บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 415 เป็นเรื่องใหญ่แล้ว!
ตอนที่ 415: เป็นเรื่องใหญ่แล้ว!
ตอนที่ 415: เป็นเรื่องใหญ่แล้ว!
อัสนีพิบัติคำราม แสงสว่างพร่างพราวร่วงหล่น
กลางอากาศ ชิงหว่านอยู่ในสภาพย่ำแย่ ทว่าพลังรอบตัวราวกับดาบคู่ใจที่ผ่านการขัดเกลาหล่อหลอมมาเป็นเวลานาน จึงมีแต่จะแข็งแกร่งยิ่งขึ้น
ไม่จำเป็นต้องสังเกตมองอย่างละเอียด ซูอี้ก็รู้ว่าคราวเคราะห์ครั้งนี้ไม่อาจทำอะไรชิงหว่านได้
ไม่ไกลนัก
สีหน้าของฮูหยินเมี่ยวหัวขาวซีดราวกับสีเผือก
ก่อนหน้านี้ นางพยายามจะหนีอยู่หลายครั้ง ทว่ากลับถูกซูอี้สกัดกั้นไว้ได้ทุกครั้ง จึงไม่อาจหนีออกจากดินแดนแห่งความตายและคาวเลือดแห่งนี้ไปได้
ทำให้จิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ของผู้แข็งแกร่งในขอบเขตรวบรวมดาราเช่นนางได้รับความกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง
ฮูหยินเมี่ยวหัวไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าฝีมือและขั้นวิถีของตนเองจะแลดูไร้ค่าเมื่ออยู่ต่อหน้าคนหนุ่มขอบเขตไร้เบญจธัญคนนี้
“ฆ่าข้าแล้ว เจ้าก็ต้องตายเช่นกัน!”
ในเมื่อไม่อาจหนีไปได้ ฮูหยินเมี่ยวหัวกลับพูดส่งเสียงเย็นยะเยือก ในสายตาคู่งามมีเพลิงแค้นลุกโชติช่วง
“เช่นนั้นหรือ?”
ในสายตาของซูอี้ไร้ซึ่งความปีติยินดีและไร้ซึ่งความโศกเศร้า เขาไม่ใส่ใจแม้แต่น้อย
ร่างของซูอี้พุ่งเข้าหาฮูหยินเมี่ยวหัว เขาต้องการจะฆ่าตัวตนในขอบเขตรวบรวมดาราผู้ยืนตระหง่านอยู่ในจุดสูงสุดแห่งแวดวงผู้ฝึกตนแห่งอาณาจักรต้าฉู่
ทว่าเวลานี้เอง หลิงอวิ๋นเหอก็เอาร่างตัวเองเข้าบัง จากนั้นจึงกล่าวคำออก “สหายเต๋าช้าก่อน ฟังหลิงผู้นี้กล่าวสักหน่อยได้หรือไม่?”
ซูอี้เลิกคิ้วขึ้นน้อย ๆ พลางกล่าว “เจ้าต้องการจะออกหน้าแทนนางเช่นนั้นหรือ?”
หลิงอวิ๋นเหอส่ายหน้า กล่าวถอนใจ “เปล่าเลย ข้าเพียงแต่เป็นห่วงว่าหากสหายเต๋าฆ่าฮูหยินเมี่ยวหัวแล้ว จะเท่ากับเป็นการหาเรื่องเดือดร้อนอย่างรุนแรงใส่ตัว”
พูดจบ เขาก็มองไปที่ซูอี้ แล้วจึงกล่าวอีก “สหายเต๋าคงจะไม่ทราบว่า พี่ชายของฮูหยินเมี่ยวหัวคือลี่เมี่ยวหง!”
“เขาเป็นผู้มีพรสวรรค์ล้ำเลิศ มีความรอบรู้สูง ตอนยังหนุ่มพบกับเรื่องมหัศจรรย์มากมาย เมื่อร้อยปีก่อน ลี่เมี่ยวหงผู้มีอายุเพียงแค่สิบเก้าปีก็อยู่ขอบเขตเปิดทวารแล้ว และภาวะดาบของเขายังแข็งแกร่งไร้เทียมทาน จนได้รับฉายาให้เป็น ‘มือดาบอันดับหนึ่งแห่งต้าฉู่’ อีกด้วย”
เมื่อนิ่งเงียบไปชั่วครู่ สีหน้าของหลิงอวิ๋นเหอก็แสดงความเลื่อมใสออกมา “และเมื่อแปดสิบปีก่อน ‘ปราชญ์หมิงอวี่’ มหาปราชญ์สวรรค์วิถีวิญญาณแห่ง ‘สำนักเต๋าชิงอี่’ หนึ่งในสี่สำนักมหาวิถีแห่งอาณาจักรต้าเซี่ยได้เดินทางมาสู่อาณาจักรต้าฉู่ด้วยตนเองและยังเป็นฝ่ายเชื้อเชิญให้ลี่เมี่ยวหงเข้าร่วมสำนักเต๋าชิงอี่”
“จนถึงตอนนี้ ลี่เมี่ยวหงเป็นผู้อาวุโสฝ่ายในอันดับสามของสำนักเต๋าชิงอี่ มีนามเลื่องลือไปทั่วอาณาจักรต้าเซี่ยว่า ‘ปราชญ์เมี่ยวหง’ โดยมีระดับการฝึกตนอยู่ที่ขอบเขตสยายวิญญาณ!”
เล่าถึงตรงนี้ สีหน้าของหลิงอวิ๋นเหอก็เคร่งเครียดขึ้นมา “สหายเต๋า หากว่าเจ้าฆ่าฮูหยินเมี่ยวหัวในตอนนี้ ไม่เท่ากับเป็นการประกาศศึกต่อปราชญ์เมี่ยวหงหรอกหรือ?”
ได้ฟังแล้ว สีหน้าของหยวนเหิงก็เปลี่ยนไปเช่นกัน
เขาไม่คาดคิดมาก่อนเลยว่าพี่ชายของฮูหยินเมี่ยวหัวจะเป็นถึงมหาปราชญ์สวรรค์วิถีวิญญาณ อีกทั้ง หากอยู่ในอาณาจักรต้าเซี่ย ยังถือได้ว่าเป็นบุคคลผู้ยิ่งใหญ่ถึงขั้นสามารถสั่งลมสั่งฝนได้!
ไม่ไกลนัก ใจของฮูหยินเมี่ยวหัวก็เริ่มเย็นลงแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อได้ยินหลิงอวิ๋นเหอเล่าถึงความร้ายกาจไร้เทียมทานของพี่ชายตนเอง พลังลมปราณบางส่วนของนางจึงฟื้นคืนกลับมาราวกับว่าพบเจอที่พึ่งพิง
เมื่อเผชิญหน้ากับซูอี้อีกครั้ง
ฉับพลัน บนใบหน้าของนางก็ปรากฏความหยิ่งทะนงตนในแบบที่ไม่อาจปกปิดได้อยู่
ทว่า ฮูหยินเมี่ยวหัวรู้ถึงสถานภาพของตัวเองเป็นอย่างดี นางจึงฉวยโอกาสนี้กล่าวออกมาตรง ๆ “สหายเต๋า หากว่าเจ้ายอมหยุดรามือเพียงเท่านี้ ข้ารับรองได้ว่า วันข้างหน้าจะไม่ติดใจเอาความในเรื่องนี้อีก เจ้ามีความคิดเช่นใด?”
หลิงอวิ๋นเหอก็เอ่ยขึ้นมาเช่นกัน “สหายเต๋าอย่าหาว่าหลิงผู้นี้เรื่องมากเลย แต่ข้าทนมองสหายเต๋าสร้างศัตรูโดยไร้เหตุผลไม่ได้”
ซูอี้ชายตามองดูเขาครู่หนึ่งจึงกล่าว “ความปรารถนาดี ข้าจะรับไว้ แต่… อย่าว่าแต่ผู้ฝึกตนขอบเขตสยายวิญญาณเลย ต่อให้เป็นบรมจารย์แห่งสำนักเต๋าชิงอี่ ก็ยังไม่อยู่ในสายตาข้า”
พูดจบ เขาก็ฟันมือ
ครืน!
พลังดาบเล่มหนึ่งพุ่งตรงไปเชือดฮูหยินเมี่ยวหัวที่อยู่ไกลออกไป
รวดเร็วฉับไว!
หลิงอวิ๋นเหอไม่คาดคิดเลยแม้แต่น้อยว่าหลังจากที่ตนเองอธิบายถึงผลดีผลร้ายแล้ว ซูอี้ยังจะดื้อรั้นถึงเพียงนี้อยู่อีก
ไม่เพียงแค่เขาเท่านั้น ฮูหยินเมี่ยวหัวก็ไม่เชื่อเช่นกัน
พอเห็นพลังดาบเล่มนั้นฟันเข้าหา…
ฉึบ!
ละอองเลือดแตกซ่าน ฮูหยินเมี่ยวหัวกัดฟันแน่นโดยไม่สนใจสิ่งอื่นอีก ใช้วิชาเลือนโลหิต กลายเป็นร่างโลหิตหนีออกไปไกล
เห็นได้ชัดว่าวิชาเลือนโลหิตนี้ไม่ธรรมดาเลย รวดเร็วจนน่าอัศจรรย์
ซูอี้เห็นเช่นนี้ ประกายเย็นวาบก็ผุดขึ้นในสายตา แขนเสื้อโบกสะบัด
“ไป!”
ท่ามกลางเสียงสั่นสะเทือนของดาบก้องกังวาน ดาบนิลกาฬกลืนฟ้าก็ปรากฏขึ้นกลางอากาศราวกับแสงที่เคลื่อนตัวอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็หายลับไป
“คนสารเลวสมควรตาย ให้ข้าได้พบกับพี่ชายเสียก่อน จะให้เขาจัดการบดขยี้เจ้าจนแหลกเป็นผุยผง!”
ใบหน้าของฮูหยินเมี่ยวหัวผู้กำลังหลบหนีเต็มไปด้วยความบ้าคลั่ง
วิชาเลือนโลหิตที่นางแสดงออกมานั้นต้องเผาผลาญรากฐานและโลหิตปราณของตัวเอง ใช้วิชานี้ครั้งหนึ่ง พลังต้นกำเนิดมากมายต้องสูญสิ้นไป อย่างน้อยต้องใช้เวลาสิบปีขึ้นไปจึงจะสามารถฟื้นฟูให้กลับมาสมบูรณ์ดังเดิม
หากไม่ใช่เพราะครั้งนี้เจออันตรายถึงแก่ชีวิต นางก็คงไม่นำออกมาใช้
“ห้ะ?”
ฉับพลันก็มีแสงไฟดวงหนึ่งปรากฏขึ้นในอาณาเขตจิตสัมผัสของฮูหยินเมี่ยวหัว
นางยังไม่ทันได้ตั้งตัว กลิ่นอายแห่งอันตรายถึงแก่ชีวิตก็ผุดขึ้นกลางหัวใจพุ่งทะลุถึงสันหลัง
“ดาบวิญญาณ!”
ชั่วพริบตานี้เอง ในที่สุดฮูหยินเมี่ยวหัวก็ ‘มองเห็น’ ชัดเจน นั่นคือดาบวิญญาณที่ปกคลุมด้วยแสงสีบริสุทธิ์ รวดเร็วจนถึงขั้นไม่คาดคิด เพียงแค่ชั่วพริบตาเท่านั้นก็ไล่ตามมาถึง!
“หลบไป!”
ฮูหยินเมี่ยวหัวแผดร้องเสียงแหลม นางสะบัดแขนเสื้อ ดาบคู่ของตนแหวกอากาศออกไปต้านทานดาบนิลกาฬกลืนฟ้า
ทว่า ดาบนิลกาฬกลืนฟ้าถูกฟันออกไปโดยซูอี้ อานุภาพเช่นนั้นคนทั่วไปจะสามารถต้านทานไหวได้อย่างไรกัน?
เคร้ง! เคร้ง!
ดาบคู่หลิงหลงประกายวาววับถูกดาบนิลกาฬกลืนฟ้ากระแทกจนกระเด็นออกไปอย่างแรง
กำลังของดาบนิลกาฬกลืนฟ้ายังไม่ถดถอย ประกายดาบก็แทงทะลุร่างของฮูหยินเมี่ยวหัวในขณะที่นางยังไม่ทันได้ตั้งตัว
จากหน้าอกแทงทะลุถึงหลัง พรุนเป็นรูขนาดเท่ากับชามข้าว
เจอกับดาบนิลกาฬกลืนฟ้า ระดับการฝึกขอบเขตรวบรวมดาราและสมบัติป้องกันตัวในร่างของนางราวกับแผ่นกระดาษแผ่นหนึ่งเท่านั้น!
“สารเลว รอก่อนเถอะ!!”
จิตวิญญาณดวงหนึ่งหนีออกจากร่างของฮูหยินเมี่ยวหัว ต้องการจะหนีไปให้ไกล
เห็นได้ชัดว่าหญิงนางนี้มีสมบัติล้ำค่าจิตวิญญาณ สามารถต้านทานอานุภาพการบุกโจมตีของดาบนิลกาฬกลืนฟ้า จึงทำให้จิตวิญญาณมีโอกาสหนีไปได้!
ทว่าในขณะนี้เอง มีเสียงแผดร้องอย่างดุร้ายดังขึ้นจากตัวดาบนิลกาฬกลืนฟ้า นกดุร้ายขนาดมหึมาตนหนึ่งปรากฏขึ้นพร้อมกับเพลิงไฟสีดำร้อนแรง พุ่งไปที่จิตวิญญาณของฮูหยินเมี่ยวหัว
หนึ่งในยมโลกเก้าชั่วร้าย วิญญาณของนกกระจอกเพลิงยมโลก
“ไม่…”
จิตวิญญาณของฮูหยินเมี่ยวหัวหวีดร้องด้วยความตกใจ ทว่าไม่รอให้นางได้ตั้งสติ ก็ถูกนกกระจอกเพลิงยมโลกกลืนเข้าปากไปเสียแล้ว
ราวกับกลืนกินหนอนตัวเล็ก ๆ ตัวหนึ่ง
ถึงตอนนี้ ร่างกายและจิตวิญญาณของผู้ที่อยู่ในขอบเขตรวบรวมดาราคนนี้ก็ถูกทำลายไม่มีเหลือ!
หลิงอวิ๋นเหอที่อยู่ห่างออกไปนิ่งตะลึงอยู่ตรงนั้น พลางกล่าวพึมพำ “เป็นเรื่องใหญ่แล้ว…”
หากให้ปราชญ์เมี่ยวหงผู้มีชื่อเสียงเลื่องระบือไปทั่วอาณาจักรต้าเซี่ยรู้ว่าน้องสาวของเขาถูกฆ่าตายเช่นนี้ จะยอมรามือง่าย ๆ ได้เช่นใดกัน?
ถูกมหาปราชญ์วิถีวิญญาณจ้องจะเล่นงาน ผลที่ตามมาจะร้ายแรงถึงขั้นไหนกัน?
วันนี้ บนแม่น้ำเทียนหลาน ผู้แข็งแกร่งทั้งหลายซึ่งมาจากขุมกำลังการฝึกตนของแต่ละแห่งในอาณาจักรต้าฉู่ต่างก็จบชีวิตลงตรงนี้ หากว่าเรื่องนี้ถูกเผยแพร่ออกไป จะเกิดความปั่นป่วนเช่นใดขึ้นในอาณาจักรต้าฉู่อีก?
ด้วยสภาวะจิตใจของหลิงอวิ๋นเหอ เวลานี้อดสั่นสะท้านขึ้นมาไม่ได้
แม้กระทั่งชิงหยาผู้ไม่รู้ประสากับเรื่องใด ๆ ในโลก เวลานี้ก็ยังรู้ถึงความร้ายแรงของปัญหา บนใบหน้างดงามปรากฏอาการตื่นตระหนกออกมา
หรือว่าคน ๆ นี้จะไม่เกรงกลัวต่อสิ่งใดเลยเช่นนั้นหรือ?
ชิ้ง!
นกกระจอกเพลิงยมโลกโฉบเข้าไปในดาบนิลกาฬกลืนฟ้า จากนั้นก็ร่วงไปอยู่ในมือของซูอี้ผู้ที่ยืนตระหง่านอยู่บนยอดเขา
“สหายเต๋า ครั้งนี้เจ้า… เป็นศัตรูกับปราชญ์เมี่ยวหงเต็มตัวแล้ว”
หลิงอวิ๋นเหอถอนใจ สายตามีแต่ความสับสน
ทันใดเขาก็นึกถึงภาพเหตุการณ์ตอนที่พบกับซูอี้บนเขาฝูเซียนเป็นครั้งแรก
ตอนนั้น ซูอี้ปรากฏตัวขึ้นอย่างเงียบ ๆ และเคยกล่าวว่าหากไม่ใช่เพราะตนเองถอนค่ายกลดาบที่โอบล้อมบ่าวรับใช้ของเขา คงจะลงมือฆ่าตนเองไปนานแล้ว…
ทว่าตนเองในตอนนั้นกลับไม่ใส่ใจแม้แต่น้อย
เมื่อนึกขึ้นมาได้ในตอนนี้ หลิงอวิ๋นเหอจึงเข้าใจแล้วว่าซูอี้ในตอนนั้นมีความสามารถทำได้ถึงขั้นนั้นจริง ๆ!
“ฆ่าไปแล้ว หากมัวแต่ใส่ใจกับเรื่องเหล่านี้ ยังจะมีคุณสมบัติเป็น ‘นักดาบ’ อีกหรือ?”
ซูอี้ดีดนิ้วไม่สนใจไยดี
เขามองขึ้นไปบนฟ้า
และในเวลานี้เอง อัสนีพิบัติครั้งสุดท้ายของชิงหว่านก็มาถึงโลกมนุษย์พร้อมกับแสงพิบัติอันยิ่งใหญ่!