บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 413 หลวงจีนกับนักฆ่า
ตอนที่ 413: หลวงจีนกับนักฆ่า
ตอนที่ 413: หลวงจีนกับนักฆ่า
ทันทีที่หยวนเหิงกวาดมองไปทางซูอี้ ก็เป็นจังหวะเดียวกับที่เขาลงมือ!
พรึบ!
เขายื่นฝ่ามือยาวดุจหยกขาวออกมา จังหวะวิถีที่ไร้รูปร่างแผ่กระจายออกมาระหว่างฝ่ามือ
เมื่อมองจากที่ไกล ๆ ฝ่ามือที่เขายื่นออกมานั้นมีแสงเจิดจ้าสีใสหลั่งไหลออกมาดั่งความฝัน ประหนึ่งแกะสลักมาจากหยกไพลิน
ตูม!
เกิดเสียงระเบิดดังเกริกก้องกลางอากาศทันที คล้ายกับฝ่ามือของเทพเซียนบนสวรรค์ยื่นลงมายังโลกมนุษย์ นำพาเสียงคำรามดั่งหินโม่แป้งขนาดมหึมาบดขยี้อากาศมาด้วย
ทันใดนั้นฝ่ามือขนาดใหญ่เกือบหนึ่งจั้งก็ทุบออกไป!
หอกเปลวเพลิงแหลมคมที่ทะลวงอากาศมา เมื่ออยู่ต่อหน้าฝ่ามือนี้ ก็เหมือนกับกระดาษเปียก ทำให้เกิดเสียงกระทบกันออกมาทีละชุ่น
ฝ่ามือสีใสที่กดทับอากาศ คล้ายกับช้าทว่าเร็วมาก มุ่งโจมตีไปทางเถี่ยโม่ตู้ที่อยู่ไกล ๆ
“ไป!”
เถี่ยโม่ตู้แผดเสียงตะโกน พลางยกหอกยาวสีทองในมือขึ้น คล้ายกับเสาเปลวไฟแสบตา ปะทะเข้ากับฝ่ามือสีใสนั่น
สุดท้าย พลังที่สามารถพลิกภูเขาขนาดใหญ่ของเขา กลับทำได้แค่ทำให้ฝ่ามือสีใสสั่นไหวเท่านั้น จากนั้นฝ่ามือก็กดทับลงมาต่อ
หอกยาวสีทองถูกกดทับจนโค้งงอขึ้นมาทันที!
เถี่ยโม่ตู้มีสีหน้าเปลี่ยนไป ราวกับไม่อยากจะเชื่อ พลันคำรามออกมา ร่างผอมแห้งนั้นบวมพองขึ้นมาทันใด กล้ามเนื้อฉีกขาด คล้ายกับเหล็กหลอมที่ไหลรินออกมา ก่อนที่ร่างนั้นจะสูงขึ้นอย่างพรวดพราดจนเกือบถึงสามจั้ง
ประหนึ่งเทพเจ้าแห่งการต่อสู้ในอดีตกาล ซึ่งมีกลิ่นอายน่าสะพรึงกลัวอย่างมาก!
เคล็ดวิชาร่างเสมือนเทพ!
นี่คือวิชาสายหลอมร่าง เป็นวิชาที่ยอดเยี่ยมที่สุดของเถี่ยโม่ตู้ หลังจากแสดงออกมาแล้ว พลังที่อยู่บนตัวเขานั้นก็จะพุ่งสูงขึ้นเป็นเท่าตัว
ภายใต้สายตาตกใจของทุกคนที่จับจ้องมา ราวกับฝ่ามือสีใสของซูอี้ยากต้านทาน ทำให้หอกยาวสีทองที่ถูกกดทับในคราแรกพลันกระเด็นออกไป
หลังจากนั้นแม้ว่าเถี่ยโม่ตู้จะกระตุ้นวิชาลับอย่างไร และแม้จะฝืนปลดปล่อยศักยภาพทั้งหมดออกมา เขาก็ไร้ซึ่งเรี่ยวแรงสกัดกั้นฝ่ามือสีใสที่กดทับลงมาอย่างต่อเนื่องนั้นได้
ครืน ครืน!
เสียงคำรามดุจเสียงฟ้าร้อง ในเมฆหมอกสว่างวาบ มีน้ำเสียงเหน็บแนมดังก้องออกมา ทันใดนั้นร่างของเถี่ยโม่ตู้ก็พุ่งออกไป ห่างไปราวสิบกว่าจั้งเขาถึงทรงตัวได้
ตอนนี้สภาพของเขาน่าเวทนามาก คล้ายกับถูกเครื่องโม่แป้งบดขยี้ เนื้อหนังทั่วร่างฉีกขาด กระดูกหักไปไม่รู้กี่ท่อน เลือดแดงฉานรินไหลออกมา
แค่ฝ่ามือเดียวเท่านั้น ก็สร้างความเสียหายอย่างหนักหน่วงให้แก่ผู้ฝึกตนขอบเขตเปิดทวารที่เชี่ยวชาญภาวะหอกขั้นสรวงสวรรค์ได้!
เฮือก!
น้ำเสียงสะดุ้งตกใจดังขึ้นในสนาม
ทุกคนต่างมีท่าทางเปลี่ยนไป พวกเขาตกใจกับภาพเหตุการณ์นี้จนเบิกตากว้าง แค่ขอบเขตไร้เบญจธัญเท่านั้น จะมีพลังฝืนกฎเกณฑ์เช่นนี้ได้อย่างไรกัน?
ในการต่อสู้นี้ สายตาของเหล่าผู้ฝึกตนแห่งต้าฉู่ที่มองซูอี้คล้ายกับมองสัตว์ประหลาดอยู่ มันฉายไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อ
และที่สำคัญ เถี่ยโม่ตู้หาใช่ผู้ฝึกตนขอบเขตเปิดทวารธรรมดาไม่ เขามีการฝึกฝนอยู่ในขอบเขตเปิดทวารขั้นกลาง และเชี่ยวชาญเจตจำนงแห่งหอกขั้นสวรรค์!
แม้แต่บุคคลขอบเขตเดียวกัน ก็มีน้อยมากที่สามารถเทียบเคียงเขาได้
ทว่ายามนี้ เขากลับเจ็บหนักจากฝ่ามือนี้!
สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้คนนอกสั่นกลัว
หลิงอวิ๋นเหอก็รู้สึกสั่นกลัวเช่นกัน จึงอดเหลือบมองชิงหยาที่อยู่ด้านข้างไม่ได้
ศิษย์ผู้นี้ของเขา ก็เป็นปีศาจน้อยคนหนึ่งที่ฝึกฝนเต๋า หากมองย้อนกลับไปเมื่อแปดร้อยปีก่อน ก็คงมิอาจหาผู้ใดในสำนักมาเทียบเคียงได้
ชิงหยาก็มีพลังที่สังหารผู้ฝึกตนขอบเขตเปิดทวารได้เช่นกัน
ทว่ากลับมิอาจเหมือนชายหนุ่มชุดเขียวไกล ๆ นั่นได้ แค่ฝ่ามือเดียวก็สามารถสร้างความเสียหายให้แก่ตัวตนที่อยู่ในขอบเขตเปิดทวารได้อย่างสบาย
และทั้งหมดนี้ ซูอี้คล้ายไม่สนใจเลยแม้แต่น้อย
เขาหันกลับไปมองน่านฟ้ากว้างอีกครั้ง
บนน่านฟ้า เมฆมืดครึ้มที่หมุนไปมา สายฟ้าโครมคราม พลันมีสายฟ้าเจิดจ้าแสบตาผ่าลงมา
ภัยพิบัติของชิงหว่าน ในที่สุดก็มาถึงแล้ว
ตูม!
ภายใต้สายฟ้าภัยพิบัติงดงามมากมายดั่งน้ำตกที่ผ่าลงมา เสียงที่ดังเกริกก้อง เมื่อมองจากที่ไกล ๆ ทำให้รู้สึกกังวลและหวาดกลัวมาก
กลิ่นอายทำลายล้างของภัยพิบัติบนท้องฟ้า แผ่กระจายไปทั่วน่านฟ้าผืนนี้
ในเวลานี้ ซูอี้กำลังสนใจดวงตาคู่งามของชิงหว่านที่เปลี่ยนเป็นเย็นยะเยือก ไม่หลงเหลือเสน่ห์อันอ่อนนุ่ม น่าสงสารเหมือนกับตอนที่อยู่เคียงข้างเขาเมื่อก่อนอีกแล้ว
กลิ่นอายทั่วร่างกลับเปลี่ยนเป็นเยือกเย็นและเงียบเหงา ร่างอันอ่อนช้อยเผยไอเย็นมหาศาลขึ้นมา คล้ายกับจักรพรรดินีที่ออกมาจากอเวจี ให้ความรู้สึกน่าเกรงขามเหนือทุกสรรพสิ่ง
ชุดกระโปรงสีแดงของนางพลิ้วไหว ร่างของนางทะยานสู่น่านฟ้า เหวี่ยงกำปั้นขาวดุจหิมะชกเข้าไปกลางอากาศ
ปั้ง!!!
สายฟ้าภัยพิบัติงดงามมากมายดั่งน้ำตกนั้น ถูกทำลายแตกกระจายกลายเป็นประกายไฟกระเด็นไปทั่วทิศทาง ปลิวลงมาบริเวณใกล้ ๆ ร่างงดงามของนาง
ในยามนี้ ประกายไฟดุจหมอก เสริมให้ร่างงดงามของชิงหว่านดูน่าเกรงขามขึ้นไปโดยปริยาย
นัยน์ตาซูอี้ฉายประกายแวววับ
ความเป็นมาของชิงหว่านลึกลับมาก กายวิญญาณของนางอาศัยอยู่ภายในหยกวิญญาณมาตั้งแต่แรก และหยกวิญญาณนั้น ก็มาจากอีกโลกหนึ่งหลังผนังกั้นมิติในส่วนลึกหุบเขามารบุปผาโลหิต
และซูอี้ก็รู้แล้วว่า อีกโลกนั้นมีชื่อว่า ‘มหาทวีปเทียนหมิง’
กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ จุดเริ่มต้นของชิงหว่าน น่าจะมาจากมหาทวีปเทียนหมิง!
ยามนี้ พลังที่ชิงหว่านแสดงออกมา ส่วนหนึ่งเกี่ยวข้องกับการฝึก ‘เคล็ดวิชามหาวิญญาณทศทิศ’ อีกส่วนหนึ่งเกี่ยวข้องกับการถ่ายทอดและให้คำชี้แนะจากตัวซูอี้เอง
ทว่าที่สำคัญที่สุดก็คือ กายวิญญาณของชิงหว่านมีความบริสุทธิ์อย่างมาก และยังมีศักยภาพที่ซ่อนเร้นมหัศจรรย์มากมาย
เมื่อรวมทั้งหมดเข้าด้วยกัน ทำให้ในตอนที่ชิงหว่านผ่านพ้นภัยพิบัติ ได้แสดงท่วงท่าแข็งแกร่งเฉิดฉายเช่นนั้นออกมา
“ไม่รู้ว่าการก้าวสู่เส้นทางวิถีต้นกำเนิด จะทำให้ชิงหว่านได้ความทรงจำก่อนเสียชีวิตบางส่วนหรือไม่…”
ซูอี้ลอบเอ่ย
ในขณะที่ครุ่นคิด พลันเกิดเสียงระเบิดขึ้นจากที่ไกล
“อาตมาฝ่าซวี มาขอน้อมรับฝ่ามือจากสหายเต๋า!”
ทันใดนั้นหลวงจีนที่มีรูปร่างสูงใหญ่ ได้พุ่งทะยานออกมาทางยอดเขา น้ำเสียงดั่งระฆังดังกังวานไปทั่วน่านฟ้ามืดมน
หลวงจีนฝ่าซวี ผู้อาวุโสสายในสำนักฌาณเจ็ดอัสนี มีการฝึกฝนอยู่ในขอบเขตเปิดทวารขั้นปลาย ฝึกเคล็ดวิชาหลอมร่างเจ็ดอัสนี เขาเป็นตัวตนที่เป็นเลิศในสายหลอมร่างที่มีชื่อเสียงไปทั่วใต้หล้า
และยามนี้ เมื่อเขาลงมือ ทั่วร่างราวกับหลอมจากทองคำศักดิ์สิทธิ์ เสียงคำรามดุจฟ้าร้องดังสนั่นออกมาจากแขนขา กระดูก และอวัยวะภายในของเขา
ทุกส่วน เหมือนกับหลวงจีนอรหันต์ร่างทองเปล่งแสงเจิดจ้าย่างกรายมายังโลกา
“ย้าห์!”
ฝ่าซวีตะโกนเสียงดังออกมา ท่าทางเคร่งขรึม สองมือยกขึ้นประสานกันอยู่กลางอากาศ
ตูม!
ตรารูปพระพุทธเจ้าสิบจั้งเหลืองอร่ามผุดขึ้นมาบนอากาศ มันพรั่งพรูแสงสายฟ้าสีแดง คราม ดำ ขาว ม่วง เหลือง และเทาเจ็ดสีออกมา กลิ่นอายทำลายล้างทำให้คนรู้สึกสะพรึงกลัวมาก
ตราแจกันวิเศษเจ็ดอัสนี!
ฝ่าซวีที่เพิ่งจะลงมือ ก็ใช้วิชาขั้นสุดยอดทันที
ไม่แปลกใจเลย การตายของรุ่ยเฉินจิ้งก่อนหน้านี้ รวมถึงเถี่ยโม่ตู้ที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส ทำให้ฝ่าซวีมองซูอี้เป็นศัตรูตัวฉกาจและไม่มีการดูถูกใด ๆ
ตูม!
สายฟ้าเจ็ดสีผสานรวมกันอยู่ในตรานั้น อานุภาพทำลายล้างนี้ทำให้ผู้ฝึกปีศาจอย่างหยวนเหิงขนลุกไปหมด และรู้สึกหายใจไม่ออก
“ตายซะ”
ในสายตาซูอี้ไม่มีความยินดียินร้าย ฝ่ามือยาวขาวเนียนของเขากดไปในอากาศ ทันใดนั้นก็มีปราณดาบดวงดาวคำรามขึ้นมา งดงามละลานตามาก
เมื่อแข่งกันในด้านนี้ แล้วซูอี้จะกลัวได้อย่างไร?
เฉกเช่นสิ่งที่เขาแสดงออกมาเมื่อครู่ นั่นคือดาบแห่งดวงดาวมรดกโบราณของสำนักสายมาร ผสานจังหวะพิเศษห้าธาตุ อานุภาพมหาศาลไม่มีสิ่งใดเทียบ
ตูม!
ปราณดาบดวงดาวดั่งหินโม่แป้ง ทำลายตราแจกันวิเศษเจ็ดอัสนีนั้นไปอย่างง่ายดาย และระเบิดอยู่กลางอากาศทันที
หลวงจีนฝ่าซวีมีท่าทางเคร่งขรึมอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เขาหลบการโจมตีไม่ทัน สองมือจึงยื่นออกไป และฝืนปะทะการโจมตีนี้
อึก!
ท่ามกลางสายตาทุกคน หลวงจีนฝ่าซวีต้านรับฝ่ามือของซูอี้ได้!
…คนที่มองมา พวกเขาต่างไม่นึกเลยว่าจะไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น และไม่ได้รับบาดเจ็บใด ๆ เลย
ต้านทานได้แล้ว?
ในตอนที่เหล่าผู้ฝึกตนแห่งต้าฉู่กำลังคลายความโกรธลง
ทันใดนั้นก็เห็นใบหน้าหลวงจีนฝ่าซวีเผยความขมขื่น พลางถอนหายใจยาวออกมา
“ดั่งที่พระอานนท์กล่าวไว้ว่า ‘ข้าพเจ้าเห็นพระยูไลยกหัตถ์งอนิ้ว ทรงกำหมัดเป็นแสงสว่าง ส่องทางให้แก่ข้าพเจ้า’ วันนี้ธรรมกายของข้าได้ถูกทำลายในการโจมตีนี้ สิ่งที่เรียกว่า ‘ส่องทางให้แก่ข้าพเจ้า’ ที่เข้าใจเมื่อครู่ หวังว่าชาติหน้าเมื่อเข้าสู่ประตูแห่งความว่างเปล่า จะปราศจากการยึดติดไม่เที่ยงธรรม ปฏิบัติตามนิกายมหายาน ไม่มีกรรมอีก…”
ระหว่างที่บ่นพึมพำกับตัวเอง ทุกคนที่ตกใจต่างมองเห็น ว่าบนร่างกายปรากฏรอยร้าวเล็ก ๆ ราวกับใยแมงมุมออกมา คล้ายกับเครื่องกระเบื้องที่แตกระแหง
เมื่อสิ้นเสียงแตกร้าวในตอนสุดท้าย
ร่างของหลวงจีนฝ่าซวีก็แตกออกเป็นเสี่ยง ๆ กลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย และกระจัดกระจายไปในอากาศ
ที่แท้ การโจมตีนี้ของซูอี้ก็ได้ทำลายร่างกาย จิตวิญญาณ การฝึกฝนของหลวงจีนฝ่าซวีทั้งหมดไป เนื่องจากพลังนั้นรุนแรงเกินไป ทำให้หลวงจีนฝ่าซวีดูเหมือนต่อต้านไว้ได้ แต่ที่จริงแล้วกลับถูกทำลายทั้งภายในและภายนอกของร่างกาย!
และยามนี้ ผู้อาวุโสสายในสำนักฌาณเจ็ดอัสนีก็ได้ถูกสังหารคาที่ตามรุ่ยเฉินจิ้งไป!
เหล่าผู้ฝึกตนแห่งต้าฉู่ที่อยู่ไกล ๆ ต่างตกใจกับเหตุการณ์นี้จนรู้สึกหวาดวิตก และมือเท้าเย็บเฉียบ
แม้แต่ฮูหยินเมี่ยวหัวก็ยังแข็งทื่อไปทั่วร่าง ดวงตางามเผยความเคร่งขรึมออกมาครู่หนึ่ง
หลิงอวิ๋นเหอนิ่งค้าง การสังหารผู้ฝึกพุทธที่อยู่ในขอบเขตเปิดทวารขั้นปลายของซูอี้ เป็นภาพที่น่าตกใจกว่าเถี่ยโม่ตู้ที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสเมื่อครู่อย่างมาก
ชิงหยาจ้องมองซูอี้อย่างเลื่อนลอย ดวงตากลมโตเผยความสับสนออกมา หรือจะเป็นอย่างที่สหายผู้ฝึกปีศาจตนนั้นกล่าวไว้ นายท่านของเขาคือเทพเซียนบนสวรรค์?
แต่ทว่า หลังจากที่ซูอี้สังหารหลวงจีนฝ่าซวีไปแล้ว…
ก็มีเงาแปลก ๆ ร่างหนึ่งปรากฏอยู่ด้านหลังซูอี้ พลันกริชสีดำที่อยู่ในมือแทงไปที่ด้านหลังซูอี้ทันใด
ภาพนี้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว คนในบริเวณมากมายที่ตกอยู่ในความตกใจ นึกไม่ถึงว่าจะเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นอีก?
มีเพียงฮูหยินเมี่ยวหัวผู้เดียวที่เผยรอยยิ้มออกมา
ผู้ที่ลอบจู่โจมซูอี้ คือ ‘เฝิงอิ่น’ รองเจ้าสำนักพันมายาที่ทั่วทั้งต้าฉู่ให้การยอมรับว่าเป็นหนึ่งในสามนักฆ่าที่เก่งกาจที่สุด!
ในตอนที่หลวงจีนฝ่าซวีเผชิญหน้าต่อสู้ดึงดูดความสนใจของซูอี้ เฝิงอิ่นก็หลบซ่อนอยู่ในความมืดอย่างเงียบ ๆ รอโอกาสเหมาะที่จะสังหาร
และยามนี้ การลอบสังหารนี้ก็กำลังจะสำเร็จ!
“ตายซะ!”
กริชสีดำที่อยู่ในมือเฝิงอิ่น แทงไปที่ด้านหลังซูอี้ทันที
นักฆ่าให้ความสำคัญกับการโจมตีเพียงครั้งเดียวและต้องตาย
ในการโจมตีนี้ เฝิงอิ่นได้แสดงความสามารถของนักฆ่าอย่างเต็มที่
และกริชที่อยู่ในมือเขา คือของล้ำค่าหายากที่เป็นเอกลักษณ์เดียวแห่งสำนักพันมายา ในตอนที่โจมตี สามารถใช้พลังที่เก็บสะสมไว้ภายในบรรลุจุดประสงค์ในการสังหารศัตรูอย่างเงียบเชียบได้
ครั้นเห็นกริชที่แทงเข้าไปด้านหลังซูอี้อย่างราบรื่น ใบหน้าของเฝิงอิ่นก็เผยความพึงพอใจและมีความสุข เมื่อได้ยินแค่เสียง ‘ฉึก’ ดังก้องไปทั่ว
แต่ในตอนที่กริชแหลมคมของเขาแทงไปที่ด้านหลังซูอี้ คล้ายกับแทงกำแพงสัมฤทธิ์ที่มิอาจทะลวงไปได้ พลันเกิดเสียงเสียดสีปะทะกันดังออกมา
ไม่ต้องเอ่ยถึงสังหารคน แค่แทงเข้าไปก็ยังแทงเข้าไปไม่ได้เลยแม้แต่เลย!
“เป็นไปได้อย่างไรกัน?!”
เฝิงอิ่นเบิกตากว้างอย่างไม่อยากจะเชื่อ
และในเวลานี้ ซูอี้พลันหมุนตัวเข้ามา นัยน์ตาลุ่มลึกเย็นชา ราวกับมองเหล่ามดแมลง!