ซูอี้พยักหน้า
เมื่อเวลาไหลผ่านไป
ผ่านไปหนึ่งก้านธูป คนกลุ่มหนึ่งก็รีบมาที่ด้านนอกประตูลานบ้าน
คนที่นำมามีหน้าขาวซีด แววตาหมองหม่น เขาคือเหวินฉางชิง ผู้อาวุโสลำดับสองในสาขาหลักตระกูลเหวิน
กระนั้นแล้ว ขณะนี้คิ้วของเขาขมวดมุ่นวิตก ทันทีที่ก้าวเข้ามาในลานบ้าน เขากล่าวคำด้วยท่าทีเคร่งเครียด “ผู้บัญชาการเนี่ย บุตรชายข้ากับผู้คนของข้าอยู่ที่ใด?”
เนี่ยเป่ยหู่แสดงสีหน้าเศร้าโศก พร้อมกล่าวออกด้วยเสียงแหบแห้ง “น้องฉางชิง ตอนที่ข้ามาถึง บุตรชายของเจ้ากับผู้คนถูกวางยาเสียชีวิตหมดแล้ว”
“ว่าอะไรนะ!?”
เหวินฉางชิงประหนึ่งถูกฟ้าผ่า ดวงใจแตกเป็นเสี่ยง “มันเป็นใคร! ใครฆ่าลูกชายข้า!?”
ท่าทีนั้นเกรี้ยวกราด ก่อนจะเหลือบมองทุกคนในลานบ้าน เป็นความโกรธประหนึ่งสัตว์ร้ายที่พร้อมกัดกินผู้คน
เขามีบุตรชายอยู่สองคน
เหวินเจี้ยหยวนเป็นบุตรชายคนโตและอยู่ในวัยอันสำคัญ เหวินฉางชิงจึงทุ่มเทความพยายามทั้งหมดในการปลุกปั้นเหวินเจี้ยหยวน
เขากระทั่งเคยคิด ที่จะส่งเหวินเจี้ยหยวนไปฝึกยังสำนักดาบชิงเหอ
แต่ผู้ใดกันคาดคิด ว่าบุตรชายของเขาจะด่วนจากไป!
“น้องฉางชิง ข้าเสียใจกับความสูญเสียด้วย”
ท่าทีเนี่ยเป่ยหู่ยิ่งดูโศกเศร้า กระทั่งถอนหายใจ “ไม่มีผู้ใดคาดคิดว่าที่นี่มีปีศาจร้ายซ่อนตัว อู๋รั่วชิว นักพรตเต๋าจากพรรคมารหยินช่างเลวร้าย ใช้แมลงปีศาจกลืนกินซากศพของบุตรชายเจ้าและผู้ใต้บัญชา…”
“อู๋รั่วชิว… อู๋รั่วชิว…”
ใบหน้าเหวินฉางชิงเปลี่ยนไปอย่างรุนแรง กระทั่งเส้นเลือดตรงหน้าผากปูดออกมา “ไอ้นักพรตเต๋าพเนจรคนนี้ ข้าเคยถือมันเป็นดังสหายคนหนึ่ง กระนั้นกลับกล้าสังหารบุตรชายข้า!!!”
แต่แล้ว เขากลับมองไปยังซูอี้ ราวกับนึกอะไรขึ้นได้ คำจึงกล่าวออก “ไม่จริง เจ้าคนพิการนี่อาศัยที่นี่เมื่อคืนนี้แต่กลับไม่ถูกปีศาจสังหารตกตาย เหตุใดบุตรชายข้าจึงตกตายได้?”
ใบหน้าเขาเปี่ยมด้วยโทสะ ราวสังเกตถึงสิ่งผิดสังเกตขึ้นได้
อย่างไรก็ตาม เมื่อได้ยินประโยคนี้เนี่ยเป่ยหู่สีหน้าแปรเปลี่ยนฉับพลันพร้อมกล่าวออกด้วยท่าทางประหลาดใจว่า “น้องฉางชิง เจ้าไม่เพียงแต่จะรู้จักอู๋รั่วชิวที่มีพลังมาร แต่เจ้ายังรู้ว่าบ้านผีสิงหลังนี้มีอันตรายด้วยหรือ?”
ทหารคุ้มกันจากจวนเจ้าเมืองที่อยู่ใกล้ ๆ ส่งเสียงอื้ออึงอย่างพร้อมเพรียงกัน ก่อนจ้องไปที่เหวินฉางชิงและถามเสียงดัง
“เหวินฉางชิง เจ้ากล้าดีอย่างไรปล่อยให้พวกพรรคมารมาสร้างปัญหาที่นี่!”
“ไม่นึกเลย คนตระกูลเหวินจะทำสิ่งชั่วร้ายโดยพลการ เรื่องนี้ไม่อาจให้อภัย!”
“ตระกูลเหวินกับอู๋รั่วชิวผู้ฝึกวิชามารแห่งพรรคมารหยิน ได้ร่วมมือกันก่อความวุ่นวาย เรื่องนี้ต้องรายงานต่อเจ้าเมืองฟู่ซาน!”
…
ความเจ็บปวดที่สูญเสียบุตรชาย ทำให้เหวินฉางชิงโกรธจนลืมตัว กระนั้นเมื่อถูกตำหนิและไล่เรียงสอบถาม เขากลับตัวสั่นประหนึ่งมีผู้อื่นราดน้ำเย็นใส่ ท่าทีกลายเป็นสงบลง
เขาสูดลมหายใจเข้าลึก ก่อนอธิบายด้วยใบหน้าบูดเบี้ยว “ท่านผู้บัญชาการเนี่ย หากข้าสมคบคิดกับอู๋รั่วชิวจริง แล้วเขาจะสังหารบุตรชายข้าทำไม?”
“เรื่องนี้พูดไปอาจไม่เหมาะสม แต่บางทีระหว่างพวกเจ้าทั้งสองมีเรื่องบาดหมางบางอย่าง”
เนี่ยเป่ยหู่กล่าวตอบเย็นชา “เอาเป็นว่าจงไปที่จวนเจ้าเมืองกับข้าก่อน ให้ท่านเจ้าเมืองฟู่ซานตัดสินถูกผิด เราจะได้กระจ่างว่าผู้ใดบริสุทธิ์!”
เหวินฉางชิงตัวแข็งทื่อ ใจของเขาเต้นไม่เป็นจังหวะ
แต่ก่อนที่เขาจะตัดสินใจได้ เนี่ยเป่ยหู่พลันโบกมือ “เชิญร่วมทางไปยังจวนเจ้าเมืองกับข้า!”
พบเห็นดังนี้ หวงเฉียนจวินที่คอยรับชมด้วยอาการตื่นเต้น อดไม่ได้ที่จะต้องหายใจเข้าลึก
เขาเคยเห็นคนต่ำทรามมากมาย แต่ไม่เคยเห็นผู้ใดต่ำทรามเท่าเนี่ยเป่ยหู่!
ไม่เพียงแต่อู๋รั่วชิวและพรรคมารหยินที่โดนใส่ความ แต่เนี่ยเป่ยหู่ยังฉวยโอกาสใส่ความเหวินฉางชิงให้พ้นทาง
ช่างโหดเหี้ยมร้ายกาจจนน่าขนลุก!
หากเรื่องไปถึงจวนเจ้าเมือง ด้วยความสัมพันธ์ระหว่างเจ้าเมืองฟู่ซานและซูอี้ ก็เกรงว่าเหวินฉางชิงคงถึงคราวจบสิ้น!