บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 422 ศัตรูจู่โจม
ตอนที่ 422: ศัตรูจู่โจม
ตอนที่ 422: ศัตรูจู่โจม
ฉี่ฉงจื่อ!
เมื่อเห็นคนผู้นี้ นัยน์ตาเยี่ยนจวินซานพลันนิ่งค้างทันที ราวกับไม่อยากเชื่อว่าสำนักกระบี่ชิงเสวียนจะส่งบุคคลดุร้ายเช่นนี้มา!
ชิวโม่ฉือ ผู้อาวุโสตำหนักดาบเฟยหลิงและผู้อาวุโสใหญ่ เลี่ยนเหลิ่งเยว่ ต่างเผยท่าทางหวาดกลัวที่หาได้ยากออกมา
นี่คือผู้ฝึกกระบี่ในขอบเขตรวบรวมดาราที่มีชื่อเสียงโด่งดังในแคว้นเทียนหนาน คนที่สามารถเป็นคู่ต่อสู้ของเขาได้ ทั่วทั้งแคว้นเทียนหนานก็มีเพียงหยิบมือเท่านั้น!
ชายผู้นี้เคยทำลายแม่น้ำลั่วซิงด้วยกระบี่เดียว และได้รับยกย่องให้เป็นหนึ่งในผู้ฝึกกระบี่ที่ยอดเยี่ยมที่สุดแห่งแคว้นเทียนหนาน มีสมญานามว่าราชันย์กระบี่สายฟ้าคลั่ง
“ไม่ทราบว่าราชันย์กระบี่จะมา จึงไม่ได้ให้การต้อนรับอย่างดี”
เยี่ยนจวินซานก้าวไปต้อนรับด้านหน้า ในใจมีความรู้สึกลึกซึ้งเล็กน้อย
เดิมทีเขาคิดว่า สำนักกระบี่ชิงเสวียนจะส่งตัวตนขอบเขตรวบรวมดารามามากสุดหนึ่งถึงสองคน แต่กลับไม่นึกเลยว่าจะส่งบุคคลยอดเยี่ยมอย่างฉี่ฉงจื่อมา!
ต้องรู้ว่าในขอบเขตรวบรวมดารา ไม่ว่าจะเป็นชิวโม่ฉือแห่งตำหนักดาบเฟยหลิง หรือล่ายจ่างเซียวแห่งสำนักเต๋าหยวนหยางของเรา ล้วนด้อยกว่าฉี่ฉงจื่อเล็กน้อย!
“ข้าได้ยินมาว่าที่แห่งนี้มีพลังหยินสมบูรณ์ซ่อนอยู่ และบังเอิญข้าก็ต้องการสิ่งนี้มาหลอมธาตุวิถีพอดี ด้วยเหตุนี้จึงมาที่นี่ด้วยตัวเอง”
ฉี่ฉงจื่อเอ่ยด้วยท่าทางเย็นชา น้ำเสียงเขาแหบแห้ง และมากล้นไปด้วยจิตสังหารที่น่าสะพรึงกลัว
เขาที่แบกกระบี่ยืนอยู่ตรงนั้น กลายเป็นจุดรวมสายตาทั้งหมดทันที
“ฮ่า ๆ ครั้งนี้มีราชันย์กระบี่คอยช่วยเหลือ พวกเราต้องได้มันมาแน่!”
เยี่ยนจวินซานหัวเราะอย่างสบายใจออกมา
“เช่นนั้นก็เริ่มลงมือเถิด”
เห็นได้ชัดว่าฉี่ฉงจื่อไม่อยากเสียเวลาอีก
“ราชันย์กระบี่ช้าก่อน ยังเหลือสหายเต๋าแห่งวัดหลิงเสียยังมาไม่ถึง…”
ทันทีที่เยี่ยนจวินซานเอ่ยมาถึงตรงนี้
ครืน!
ทันใดนั้นกลางอากาศที่ไกล ๆ พลันมีร่างหนึ่งพุ่งทะยานมาราวกับคลื่นโหมซัดปั่นป่วน มีพลังมหาศาล อานุภาพน่าสะพรึงกลัว
ไม่นาน คนผู้นั้นก็ทะยานลงสู่เบื้องล่างในสนาม
คนผู้นี้สวมชุดขาวที่มีลวดลายเมฆยุ่งเหยิง ดวงตาคู่นั้นเปล่งแสงสีทองสว่างไสวออกมา ทุกการเคลื่อนไหวมีพลังที่สะเทือนฟ้าสะเทือนปฐพี
ตั้งแต่ที่เขามาถึง ไม่รู้มีคนลืมหายใจและมีสีหน้าแปรเปลี่ยนไปกี่คน
เช่นเดียวกับเยี่ยนจวินซาน ล่ายจ่างเซียว และคนอื่น ๆ ที่ต่างก็เผยความตกใจออกมา
“ปราชญ์… ปราชญ์เชียนเจวี๋ย!”
มีคนเรียกออกมาอย่างลืมตัว
ปราชญ์เชียนเจวี๋ย!
ผู้แข็งแกร่งในขอบเขตรวบรวมดาราที่อายุน้อยที่สุดแห่งวัดหลิงเสีย เขาใช้เวลาเพียงสิบปีก็ก้าวเข้าสู่ขอบเขตรวบรวมดารา ชื่อเสียงขจรไปทั่ว ธาตุวิถีลึกล้ำ สะเทือนไปทั่วแคว้นเทียนหนาน
และที่ทำให้คนสนทนากันเป็นพิเศษคือ ในตอนที่อยู่ขอบเขตเปิดทวาร ปราชญ์เชียนเจวี๋ยได้ถีบตัวเองขึ้นไปอยู่อันดับเจ็ดใน ‘ลำดับรายชื่อขอบเขตเปิดทวารแห่งแคว้นเทียนหลาน’ เป็นผู้ที่อายุน้อยที่สุดในรายชื่อสิบอันดับแรก!
หากไม่เอ่ยอย่างเยินยอล่ะก็ ในใจของผู้ฝึกตนหลายคน คล้ายกับปราชญ์เชียนเจวี๋ยคือตำนานผู้หนึ่ง ที่เจิดจ้าดั่งดวงดาวบนท้องฟ้า
“เหตุใดชายผู้นี้ถึงมากัน…”
เยี่ยนจวินซานรู้สึกกดดัน
แค่ฉี่ฉงจื่อ ราชันย์กระบี่สายฟ้าคลั่งผู้เดียว ก็ทำให้เยี่ยนจวินซานรู้สึกกดดันมากแล้ว
แต่การมาถึงของปราชญ์เชียนเจวี๋ย ก็ยิ่งทำให้เยี่ยนจวินซานตระหนักได้ว่า แม้จะแย่งชิงพลังหยินสัมบรูณ์ในครานี้มาได้ ทว่าในตอนแบ่งโชคชะตานี้ เกรงว่าสำนักเต๋าหยวนหยางของพวกเขาคงได้ไม่มากนัก…
“คราแรกตั้งใจจะไล่เสือให้ไปกินหมาป่า แต่ไม่นึกเลยว่า กลับดึงดูดหมาป่าเข้ามาในบ้าน!”
เยี่ยนจวินซานรู้สึกทอดถอนใจ
แต่เขาก็ยังยิ้มออกมา และเอ่ย “เยี่ยนผู้นี้คารวะปราชญ์เชียนเจวี๋ย”
ปราชญ์เชียนเจวี๋ยที่มีพลังรุนแรงมหาศาล และสวมชุดขาวลายเมฆกวาดสายตามองผู้คนที่อยู่ตรงหน้า จากนั้นถึงได้มองไปทางเยี่ยนจวินซาน “เจ้าสำนักเยี่ยน เจ้าอธิบายสถานการณ์มาก่อน จากนั้นพวกเราเร่งลงมือกันทันที”
น้ำเสียงเขาดั่งฟ้าคะนองที่ระเบิดอยู่ข้างหูทุกคน นัยน์ตาคล้ายกับมีประกายสายฟ้าพาดผ่านไปมา ช่างน่าหวาดกลัวยิ่ง
“ก็ดี”
เยี่ยนจวินซานตอบอย่างตรงไปตรงมา ไม่นานเขาก็เล่าสถานการณ์ทั้งหมดออกไป
“หลิงอวิ๋นเหอแห่งหอดาบหนึ่งสวรรค์? ตัวตนขอบเขตรวบรวมดาราแห่งต้าฉีผู้หนึ่ง ริอาจเข้ามายุ่งด้วย ช่างรนหาที่ตายเสียจริง!”
ฉี่ฉงจื่อแห่งสำนักกระบี่เฟยเสวียนพ่นคำพูดเยือกเย็นออกมา
หอดาบหนึ่งสวรรค์ ถูกเรียกขานว่าเป็นกองกำลังฝึกฝนอันดับหนึ่งแห่งต้าฉี
แต่ฉี่ฉงจื่อกลับไม่สนใจเลยสักนิด
“ตามที่พวกเขาเข้าไปในส่วนลึกของหุบเขาหานกู่เมื่อสองชั่วยามก่อน หากไม่ตายด้วยอสรพิษจิตวิญญาณหิมะ ก็คงได้ของสิ่งนั้นไปแล้ว ไม่ว่าจะเป็นอย่างไหน พวกเราควรรีบลงมือถึงจะมีโอกาสสำเร็จ”
เซียนเชียนเจวี๋ยที่มีสายตาดุจสายฟ้า เอ่ยเสียงเย็นขึ้น
“หากเจอพวกหลิงอวิ๋นเหอ ควรจะจัดการอย่างไรดี?”
ชิวโม่ฉือแห่งตำหนักดาบเฟยหลิงเอ่ยถาม
“หากไม่อยากตาย ก็จำต้องมอบโชคชะตานั้นมา”
ขณะเอ่ย ปราชญ์เชียนเจวี๋ยจ้องมองไปในส่วนลึกหุบเขาหานกู่
ครั้นคนที่เหลือเห็นเช่นนี้ ก็ไม่ลังเลสิ่งใดอีก เริ่มเคลื่อนไหวทันที
ก่อนหน้าที่จะออกไป เยี่ยนจวินซานพาล่ายจ่างเซียวกับผู้ฝึกตนอีกสี่คนไปเท่านั้น ส่วนคนที่เหลืออยู่เฝ้าระวังทางเข้าเอาไว้
……
ภายในถ้ำลึก
ซูอี้ที่นั่งทำสมาธิอยู่เหนือสระน้ำ มีท่าทางสงบนิ่งไม่เคลื่อนไหวใด ๆ
จิตใจของเขาตกอยู่ในห้วงความรู้สึกที่เร้นลับ
สำหรับซูอี้ ในเส้นทางวิถีต้นกำเนิด เขาตั้งเป้าหมายไว้แล้วว่าจะต้องบรรลุและควบคุมจังหวะวิถีทั้งเก้าอย่างให้ได้
แบ่งเป็นทอง ไม้ น้ำ ไฟ ดิน หยิน หยาง ลม สายฟ้า
จังหวะวิถีทั้งเก้าอย่างต่างเชื่อมผสานกันและกัน และถูกเรียกเป็นจังหวะวิถีสามชนิด แบ่งเป็นเบญจธาตุ หยินหยาง และลมสายฟ้า
สิ่งเหล่านี้คือ ‘การฝึกเบญจธาตุ หล่อหลอมหยินหยาง แปรสภาพลมสายฟ้า!’
นั่นคือเหตุผลที่ว่าเหตุใดเขาเลือกที่จะมาแสวงหาอย่างไม่ลังเลทันที หลังจากที่ได้ยินข่าวว่าในที่แห่งนี้มี ‘พลังหยินสัมบูรณ์’ ซ่อนอยู่
“มีคนมา”
จู่ ๆ อสรพิษจิตวิญญาณหิมะเอ่ยขึ้น “ข้าจะไปดูเอง”
ขณะเอ่ย ก็เลื้อยออกไปด้านนอกถ้ำ
“ชิงหยา เจ้ากับสหายเต๋าหยวนเหิงคอยเฝ้าที่นี่ไว้”
หลิงอวิ๋นเหอเอ่ยสั่ง พลางหมุนตัวเดินออกไป
ด้านนอกถ้ำ
ในที่ไกล เยี่ยนจวินซานชี้ไปทางปากถ้ำ และเอ่ย “ทุกท่านดู พลังหยินสัมบูรณ์ซ่อนอยู่ในนั้น ก่อนหน้าที่พวกเราจะมา ปากทางเข้าถ้ำนี้มีอสรพิษจิตวิญญาณหิมะที่น่าสะพรึงกลัวขดตัวอยู่ แม้พวกข้าจะร่วมมือกัน ก็ยังมิใช่คู่ต่อสู้ของมัน…”
เมื่อเอ่ยมาถึงสุดท้าย เยี่ยนจวินซานอดเผยรอยยิ้มเฝื่อนออกมาไม่ได้
“ที่แห่งนี้ไม่มีร่องรอยการต่อสู้ และอสรพิษจิตวิญญาณหิมะก็ไม่อยู่แล้ว หรือกลุ่มของหลิงอวิ๋นเหอจะเข้าไปในถ้ำลึกแล้ว?”
ชิวโม่ฉือเอ่ยอย่างพิจารณา
คนที่เหลือก็รู้สึกแปลกใจเช่นกัน
และในตอนนั้นเอง
อสรพิษจิตวิญญาณหิมะที่ทุกส่วนเป็นสีขาวดุจหิมะเลื้อยออกมา ดวงตาแดงสดหรี่เล็กกวาดมองกลุ่มคนที่อยู่ไกล ๆ
คนกลุ่นนี้มีผู้ฝึกตนขอบเขตรวบรวมดารามาด้วย!
“ทุกท่าน สิ่งดุร้ายนั่นได้ปรากฏออกมาแล้ว!”
เยี่ยนจวินซานและคนอื่น ๆ ต่างตกใจ และพากันตื่นตัวขึ้นมา พลังของสิ่งดุร้ายนี้ ยังน่าสะพรึงกลัวกว่าตัวตนในขอบเขตรวบรวมดาราธรรมดามาก!
และโดยที่พวกเยี่ยนจวินซานยังไม่ทันตอบสนองใด ๆ ก็มีร่างของหลิงอวิ๋นเหอเดินออกมาจากถ้ำลึก
“แย่แล้ว!”
เมื่อเห็นเหตุการณ์ใกล้ ๆ หลิงอวิ๋นเหอรู้สึกหนักอึ้ง ใบหน้าเต็มไปด้วยความเคร่งขรึม
ภายในบริเวณ มีตัวตนขอบเขตรวบรวมดาราเพียงสี่คน และในนั้นมีถึงสองคนที่ทำให้หลิงอวิ๋นเหอสัมผัสได้ถึงอันตราย
นอกจากทั้งสี่คนแล้ว ก็ยังมีผู้ฝึกตนระดับขอบเจตเปิดทวารคนอื่น ๆ อยู่อีก!
“สหายเต๋าหลิง เหตุใดเจ้าถึงอยู่กับสิ่งดุร้ายนี้ได้เล่า?”
เยี่ยนจวินซานเบิกตากว้าง แทบไม่อยากจะเชื่อ
ก่อนหน้านี้ เขาไม่เคยนึกถึงเหตุการณ์นี้เลย ไม่นึกเลยว่า หลิงอวิ๋นเหอจะอยู่กับอสรพิษจิตวิญญาณหิมะนั้น นี่มันช่างน่าเหลือเกินไปแล้ว
คนที่เหลือต่างตะลึงค้าง และมีท่าทางแปลกไป
“ทุกท่าน โชคชะตาในสถานที่นี้ถูกพวกข้ายึดครองแล้ว เชิญพวกท่านกลับไปเถิด”
หลิงอวิ๋นเหอสูดหายใจเข้าลึก ก่อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม
“เจ้าคือหลิงอวิ๋นเหอแห่งหอหนึ่งดาบสวรรค์ผู้นั้นรึ? ข้าจะให้โอกาสเจ้า รีบนำคนของเจ้าไสหัวกลับไปจากที่นี่! ไม่เช่นนั้น ข้าจะเด็ดหัวเจ้าเสีย!”
คำพูดหยาบคายของปราชญ์เชียนเจวี๋ย เปี่ยมล้นไปด้วยพลังและน่าสะพรึงกลัวยิ่ง
ฉี่ฉงจื่อ ราชันย์กระบี่สายฟ้าคลั่งลูบคาง สายตาจ้องไปที่อสรพิษจิตวิญญาณหิมะ ก่อนเอ่ยคำออก “อสรพิษจิตวิญญาณหิมะตัวนี้มีธาตุวิถีที่ไม่ธรรมดาเลย ข้าจะจับกุมมัน และนำกลับไปเฝ้าประตูภูเขาก็ดีเหมือนกัน”
เยี่ยนจวินซานเอ่ยด้วยความทอดถอนใจ “สหายเต๋าหลิง เจ้าก็เห็นสถานการณ์ในยามนี้แล้ว แม้เจ้าจะร่วมมือกับสิ่งดุร้ายนั่น ก็มิอาจต้านทานพวกเราได้ จะฟังคำโน้มน้าวของข้า หรือไม่ก็รีบหนีไป ไม่เช่นนั้น เมื่อลงมือ สถานที่แห่งนี้… เกรงว่าคงจะต้องมีหลายศพแน่!”
หลิงอวิ๋นเหอมีสีหน้าเปลี่ยนไป คุณชายซูในยามนี้กำลังตระหนักทำความเข้าใจมหาวิถี หากคนเหล่านี้บุกเข้าไป เช่นนั้นคงลำบากมากแน่!
“ไม่ต้องเสียเวลาพูดกับพวกเขาแล้ว ลงมือกันเลยเถิด”
อสรพิษจิตวิญญาณหิมะเอ่ยขึ้น น้ำเสียงเยือกเย็น ร่างขาวดุจหิมะเผยรัศมีแสงเย็นสีฟ้าคล้ายกับหมอกควันออกมา ก่อนที่พลังชั่วร้ายอันน่าสะพรึงกลัวจะแผ่กระจายตามมา
ชิ้ง!
มีพลังเยือกเย็นสีฟ้าพ่นออกมาจากปาก พุ่งไปปกคลุมฉี่ฉงจื่อ
เห็นได้ชัดเลยว่า สิ่งที่ฉี่ฉงจื่อเอ่ยออกมาเมื่อครู่ ทำให้มันเกรี้ยวกราดมาก
“คิดเอาไข่กระทบหินงั้นหรือ?”
ฉี่ฉงจื่อเอ่ยเสียงเยือกเย็น พลางชักกระบี่ยาวออกมาจากด้านหลัง และกวัดแกว่งออกไปทันที
ตูม!
แสงกระบี่สีขาวสว่างจ้าถูกตวัดลงมาพร้อมกับสายฟ้าคลั่งสีเงินเต็มท้องฟ้า กลิ่นอายที่เหมือนกับการทำลายล้างพลันถูกม้วนออกไป
เห็นได้ชัดว่า พลังเยือกเย็นสีฟ้าถูกทำลายจนแตกกระจายไปอย่างง่ายดายภายใต้กระบี่นั้น และพลังปราณกระบี่ที่ไม่ลดลง… ก็ได้พุ่งไปทางอสรพิษจิตวิญญาณหิมะ!
“ไป!”
อสรพิษจิตวิญญาณหิมะคายดาบกระดูกที่เกาะไปด้วยเกล็ดน้ำแข็งสีฟ้าและกวาดออกไปต้านทานกระบี่นั่นเอาไว้ ทั้งสองปะทะกัน ทำให้พลังเกิดการปั่นป่วน ต้นไม้ใบหญ้าใกล้ ๆ ต่างกระจัดกระจายเป็นเสี่ยง ๆ บนพื้นปรากฏร่องรอยคล้ายกับใยแมงมุมออกมา
“เจ้าอสูรร้ายตัวดี! วันนี้ต้องจับเป็นเจ้ากลับไปให้ได้ ไม่ว่าจะเป็นใคร ก็อย่าได้คิดมาขวางข้า!”
ฉี่ฉงจื่อหัวเราะเสียงดัง มือถือกระบี่ยาวไว้ พลางพุ่งเข้ามาสังหาร
“หลิงอวิ๋นเหอ ข้าให้โอกาสเจ้าแล้วแต่เจ้ากลับไม่เห็นค่า ยามนี้ข้าจะเด็ดหัวเจ้า!”
แทบจะในเวลาเดียวกัน ปราชญ์เชียนเจวี๋ยส่งเสียงเยือกเย็นออกมา ก่อนจะพุ่งทะยานเข้าไป ยื่นมือขวาออกมา และชกไปทางหลิงอวิ๋นเหอ!
ตูม!
อากาศปั่นป่วน
ผู้แก่กล้าในขอบเขตรวบรวมดาราที่อายุน้อยที่สุดแห่งวัดหลิงเสีย มีธาตุวิถีที่แข็งแกร่งอย่างมาก ด้วยกำปั้นเดียว ก็แสดงให้เห็นถึงอานุภาพที่สั่นสะเทือนปฐพี
ทว่าหลิงอวิ๋นเหอจะไม่ถอยหลังแน่! เขาสะบัดแขนเสื้อ พลันดาบสี่เล่มพุ่งไปในอากาศ กลายเป็นค่ายกลสี่กลุ่มดาวใหญ่ ปราณดาบมหาศาลโจมตีต่อสู้ดุดัน และไม่คิดเสียใจแม้แต่น้อยที่ทำเช่นนี้!
ตู้ม!
ชั่วพริบตาเดียว การต่อสู้ครั้งใหญ่ก็ระเบิดขึ้น
นี่คือการต่อสู้ระหว่างผู้แก่กล้าในขอบเขตรวบรวมดารา ดังนั้นอานุภาพของมันจะปกติได้อย่างไร?
ภูเขาสูงใหญ่บริเวณใกล้ ๆ สั่นสะเทือน ต้นไม้ใบหญ้ากลายเป็นขี้เถ้า ไอหมอกเยือกเย็นที่ปกคลุมอยู่เหนือภูเขาสูงในตอนแรก ถูกพลังทำลายล้างกวาดออกไป
ไม่นาน หลิงอวิ๋นเหอและอสรพิษจิตวิญญาณหิมะก็ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ ด้วยเมื่อเทียบกันแล้ว พลังของทั้งสองฝั่งต่างกันเกินไป!
ต้องไม่ลืม… ว่าคู่ต่อสู้ของพวกเขา คือผู้แข็งแกร่งขอบเขตรวบรวมดาราที่มีชื่อเสียงในแคว้นเทียนหนานแห่งอาณาจักรต้าเซี่ย ดังนั้นแต่ละคนจึงแกร่งกล้าและน่าสะพรึงกลัวยิ่ง!
และเมื่อเห็นภาพนี้ เยี่ยนจวินซานแผดเสียงตะโกนออกมาอย่างลำพองใจในพลัน “บุกเข้าไปด้วยกัน จัดการพวกเขาซะ และนำพลังหยินสัมบูรณ์มาเป็นของพวกเรา!”
ยังไม่ทันสิ้นเสียง
ล่ายจ่างเซียวก็พุ่งไปสังหารหลินอวิ๋นเหอก่อนทันที
ส่วนชิวโม่ฉือแห่งตำหนักดาบเฟยหลิงก็พุ่งไปสังหารอสรพิษจิตวิญญาณหิมะ
แค่พริบตาเดียวเท่านั้น หลิงอวิ๋นเหอกับอสรพิษจิตวิญญาณหิมะก็ตกอยู่ในสถานกาณ์เสียเปรียบและอันตรายมาก!