บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 404 ยันต์คุ้มครองห้าขุนเขา
ตอนที่ 404: ยันต์คุ้มครองห้าขุนเขา
ตอนที่ 404: ยันต์คุ้มครองห้าขุนเขา
ร่างนั้นสวมชุดคลุมดูกำยำล่ำสัน ผิวสีทองแดงภายใต้แสงสีทองราวกับปกคลุมด้วยชั้นทองคำศักดิ์สิทธิ์
เป็นหยวนเหิงนั่นเอง
ในสายตาของเด็กชายและเด็กหญิงตัวน้อยที่เพิ่งรอดพ้นจากความตาย หยวนเหิงในเวลานี้ก็ไม่ต่างจากเทพเซียน
ฮึ่ม!
หยวนเหิงกางมือออก ก่อนแสงสีทองจะตกลงมาบนฝ่ามือของเขา เมื่อมองเข้าไปใกล้ ๆ พบว่ามันคือมีดสั้นสีทอง
เขาอ้าปากออก ก่อนที่มีดสั้นจะกลายเป็นแสงสีทองลอยเข้ามาในร่างของเขา
ในเวลานี้ ซูอี้ก้าวออกมาจากความมืดมิดยามค่ำคืน โดยมือกำลังเล่นกับลูกปัดสีเทาขาวที่มีร่องรอยเสียหาย
นี่คือลูกปัดจิตวิญญาณหยินระดับต่ำ
เมื่อครู่ซูอี้เห็นผีร้ายที่บิดตัวไปมาเหมือนเถาวัลย์จึงลงมือกำจัดมัน ลูกปัดจิตวิญญาณหยินนี้ตกลงมาจากผีตนนั้น
ไม่ต้องพูดถึงความหายาก เพราะมันไม่ปกติแม้แต่น้อย
โดยทั่วไปแล้ว มีเพียงผีร้ายที่รู้เกี่ยวกับการฝึกฝนเพียงเล็กน้อยเท่านั้นที่สามารถปลูกฝังจิตวิญญาณดังกล่าวได้
ในเนินเขาที่แห้งแล้งนี้กลับมีผีร้ายที่สามารถสัมผัสถึงวิถีการฝึกตนได้ …ซึ่งผิดปกติมาก!
“นายท่าน”
หยวนเหิงก้าวไปข้างหน้าเพื่อคารวะเขา
นายท่าน?
เด็กชายกับเด็กหญิงตกตะลึง การดำรงอยู่ดุจเทพเซียนเช่นนี้กลับเป็นเพียงคนรับใช้?
ซูอี้พยักหน้าให้หยวนเหิง มองไปที่เด็กชายและเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ ก่อนกล่าวว่า “ไม่เป็นไรแล้ว ไม่ต้องกังวลไป”
“ขอบคุณท่านเทพเซียนทั้งสองที่ช่วยชีวิตข้ากับพี่ชายไว้!”
เด็กหญิงตัวเล็กลุกขึ้นและพูด ใบหน้าเล็ก ๆ ของนางเต็มไปด้วยความกตัญญู
เทพเซียน?
หยวนเหิงหัวเราะและพูดว่า “เจ้านายของข้ากับข้าหาใช่เทพเซียน พวกเราเป็นเพียงผู้ฝึกตนที่ผ่านมา”
“ผู้ฝึกตน?”
เด็กหญิงตัวน้อยงุนงง
เด็กชายรีบก้าวไปข้างหน้า ก่อนโค้งคำนับพลางเอ่ย “ขอบคุณใต้เท้าทั้งสองที่ช่วยชีวิตพวกเราไว้”
“ไม่ต้องสุภาพไป”
ซูอี้กล่าว เขาเดินไปหาเด็กหญิงตัวน้อยแล้วชี้ไปที่คอของนาง ซึ่งมีเชือกสีแดงห้อยหยกดำอยู่ “สาวน้อย ใครเป็นผู้มอบสิ่งนี้ให้แก่เจ้า”
เด็กหญิงตัวน้อยพูดอย่างเขินอาย “เป็นพี่ชายที่ให้มา”
ซูอี้ตกใจ เขามองดูเด็กชายก่อนถาม “เจ้าได้สิ่งนี้มาจากที่ใด?”
เด็กชายพูดอย่างรวดเร็ว “รายงานใต้เท้า ข้าได้เครื่องรางนี้มาจาก ‘วัดเทพเจ้าเขา’ บนภูเขาฝูเซียนเมื่อไม่นานมานี้ขอรับ ปู่เมี่ยวจู้กล่าวว่าเมื่อสวมให้กับเด็ก ๆ จะสามารถหลีกเลี่ยงความชั่วร้าย อวยพรให้ปลอดภัยได้ และให้ข้านำกลับมาที่บ้านแล้วสวมให้กับน้องสาว”
เมี่ยวจู้ ผู้ดูแลธูปของวัด
ซูอี้แสดงท่าทางครุ่นคิด
หยวนเหิงเองก็สังเกตเห็นบางอย่างแปลก ๆ เขาจึงขมวดคิ้วเล็กน้อย
เด็กชายเอ่ยถาม “ท่านเทพเซียน เครื่องรางนี้มีอะไรผิดปกติงั้นหรือขอรับ?”
“ไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไร”
ซูอี้พูดอย่างสบาย ๆ “มันดึกแล้ว เจ้าจะรังเกียจหรือไม่หากพวกเราจะไปพักผ่อนที่บ้านของเจ้า”
เด็กชายตอบตกลงอย่างรวดเร็ว “ไม่รังเกียจแน่นอน ใต้เท้าทั้งสองโปรดมากับข้า”
เขาคว้ามือเด็กหญิงตัวน้อยแล้วเดินนำทางไป
…
หมู่บ้านที่เด็กชายและเด็กหญิงอาศัยอยู่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเชิงเขาฝูเซียน มันถูกเรียกว่าหมู่บ้านเฉาซี
ระหว่างทาง ซูอี้ได้เรียนรู้ว่าเด็กชายชื่อเฉาผิง และน้องสาวชื่อเฉาอัน ซึ่งเมื่อนำตัวอักษรของทั้งสองรวมจะได้เป็นคำว่า ‘สงบสุข’
พี่ชายน้องสาวคู่นี้สูญเสียบิดามารดาไปตั้งแต่ยังเด็ก ในช่วงต้นปีพวกเขาได้รับการช่วยเหลือและเลี้ยงดูจากชาวบ้านในหมู่บ้านเฉาซี เรียกได้ว่าเติบโตมาพร้อมด้วยอาหารจากหลายครอบครัว
แต่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ เฉาผิงเริ่มมีความสามารถในการพึ่งพาตนเอง เขาจึงเริ่มดูแลเฉาอัน น้องสาวของเขาด้วยตัวเอง
หมู่บ้านเฉาซีไม่ใหญ่โตนัก สองพี่น้องอาศัยอยู่ในบ้านบิดามารดาของพวกเขาที่ตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันตกของหมู่บ้าน มันเป็นลานบ้านที่เรียบง่ายมาก มีแค่สามอย่าง กระท่อมมุงจาก คอกวัว และแปลงผักในลาน
มันเป็นช่วงดึกและเนื่องจากเป็นเทศกาลลอยโคม ชาวบ้านจึงพากันกลับบ้านหลังจากลอยโคมลงในแม่น้ำ ทำให้หมู่บ้านตกอยู่ในความเงียบสงัด ไม่มีแม้แต่เสียงไก่กับสุนัข
เมื่อเดินเข้าไปในกระท่อมมุงจาก เฉาผิงก็จุดตะเกียงน้ำมันและไปต้มน้ำเพื่อชงชา
เฉาอัน เด็กหญิงตัวน้อยนั่งลงบนม้านั่งเล็ก ๆ อย่างเขินอาย ก่อนกะพริบตามองไปที่ซูอี้กับหยวนเหิงอย่างสงสัย
ตัวกระท่อมเรียบง่ายมากและมีกลิ่นอายความยากจนอยู่ทุกหนทุกแห่ง แสดงว่าชีวิตของพี่น้องคู่นี้ไม่ค่อยดีนัก
ซูอี้นั่งบนเก้าอี้เพียงตัวเดียวในห้องแล้วพูดกับหยวนเหิงว่า “เจ้าไปคุ้มกันอยู่ที่บริเวณลานบ้านเสีย เพราะถ้าข้าเดาถูก เกรงว่าคืนนี้คงจะไม่เงียบสงบนัก”
“ขอรับ”
หยวนเหิงรีบออกไป
ซูอี้มองไปที่เฉาอันและพูดอย่างอบอุ่นว่า “สาวน้อย เจ้ายินดีแสดงเครื่องรางของเจ้าให้ข้าดูหรือไม่?”
“หากพี่ชายเทพเซียนอยากเห็นก็ย่อมได้”
เด็กหญิงตัวเล็กตอบตกลงด้วยน้ำเสียงสดใส
พูดจบนางก็ลุกขึ้น ถอดจี้หยกดำออกมายื่นให้ซูอี้
“พี่ชายเทพเซียน?”
ซูอี้ตะลึงงัน เขาลูบหัวของเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ และพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ด้วยคำเรียกนี้ ข้าจะต้องดูแลพวกเจ้าพี่น้องให้ปลอดภัยให้ได้”
ขณะที่พูด ดวงตาของเขาก็เลื่อนลงไปยังหยกดำในมือ
วัตถุชิ้นนี้มีขนาดเท่าเม็ดลำไยเท่านั้น ลักษณะกลมและโปร่งแสง กุมไว้ในมือจะรู้สึกอุ่น ๆ เย็น ๆ หากมองใกล้ ๆ จะเห็นว่ามีลวดลายเมฆตามธรรมชาติบนพื้นผิวหยกที่ดูคล้ายกับเถาวัลย์
“มันคือหยกรวบรวมหยินจริง ๆ”
ซูอี้จดจำได้
นี่คือหยกจิตวิญญาณชนิดหนึ่งที่เกิดจากเส้นชีพจรหยิน หากอยู่ในมือของผู้ฝึกตน พวกเขาสามารถใช้มันขัดเกลาสมบัติบางอย่าง เช่นยันต์หยก
แต่ถ้าสวมใส่กับเด็กหญิงธรรมดา ปราณหยินในหยกจิตวิญญาณจะแทรกซึมเข้าไปในร่างกายทีละน้อย ทำให้ปราณหยินของนางเข้าไปพัวพัน
“ดูเหมือนว่าจะมีปัญหาแฝงไว้ในเครื่องรางของวัดเทพเจ้าเขา ผีร้ายในค่ำคืนนี้น่าจะอยู่ภายใต้คำสั่งของเขาทั้งหมด!”
ซูอี้ลอบกล่าวในใจ
ไม่นานหลังจากนั้น เฉาผิงก็เดินเข้ามาในกระท่อมมุงจากพร้อมกาต้มน้ำและชามที่ทำจากเครื่องปั้นดินเผาหยาบ ๆ สองใบ และกำลังจะชงชาให้ซูอี้
ซูอี้หยิบกาน้ำชาแล้วพูดว่า “ให้ข้าจัดการ”
หลังจากพูด เขาก็หยิบโสมหยกหิมะออกจากแขนเสื้อ ดึงรากโสมออกมาแช่ในกาน้ำชา แล้วเทใสชามใหญ่สองใบ
“เจ้ากับน้องสาวจงดื่มกันคนละชาม”
ซูอี้วางกาน้ำชาลงแล้วกล่าว
เพราะชาถูกแช่ด้วยรากโสม จึงเกิดกลิ่นหอมซึ่งทำให้ผู้คนรู้สึกผ่อนคลายและมีความสุขแพร่กระจายออกมา
เฉาผิงกับเฉาอันทำตามคำบอกแต่โดยดี พวกเขาดื่มชาโสมลงไปในคราวเดียว
ในเวลาเพียงครู่เดียว ใบหน้าที่ซีดเซียวของเด็กหญิงก็เปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อและอุ่นร้อน
เฉาผิงรู้สึกสดชื่น ความอ่อนล้าหายไป ผิวกายของเขารู้สึกอบอุ่นและสบายนัก
“พี่ชายเทพเซียน นี่คือชาอะไรหรือ? อร่อยจัง”
เฉาอันจ้องไปที่กาน้ำชาด้วยดวงตาที่สดใส ราวกับว่านางต้องการจะดื่มอีกครั้ง
ซูอี้ยิ้มและกล่าวว่า “ชาโสมในกาน้ำชานี้สามารถดื่มได้วันละครั้งเท่านั้น เจ้าจำได้ชัดเจนหรือไม่?”
“เจ้าค่ะ!”
เฉาอันพยักหน้าอย่างจริงจัง
ใช้เวลาไม่นานก่อนที่เฉาอันจะรู้สึกง่วง ถึงอย่างไรนางก็เป็นเด็กอายุห้าหกขวบ นางปีนขึ้นไปบนเตียงก่อนจะผล็อยหลับไป
“ร่างกายของน้องสาวเจ้ามีกลิ่นอายหยินหนาแน่นมาก อย่าลืมให้นางดื่มชาโสมหนึ่งถ้วยทุกวัน ด้วยวิธีนี้ ภายในเจ็ดวัน กลิ่นอายหยินในร่างกายของนางจะถูกกำจัดไปอย่างสมบูรณ์”
ซูอี้มองไปที่เฉาผิงและเอ่ยเตือน
เฉาผิงตกตะลึงในใจ เขาโค้งคำนับและกล่าวอย่างขอบคุณ “ขอบคุณใต้เท้า! เฉาผิงผู้นี้จะไม่ลืมความกรุณาของท่านเทพเซียนในวันนี้ ในอนาคตข้ายินดีทำทุกอย่างเพื่อตอบแทนบุณคุณนี้!”
ซูอี้ยิ้มและกล่าวว่า “เจ้าไม่จำเป็นต้องตอบแทนอะไร ในอนาคตแค่ดูแลน้องสาวของเจ้าให้ดีก็พอ”
เมื่อเห็นพี่น้องคู่นี้เป็นครั้งแรก ซูอี้จึงอดที่จะนึกถึงเฝิงเสี่ยวเฟิงและเฝิงเสี่ยวหรานซึ่งไร้บิดามารดาเช่นกันไม่ได้ ความรักของสองพี่น้องที่พึ่งพาอาศัยกันเช่นนั้นทำให้เขารู้สึกประทับใจ
ทันใดนั้น เสียงคำรามรุนแรงดังมาจากนอกลานบ้านผสานกับเสียงของมีดดาบ
แต่เพียงครู่หนึ่งก็เงียบไป
ในหมู่บ้านเฉาซี ประตูของทุกครัวเรือนถูกปิดสนิทและไม่มีใครออกมาดู
วันนี้เป็นเทศกาลลอยโคม จึงมักจะมีผีร้ายออกหลอกหลอน ชาวบ้านจำคำสั่งหัวหน้าหมู่บ้านได้ เลยไม่มีใครกล้าเปิดประตูออกไปดู
“ใต้เท้า ข้างนอก…”
เฉาผิงตื่นตระหนก ขณะที่เขากำลังจะพูดอะไร หยวนเหิงก็ได้เดินเข้ามาในกระท่อม
ในมือของเขาถือศีรษะเน่า ๆ เอาไว้ ฉากนี้ทำให้หนังศีรษะของเฉาผิงชา
“นายท่าน ก่อนหน้าผีร้ายตัวนี้ได้แอบเข้ามาที่นี่ มันพยายามเข้าใกล้แต่โดนข้าจับได้ ที่คาดไม่ถึงก็คือสหายผู้นี้มีฝีมืออยู่บ้าง แม้ว่าจะไม่ร้ายกาจเท่าผู้ฝึกผีขอบเขตไร้เบญธัญ ทว่าความแข็งแกร่งของนางดีกว่าเหล่าบรรพจารย์ยุทธ์ปฐมสวรรค์ในโลกสามัญนี้มาก”
หยวนเหิงรายงาน
“ดูเหมือนว่าคืนนี้พวกเราจะต้องไปเดินเล่นที่ภูเขาฝูเซียนสักหน่อยแล้ว”
ซูอี้กล่าวขณะมองไปที่เฉาผิงซึ่งดูประหม่ากระวนกระวาย และเฉาอันซึ่งนอนหลับสบายอยู่บนเตียงไม่ไกล
หลังจากไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่ง เขาสั่งว่า “หยวนเหิง เตรียมพู่กัน หมึก กระดาษ และแท่งหมึก”
แม้ว่าหยวนเหิงจะสงสัยว่าซูอี้คิดทำสิ่งใด แต่เขาก็ไม่ได้ชักช้า มือเท้าเร่งหยิบพู่กัน กระดาษ และหมึกออกมาอย่างรวดเร็ว
“มีกระดาษสีแดงหรือไม่?” ซูอี้ถาม
“มีขอรับ”
หยวนเหิงหยิบกระดาษแผ่นใหญ่สีแดงออกมาแล้วกางลงบนโต๊ะพร้อมกับพู่กันและหมึก
ซูอี้ก้าวไปข้างหน้า ภายใต้สายตาที่อยากรู้อยากเห็นของหยวนเหิงและเฉาผิง เขาจุ่มแปรงลงในหมึก ตวัดวาดบนกระดาษสีแดง และเขียนอักษรสี่คำ
‘สงบสุขปลอดภัย’
ทุกคำล้วนเก่าแก่ทรงพลัง เปี่ยมด้วยอำนาจแห่งประกาศิต
เมื่อเฉาผิงเห็นตัวอักษรทั้งสี่นี้ เขาพลันรู้สึกสงบ และยิ่งมองมันมากเท่าไร เขาก็ยิ่งสบายใจขึ้นเท่านั้น
แต่ในสายตาของหยวนเหิง ตัวอักษรทั้งสี่นี้มีพลังอันยิ่งใหญ่ที่ไม่อาจวัดได้ เต็มไปด้วยมนต์ขลังลึกลับและสงบสุข ซึ่งทำให้จิตใจของเขาสั่นเทาโดยไม่มีเหตุผล ราวกับว่าที่เผชิญหน้าไม่ใช่อักษรหนึ่งตัว แต่เป็นโลกอันกว้างใหญ่!
ทว่าเมื่อสังเกตดูอย่างระมัดระวังกลับพบว่าความรู้สึกนั้นได้หายไปแล้ว และเขาก็สัมผัสไม่ได้ถึงมนต์ขลังอันยิ่งใหญ่อีกต่อไป
ทว่าเขาก็อดไม่ได้ที่จะสงสัยว่าตัวอักษรสี่ตัวนี้มีปริศนาอะไรซ่อนอยู่กัน?
ฟู่~
ซูอี้วางพูกันลงก่อนถอนหายใจยาว
ตัวอักษรสี่ตัวนี้ดูธรรมดายิ่ง ทว่าสิ่งที่ผนึกอยู่ในตัวอักษรทั้งสี่นั้นเป็นประกาศิตคุ้มครองที่เรียกว่า ‘ยันต์คุ้มครองห้าขุนเขา’
นี่เป็นประกาศิตคุ้มครองโชคแห่งฟ้าดินประเภทหนึ่ง ซึ่งยอดเยี่ยมมาก มันสามารถสื่อสารกับพลังแห่งสวรรค์ได้
และตอนนี้… ประกาศิตดังกล่าวก็ได้ถูกเขียนโดยซูอี้เป็นคำว่า ‘สงบสุขปลอดภัย’
ถึงแม้พลังของมันจะน้อยกว่าหนึ่งในหมื่นของ ‘ยันต์คุ้มครองห้าขุนเขา’ ของแท้
แต่ใช้ในบ้านของคนทั่วไปในดินแดนสามัญ ก็นับว่าเกินพอแล้วที่จะช่วยให้ชีวิตปลอดภัยและดึงดูรัศมีความสุขเข้ามา!
และเพียงแค่เขียนสี่คำนี้ก็ผลาญพลังปราณของซูอี้ไปแล้วเกือบสามส่วน!
หากเป็น ‘ยันต์คุ้มครองห้าขุนเขา’ ที่สมบูรณ์ ด้วยฐานการฝึกฝนในปัจจุบันของซูอี้ เขายังไม่สามารถเขียนออกมาได้
“เฉาผิง พรุ่งนี้เจ้าจงติดยันต์นี้ที่ขื่อประตู ถือเป็นของขวัญจากข้าถึงพวกเจ้าสองพี่น้อง นี่ก็ดึกมากแล้ว พวกเราเองก็ต้องไปเช่นกัน ลาก่อน”
ซูอี้พูดแล้วหมุนตัวออกจากกระท่อมไป…
หยวนเหิงรีบติดตามไปอย่างใกล้ชิด
“ใต้เท้า ข้าน้อยขอทราบนามอันทรงเกียรติของท่านได้หรือไม่?”
เฉาผิงรีบไล่ตามไป แต่เมื่อเขามองออกไป… รอบ ๆ กายนอกจากความมืดมิดยามค่ำคืนแล้ว เด็กชายก็ไม่อาจเห็นเงาของซูอี้และหยวนเหิงอีกเลย!