บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 429 โคมไฟผีเก็บโลงศพ
ตอนที่ 429: โคมไฟผีเก็บโลงศพ
ตอนที่ 429: โคมไฟผีเก็บโลงศพ
เมืองซานอิ่น
หอสุราเมฆาหอม
ซูอี้กับคนอื่น ๆ กำลังดื่มสุรากินอาหาร
“สหายเต๋าหลิงทราบหรือไม่ว่า ในเมืองนี้มีที่ใดที่ซื้อขายโอสถวิญญาณกับวัตถุวิญญาณบ้าง?”
ซูอี้ถาม
สาเหตุแท้จริงที่เขามาอาณาจักรต้าเซี่ยในครั้งนี้ก็เพื่อการฝึกตน
การฝึกตนในอาณาจักรเล็ก ๆ อย่างต้าโจว ต้าเว่ย กับต้าฉินไม่พอเพียงต่อการฝึกตนในอนาคตของเขาอีกต่อไป
มีแต่อาณาจักรต้าเซี่ยเท่านั้นที่มีทรัพยากรการฝึกตนที่จำเป็นและเพียงพอกับความต้องการยามที่เขาอยู่บนหนทางแห่งวิถีต้นกำเนิด
หลิงอวิ๋นเหอครุ่นคิดสักครู่จึงกล่าว “ร้านยาโอสถในเมืองมีโอสถวิญญาณและวัตถุวิญญาณขาย แต่ส่วนใหญ่แล้วเหมาะสำหรับผู้ฝึกยุทธ์”
“หากว่าสหายเต๋าต้องการซื้อขายทรัพยากรการฝึกตน สามารถไปที่ ‘เมืองหลิงชวี’ ได้ ที่นั่นเป็นสถานที่อันอุดมสมบูรณ์ที่สุดของแคว้นเทียนหนาน กิจการค้าใหญ่สามอันดับสุดยอดในอาณาจักรต้าเซี่ยล้วนก่อตั้งฐานกิจการในเมืองหลิวชวี”
“ที่เมืองหลิงชวี ขอเพียงมีเงินมากพอก็สามารถซื้อโอสถวิญญาณและวัตถุวิญญาณระดับห้าขึ้นไปได้และยังเป็นเรื่องที่ง่ายมากด้วย”
“อีกทั้งเมืองหลิงชวียังจัดให้มี ‘งานใหญ่หลิงชวี’ ขึ้นทุก ๆ ระยะ งานนี้มีขึ้นเพื่อประมูลสมบัติล้ำค่าที่หาพบได้ยาก”
เมื่อได้ฟังแล้ว ซูอี้ก็อยากจะไป
เพราะก่อนหน้านี้ ตอนที่ฆ่าพวกฮูหยินเมี่ยวหัวในอาณาจักรต้าฉู่ และฆ่าพวกฉีฉงจื่อที่หุบเขาหานกู่ ซูอี้ก็ได้รับอาวุธชั้นดีมูลค่าเหลือคณามาจำนวนหนึ่ง
ทว่าทรัพยากรที่เพียงพอต่อการฝึกตนของเขากลับมีเพียงแค่ส่วนน้อยเท่านั้น หากนำมาใช้สำหรับฝึกตน มากสุดสามารถใช้ได้แค่เดือนเดียวเท่านั้น
สมบัติล้ำค่าชิ้นอื่น ๆ เปรียบเสมือนซี่โครงไก่ ต้องเอาไปขายเพื่อแลกเป็นทรัพยากรการฝึกตนที่เหมาะสมสำหรับตนเอง
สำหรับซูอี้แล้ว เมืองหลิงชวีจึงเป็นสถานที่ ๆ ควรจะไปอย่างไม่ต้องสงสัย
เวลานี้ หลิงอวิ๋นเหอพลันนึกเรื่องหนึ่งขึ้นได้ แล้วจึงกล่าวขึ้น “ใช่แล้ว ในเมืองซานอิ่นแห่งนี้ มีตลาดผีที่มีความพิเศษมากอยู่แห่งหนึ่ง มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วแคว้นเทียนหนาน สามารถหาของดีหาได้ยากมากมายที่ตลาดผีแห่งนี้ แต่ก็มีของปลอมของเลียนแบบอยู่จำนวนไม่น้อยเช่นกัน ผู้ที่ทำการซื้อขายในตลาดมืดล้วนต้องอาศัยสายตาอันแหลมคมของตัวเอง”
ซูอี้พยักหน้า สถานที่ค้าขายทรัพยากรการฝึกตนอย่าง ‘ตลาดผี’ เช่นนี้หาพบได้ทั่วไปในเก้ามหาแดนดิน
โดยทั่วไปแล้ว ผู้ฝึกตนที่ชอบไปในสถานที่เช่นนี้ ส่วนใหญ่แล้วไปเพื่อ ‘เก็บตก’
ทว่าซูอี้เข้าใจดีว่าคนที่สามารถเก็บตกได้ในตลาดผีนั้นมีน้อยมาก ส่วนใหญ่แล้วมักจะถูกหลอกเสียมากกว่า
“ตลาดผี? ฟังดูน่าสนใจมาก อาจารย์ ประเดี๋ยวพวกเราไปเปิดหูเปิดตาด้วยกันดีหรือไม่?”
ชิงหยาคะยั้นคะยอ
“ต้องดูว่าสหายเต๋าซูคิดอย่างไร”
หลิงอวิ๋นเหอยิ้มพลางตอบ
“ว่าง ๆ ไม่มีอะไรทำ ไปดูสักหน่อยก็ดี”
ซูอี้ตอบ
——
ปากทางเข้าตลาดผีของเมืองซานอิ่นตั้งอยู่ที่ด้านหลังจตุรัสขายของที่ชื่อว่า ‘จตุรัสหรูอี้’
ที่นี่มีถนนที่ผ่านเข้าไปในตลาดผีทางใต้ดิน
ตามที่หลิงอวิ๋นเหอกล่าว เจ้าของจตุรัสหรูอี้มีพรรคมารหยินคอยสนับสนุน ดังนั้นตลาดผีซึ่งมีพรรคมารหยินเป็นผู้ดูแลจึงไม่มีใครกล้าก่อเรื่องวุ่นวาย
อย่างรวดเร็ว หลังจากที่หลิงอวิ๋นเหอจ่ายค่าผ่านทางเป็นหินวิญญาณระดับสามจำนวนหนึ่งก้อนแล้ว พวกของซูอี้จึงเข้าไปในตลาดผี
ความจริงแล้วตลาดผีแห่งนี้เป็นถนนใต้ดินสายยาว สองฟากฝั่งถนนมีร้านค้ามากมายตั้งเรียงราย
บ้างก็ขายโอสถวิญญาณกับวัตถุวิญญาณ บ้างก็ขายของโบราณหายาก ของซื้อของขายมากมายละลานตา แทบทุกอย่างล้วนเกี่ยวข้องกับการฝึกตน
คนซื้อจำนวนมากมายเดินไปมาขวักไขว่อยู่หน้าร้านขายของแต่ละแห่ง บ้างเพียงแค่ยืนดู บ้างก็เลือกซื้อเลือกหาต่อรองราคา แลดูคึกคักยิ่งนัก
“ผู้ฝึกตนเยอะแยะไปหมด!”
หยวนเหิงร้องอุทาน
ถึงแม้ผู้คนส่วนใหญ่ที่เดินไปมาในตลาดผีแห่งนี้จะเป็นผู้ฝึกยุทธ์ ทว่าก็ยังมีผู้ฝึกตนขอบเขตไร้เบญจธัญกับขอบเขตเปิดทวารจำนวนไม่น้อย!
“เมืองผีเสี่ยวเฟิงตูมีชื่อเสียงโด่งดังเป็นที่สุดในแคว้นเทียนหนาน แต่ละวันจะมีผู้ฝึกตนจำนวนมากมายมาจากแต่ละที่”
หลิงอวิ๋นเหอยิ้มพลางพูดขึ้นมา
“โอ้โห หยกชิ้นนี้ใสเป็นประกาย สวยจังเลย!”
ชิงหยายืนนิ่ง สายตาจับจ้องไปที่หยกสีขาวสะอาดประดุจหิมะในแขวนอยู่ในร้าน
เจ้าของร้านเป็นผู้เฒ่าหน้าตาซื่อตรง เขายิ้มหัวเราะพลางกล่าว “แม่นางสายตาเฉียบคม ข้าพบหยกชิ้นนี้ตอนที่ขึ้นไปเก็บสมุนไพรบนเขาอวิ๋นหมาง ไปเจออยู่ในถ้ำร้างแห่งหนึ่งโดยบังเอิญ คาดว่าจะต้องเป็นสมบัติโบราณที่มีค่ามากชิ้นหนึ่ง”
พูดจบ ผู้เฒ่าก็ถอนใจ แล้วกล่าวด้วยความเศร้า “แต่เสียดายที่ตาของข้าไร้แวว มองความมหัศจรรย์ของหยกชิ้นนี้ไม่ออก และช่วงระยะนี้ก็ค่อนข้างขัดสน จึงจำใจต้องนำหยกชิ้นนี้ออกมาขาย หากว่าแม่นางชอบหยกชิ้นนี้ เสนอราคามาได้เลย ขอเพียงข้าเห็นว่าพอถูไถ หยกชิ้นนี้ก็เป็นของแม่นาง”
ชิงหยากะพริบตาใสแจ๋วปริบ ๆ ชี้นิ้วเรียวงามออกไปพลางถามเสียงใส “หินวิญญาณระดับสามหนึ่งก้อน มากกว่านี้ไม่ได้แล้ว”
ผู้เฒ่านิ่งตะลึงราวกับไม่อยากจะเชื่อ ทันใดก็ฝืนหัวเราะพลางกล่าว “แม่นางน้อยกำลังล้อข้าเล่นแล้วใช่หรือไม่ นี่เป็นสมบัติล้ำค่ามีที่มาลึกลับเลยเชียว ก่อนหน้านี้มีคนเสนอราคาหินวิญญาณระดับสี่สิบก้อน ข้ายังไม่ยอมขายเลย”
ชิงหยากล่าวด้วยความตื่นตระหนก “เช่นนั้นหรือ ถ้าเช่นนั้นก็โชคดีแล้วที่เขาไม่ได้ซื้อไป มิเช่นนั้น เขาจะต้องด่าตัวเองว่าโง่สิ้นดีอย่างแน่นอน เพราะหยกชิ้นนี้ นอกจากสวยแล้ว ไม่มีประโยชน์อันใดอีก ข้าให้ราคาหินวิญญาณระดับสามหนึ่งก้อนก็เพราะเห็นว่ามันสวยมากเท่านั้น”
ผู้เฒ่า “…”
สีหน้าของเขาดำคล้ำลงทีละนิด จากนั้นกล่าวด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ “แม่นางน้อย เจ้ามาเพื่อหาเรื่องกันหรืออย่างไร ไม่อยากจะซื้อก็รีบ ๆ ไปเสีย”
ชิงหยากล่าวจริงจัง “ท่านลุง ข้าว่านะ หินวิญญาณระดับสามหนึ่งก้อนสามารถซื้อของทั้งร้านได้แล้ว มั่นใจหรือว่าจะไม่ขายให้ข้า?”
ผู้เฒ่าเบิ่งตากว้าง โมโหจนตัวสั่น ด่าตะคอก “ไม่ขาย ตีให้ตายก็ไม่ขาย!”
หลิงอวิ๋นเหอรีบดึงชิงหยาออก
“อาจารย์ เหตุใดต้องรั้งข้าด้วย?”
ชิงหยาไม่เข้าใจ
“ในตลาดผี ต่อให้เจ้ามองอย่างทะลุปรุโปร่งถึงที่มาของสมบัติ ก็ไม่อาจจะพูดเปิดโปงออกมาได้ ทำเช่นนี้เป็นการผิดกฎ”
หลิงอวิ๋นเหอกล่าวเบา ๆ
ชิงหยาร้องอ้อออกมา จากนั้นจึงกล่าว “ถ้าเช่นนั้นข้าเพียงแค่ดูเท่านั้น ไม่พูดอะไรอีกแล้ว”
ซูอี้มองภาพเหตุการณ์ทุกอย่างที่เกิดขึ้นแล้วได้แต่ยิ้ม ไม่ได้กล่าวอะไรออกมา
ด้วยพลังพรสวรรค์อันพิเศษเหนือธรรมดาของชิงหยา จึงสามารถมองเนื้อในของสมบัติโดยทั่วไปออกได้อย่างง่ายดาย
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ต่อให้เป็นพ่อค้าเจ้าเล่ห์เพทุบาย ก็ยากนักจะต้มตุ๋นหลอกลวงชิงหยาได้
คนทั้งหมดเดินไปดูไป พบของหายากสวยงามจำนวนไม่น้อย
ซูอี้ซื้อปิ่นที่ทำมาจากหยกหลิงเหอซิงมาอันหนึ่ง ผู้หญิงนำมาเหน็บผมแล้วสามารถบ่มเพาะพลังจิตวิญญาณได้ ถือได้ว่าเป็นอาวุธวิญญาณที่ไม่เลวเลยชิ้นหนึ่ง
เขาตั้งใจว่าเมื่อไรที่กลับไปถึงอาณาจักรต้าโจวแล้วจะมอบให้ฉาจิ่น
ลำดับถัดมา ภายใต้คำชี้แนะของซูอี้ หยวนเหิงกับไป๋เวิ่นฉิงก็ซื้อวัตถุวิญญาณที่จำเป็นสำหรับการฝึกตนด้วยเช่นกัน ราคาไม่ถูกเลย ทว่ามีคุณภาพคุ้มกว่าราคาอย่างแน่นอน
ด้วยประสบการณ์อันโชกโชนในอดีตชาติของซูอี้ เป็นไปไม่ได้ที่จะมองผิด
“ร้านเฒ่าบอดแห่งนี้ ตอนนี้ยังเหลือโคมไฟผีอีกแค่ห้าดวงเท่านั้น ภายในโคมไฟผีแต่ละดวงล้วนมีโลงศพหนึ่งใบ ตอนนี้ ทุกคนสามารถนำสมบัติติดตัวของตัวเองมาแลกได้ ขอเพียงทำให้ข้าพึงพอใจได้ ก็จะได้โคมไฟผีไปหนึ่งดวง โลงศพหนึ่งใบ!”
มีเสียงแหบทุ้มเสียงหนึ่งดังขึ้นมาแต่ไกล
โคมไฟผีเก็บโลงศพ?
ซูอี้มองไปอย่างรวดเร็ว
ก็เห็นริมถนนห่างไปไม่ไกลนัก มีร้านประหลาดอยู่ร้านหนึ่ง เจ้าของร้านเป็นคนมีอายุผมเผ้ารุงรังผอมกะหร่องเห็นแต่กระดูก
เขามีท่าทางคล้ายกับขอทาน นั่งยอง ๆ อยู่ตรงนั้นด้วยอาการเกียจคร้าน ในดวงตาไม่มีลูกนัยน์ตา แลดูว่างเปล่าและประหลาด
คน ๆ นี้เป็นคนตาบอดจริง ๆ
ในร้านที่อยู่ตรงหน้าเขา มีโคมไฟห้าดวงลอยอยู่
โคมไฟแต่ละดวงล้วนทำมาจากกระดาษเนื้อหยาบอย่างอ่อนสีดำ เปลวเทียนสีเลือดน่ากลัวปล่อยประกายแสงออกมา
ผู้คนจำนวนไม่น้อยมาชุมนุมกันอยู่ที่หน้าร้านของเฒ่าบอด มองไปมีแต่ผู้ฝึกตน มีทั้งหญิงและชาย มีทั้งเด็กและคนแก่
“เฒ่าบอดมาอีกแล้ว หนึ่งปีมานี้ ทุกครั้งที่เขาปรากฏตัวก็จะบอกว่าตัวเองเหลือโคมไฟผีเพียงแค่ห้าดวงเท่านั้น แต่ก็ยังมีคนจำนวนไม่น้อยที่เชื่อคำของเขา”
เจ้าของร้านข้าง ๆ ส่งเสียงพูดพร้อมกับหัวเราะ
“ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม โคมไฟผีของตาเฒ่ายังคงเป็นที่น่าดึงดูดใจมาก อีกทั้งเมื่อก่อนนี้เคยมีผู้ฝึกตนได้รับโชคชะตายิ่งใหญ่จากโลงศพโคมไฟผีจริง ๆ”
“กลายเป็นป้ายทองสำหรับเรียกลูกค้าของเฒ่าบอดไปแล้ว ต่อให้มีคนเยอะแยะมากมายที่สูญเสียสมบัติล้ำค่ามีราคาที่สุดของตัวเอง แต่ก็ยังคงทนเห็นคนอื่นมาแย่งโลงศพโคมไฟผีไม่ได้”
เจ้าของร้านอีกคนหนึ่งพูดด้วยความอิจฉา
ได้ยินเสียงวิพากษ์วิจารณ์เหล่านั้นแล้ว ซูอี้ก็สามารถเข้าใจได้โดยเร็วว่าในตลาดผีของเมืองเสี่ยวเฟิงตู เฒ่าบอดเป็นเจ้าของร้านที่ไม่ธรรมดาเลย
สำหรับที่มาของชายชราตาบอด ไม่มีใครล่วงรู้
ใคร ๆ ต่างก็รู้เพียงแค่ว่าแต่ละครั้งที่เฒ่าบอดปรากฏจะนำโคมไฟผีห้าดวงติดตัวมาด้วย อีกทั้งเขายังมีกฎกติกาประหลาดอีกสามข้อ
ข้อที่หนึ่ง มีแต่สมบัติล้ำค่าที่เขาพึงพอใจเท่านั้นจึงจะสามารถแลกกับโคมไฟผีของเขาได้ หากว่าเขาไม่พึงพอใจ ต่อให้เป็นสมบัติหายากขนาดไหนก็ไม่อาจแลกได้
ข้อที่สอง โลงศพในโคมไฟผีทั้งห้าดวงล้วนอยู่ในสภาวะปิด หากเลือกโคมไฟใดโคมไฟหนึ่ง ไม่ว่าสมบัติล้ำค่าในโลงศพจะเป็นอะไร ก็ไม่อาจเอามาแลกคืนทีหลังได้
ข้อที่สาม ไม่ขายโคมไฟผีให้แก่ผู้หญิง
เนื่องด้วยภายในโลงศพโคมไฟผีที่เฒ่าบอดขายนั้นเคยปรากฏสมบัติล้ำค่าซึ่งถือได้ว่าสุดยอดมาแล้ว ทำให้เฒ่าบอดมีฐานะเหนือกว่าใครในตลาดผี
สาเหตุที่ผู้ฝึกตนมากมายจากที่อื่น ๆ เดินทางตลาดผีเสี่ยวเฟิงตู ส่วนใหญ่ล้วนมาเพราะโคมไฟห้าดวงของเฒ่าบอด
เคยมีผู้ฝึกตนที่เก่งกาจพยายามจะตรวจสอบดูพื้นเพและที่มาของเฒ่าบอด ทว่าล้วนได้รับความล้มเหลวกันทุกคน
ดังนั้นจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีใครรู้ว่า ชายชราตาบอดมาสู่ตลาดผีได้อย่างไร และเดินทางออกไปได้อย่างไร
อย่างไรเสีย ที่มาของเฒ่าบอดคนนี้ก็ยังเป็นปริศนา
เมื่อรู้เรื่องเหล่านี้แล้ว ชิงหยาถึงกับบ่นขึ้นมา “ในเมื่อเป็นการค้าขาย เหตุใดจึงไม่อนุญาตให้ผู้หญิงเข้าร่วมเกี่ยวข้องด้วย? เฒ่าบอดช่างน่าขยะแขยงเสียจริง ๆ”
“ในโลกนี้มีเรื่องประหลาดและคนประหลาดอยู่มากมาย ในเมื่อเขาตั้งเป็นกฎขึ้นมา ก็ต้องมีสาเหตุเป็นธรรมดา”
หลิงอวิ๋นเหอกล่าว
“สาเหตุ?”
ซูอี้หัวเราะขึ้นมา “กฎสามข้อนี้ เฒ่าบอดไม่ใช่คนตั้งหรอก ส่วนเรื่องที่ว่าเหตุใดจึงไม่ให้ผู้หญิงเข้าร่วม…อืม หากพวกเจ้าต้องการอยากจะรู้ หลังจากที่ออกไปจากที่นี่แล้ว ข้าจะบอกให้พวกเจ้ารู้”
คนอื่น ๆ ต่างก็ตะลึง รู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าซูอี้มองอะไรบางอย่างออกแล้ว อีกทั้งยังรู้ที่มาของ ‘กฎทั้งสามข้อ’ ที่เฒ่าบอดตั้งไว้
“ไปกัน พวกเราไปดูกันหน่อย”
ซูอี้พูดแล้วก็เดินไปข้างหน้า
เขารู้สึกประหลาดใจขึ้นมาเล็กน้อย ไม่คาดคิดมาก่อนเลยว่าจะได้มาพบกับ ‘โคมไฟผีเก็บโลงศพ’ ที่ตลาดผีเมืองเสี่ยวเฟิงตูแห่งแคว้นเทียนหนานแห่งนี้!
จนเป็นเหตุให้เขารู้สึกสงสัยอยากจะรู้ถึงที่มาของชายชราตาบอดผู้นี้!