บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 408 จังหวะวิถี แก่นแท้ กฎ
ตอนที่ 408: จังหวะวิถี แก่นแท้ กฎ
ตอนที่ 408: จังหวะวิถี แก่นแท้ กฎ
ซูอี้เอ่ย “ความลับสุดยอด? เจ้าจะบอกกับข้าว่า ร่างเดิมของเทพแห่งความกรุณานั้นคือวิหคอัปมงคลเก้าเศียร?”
นักพรตไฉนิ่งอึ้ง พลันเอ่ยอ้อนวอนทันที “ผู้อาวุโส โปรดไว้ชีวิตข้าน้อยสักครั้ง ข้าน้อยรับปากว่า ต่อแต่นี้ไปจะไม่ทำเรื่องที่กบฏต่อฟ้าดินอีก…”
พรึบ!
ซูอี้สะบัดมือ จิตวิญญาณของนักพรตไฉก็ถูกทำลายทันที
มีเพียงคนตายเท่านั้น ถึงจะไม่มีโอกาสไปทำเรื่องกบฏต่อฟ้าดินอีก
“หยวนเหิง เจ้าเก็บกวาดที่นี่ให้เรียบร้อย แล้วไปส่งเด็กน้อยเหล่านั้นกลับบ้าน”
ซูอี้หมุนตัว พลางเอ่ยสั่ง “ก่อนฟ้าสาง พวกเราจะออกเดินทางไปจากที่นี่กัน”
“ขอรับ!”
หยวนเหิงรับคำสั่งด้วยความเคารพ
ไม่นาน หยวนเหิงก็เร่งรีบออกไป
ซูอี้นั่งลง และเริ่มนั่งทำสมาธิ
ขอบเขตไร้เบญจธัญ แบ่งเป็นขั้นต้น ขั้นกลาง ขั้นปลาย และขั้นสมบูรณ์ สี่ขั้นด้วยกัน
เมื่อบรรลุถึงขอบเขตนี้ ตันเถียนภายในร่างกายก็จะรวมตัวกันออกมาเป็นเมล็ดพันธุ์ปฐมญาณ ซึ่งสามารถเชื่อมต่อกับฟ้าดิน เข้าใจมหาวิถีระหว่างธรรมชาติกับโชคชะตา และหลอมออกมาเป็น ‘จังหวะวิถี’ ได้
และในจิตวิญญาณ ก็สามารถหลอม ‘จิตสัมผัส’ ออกมาได้
กล่าวได้ว่า ความต่างของผู้ฝึกตนกับนักรบบนโลก ขึ้นอยู่กับบุคคลที่มีเมล็ดพันธุ์ปฐมญาณ จิตสัมผัส และจังหวะวิถี พลังทั้งสามอย่างของพลังมหาวิถี
ยิ่งมีเมล็ดพันธุ์ปฐมญาณแข็งแกร่ง ย่อมหมายความว่ารากฐานมหาวิถีก็จะยิ่งมีมหาศาล ทำให้ในตอนที่ต่อสู้ อานุภาพที่ปล่อยออกมาก็จะยิ่งน่าสะพรึงกลัวขึ้น
จิตสัมผัสคือพลังแห่งจิตวิญญาณ เมื่อมีจิตสัมผัส ก็จะสามารถสัมผัสถึงเหตุการณ์ที่เปลี่ยนแปลงทั้งหมดในบริเวณใกล้เคียงได้ และสามารถตระหนักถึงร่องรอยมหาวิถีที่ละเอียดอ่อนของทุกสรรพสิ่งได้
ยิ่งมีจิตสัมผัสแข็งแกร่ง ย่อมหมายความว่าความสามารถในการเข้าใจก็จะยิ่งมีสูง และสัมผัสกับคลื่นพลังแห่งฟ้าดินได้ง่าย ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ในตอนที่ฝึกฝน ก็จะยิ่งง่ายขึ้น
พลังจิตวิญญาณสามารถต่อสู้ได้เช่นกัน คล้ายกับผู้ฝึกตนในสายฝึกจิตวิญญาณ ที่ฝึกฝนวิชาลับจิตวิญญาณโดยเฉพาะ
ส่วนจังหวะวิถี จังหวะวิถีในระดับวิถีต้นกำเนิด แบ่งเป็น ‘สามขั้นเก้าระดับ’ ตามอานุภาพ
สามขั้นคือ ขั้นปฐพี ขั้นสวรรค์ และขั้นลึกล้ำ
ขั้นปฐพีคือขั้นต่ำสุด ขั้นลึกล้ำคือขั้นสูงสุด
และทุกขั้น แบ่งออกเป็นสูง กลาง ต่ำ อย่างละสามระดับ
ระดับต่ำขั้นปฐพีคือขั้นต่ำสุด ส่วนระดับสูงขั้นล้ำลึกคือขั้นสูงสุด
ภาวะดาบ ภาวะกระบี่ ภาวะหอกในระดับวิถีต้นกำเนิดก็แบ่งแยกเหมือนกัน หากควบคุมจังหวะวิถีไปถึงระดับใด ก็จะเป็นตัวกำหนดภาวะดาบและภาวะกระบี่ที่แสดงออกมาในระดับนั้น
“ยามนี้พลังจิตสัมผัสของข้า ได้ครอบคลุมพื้นที่ไปถึงพันจั้งแล้ว แม้จะอยู่ในเก้ามหาแดนดิน ก็มีเพียงผู้ฝึกตนขอบเขตแปรเปลี่ยนวิญญาณแห่งวิถีวิญญาณเท่านั้น ที่อาจจะสามารถเทียบเคียงข้าได้…”
“และในสามขอบเขตใหญ่แห่งวิถีต้นกำเนิด ต่อให้เป็นบุคคลยอดเยี่ยมที่ฝึกฝนสายจิตวิญญาณ มากสุดก็ทำได้แค่หลอมจิตสัมผัสไปจนถึงขั้นนี้เท่านั้น …และยิ่งหากอยู่ในวิถีต้นกำเนิดบนมหาทวีปคังชิง ก็เกรงว่าคงมิอาจหาผู้ได้มาเปรียบเทียบกับพลังจิตวิญญาณของข้าได้แล้ว”
ซูอี้แอบเอ่ย
ในตอนที่เขาอยู่ในขั้นหนึ่งของขอบเขตโคจรโลหิตแห่งวิถียุทธ์ เขาก็เริ่มฝึก ‘คัมภีร์เขากลายสู่อิสระ’ เพื่อหลอมจิตวิญญาณ และในตอนที่เขาเป็นปรมาจารย์ขั้นสาม ก็ได้หลอมเป็นจิตสัมผัสออกมา
จนถึงยามนี้ นับตั้งแต่ที่ก้าวเข้าสู่ขอบเขตไร้เบญจธัญขณะอยู่ในทะเลวิญญาณโกลาหล พลังจิตสัมผัสได้เกิดการแปรสภาพในเชิงคุณภาพแล้ว จึงสามารถสัมผัสเหตุการณ์ที่เปลี่ยนแปลงทั้งหมดภายในขอบเขตพันจั้งได้อย่างง่ายดาย!
พลังจิตวิญญาณนี้ มากพอที่จะแข่งขันกับผู้ฝึกตนวิถีวิญญาณได้
“ส่วนเมล็ดพันธุ์ปฐมญาณ… ที่ข้าหลอมคือเมล็ดพันธุ์เต๋าสุดขั้ว พื้นฐานเช่นนี้ ในเก้ามหาแดนดิน เรียกได้ว่าไม่เคยมีในอดีต และไม่เหมือนใครในใต้หล้า”
“แต่มีความยุ่งยากเดียวคือ รากฐานกว้างใหญ่เกินไป ทรัพยากรฝึกฝนธรรมดา จึงมิอาจเติมเต็มความต้องการในการฝึกฝนได้…”
เมื่อนึกมาถึงตรงนี้ ซูอี้ก็ลอบรู้สึกทอดถอนใจ
ผ่านไปสองเค่อแล้วหลังจากที่เขาออกจากต้าเหลียง ระหว่างทาง เขาคล้ายกับผู้สัญจรไปมาในโลก ลิ้มรสความหลากหลายในโลกมนุษย์ ชื่นชมความงดงามของภูเขาอย่างไม่รีบร้อนใด ๆ
แต่ความเป็นจริงแล้ว ทุกครั้งที่ซูอี้ไปถึงอาณาจักรหนึ่ง ก็จะสืบหาและทำความเข้าใจเรื่องเกี่ยวกับทรัพยากรในการฝึกฝนของอาณาจักรนั้น ๆ
จนถึงยามนี้ ในบรรดาแปดอาณาจักรที่เขาผ่านมา กองกำลังฝึกฝนที่ทรงพลังที่สุด สามารถเทียบได้แค่ต้าฉินเท่านั้น
ส่วนเหล่ากองกำลังฝึกฝนที่อ่อนแอในอาณาจักรนี้ นับว่ายังด้อยกว่าต้าโจว ต้าเว่ยอย่างมาก
ทั้งหมดนี้หมายความว่า ทรัพยากรฝึกฝนที่กระจัดกระจายในอาณาจักรเหล่านี้ มิอาจเติมเต็มการฝึกฝนของซูอี้ได้
จนถึงตอนนี้ ทรัพยากรฝึกฝนที่ซูอี้มีใกล้จะหมดลงแล้ว ในขณะที่การฝึกฝนเพิ่งบรรลุถึงขอบเขตไร้เบญจธัญขั้นกลางเท่านั้น
หากเป็นเช่นนี้ต่อไป การฝึกฝนต่อจากนี้ คงทำได้แค่อาศัยการดูดซับพลังงานเบาบางระหว่างฟ้าดินแล้ว…
“เอาเถอะ ในตอนที่ยังไม่ได้รับทรัพยากรที่จะเติมเต็มการฝึกฝน ข้าจะฝึกจังหวะวิถีเป็นหลักไปก่อนก็แล้วกัน”
ซูอี้ตัดสินใจ
ในตอนที่อยู่ในขั้นแปรสภาพของขอบเขตรวบรวมลมปราณ เขาได้หลอมจังหวะวิถีออกมา และตอนที่อยู่ในขอบเขตปรมาจารย์ ก็หลอมเบญจธาตุหลอมผสานวิญญาณภายในอวัยวะทั้งห้าออกมา จึงสามารถควบคุมพลังทั้งห้าชนิด ทอง ไม้ น้ำ ไฟ ดินได้
ในสายตาของซูอี้ จังหวะวิถีเป็นแค่ขั้นตอนบรรลุเข้าสู่มหาวิถี เป็นขีดจำกัดของสามขอบเขตใหญ่แห่งวิถีกำเนิดที่ต้องบรรลุให้ถึง
เมื่อการบำเพ็ญบรรลุไปถึงระดับวิถีวิญญาณ ก็สามารถบรรลุ ‘แก่นแท้แห่งวิถีวิญญาณ’ ได้!
และเมื่อการฝึกฝนก้าวเข้าสู่วิถีลึกล้ำ ก็จะสามารถรวบรัด ‘กฎแห่งวิถีลึกล้ำ’ ได้
กล่าวง่าย ๆ คือ จังหวะวิถี แก่นแท้แห่งวิถีวิญญาณ กฎแห่งวิถีล้ำลึก พลังมหาวิถีทั้งสามอย่างนี้ สอดคล้องกับความเร้นลับของมหาวิถีแห่งวิถีต้นกำเนิด วิถีวิญญาณ วิถีลึกล้ำ สามมหาวิถีที่สามารถบรรลุไปถึงได้!
เฉกเช่นจังหวะวิถีในระดับวิถีวิญญาณ แม้จะแบ่งเป็น ‘สามขั้นเก้าระดับ’ ทว่าสิ่งนี้มุ่งเป้าไปที่ผู้ฝึกตนธรรมดาเท่านั้น
ผู้ที่มีพรสวรรค์ ยังสามารถฝึกฝนจังหวะวิถีพิเศษออกมาได้!
อย่างเช่นบรรลุถึงจังหวะแห่งจันทรา สุริยัน แสงสว่าง ความมืดและอื่น ๆ ของจังหวะเทวะแห่งมหาวิถีที่พบได้ยากมาก อานุภาพของมันนั้น ล้วนสามารถจัดอยู่ในระดับยอดเยี่ยมได้
หรือควบคุมจังหวะวิถีที่ขัดแย้งกันหลายอย่าง ก็นับว่าเป็น ‘จังหวะวิถีพิเศษ’ เช่นกัน อย่างเช่น หยินหยาง เบญจธาตุ ลมไฟ ลมสายฟ้า เป็นต้น
จังหวะเทวะแห่งมหาวิถีที่พบได้ยากนี้ หากสามารถควบคุมได้อย่างใดอย่างหนึ่ง ก็สามารถเฉิดฉายอยู่บนเส้นทางมหาวิถีได้
การเติมเต็มซึ่งกันและกันของจังหวะวิถีที่หลากหลาย ก็นับว่าเป็นพรสวรรค์โดดเด่นในการฝึกฝนเช่นกัน และอาจจะไร้ซึ่งขีดจำกัด
ทว่าสำหรับซูอี้ จะเต๋าสายใหญ่ หรือเต๋าสายเล็ก ต่างก็คือ ‘เต๋า’ ที่ปรากฏออกมาบนโลกนี้
อานุภาพของจังหวะวิถีจะมากหรือน้อย นอกจากต้องดูที่ระดับสูงต่ำของจังหวะวิถีแล้ว ยังต้องดูว่าผู้ฝึกฝนจะควบคุมและบรรลุจังหวะวิถีไปถึงขั้นใด
ผู้ฝึกตนที่เก่งกาจ แม้จะเชี่ยวชาญเต๋าสายเล็กธรรมดา ทว่าสามารถบรรลุไปถึงขั้นสูงสุดของสายนี้ได้ ในตอนที่ต่อสู้ก็ย่อมสามารถระเบิดอานุภาพที่เหนือจินตนาการได้
ซึ่งตัวอย่างเช่นนี้ มีมากมายนับไม่ถ้วน
ว่ากันถึงแก่นแท้แล้ว การควบคุมจังหวะวิถีเป็นเพียงขั้นแรกเท่านั้น จะสามารถบรรลุจังหวะวิถีไปถึงขั้นสมบูรณ์ได้หรือไม่นั้น ถึงจะเป็นส่วนที่สำคัญที่สุด
ในกลุ่มวิถีปราชญ์โบราณ โดยปกติแล้วจะแบ่งการบรรลุ ‘จังหวะวิถี’ ออกเป็น ขั้นต้น ขั้นแตกฉาน ขั้นสำเร็จ และขั้นสมบูรณ์ สี่ระดับ
ในสามขอบเขตใหญ่แห่งวิถีต้นกำเนิด หากจังหวะวิถีที่ตัวเองควบคุมมิอาจบรรลุไปถึงขั้นสมบรูณ์ได้ ก็หมายความว่าไม่มีโอกาสในการไปถึงเส้นทางแห่งวิถีวิญญาณได้
“ในชาติก่อน แม้ข้าจะเชี่ยวชาญมหาวิถีมากมาย ทว่าสุดท้ายก็มิอาจบรรลุขอบเขตจักรพรรดิขอบเขตสุดท้ายนี้ได้จริง ๆ ซึ่งหมายความว่า ความเชี่ยวชาญของแก่นแท้มหาวิถี ไม่ใช่ยิ่งเชี่ยวชาญมากก็ยิ่งดี แต่ต้องหาลู่ทางที่เป็นของตัวเองจริง ๆ ถึงจะสามารถบรรลุไปถึงขั้นที่ชาติก่อนมิอาจบรรลุไปถึงได้…”
“โชคดีที่เกือบสามพันปีก่อนปัญหานี้ได้ถูกคาดเดาเบาะแสบางอย่างออกมาก่อนที่ข้าจะกลับมาเกิดใหม่ ไม่เช่นนั้น ยามนี้คงถูกปัญหานี้กักขังเอาไว้แน่”
ซูอี้ลอบเอ่ยขึ้น
ก่อนจะกลับมาเกิดใหม่ เขาได้เตรียมการหลายอย่าง
ไม่ว่าจะฝึก ‘เคล็ดวิชาหลอมกายกระเรียนลอยล่อง’ ที่สร้างมาจากจักรพรรดิมหายุทธ์สหายสนิทเขา หรือค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับพื้นฐานหลักต่าง ๆ เช่นเบิกมวลกลายวิญญาณ ชีพจรลับ เบญจธาตุหลอมผสานวิญญาณ ลมปราณแรกกำเนิดเป็นต้น
ทั้งหมดนี้ได้ถูกวางแผนเอาไว้ก่อนที่จะกลับมาเกิดใหม่
แม้แต่ปัญหาในการฝึกจังหวะวิถี ก็ไม่เว้น
ระดับวิถีต้นกำเนิด ฝึกเบญจธาตุ หลอมหยินหยาง แปรสภาพลมสายฟ้า!
เก้าอย่างนี้ หากแยกออกมาดู ก็ไม่ถือว่าเป็นจังหวะวิถีพิเศษ ทว่าในตอนที่ขัดแย้งซึ่งกันและกัน กลับสามารถผสมเป็นจังหวะวิถีพิเศษสามอย่างได้
ใช้เบญจธาตุเป็นรากฐาน ใช้หยินหยางเปิดฟ้าดิน เคลื่อนลมสายฟ้าและทุกสรรพสิ่งก็ถือกำเนิดขึ้น
ในเก้ามหาแดนดินนี้ เคยมีบุคคลอัจฉริยะโดดเด่นหายากนับหมื่นปีไม่น้อยเลยที่สามารถทำมาถึงขั้นนี้ได้
ทว่า สำหรับซูอี้ นี่เป็นเพียงแค่เริ่มต้นเท่านั้น
เมื่อก้าวเข้าสู่เส้นทางวิถีวิญญาณ จังหวะวิถีพิเศษสามอย่างของแก่นแท้แห่งวิถีวิญญาณจะผ่านการขัดเกลา และผสานกันกลายเป็นแก่นแท้วิถีวิญญาณที่เรียกว่า ‘จุดกำเนิด’!
คำว่าหยวน (元) ตัวหน้า มีความหมายว่าจุดเริ่มต้น
ณ จุดกำเนิด ทุกสรรพสิ่งก็พลันบังเกิด!
‘จุดกำเนิด’ นี้… เรียกว่าเป็นหนึ่งในประเภทแก่นแท้สูงสุดบนเส้นทางวิถีวิญญาณ
เช่นเดียวกัน เมื่ออยู่ในวิถีวิญญาณ แล้วบรรลุขั้น ‘ละเอียดอ่อน’ กับ ‘ว่างเปล่า’ ก็จะสามารถแปรสภาพขั้นสุดท้าย เพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับ ‘จุดกำเนิด’ ในตอนที่บรรลุมหาวิถี และหลอมรวมออกมาเป็นแก่นแท้วิถีวิญญาณใหม่ทั้งหมด!
แก่นแท้วิถีวิญญาณชนิดนี้ ในมหาทวีปคังชิงตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ไม่เคยมีผู้ใดหลอมรวมออกมาได้เลย
เพราะแก่นแท้วิถีวิญญาณชนิดนี้ ซูอี้จึงได้รับเบาะแสและสัมผัสมาจากโซ่ตรวนเก้าชั้นที่ผนึก ‘ดาบเก้าคุมขัง’ ไว้
แก่นแท้ชนิดนี้ เรียกว่า ‘กำเนิดสุดขั้ว’!
จุดกำเนิด วิญญาณสุกงอม กำเนิดสุดขั้วสำเร็จ มหาวิถีกลับคืนสู่ความเป็นจริง!
แก่นแท้วิถีวิญญาณแบบนี้ มาจากดาบเก้าคุมขัง ซูอี้ในชาติก่อนไม่เคยได้ยินหรือพบเจอมาก่อน
ทว่าด้วยการค้นคว้าอย่างละเอียดที่ผ่านมาหลายปี สุดท้ายก็แน่ใจว่า วิถีนี้มีความหวังที่จะปรากฏขึ้นจริง!
แน่นอนว่า ยังเร็วเกินไปที่จะคุยเรื่องเหล่านี้ในตอนนี้
สำหรับซูอี้ที่มีการฝึกฝนขอบเขตไร้เบญจธัญ แม้จะบรรลุ ‘เบจธาตุ’ ‘หยินหยาง’ ‘ลมสายฟ้า’ จังหวะวิถีพิเศษสามแบบได้ ก็มิอาจบรรลุไปถึงขั้นสมบูรณ์ได้
ด้วยเหตุนี้ หลังจากก้าวเข้าสู่เส้นทางวิถีวิญญาณ ถึงจะสามารถหลอมพวกมันเป็น ‘แก่นแท้จุดกำเนิด’ ได้
ส่วนขั้น ‘ละเอียดอ่อน’ กับ ‘ว่างเปล่า’ สองอย่างนี้… มีเพียงอยู่ในวิถีวิญญาณเท่านั้น ถึงจะสามารถรับรู้และสัมผัสถึงได้!
“ข้าในยามนี้เชี่ยวชาญจังหวะวิถีห้าธาตุแล้ว และจังหวะวิถีทุกชนิด ต่างขัดเกลามาถึงขั้น ‘ละเอียดอ่อน’ ซึ่งห่างจากขั้นสำเร็จไม่ไกลมากนัก”
“นอกจากนี้ ยังต้องรีบบรรลุหยินหยาง ลมสายฟ้าจังหวะวิถีพิเศษทั้งสองอย่าง…”
ซูอี้ครุ่นคิดไปพลาง และเริ่มไตร่ตรองไปพลาง
บรรลุมหาวิถี สำหรับเขามันไม่แปลกหรอก
ทว่าแม้จะมีประสบการณ์มากมายในชาติก่อน หากคิดอยากบรรลุจังหวะวิถีใหม่ทั้งหมด สำหรับซูอี้ในโลกนี้ ไม่ใช่เรื่องที่ง่ายเลย
เมื่อว่ากันถึงแก่นแท้แล้ว การบรรลุจังหวะวิถี จะต้องให้ความสำคัญกับคำว่า ‘ตื่นรู้’
ตราบใดที่ตื่นรู้ถึงฟ้าดิน ก็จะถือว่าอยู่ในขั้นเริ่มต้น
แน่นอนว่า เพียงแค่อยู่ในขั้นเริ่มต้น ก็สามารถอาศัยความรู้และประสบการณ์ เพื่อทำความเข้าใจแก่นแท้ของเจตจำนงแห่งเต๋าอย่างถ่องแท้ จากนั้นฝึกฝนและตกผลึกมันทุกคืนวัน เพียงเท่านี้ก็จะสามารถหลอมมันไปถึงขั้นสมบรูณ์ได้!
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว…
จนกระทั่งฟ้าเริ่มสว่าง ซูอี้พลันตื่นขึ้นมาจากการนั่งทำสมาธิ
ทว่า หยวนเหิงที่ไปส่งเหล่าเด็กชายเด็กหญิงกลับบ้านก่อนหน้านี้ ยังไม่กลับมาเลยจนถึงตอนนี้
หรือจะเกิดสิ่งใดขึ้น?
ซูอี้ขมวดคิ้ว