บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 423 ซูอี้โมโห
ตอนที่ 423: ซูอี้โมโห
ตอนที่ 423: ซูอี้โมโห
ก่อนหน้านี้ ในสถานการณ์หนึ่งต่อหนึ่ง หลิงอวิ๋นเหอและอสรพิษจิตวิญญาณหิมะก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของปราชญ์เชียนเจวี๋ยกับฉี่ฉงจื่ออยู่แล้ว
และยามนี้ ยังมีผู้แข็งแกร่งขอบเขตรวบรวมดาราอย่างล่ายจ่างเซียวกับชิวโม่ฉือเข้ามาร่วมด้วยอีก ทำให้หนึ่งคนหนึ่งปีศาจตกอยู่ในสถานการณ์เสียเปรียบหนึ่งต่อสองทันที
ไม่นาน หลิงอวิ๋นเหอก็บาดเจ็บสาหัส เลือดแดงฉานเปื้อนไปทั่วร่าง ตกอยู่ในสถานการณ์ลำบากอย่างมาก
ครั้นมองไปที่อสรพิษจิตวิญญาณหิมะ บนร่างขาวดุจหิมะนั้นปรากฏบาดแผลที่น่าตกใจมากมายออกมา และเจิ่งนองไปด้วยเลือดสีแดงฉาน
หลิงอวิ๋นเหอแอบถอนหายใจออกมา แม้เขากับอสรพิษจิตวิญญาณหิมะใช้พลังทั้งหมด ก็คงประคับประคองไว้ได้ไม่นานนัก
“อสูรร้าย เจ้าจะต่อสู้ดิ้นรนไปถึงเมื่อใดกัน? มาหาข้าเถอะ!”
ในระหว่างปะทะ ฉี่ฉงจื่อทำตัวเป็นจุดสนใจ และหัวเราะออกมาเสียงดัง พลางยื่นมือออกไปคว้าทันที
ตูม!
ประกายสายฟ้าสีเงินเต็มน่านฟ้ารวมตัวกันกลายเป็นมือสายฟ้าขนาดใหญ่ราวสิบจั้ง กดทับลงมาอย่างรุนแรง เข้าจับกุมอสรพิษจิตวิญญาณหิมะ
อสรพิษจิตวิญญาณหิมะที่บาดเจ็บสาหัส เมื่อเผชิญการจู่โจมนี้ นัยน์ตาสีแดงสดก็อดเผยความขมขื่นและผิดหวังออกมาไม่ได้
วันนี้ มันคิดว่าโอกาสในการแปลงกายที่รอมานานหลายปีกำลังจะมาถึงตัวเองแล้ว
แต่ไม่นึกเลยว่า โอกาสในการแปลงกายที่ยังมาไม่ถึง กลับมีหายนะมาถึงเสียก่อน…
“นี่… คือโชคชะตาของข้ารึ?”
อสรพิษจิตวิญญาณหิมะรู้สึกมืดมน
ครั้นเห็นมันกำลังจะถูกจับ ทันใดนั้น
น้ำเสียงเยือกเย็นที่แฝงไว้ด้วยโทสะดังขึ้น
“ไอ้พวกแมลงชั้นต่ำ ริอาจก่อกวนการตื่นรู้ของข้าซูผู้นี้ ไปตายซะ!”
น้ำเสียงดั่งเสียงดาบที่แผ่วเบา พลันเกิดการระเบิดดังขึ้นไปทั่ว
และในระหว่างที่น้ำเสียงดังออกมา ร่างสูงใหญ่พลันปรากฏอยู่ทางเข้าถ้ำทันที ยื่นมือตบและสะบัดออกไป
พลังที่ตบออกไปนั้น กลายเป็นแสงม้วนวนสีใส อานุภาพมหาศาล ทะลวงมือสายฟ้าขนาดใหญ่ที่ปกคลุมอสรพิษจิตวิญญาณหิมะไว้
ตูม!
แสงสายฟ้าแตกกระจาย ประกายไฟสาดกระเด็นไปทั่ว
นัยน์ตาของฉี่ฉงจื่อแข็งกร้าวขึ้นทันที
อสรพิษจิตวิญญาณหิมะชะงักค้าง มันที่รู้สึกมืดมนในคราแรก เมื่อเห็นชายหนุ่มชุดเขียวที่อยู่ขอบเขตไร้เบญจธัญมาช่วยตัวเอง แทบจะคิดว่าเป็นความฝัน และรู้สึกว่ามันไม่ใช่เรื่องจริง
…ในขณะเดียวกันนั้นเอง
พลังสะบัดนั้นของซูอี้ ก็ได้ปลดปล่อยดาบรุ้งสีใสออกมา มันหายวับในอากาศ ก่อนพลันปรากฏอยู่ด้านหน้าหลิงอวิ๋นเหอ
ชั่วพริบตาเดียว กำปั้นที่ราวกับสะเทือนฟ้าสะเทือนปฐพีของปราชญ์เชียนเจวี๋ย รวมถึงแท่นหยกที่กวัดแกว่งออกมาจากมือล่ายจ่างเซียว ต่างถูกดาบรุ้งสีใสทำลายไปอย่างง่ายดาย
ตู้ม!
หมอกควันกระเพื่อม อากาศปั่นป่วน
ปราชญ์เชียนเจวี๋ยและล่ายจ่างเซียวต่างตกตะลึง
และเมื่อหลิงอวิ๋นเหอเห็นร่างซูอี้ ก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา ทั่วร่างพลันผ่อนคลายลง
ไม่มีผู้ใดรู้มากไปกว่าเขา ว่าซูอี้ที่ดูเหมือนอยู่เพียงขอบเขตไร้เบญจธัญนั้น… ทรงพลังและน่าสะพรึงมากกว่าที่ตาเห็นเพียงใด!
เฉกเช่นยามนี้ เขาเพียงคนเดียว… ก็พลิกสถานการณ์การต่อสู้ได้ในชั่วพริบตาเท่านั้น!
การต่อสู้หยุดชะงักชั่วคราว
สายตาทุกคนต่างมองไปทางซูอี้ที่อยู่ปากทางเข้าถ้ำ
“หืม? ขอบเขตไร้เบญจธัญ?”
ฉี่ฉงจื่อแปลกใจ มือถือกระบี่ไว้ แผ่อานุภาพน่าสะพรึงกลัวออกมา
“นี่…”
ล่ายจ่างเซียวแปลกใจ พลางขมวดคิ้วขึ้น
“คนผู้นี้เป็นใครกัน?”
ดวงตาปราชญ์เชียนเจวี๋ยดุจสายฟ้า มีจิตสังหารแฝงไว้ในท่าทีนั้น
“คนในกลุ่มของหลิงอวิ๋นเหอ ข้าคิดว่าเขาเป็นเพียงคนรุ่นหลังของหอหนึ่งดาบสวรรค์ ไม่นึกเลยว่าพลังจะโดดเด่นถึงเพียงนี้!”
เยี่ยนจวินซานลังเลสงสัย
“น่าสนใจจริง ๆ”
แขนเสื้อของชิวโม่ฉือปลิวไสว พลางแผดเสียงอย่างดุร้ายขึ้น
เลี่ยนเหลิ่งเยว่และตัวตนขอบเขตเปิดทวารทั้งห้าท่านต่างเผยท่าทางที่ไม่อยากจะเชื่อออกมา
ชายหนุ่มขอบเขตไร้เบญจธัญผู้หนึ่ง กลับพลิกสถานการณ์ในชั่วพริบตาเดียว!?
หากไม่เห็นเหตุการณ์นี้กับตาตัวเอง แล้วใครจะกล้าเชื่อกัน?
“พวกเจ้าถอยออกไปก่อน ข้าจะจัดการคนเหล่านี้เอง”
ซูอี้ก้าวเดินออกมานอกถ้ำ สายตาเยือกเย็น ดั่งลมหนาวที่โหมกระหน่ำถ้ำน้ำแข็งหมื่นปี ทำให้ทั่วหล้าเหน็บหนาวอย่างขีดสุด
ซูอี้มีสภาพจิตใจและประสบการณ์ในชาติก่อนมากมาย เขาจึงมักสงบ เกียจคร้าน หรือไม่ก็นิ่งเฉย ทว่ายามนี้… เขากำลังโมโหอย่างไม่เคยพบเห็นมาก่อน!
ในความเป็นจริง นี่นับว่าเป็นครั้งแรกที่ซูอี้ที่โมโหหลังจากฟื้นความทรงจำในชาติก่อนได้
ในอดีต ต่อให้ต่อสู้กับซูหงหลี่ในมหานครหลวงอวี้จิง เขาก็ไม่เคยเกิดความรู้สึกโหมซัดถึงเพียงนี้
สาเหตุนั้นง่ายมาก เพราะก่อนหน้านี้ เขากำลังอยู่ในช่วงรู้แจ้งที่สำคัญอยู่
ไม่นึกเลยว่า… จะถูกทำลายไป!
สิ่งนี้สำหรับซูอี้ที่มองการฝึกฝนเป็นเหมือนชีวิตตัวเองมาโดยตลอดแล้ว… มันจึงไม่แปลกที่จะทำให้เขาทนไม่ไหว!
“ช่างโอหังเสียจริง ชายชราอย่างข้าจะขอดูเสียหน่อย ว่าชายหนุ่มที่อยู่ขอบเขตไร้เบญจธัญเช่นเจ้า ไปเอาความกล้ามาจากที่ไหนกัน ถึงได้ริอาจมาเห่าหอนเช่นนี้!”
ชิวโม่ฉือแห่งตำหนักดาบเฟยหลิงแผดเสียงเย็นชาออก
ร่างของเขาสั่นไหว กลายเป็นแสงเงาเลือนรางดั่งควันฝุ่น พลันปรากฏอยู่ต่อหน้าซูอี้อย่างน่าเหลือเชื่อ ดาบโบราณรูปร่างคล้ายงูที่อยู่ในมือ ก็แทงไปทางซูอี้อย่างดุดัน!
ดาบโบราณรูปร่างคล้ายงูนี้สลักคาถาแปลกประหลาดลึกลับเอาไว้ ทำให้เกิดลมปราณทึม ๆ น่าสะพรึงกลัว ในตอนที่กวัดแกว่ง จะมีวิญญาณงูสีดำปรากฏออกจากตัวดาบ ซึ่งมันแฝงไว้ด้วยไอดุร้ายหมายฉีกจิตวิญญาณ น่าสะพรึงกลัวยิ่ง
ดาบอสรพิษวิญญาณ!
นี่คือหนึ่งในศาสตราวิถีต้นกำเนิดของตำหนักดาบเฟยหลิง ตัวดาบอาบด้วยพิษรุนแรง สามารถกัดกร่อนเนื้อหนังและจิตวิญญาณได้
การโจมตีนี้ ธาตุวิถีที่ชิวโม่ฉือแสดงออกมา ดีกว่าฮูหยินเมี่ยวหัวแห่งต้าฉู่มาก และโหดเหี้ยมไม่มีที่สิ้นสุด
“แค่มดแมลงก็เท่านั้น”
ดวงตาของซูอี้เย็นชาและเฉยเมย ไม่สุขไม่ทุกข์ พลางยกมือขึ้นมาและชี้ออกไป
“ไอ้โง่ เจ้าหลงกลแล้ว”
เมื่อเห็นซูอี้โจมตีมา ชิวโม่ฉือก็เผยใบหน้าที่มีรอยยิ้มออกมา
ชั่วพริบตาเดียวเท่านั้น ดาบอสรพิษวิญญาณจากหนึ่งแบ่งเป็นสาม กลายเป็นดาบโบราณสามเล่ม ทุกเล่มแฝงไว้ด้วยกลิ่นอายชั่วร้ายเยือกเย็น
ชั่วพริบตาเดียว คล้ายกับตัวตนขอบเขตรวบรวมดาราสามคนร่วมมือกัน และแยกกันพุ่งไปสังหารซูอี้!
“เจ้าหนุ่ม ถึงอย่างไรเจ้าก็ยังเด็กเกินไป ไม่รู้ว่าข้าชิวโม่ฉือเวลาลงมือทำสิ่งใด จะกลายเป็นหมาป่าตะครุบกระต่ายด้วยการใช้พลังทั้งหมดมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว!”
นัยน์ตาชิวโม่ฉือเต็มไปด้วยความขบขัน
สิ่งที่เขาแสดงในยามนี้มีชื่อว่า ‘ดาบมายาวิญญาณ’ หนึ่งในสามเคล็ดวิชาสยบสันติแห่งตำหนักดาบเฟยหลิง
ว่ากันว่าในตอนที่ยอดฝีมือแห่งตำหนักดาบเฟยหลิงแสดงเคล็ดวิชาดาบนี้ออกมา สามารถแปลงดาบมายาเก้าเล่มคล้ายกับของจริงออกมาได้ เดี๋ยวปลอมเดี๋ยวจริง เดี๋ยวจริงเดี๋ยวปลอม จนทำให้รู้สึกยากที่จะป้องกัน
ที่สำคัญที่สุดคือ ทุกดาบมายาสามารถระเบิดพลังที่ไม่ต่างจากของจริงออกมาในช่วงเวลาสั้น ๆ ได้!
แม้ว่าชิวโม่ฉือจะไม่มีอานุภาพเช่นนั้น ทว่าแปลงดาบมายาออกมาได้สองเล่ม ในระดับขอบเขตเดียวกันนับว่าน่าสะพรึงกลัวมาก
ซูอี้มีท่าทางสงบนิ่ง และไม่เคลื่อนไหวใด ๆ ปล่อยให้ดาบมายาสองเล่มพุ่งมาหาตน และเขายังคงใช้มือแตะไปบนดาบอสรพิษวิญญาณเหมือนเดิม
แควก!
ชิวโม่ฉือหุบรอยยิ้มบนใบหน้าทันที
จู่ ๆ ดาบอสรพิษวิญญาณส่งเสียงคำรามออกมาอย่างรุนแรง และแตกหักไปทีละน้อยเริ่มจากปลายแหลมของดาบ พลังนิ้วมือที่รุนแรงดุดันนั้น ไล่ไปตามตัวดาบ และพุ่งไปทางชิวโม่ฉือ!
อัก!
ร่างชิวโม่ฉือกระเด็นถอยออกไปอย่างรุนแรง เลือดแดงฉานกระจัดกระจายในอากาศ อาวุธป้องกันและพลังปกป้องร่างของเขาแตกออกราวกับกระดาษเปียก
จากนั้น ทั่วร่างของเขาราวกับเครื่องกระเบื้องเคลือบที่ถูกค้อนขนาดใหญ่ทุบ จึงแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ ทันที เลือดเนื้อสาดกระจายไปทั่ว
การโจมตีในตอนที่ซูอี้โกรธ จะปกติได้อย่างไร?
นิ้วที่ดูเหมือนสบาย ๆ นั้น จริง ๆ แล้วคล้ายกับภูเขากดทับ มันสะสมไว้ซึ่งพลังแก่กล้าไร้เทียมทานเอาไว้!
อานุภาพนั้น หาใช่คนอย่างชิวโม่ฉือจะสามารถต้านทานเอาไว้ได้!
ครั้นมองดาบมายาของชิวโม่ฉือที่แทงอยู่บนร่างของซูอี้ มันกลับเกิดเพียงเสียงกระทบโลหะออกมาสองครั้ง คล้ายกับชนกำแพงเหล็กที่มิอาจทะลวงออกไปได้
เดิมทีดาบมายาสองเล่มนี้ก็ถูกแปรสภาพออกมาอยู่แล้ว หลังจากถูกขวางกั้น มันก็สลายหายไปอย่างรวดเร็วไร้ร่องรอย
หนึ่งนิ้วทำลายดาบอสรพิษวิญญาณ โจมตีร่างชิวโม่ฉือ และซูอี้ไม่ได้รับบาดเจ็บใด ๆ!
ภาพการเข่นฆ่าอย่างไร้ความปรานีนี้ สร้างแรงสั่นสะเทือนไปทั่วบริเวณทันที
“นี่…”
ไม่ว่าจะเป็นเยี่ยนจวินซาน ล่ายจ่างเซียว หรือฉี่ฉงจื่อ ปราชญ์เชียนเจวี๋ยและคนอื่น ๆ ต่างตกใจ พลันใบหน้าเปลี่ยนไปทันที
ชิวโม่ฉือนับว่าเป็นบุคคลชั้นยอดภายในแคว้นเทียนหนาน คือผู้แข็งแกร่งขอบเขตรวบรวมดารามากชื่อเสียง ไม่นึกเลยว่า จะมิอาจต้านทานพลังนิ้วของชายหนุ่มที่อยู่ในขอบเขตไร้เบญจธัญได้!
นี่มันช่างน่าสะพรึงกลัวจริง ๆ
เมื่อเห็นภาพนี้ ดวงตาแดงสดของอสรพิษจิตวิญญาณหิมะก็เบิกกว้าง นี่…นี่คือพลังของผู้ฝึกตนขอบเขตไร้เบญจธัญ?!
มีเพียงหลิงอวิ๋นเหอผู้เดียวที่ไม่แปลกใจ
หลังจากเห็นภาพที่ซูอี้สังหารฮูหยินเมี่ยวหัวและคนอื่น ๆ กับตาตัวเอง ก็ทำให้หลิงอวิ๋นเหอตระหนักได้ทันที ว่าการมีอยู่ของซูอี้ มิอาจนำหลักครรลองทั่วไปมาเทียบได้!
แม้บนโลกนี้จะมีคนและปีศาจที่แข็งแกร่งมากมาย แต่เกรงว่าคงมิอาจเทียบกับซูอี้ได้
พรึบ!
ทันใดนั้น เงาดำร่างหนึ่งกะพริบอยู่ในหมอกโลหิต และปรากฏร่างของชิวโม่ฉือออกมา
เพียงแต่ว่าเขาในยามนี้เหลือเพียงแค่จิตวิญญาณ บนใบหน้าเต็มไปด้วยความรู้สึกหวาดผวา
“ยังไม่ตาย?”
ซูอี้ขมวดคิ้วเล็กน้อย
เขาประเมินผู้ฝึกตนขอบเขตรวบรวมดาราแห่งต้าเซี่ยต่ำไป แม้ชายแก่เหล่านี้จะมีพลังไม่มาก ทว่าวิธีการรักษาชีวิตไว้กลับมีไม่น้อย
“ก็แค่จิตวิญญาณเท่านั้น จะต้านทานได้อีกเท่าใดกันเชียว?”
ซูอี้ก้าวเท้าออกมา บนอากาศหนึ่งร้อยจั้งใต้เท้าเขา ราวกับความว่างเปล่าหดลงไปหนึ่งฉื่อ ทันใดนั้นก็ไปถึงด้านหน้าชิวโม่ฉือ พลางสะบัดมือบดขยี้อีกครั้ง
“ช่วยข้าด้วย!”
ชิวโม่ฉือแผดเสียงตะโกนออกมา จิตวิญญาณเดือดพล่านราวกับเผาไหม้ และหมุนตัวหลบหนีไป
“ทั้งหมดโจมตีพร้อมกัน”
ล่ายจ่างเซียวตะโกนออกมา และสะบัดมือออกไป
ตูม!
ผนึกฝ่ามือราว ๆ สามจั้ง อาบไปด้วยแสงสีทองมหาศาลถูกส่งออกด้วยการสะบัดมือนั้น
“สังหาร!”
ฉี่ฉงจื่อแผดเสียงตะโกน
ทันใดนั้นปราณกระบี่สายฟ้าเต็มน่านฟ้า ผ่ากลางอากาศเป็นทางยาว คล้ายกับฟ้าคะนองฉับพลันรุนแรง เยือกเย็นน่าสะพรึงกลัว เต็มไปด้วยกลิ่นอายการทำลายล้าง
กระบี่ทลายสายฟ้าคลั่ง!
ฉี่ฉงจื่ออาศัยวิชานี้ในการสร้างชื่อเสียง ผสานเข้ากับจัวหวะวีถีสายฟ้าคลั่ง ใช้ออกด้วยพลังในขอบเขตรวบรวมดารา!
และในขณะเดียวกัน ปราชญ์เชียนเจวี๋ยชกหมัดออกมาทันที
ตูม!
อากาศคล้ายกับเขื่อนขนาดใหญ่แตกออก โหมซัดปั่นป่วน เสียงระเบิดดั่งสายฟ้าฟาด หมัดนี้สะเทือนฟ้าสะเทือนดิน ทำให้เกิดความบ้าคลั่งอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
หมัดดาวตก!
สมญานามของปราชญ์เชียนเจวี๋ย มาจากการสืบทอดวิถีหมัดโบราณ เป็นหมัดที่เหมือนกับมหาศาล ยึดครองไปทั่วท้องฟ้า!
สามผู้แข็งแกร่งในขอบเขตรวบรวมดาราร่วมมือกัน อานุภาพนั้นสั่นสะเทือนไปทั่วโลกาทันใด
“แข็งแกร่งมาก!”
เยี่ยนจวินซานรู้สึกตื่นตะลึง ส่วนผู้ฝึกตนขอบเขตเปิดทวารที่เหลือต่างก็พากันจ้องมอง ด้วยรู้สึกหนาวไปทั่วร่าง และหายใจอย่างยากลำบากเหลือเกิน
พวกเขาไม่มีคุณสมบัติพอที่จะเข้าไปร่วมด้วยอยู่แล้ว ไม่เช่นนั้น… จะต้องถูกพลังการต่อสู้นี้กดอัดจนบี้แบนแน่!
ในยามนี้ แม้แต่อสรพิษจิตวิญญาณหิมะกับหลิงอวิ๋นเหอยังอดแสดงท่าทางที่เปลี่ยนไปไม่ได้ และรู้ได้ทันทีว่า ผู้แข็งแกร่งขอบเขตรวบรวมดาราเหล่านั้น ได้ใช้กระบวนท่าสังหารแล้ว!
“หากข้าซูอี้ต้องการสังหารคน ทั่วทั้งน่านฟ้าปฐพี ไม่มีผู้ใดมาขัดขวางได้!”
เมื่อเผชิญการปิดล้อมที่น่าสะพรึงกลัวเช่นนี้ ซูอี้ก็ยังคงมีท่าทางเย็นชาเช่นเดิม
น้ำเสียงยังคงดังอยู่ในอากาศ ร่างสูงใหญ่ของเขาผ่อนคลายลง พลันย่ำเท้าพุ่งจู่โจมออกไปทันที