บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 434 เทพเซียนไม่ควรลดตัวไปลงมือกับมดปลวก
ตอนที่ 434: เทพเซียนไม่ควรลดตัวไปลงมือกับมดปลวก
ตอนที่ 434: เทพเซียนไม่ควรลดตัวไปลงมือกับมดปลวก
อวี๋ซ่างหลินถอนหายใจอย่างเต็มไปด้วยอารมณ์ ซึ่งสีหน้าของหยวนเหิง หลิงอวิ๋นเหอ และคนอื่น ๆ พลันแปลกไปเล็กน้อย
ชายชราคนนี้คิดจริง ๆ หรือว่าแค่เมืองซานอิ่นเป็นอาณาเขตของพรรคมารหยินแล้วเขาจะทำอะไรที่ต้องการก็ได้?
พวกเขาสามารถเห็นการเปลี่ยนแปลงของอวี๋ซ่างหลินได้อย่างชัดเจน ดวงตาของเขาเปล่งประกายด้วยความเย็นชาและต่อต้านออกมา
เขามองไปที่หลิงอวิ๋นเหอและพูดเบา ๆ ว่า “ข้ามาที่นี่ด้วยความจริงใจ และข้าไม่ต้องการที่จะทำให้เป็นเรื่องใหญ่ แต่ถ้าเจ้าคิดทำเช่นนี้ ข้าเกรงว่าจะไม่มีพวกเจ้าคนใดรอดออกไปจากเมืองซานอิ่นอย่างมีชีวิตอยู่ได้ สหายเต๋า เจ้าแน่ใจรึว่าจะให้โลหิตไหลนองดุจแม่น้ำอยู่ที่นี่เพื่อสมบัติของรุ่นเยาว์?”
หลิงอวิ๋นเหอมองไปที่ซูอี้โดยไม่รู้ตัว แต่ก็ต้องตกตะลึงเมื่อพบว่าในเวลานี้ซูอี้ได้หยิบเก้าอี้หวายออกมา และนั่งลงอย่างเกียจคร้าน ก่อนหลับตาลงเล็กน้อยราวกับคิดงีบหลับ
อวี๋ซ่างหลินเองก็ตกตะลึง เขาแทบไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง เจ้าเด็กนี่… ไม่เข้าใจคำพูดของเขาหรือแค่ไม่สนใจกัน?
ในฐานะมหาปราชญ์สวรรค์ที่อยู่ในขอบเขตรวบรวมดารา อวี๋ซ่างหลินเคยได้เห็นผู้คนที่หยิ่งผยองหลายคนที่มีดวงตาชี้ฟ้า แต่เขาไม่เคยเห็นใครที่จะหยิ่งผยองเท่าชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้ามาก่อน
ต่อหน้าศัตรูกลับกล้านั่งเก้าอี้หวายตามลำพัง ท่าทีเช่นนี้… เย่อหยิ่งจนถึงขั้นไร้เหตุผล!
หยวนเหิงและไป๋เวิ่นฉิงต่างก็มีสีหน้าประหลาดพิกล
ส่วนชิงหยาก็หัวเราะ นางเพียงรู้สึกว่าการกระทำของซูอี้ในขณะนี้ไม่อาจห้าวหาญได้มากกว่านี้อีกแล้ว!
ท่ามกลางบรรยากาศที่จืดชืด อวี๋ซ่างหลินรู้สึกคล้ายความภาคภูมิใจในตนเองของเขาถูกยั่วยุและเหยียบย่ำ ซึ่งมันก็ทำให้สีหน้าของเขามืดมนอย่างยิ่ง
“ดี! ดีมาก!”
ดวงตาของอวี๋ซ่างหลินเย็นชา ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยจิตสังหาร “ข้าไม่เคยพบผู้ใดที่โง่เขลาเช่นเจ้า! ถ้าไม่ใช่วันนี้…”
เขาพูดไม่ทันจบ ซูอี้ที่อยู่บนเก้าอี้หวายก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย
เฒ่าบอดพลันยิ้มออกมาและกล่าวว่า “เทพเซียนไม่ควรลดตัวไปลงมือกับมดปลวก เฉกเช่นดาบของแม่ทัพที่ไม่ได้มีไว้สังหารแมลงวัน”
เฒ่าบอดประสานมือพร้อมกับยิ้ม ๆ แล้วจึงเอ่ยด้วยความเคารพว่า “คุณชายโปรดอนุญาตให้ชายชราผู้นี้ลงมือส่งเจ้าตัวตลกนี่ไปตามทางด้วยเถิด”
ซูอี้ขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาพยักหน้าก่อนเอ่ย “ได้”
ก่อนหน้านี้ เฒ่าบอดยืนอยู่ข้างหลังซูอี้โดยก้มหน้าลงและก้มมือไม้อย่างให้เกียรติในฐานะผู้รับใช้ อวี๋ซ่างหลินจึงไม่ได้นึกสนใจ
แต่เมื่อเขามองไปที่เฒ่าบอดในเวลานี้ อวี๋ซ่างหลินคล้ายจะตระหนักถึงบางสิ่ง สีหน้าของเขาพลันเปลี่ยนไป ก่อนถามด้วยความประหลาดใจว่า “ท่านคือเฒ่าบอดแห่งเมืองผีเสี่ยวเฟิงตูใช่หรือไม่?”
เฒ่าบอดเอ่ยเสียงแหบ “ในเมื่อเจ้าจำข้าได้ ข้าจะให้โอกาสเจ้า บอกมาว่าเจ้าต้องการตายอย่างไร?”
แผ่นหลังของอวี๋ซ่างหลินหลั่งเหงื่อเย็นออกมา สีหน้าของเขาเปลี่ยนไป จิตสังหารและโทสะในใจหายวับไป ขนทั่วร่างพลันลุกพรึบ!
ในฐานะผู้อาวุโสของพรรคมารหยินแห่งเมืองซานอิ่น อวี๋ซ่างหลินจะไม่ทราบถึงความลึกลับและความน่ากลัวของเฒ่าบอดในเมืองผีได้อย่างไร?
แม้แต่หัวหน้าของพรรคมารหยินก็บอกเขาซ้ำแล้วซ้ำอีกว่าอย่าได้ยุ่งเกี่ยวทุกเรื่องซึ่งเกี่ยวข้องกับเฒ่าบอด!
แต่ตอนนี้เฒ่าบอดกลับรับคำสั่งจากชายหนุ่มที่อวดดีเสมือนคนรับใช้!!
สิ่งนี้ทำให้อวี๋ซ่างหลินตระหนักได้ในทันใดว่ามีบางอย่างผิดปกติ
ไม่น่าแปลกใจเลยที่ชายหนุ่มคนนี้ไร้ความหวาดกลัว ที่แท้เขาก็ได้รับการหนุนหลังจากเฒ่าบอด!
อวี๋ซ่างหลินสูดหายใจเข้าลึก พยายามต่อต้านความไม่สบายใจแล้วเอ่ยเบา ๆ “ผู้อาวุโส ข้าคิดว่านี่เป็นเรื่องเข้าใจผิด…”
ผัวะ!
ก่อนที่เขาจะพูดจบ เฒ่าบอดก็ยกมือขึ้นตบอวี๋ซ่างหลิน
เพียงแค่ตบ ยอดฝีมือขอบเขตรวบรวมดาราของพรรคมารหยินก็ร่างกระแทกลงกับพื้นดุจแมลงวัน พื้นพังทลายและแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ ฝุ่นควันตลบคลุ้งเต็มอากาศ
เมื่อมองไปที่อวี๋ซ่างหลินอีกครั้ง จมูกของเขาม่วงช้ำ ใบหน้าบวมฉึ่ง และเส้นผมยุ่งเหยิง
เฮือก!
หยวนเหิง หลิงอวิ๋นเหอ และคนอื่น ๆ ต่างอ้าปากค้าง ใครจะคาดคิดว่าต่อหน้าชายชราตาบอดแล้ว ตัวตนในขอบเขตรวบรวมดาราจะไม่อาจต้านทานได้เลย?
“ข้าให้เจ้าเลือกวิธีการตาย ไม่ใช่ให้เจ้าแก้ตัว”
เฒ่าบอดส่งเสียงแหบแห้ง
อวี๋ซ่างหลินกล่าวด้วยความหวาดกลัว “ผู้อาวุโส ข้ามาจากพรรคมารหยิน และข้ากำลังปฏิบัติตามคำสั่งของบุตรสวรรค์เนี่ยเฟิง ท่าน…”
กร็อบ!
ก่อนที่เขาจะพูดจบ คอของอวี๋ซ่างหลินก็ถูกเท้าของเฒ่าบอดทุบจนตาย และจิตวิญญาณของอีกฝ่ายก็ถูกทุบและระเบิดด้วยเท้านี้
“ตัวตนเยี่ยงมดปลวก ยังกล้ากระโดดโลดต้นกรีดร้องวุ่นวาย ช่างไม่รู้จักตาย”
ชายชราตาบอดถ่มน้ำลายด้วยใบหน้าดูถูกเหยียดหยาม
หยวนเหิง และหลิงอวิ๋นเหอต่างตกใจ เฒ่าบอดลงมือรวดเร็วเกินไป เขาสังหารตัวตนขอบเขตรวบรวมดวงดาวลงตามอำเภอใจดุจเหยียบย่ำมดปลวก!
“คุณชาย ทำไมไม่ให้ชายชราผู้นี้ฆ่ามดปลวกพวกนั้นทั้งหมดเล่า?”
เฒ่าบอดหันกลับมาพูดด้วยความเคารพและประจบ
ปัง!
ในเวลานี้ ประตูลานบ้านถูกผลักเปิดจากด้านนอก
ผู้ฝึกตนพรรคมารหยินที่รออยู่ข้างนอกได้ยินการเคลื่อนไหวจึงรีบเข้าไปอย่างก้าวร้าว
“พี่อวี๋!!”
ใครบางคนอุทานขึ้น
“นี่…”
“พวกเจ้าบังอาจนัก กล้าดีอย่างไรมาสังหารผู้คนจากพรรคมารหยินของข้า!”
เหล่าผู้ฝึกตนทุกคนต่างเห็นศพของอวี๋ซ่างหลินที่นอนอยู่บนพื้น ซึ่งมันก็ทำให้สีหน้าของพวกเขาเปลี่ยนไปอย่างมาก ทั้งตกใจและโกรธจัด
“มาตายกันอีกกลุ่มแล้ว”
หยวนเหิง หลิงอวิ๋นเหอ และพวกต่างมีสีหน้าประหลาด พวกเขามองไปที่ผู้ฝึกตนจากพรรคมารหยินด้วยความสงสาร
เฒ่าบอดไม่หันไปมอง เพียงยิ้มพลางประสานมือคารวะซูอี้ “คุณชาย ชายชราคิดว่าเป็นการดีกว่าที่จะบดขยี้พรรคมารหยินนี่ทิ้ง เพื่อไม่ให้แมลงวันเหล่านั้นมารบกวนท่านในภายหลัง”
บนเก้าอี้หวาย ซูอี้พูดขึ้นช้า ๆ ว่า “นี่มันโหดร้ายเกินไป ทุกหนี้ล้วนมีเจ้าของ เนื่องจากเรื่องนี้เกิดจากผู้ฝึกตนนามบุตรสวรรค์เนี่ยเฟิง เช่นนั้นก็ควรให้เขาเป็นคนรับผลที่ตามมา”
เฒ่าบอดแสดงท่าท่างนับถือ ก่อนกล่าวชื่นชม “คุณชายรู้ว่าสิ่งใดควรทำสิ่งใดมิควร ช่างสมชายชาตรียิ่งนัก ชายชราผู้นี้เทียบไม่ได้เลย”
ทุกคน “…”
นี่ใช้โอกาสตบก้นม้าได้ด้วยเหรอ?
ซูอี้ตกใจครู่หนึ่ง ในฐานะที่นับเป็นคนกลุ่มเดียวกับผีเฒ่าแบกโลง เฒ่าบอดผู้นี้ความสามารถอื่นไม่ค่อยเห็นนัก แต่ความสามารถในการประจบสอพลอไร้ผู้เทียบเทียม
“อะไรกัน… เป็นเขาไปได้อย่างไร!?”
ทันใดนั้นเสียงกรีดร้องอย่างสยดสยองก็ดังขึ้น
มองไปในหมู่ผู้ฝึกตนจากพรรคมารหยินก็เห็นหญิงสาวงดงามในชุดกระโปรงยืนอยู่ข้างหลังฝูงชน กำลังจ้องมองไปที่ซูอี้บนเก้าอี้หวายด้วยความหวาดผวา สีหน้าของนางเต็มไปด้วยความหวาดกลัว และร่างกายของนางก็สั่นสะท้าน
ผู้อาวุโสใหญ่แห่งตำหนักดาบเฟยหลิง เลี่ยนเหลิ่งเยว่!
หยวนเหิงและหลิงอวิ๋นเหอจดจำนางได้ทันที ทว่าพวกเขางุนงง เห็นได้ชัดว่าสตรีนางนี้เป็นผู้อาวุโสของตำหนักดาบเฟยหลิง เหตุใดจึงมาปะปนกับกลุ่มพรรคมารหยินได้?
“ผู้อาวุโสเลี่ยน เกิดอะไรขึ้นกับเจ้า?”
ผู้ฝึกตนของพรรคมารหยินต่างตกใจเช่นกัน สีหน้าของพวกเขางงงวย
เลี่ยนเหลิ่งเยว่เมินพวกเขาไป ก่อนคุกเข่าลงบนพื้นแล้วพูดอย่างสั่นเทา “นายท่าน ยกโทษให้ข้าด้วย ข้าไม่รู้ว่าเป็นท่าน หวังว่าท่านจะยกโทษให้ข้า!”
ผู้ชมเงียบงัน
เมื่อเห็นเช่นนี้ ผู้ฝึกตนของพรรคมารหยินพลันมีลางสังหรณ์ที่ไม่ดี
“เจ้ายังเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของบุตรสวรรค์เนี่ยเฟิงด้วยหรือ?”
ซูอี้ประหลาดใจเล็กน้อย
เลี่ยนเหลิ่งเยว่พูดอย่างตะกุกตะกัก “รายงานนายท่าน เดิมข้าเป็นผู้ฝึกตนจากพรรคมารหยิน เมื่อไม่กี่ปีก่อนได้เข้าร่วมตำหนักดาบเฟยหลิงและดำรงหน้าที่เป็นผู้อาวุโสเจ้าค่ะ”
“ผู้อาวุโสเลี่ยน ท่านคุกเข่าให้ศัตรูได้อย่างไรกัน? บ้าไปแล้วรึ!?”
ผู้ฝึกตนจากพรรคมารหยินเหล่านั้นโกรธจัด
“ทุกคน นี่คือนายท่านซู ซูอี้!”
ทันทีที่เลี่ยนเหลิ่งเยว่กล่าวคำเหล่านี้ ผู้ฝึกตนของพรรคมารหยินก็ตกตะลึงราวกับว่าพวกเขาถูกฟ้าผ่า
ตอนที่มีคำสั่งลงมา
พวกเขาได้ทราบจากเลี่ยนเหลิ่งเยว่ว่าซูอี้ได้สังหารฉี่ฉงจื่อและคนอื่น ๆ ลงในหุบเขาหานกู่
ในเวลานั้นบุตรสวรรค์เนี่ยเฟิงยังสรุปว่าซูอี้น่าจะเป็นสัตว์ประหลาดที่รอดชีวิตจากยุคโบราณเช่นเขา!
ใครจะคิดว่าคนที่พวกเขามาพบในครั้งนี้ก็คือคน ๆ นี้กัน?
ทันใดนั้น ผู้ฝึกฝนของพรรคมารหยินก็เข่าอ่อนและหัวใจจมลงสู่ก้นบ่อ ในที่สุดพวกเขาก็เข้าใจว่าเหตุใดเลี่ยนเหลิ่งเยว่ถึงได้ตกใจและหวาดหวั่นเช่นนั้น
เพราะนางอยู่ในหุบเขาหานกู่ ณ ตอนนั้น ซึ่งนางเพิ่งเอาชีวิตรอดมาจากเงื้อมมือของซูอี้!
เมื่อเห็นการเปลี่ยนแปลงบนสีหน้าของผู้ฝึกตนพรรคมารหยินเหล่านี้ หยวนเหิงและหลิงอวิ๋นเหอต่างนึกสนใจยิ่ง ยามเข้ามาพวกเขาต่างก้าวร้าวอวดดี แต่ตอนนี้พวกเขาล้วนแต่ตื่นตระหนก
ความแตกต่างนี้ชัดเจนเกินไป
ซูอี้รู้สึกผิดหวังเล็กน้อย
ผู้ฝึกตนของพรรคมารหยินยอมแพ้กันเร็วเกินไปจนเขาหมดความสนใจ
เขาโบกมือและพูดว่า “ไปเสียเถิด”
“ขอบคุณนายท่านที่ละเว้นชีวิต!” เลี่ยนเหลิ่งเยว่ผงกศีรษะอย่างตื่นเต้น
คนอื่น ๆ ก็ค่อนข้างแปลกใจ ชายผู้นี้ปล่อยพวกเขาไปเฉย ๆ อย่างนั้นรึ?
จนกระทั่งพวกเขาหันหลังกลับ ก้าวจากไปอย่างลังเล และเดินออกจากลานบ้าน เมื่อพวกเขาพบว่าซูอี้และคนอื่นๆ ไม่มีแผนที่จะลงมือ ทุกคนก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
ณ เมืองซานอิ่น
ภายในตำหนักที่งดงามตระการตา
ชายหนุ่มชุดแดงคำนวณเวลาขณะดื่มสุรา
หลังจากนั้นไม่นาน เขาจะออกจากเมืองซานอิ่น และไปที่ ‘เมืองหลิงชวี’ ในแคว้นเทียนหนาน
เขาได้รับข่าวว่าอีกไม่กี่วัน ในเมืองหลิงชวีจะมีการประมูลครั้งใหญ่อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
ในการประมูลจะมี ‘โบราณวัตถุ’ มากมายที่หลงเหลือจากเมื่อสามหมื่นปีที่แล้ว!
“นายน้อย ไม่ดีแล้ว!”
ทันใดนั้นก็มีเสียงเร่งรีบดังขึ้น ผู้ฝึกตนจากพรรคมารหยินที่กลับมา ทุกคนดูตื่นตระหนก กระวนกระวาย และหวาดกลัว
ชายหนุ่มชุดสีแดงขมวดคิ้ว ก่อนจะวางไหสุราในมือลง แล้วพูดว่า “เกิดอะไรขึ้น”
“เรา… พวกเราพบกับซูอี้เจ้าค่ะ!” เลี่ยนเหลิ่งเยว่สูดหายใจเข้าลึกแล้วรีบรายงาน โดยเล่าเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้
ชายหนุ่มชุดแดงฟัง ก่อนแววตาของเขาจะวูบไหว
หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็ยิ้มและพูดว่า “น่าสนใจ ปรากฏว่าที่แท้เจ้าของร่างวิญญาณนั่นที่ข้ารู้สึกก่อนหน้านี้คือซูอี้…”
“คุณชาย พวกเรา… เราควรทำอย่างไรดีขอรับ? ”
มีคนอดถามขึ้นไม่ได้
ชายหนุ่มชุดสีแดงกวาดตาขณะพูดว่า “ในเมื่อเขาสังหารผู้อาวุโสอวี๋ซ่างหลินลง เหตุใดเขาจึงยอมปล่อยให้พวกเจ้ากลับมา?”
“นี่…”
ทุกคนต่างพูดไม่ออก พวกเขาเองก็ไม่คาดคิดว่าซูอี้จะปล่อยพวกเขามาอย่างง่ายดาย แต่จะรู้เหตุผลได้อย่างไร?
“ข้าเข้าใจแล้ว!”
ชายหนุ่มชุดแดงนึกบางอย่างขึ้นได้ และดวงตาของเขาก็มองออกไปนอกห้องโถงในทันใด
แทบจะในเวลาเดียวกัน ห่างจากห้องโถงใหญ่ออกไป ที่มุมหนึ่งได้มีร่างสูงแกร่งปรากฏตัวขึ้นอย่างเงียบ ๆ ชายเสื้อคลุมสีเขียวดุจหยกโผล่ออกมาจากผงธุลีด้วยท่าทางเฉยเมย
ข้างหลังเขา ติดตามมาด้วยชายชราชุดซอมซ่อดูสกปรก
เป็นซูอี้และเฒ่าบอด
เมื่อพวกเขาเห็นฉากนี้ สีหน้าของเลี่ยนเหลิ่งเยว่และคนอื่น ๆ ก็เปลี่ยนไป พวกเขาเข้าใจในทันใดว่าเหตุผลที่ซูอี้ปล่อยพวกเขามาอย่างง่ายดาย เพื่อลอบติดตามพวกเขามาแก้แค้น!
“เจ้าคือบุตรสวรรค์เนี่ยเฟิง?”
ซูอี้ไขว้มือไว้ข้างหลัง ดวงตาของเขาดูไม่แยแส ขณะมองไปที่ชายหนุ่มชุดแดงในห้องโถงจากไกล ๆ
“ใช่”
ในเวลานี้ ชายหนุ่มชุดสีแดงดูสงบมาก เขายิ้มเล็กน้อยพลางเดินออกจากตำหนักแล้วพูดอย่างเต็มไปด้วยอารมณ์ว่า “ข้าไม่นึกเลยว่าก่อนที่ข้าจะออกจากเมืองซานอิ่น ข้าจะได้พบกับสหายเต๋า นี่อาจเป็น… โชคชะตา?”