บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 430 ความลับ
ตอนที่ 430: ความลับ
ตอนที่ 430: ความลับ
ที่หน้าแผงขายของของชายชราตาบอดมีเหล่าผู้ฝึกตนรวมตัวกันอยู่
บนแผงขายของมีโคมผีสีดำห้าอันซึ่งส่องแสงเทียนสีเลือดดึงดูดความสนใจของทุกคน
ดังที่เจ้าของแผงขายของกล่าว ผู้ฝึกตนส่วนใหญ่ที่เข้าสู่ตลาดผีย่อมหมายตาโคมผีห้าดวงในมือของชายชราตาบอด
“ผู้อาวุโส ข้ามีกระดูกวิเศษอยู่ที่นี่…”
ผู้ฝึกตนหนุ่มผู้หนึ่งเอ่ยขึ้นพร้อมกับหยิบกล่องหยกออกมาแล้วเปิดแสดงต่อหน้าชายชราตาบอด ภายในกล่องหยกมีกระดูกสีดำส่องประกายระยิบระยับ
“กระดูกอสูรภูตวายุ?”
ฝูงชนเกิดความโกลาหล กระดูกวิเศษนี้เทียบได้กับสมบัติวิญญาณ มูลค่าของมันนั้นสูงล้ำยิ่ง
เห็นได้ชัดว่าผู้ฝึกตนหนุ่มผู้นี้เตรียมตัวมาเป็นอย่างดี
“ยิ่งวันเวลาผ่านไป กระดูกอันล้ำค่านี้ยิ่งหายาก”
แม้เฒ่าบอดไม่มีตา แต่ดูเหมือนว่าเขาจะสัมผัสได้ถึงความมหัศจรรย์ของกระดูกอันล้ำค่านี้ และเอ่ยขึ้นด้วยเสียงแหบแห้ง
ผู้ฝึกตนหนุ่มดีใจและพูดว่า “มันเพียงพอแลกกับโคมผีของท่านหรือไม่ผู้อาวุโส?”
ชายชราตาบอดส่ายหัว “ถึงแม้กระดูกของเจ้าจะเป็นของหายาก แต่ทว่ามันยังไม่ใช่สิ่งที่ต้องใจเฒ่าตาบอดผู้นี้ โปรดก้าวถอยไปเสีย”
ผู้ฝึกตนหนุ่มที่เพิ่งรู้สึกมีความสุข สีหน้าแปรเปลี่ยนเป็นเยือกเย็นและหงุดหงิดในทันใด
เมื่อเห็นเช่นนี้ คนอื่น ๆ ที่แลมองอยู่ต่างสั่นสะท้านในใจ กระดูกอันล้ำค่าเช่นนี้ยังไม่สามารถสนองเฒ่าบอดได้?
เช่นนั้นแล้วต้องเป็นสิ่งล้ำค่าเพียงใดกันถึงจะควรค่าแก่การแลกเปลี่ยนโคมผีจากมือของเขาชายชราตาบอดผู้นี้ได้?
“ท่านผู้อาวุโส ท่านคิดเห็นอย่างไรเกี่ยวกับศาตราวิญญาณชิ้นนี้? ข้าได้มันมาจากซากเมืองโบราณ มันถูกคาดคะเนเอาไว้ว่าเคยเป็นศาสตราของผู้ฝึกตนยุคโบราณ…”
ผู้ฝึกตนคนใหม่หยิบกล่องสมบัติออกมา แต่ทว่าเขาแง้มฝากล่องเพียงเล็กน้อยเพื่อแสดงสิ่งของภายในแก่ชายชราตาบอดผู้เดียวเท่านั้น
“ไม่” เฒ่าบอดไม่แยแส
“ข้ามีภาพวาดลึกลับหนึ่งซึ่งถูกวาดลงในแผ่นหนังสัตว์ มันเป็นสมบัติของตระกูลที่ถูกส่งต่อมาตั้งแต่รุ่นบรรพบุรุษของข้า ผู้อาวุโสโปรดลองรับชมดู”
“ท่านผู้อาวุโส ท่านคิดอย่างไรกับหยกอันล้ำค่านี้”
…จากนั้น ผู้ฝึกตนหลายคนตะโกนและนำสมบัติหายากมากมายหลายแบบออกมาแสดง แต่ชายชราตาบอดกลับปฏิเสธพวกเขาทั้งหมดทีละคน
สิ่งนี้ทำให้ทุกคนที่อยู่โดยรอบรู้สึกว่าความต้องการของเฒ่าบอดผู้นี้มากจนเกินไป
ในที่สุด รังไหมแปลก ๆ ที่ชายหนุ่มสวมชุดสีเงินผู้หนึ่งนำออกมาก็ทำให้ชายชราตาบอดพอใจและตกลงแลกกับโคมผี
ชายหนุ่มที่สวมชุดสีเงินอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจด้วยความโล่งอก และเมื่อเขาสังเกตเห็นความอิจฉาริษยาที่อยู่รอบ ๆ ตัว มุมริมฝีปากของเขาก็อดไม่ได้ที่จะยกขึ้นเล็กน้อย
รังไหมแปลก ๆ นี้ถูกเรียกว่า ‘รังไหมวิญญาณเมฆาชาด’ หากมันได้รับการหล่อเลี้ยงอย่างดี มันจะสามารถกลายเป็น ‘หนอนไหมเมฆาชาดเก้าวิญญาณ’ ที่หายากได้!
“หนุ่มน้อย จงเลือกโคมผี”
ชายชราตาบอดกล่าว
ชายหนุ่มชุดเงินสูดหายใจเข้าลึก ก่อนจะชี้ไปที่โคมผีที่อยู่ตรงกลางแล้วพูดว่า “ท่านผู้อาวุโส ข้าเลือกโคมนี้”
ทันทีที่เขาพูดจบ โคมผีก็ลอยขึ้นในทันใดและบินมาตรงหน้าชายหนุ่มชุดสีเงิน
“ยินดีด้วยนายน้อยท่านประสบความสำเร็จแล้ว!”
ผู้ดูแลสองคนข้าง ๆ ชายหนุ่มสวมชุดเงินแสดงความยินดีซึ่งกันและกัน
“ขอแสดงความยินดีกับคุณชายเถา”
ผู้ฝึกตนหลายคนกล่าวเช่นกัน
ชายหนุ่มชุดสีเงินผู้นี้ชื่อ ‘เถาเจี้ยนถิง’ เขาเป็นทายาทสายตรงของ ‘ตระกูลเถา’ ซึ่งเป็นสามตระกูลหลักในแคว้นเทียนหนาน
เถาเจี้ยนถิงโบกมือด้วยรอยยิ้มและกล่าวอย่างอารมณ์ดีต่อทุกคนว่า “สิ่งนี้นับได้ว่าเป็นวาสนาใหญ่หรือไม่ยังไม่อาจทราบได้ โปรดทุกท่านอย่าเพิ่งร่วมตื่นเต้นไปกับข้าเลย”
แม้ว่าเขาจะพูดเช่นนี้ แต่ใบหน้าของเขากลับไม่อาจซ่อนความตื่นเต้นที่พึงพอใจของเขาได้
ความสำเร็จในการสามารถแลกโคมผีได้จากมือของเฒ่าบอดในเมืองผีเสี่ยวเฟิงตู นับเป็นความสำเร็จที่สามารถนำไปโอ้อวดต่อผู้ใดก็ได้!
“ทำไมนายน้อยเถาไม่เปิดผนึกเสียตั้งแต่ตอนนี้ให้พวกเราได้ร่วมรับชมสักหน่อยว่าเป็นสมบัติใดที่อยู่ด้านใน?”
ผู้ฝึกตนอาวุโสคนหนึ่งกล่าวด้วยรอยยิ้ม
ทันใดนั้น คนอื่น ๆ ต่างก็มองเถาเจี้ยนถิงอย่างคาดหวัง
แม้แต่หยวนเหิงและชิงหยาต่างก็มองอย่างใคร่รู้
สำหรับซูอี้ เขายังคงมองชายชราตาบอดและไม่สนใจเรื่องอื่น
“ย่อมได้ ไม่ว่าจะอย่างไรข้าย่อมต้องเปิดมันอยู่ดี เช่นนั้นการจะเปิดที่นี่หรือที่ไหนย่อมไม่ต่างกัน”
เถาเจี้ยนถิงสูดหายใจเข้าลึกแล้ววางฝ่ามือลงบนโคมผี โคมผีสลายหายไปเป็นขี้เถ้า เผยให้เห็นโลงศพอยู่ข้างใน
โลงศพมีสีเทาทว่าขนาดของมันเพียงแค่เท่าฝ่ามือ มีผนึกสีแดงเลือดปิดระหว่างฝากับตัวโลงศพ ผนึกนี้ต่างดึงดูดความสนใจของทุกคนที่อยู่โดยรอบ
ในขณะนี้ เถาเจี้ยนถิงรู้สึกประหม่าเล็กน้อย เขาทำให้จิตใจมั่นคงและเอื้อมมือไปสัมผัสผนึกสีแดงเลือด
คลิก!
มันไม่ต่างจากการเปิดหีบสมบัติโบราณทั่วไป เมื่อผนึกสีเลือดจางหายไป ฝาที่เต็มไปด้วยฝุ่นของโลงศพก็เลื่อนเผยให้เห็นฉากภายในโลงศพ
ใบหน้าของเถาเจี้ยนถิงเต็มไปด้วยความตื่นเต้นและความคาดหมาย ทันใดนั้นดวงตาของเขาก็เบิกกว้างทันที รวมไปถึงผู้คนที่อยู่โดยรอบต่างตะลึงงัน
ขณะนี้ทุกคนต่างแลเห็นสิ่งของในโลงศพขนาดเล็กแล้ว และมันก็ทำให้ทุกคนที่อยู่ใกล้เคียงต่างมองหน้ากันอย่างโง่งงม
ทั้งหมดนี้เป็นเพราะในโลงมีเพียงมัดหนึ่งของเส้นผมที่หยิกฟูอยู่ข้างใน…
บรรยากาศโดยรอบเงียบลงทันที และหลายคนต่างก็กลั้นหัวเราะ
รังไหมอันมีค่า รังไหมวิญญาณเมฆาชาดแลกเปลี่ยนกลายเป็นผมหยิกมัดหนึ่ง? นี่มันคือการขาดทุนอย่างรุนแรงจนน่ากระอักเลือด!
“เพียงแค่ผมมัดหนึ่งงั้นหรือ?”
ชิงหยาอุทานเสียงดัง “นี่มันเรื่องตลกอันใดกัน!? ผลลัพธ์เช่นนี้น่าอนาถใจเกินไปหรือเปล่า?”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลายคนก็อดกลั้นไว้ไม่อยู่อีกต่อไปและหัวเราะออกมาเสียงดัง บรรยากาศเต็มไปด้วยความขบขัน
ก่อนหน้านี้เถาเจี้ยนถิงได้รับโคมผีซึ่งทำให้หลายคนอิจฉา
ตอนนี้ ถึงแม้ว่าทุกคนอยากจะอดทน แต่ก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ และมองเถาเจี้ยนถิงด้วยความสงสาร
“เฮ้อ… อีกคนที่โดนหลอก!”
เจ้าของแผงลอยที่อยู่ไกลออกไปส่ายหัวอยู่ครู่หนึ่ง โดยรู้ว่าโคมผีของชายชราตาบอดต้องเสี่ยงโชค
“ผมมัดหนึ่ง… ผมมัดหนึ่ง…”
คิ้วของเถาเจี้ยนถิงขมวดเป็นปมแน่น สองข้างขมับปรากฏเส้นเลือดปูดโปน เขาหดหู่มากจนแทบจะกระอักเลือด และยิ่งเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะของทุกคน เขาก็แทบอยากจะขุดรูหนีไปให้พ้น ๆ
นี่มันน่าอับอายเหลือทน!
ใช้รังไหมหายากเพื่อแลกกับผมมัดหนึ่ง?
เมื่อใดที่ข่าวนี้แพร่กระจายออกไป ชื่อเสียงของเขาเถาเจี้ยนถิงผู้ที่ฉลาดล้ำมาตลอดชีวิตย่อมป่นปี้ และคงถูกล้อไปทั้งชีวิตกับ ‘ผมหยิก’ นี้!
แม้แต่ซูอี้ก็อดหัวเราะไม่ได้เมื่อเห็นสิ่งนี้
ผู้คนจาก ‘สายเลือดโคมผีเก็บโลงศพ’ ยังคงชั่วร้ายและมากด้วยเล่ห์เหลี่ยมเช่นเดิม…
“ยังมีโคมผีเหลืออยู่อีกสี่ มีผู้ใดต้องการแลกเปลี่ยนอีกหรือไม่?”
ชายชราตาบอดเอ่ยขึ้น
ทันใดนั้น สายตาของทุกคนมองย้อนกลับไปที่เฒ่าบอด
มีเพียงเถาเจี้ยนถิงที่ยังคงอยู่ในภวังค์แห่งความหดหู่
เขาไม่อาจโทษใครได้เพราะโคมผีนี้เขาเลือกมันด้วยตัวเอง เขาจึงจำต้องยอมรับกับผลลัพธ์ที่ออกมาแต่โดยดี และยิ่งไปกว่านั้นไม่ว่าเขาจะเสียใจหรือมีโทสะสักเท่าใด เขาก็ไม่กล้าที่จะสร้างความวุ่นวายที่นี่
ตามข่าวลือ ชายชราตาบอดผู้นี้แข็งแกร่งยากจะหยั่งถึง
ในอดีต มีบุคคลยิ่งใหญ่มากมายที่ประสบกับความผิดหวังเช่นเขา และต้องการขอให้เฒ่าบอดชดเชยหลังจากถูกหลอก แต่ทว่าไม่มีผู้ใดเลยที่ขอชดเชยได้สำเร็จอีกทั้งยังสูญเสียหนักยิ่งกว่าเดิมภายใต้ความแข็งแกร่งของชายชราตาบอด!
“พี่ชายซูอี้ ข้าต้องการโคมผีดวงที่สองทางด้านซ้าย ท่านช่วยข้าได้หรือไม่?”
ทันใดนั้น เสียงของชิงหยาดังขึ้นในหัวของซูอี้
เมื่อหันไปมอง ซูอี้เห็นสตรีงามงดผู้นี้มองมาที่เขาอย่างมีความหวัง
ชิงหยายังคงส่งเสียงผ่านกระแสปราณวิญญาณต่อไป “ข้ามีสมบัติชื่อ ‘หยกมังกรล้ำลึก’ อยู่ในมือ ข้ามั่นใจว่าชายชราตาบอดจะตกลงแลกเปลี่ยน แต่กฎของเขาไม่อนุญาตให้สตรีใดเข้าร่วม ดังนั้น…”
“เรื่องเล็กน้อย ส่วน ‘หยกมังกรล้ำลึก’ เจ้าควรเก็บไว้ใช้เอง หากเอามันมาแลกเป็นโคมผี เจ้าจะทำให้ชายชราตาบอดต้องเสียค่าใช้จ่ายอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้”
ซูอี้ตอบตกลงง่ายดายราวกับเป็นเรื่องเล็กน้อย
เขาก้าวไปข้างหน้า ชี้ไปที่โคมผีดวงที่สองทางซ้าย และกล่าวว่า “ข้าจะใช้ความลับหนึ่งแลกกับโคมผีนี้ของเจ้า”
ผู้ฝึกตนทุกคนประหลาดใจ และมองไปที่ซูอี้ แลกเปลี่ยนความลับหนึ่งกับโคมผี? นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้พบกับข้อเสนอแลกเปลี่ยนเช่นนี้
ผู้ฝึกตนอาวุโสผู้หนึ่งพูดด้วยน้ำเสียงดูถูกเหยียดหยาม “หนุ่มน้อย แม้แต่ข้ายังไม่สามารถแลกเปลี่ยนโคมผีด้วยสมบัติที่ข้าเอาออกมาได้ แต่เจ้ากลับกล้าเอ่ยว่าความลับของเจ้ามีค่าเพียงพอกับโคมผีเช่นนั้นหรือ? หากเจ้าไม่มีสมบัติใดที่ล้ำค่าพอก็อย่าได้เล่นตลกทำให้ผู้อื่นเสียเวลาโดยใช่เหตุ!”
คนอื่น ๆ ส่ายหน้า
เฒ่าบอดตะลึงครู่หนึ่งแล้วยิ้มและพูดว่า “เช่นนั้นลองเอ่ยมา ข้าอยากรู้ทราบเช่นกันว่าความลับที่เจ้าจะนำมาแลกกับโคมของข้าผู้นี้คือความลับใด และอย่าได้กังวลไปต่อให้ข้าจะปฏิเสธ ข้าจะไม่ทำให้เจ้าอับอาย หลังจากปฏิเสธข้าจะให้เหตุผลที่เจ้ายอมรับได้แก่ธารกำนัล”
ผู้ฝึกตนทั้งหลายจะไม่รับรู้ถึงความนัยแฝงที่เต็มไปด้วยการดูถูกเหยียดหยามในคำพูดของชายชราตาบอดได้อย่างไร?
ไม่ต้องสงสัยเลย ไม่ว่าความลับของชายหนุ่มตรงหน้าพวกเขาคืออะไร มันคงไม่มีทางถูกยอมรับโดยเฒ่าบอดอย่างแน่นอน
อันที่จริงประโยคคำพูดนี้มันคล้ายกับปฏิเสธการแลกเปลี่ยนโดยอ้อมไปแล้ว
แต่ทว่าซูอี้กลับยิ่งสร้างความประหลาดใจให้กับทุกคน เขาเอ่ยอย่างเรียบเฉยว่า “ข้าเปลี่ยนใจ ข้าต้องแลกเปลี่ยนความลับของข้ากับโคมผีสี่ดวงที่เหลืออยู่ในมือของเจ้า”
หยวนเหิง ชิงหยา และคนอื่น ๆ ต่างตกตะลึงไปครู่หนึ่งเมื่อได้ยินประโยคนี้
“ความลับของเจ้าเพียงพอจะแลกเปลี่ยนกับโคมผีสี่ดวงของชายชราผู้นี้จริงหรือ?”
ชายชราตาบอดดูเหมือนไม่เชื่อ ยังคงนั่งตัวตรงไม่ไหวติง “หนุ่มน้อย หากเจ้ากำลังพยายามปั่นหัวชายชราผู้นี้ ข้าคงต้องขอเตือนเจ้าเอาไว้ว่าข้าอาจจะต้องทำหน้าที่สั่งสอนเจ้าแทนบิดามารดาของเจ้าให้รู้จักความเคารพต่อผู้อาวุโสกว่า”
ซูอี้หัวเราะพลางหยิบแผ่นหยกเปล่าออกมา และส่งกระแสจิตสลักข้อความเอาไว้ภายใน
“หลังจากอ่านความลับนี้แล้วจงอย่าได้ลืมขออภัยต่อตัวข้า ซึ่งตัวข้าจะยอมอภัยให้เจ้า และไม่ติดใจเอาความที่เจ้าล่วงเกินข้าตั้งแต่แรกเริ่ม ไม่เช่นนั้น ผลลัพธ์ที่ตามมาภายหลังเจ้าจะไม่อาจแบกรับไหว”
ซูอี้เอ่ยขึ้นก่อนจะโยนแผ่นหยกไปให้กับชายชราตาบอด
คำพูดของซูอี้เมื่อครู่นี้ถูกได้ยินโดยเหล่าผู้ฝึกตนโดยรอบเช่นกัน ซึ่งมันทำให้พวกเขาเกือบที่จะหลุดหัวเราะ ชายหนุ่มผู้นี้เอ่ยว่าอยากจะใช้ความลับหนึ่งแลกเปลี่ยนกับโคมผีทั้งสี่อย่างน่าหัวร่อ และยังขอให้คนตาบอดชราขออภัยอีกต่างหาก… หากไม่บ้าก็คงโง่เง่ามากที่คิดเรื่องเช่นนี้ได้!
ทางด้านของเฒ่าบอดเริ่มบังเกิดโทสะเช่นกันจนใบหน้าของเขาสั่นอยู่ครู่หนึ่ง
หลังจากนั้นชายชราตาบอด ‘จ้อง’ ซูอี้อย่างชั่วร้ายด้วยดวงตาที่มืดบอดของเขาและเย้ยหยัน “เด็กน้อย! ถ้าความลับของเจ้าไม่สามารถทำให้ข้าคล้อยตามได้ ไม่ใช่แค่เพียงเจ้าต้องเอ่ยคำขอโทษข้า แต่เจ้าต้องคุกเข่าต่อหน้าทุกคนแล้วเรียกข้าว่าท่านปู่!”
ขณะนี้ทุกคนตระหนักได้ว่าแม้ความลับของซูอี้จะยิ่งใหญ่สักเพียงใด แต่ชายชราตาบอดผู้นี้ย่อมปฏิเสธในทันทีอย่างแน่นอน!
จากนั้นพวกเขาก็มองไปที่ซูอี้ด้วยความเวทนา
มีเพียงหยวนเหิง หลิงอวิ๋นเหอ และคนอื่น ๆ ที่รู้จักซูอี้เท่านั้นที่มองไปยังชายชราตาบอด
ชายชราตาบอดพ่นลมหายใจอย่างหงุดหงิดก่อนจะยกแผ่นหยกขึ้นมาเพ่งมอง ในเวลาแรกเขาโกรธและดูถูกเหยียดหยามอย่างถึงที่สุด
แต่เมื่อเขาอ่านข้อความที่อยู่ภายในแผ่นหยกอย่างละเอียด ทั้งร่างของเขาก็สั่นสะท้านราวกับถูกฟ้าผ่า วิญญาณของเขาแทบหลุดออกจากร่าง ตกตะลึงจนกรามค้างอย่างไม่อาจควบคุม!