บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 435 จังหวะวิถีแห่งสายลม
ตอนที่ 435: จังหวะวิถีแห่งสายลม
ตอนที่ 435: จังหวะวิถีแห่งสายลม
ร่างของบุตรสวรรค์เนี่ยเฟิงนั้นสูงตระหง่านราวกับต้นสน ซึ่งเมื่อก้าวออกมาจากตำหนัก ตัวเขาผู้นั้นก็ยิ่งดูใหญ่ยิ่งราวกับสามารถกลืนภูเขาและแม่น้ำได้
ห่างออกมา เฒ่าบอดดูเหมือนจะสังเกตเห็นบางอย่าง จึงเงยหน้าขึ้นเล็กน้อยและกล่าวว่า “คุณชาย มีบางอย่างแปลก ๆ เกี่ยวกับชายหนุ่มคนนี้”
ซูอี้พูดเบา ๆ “เจ้ารู้สึกว่าอายุของเขาไม่ถูกต้อง? หรือฐานการฝึกฝนไม่ถูกต้องรึ?”
เฒ่าบอดชราพยักหน้า “เป็นเช่นนั้นขอรับ”
“เป็นเรื่องปกติ การผนึกพลังชีวิตและการบ่มเพาะด้วยทักษะลับเพียงพอแล้วที่จะปล่อยให้รอดชีวิตเป็นเวลาเนิ่นนานไม่รู้จบ จนกว่าผนึกจะถูกคลาย จึงจะตื่นจากความเงียบงันได้”
ซูอี้พูดอย่างไม่แยแส “ทว่าทักษะลับเช่นนี้มักถูกใช้โดยผู้ฝึกตนในขอบเขตจักรพรรดิ และการใช้วิชาดังกล่าวไม่เพียงแต่ผลาญวัตถุศักดิ์สิทธิ์จำนวนมากเท่านั้น แต่ผู้ร่ายเองก็ต้องจ่ายด้วยราคาส่วนหนึ่งด้วย”
“สหายเต๋าช่างมีสายตากว้างไกล!”
ไกลออกไปบุตรสวรรค์เนี่ยเฟิงถูฝ่ามือของเขาขณะเอ่ยชม “ก่อนหน้านี้ข้ายังสงสัยว่าเจ้าเหมือนข้า ต่างเป็นตัวตนที่รอดชีวิตจากพลังของการจองจำแห่งยุคมืดเมื่อสามหมื่นปีก่อน และตอนนี้ก็ดูเหมือนว่าจะเป็นเช่นนั้นจริง ๆ”
เฒ่าบอดอดยิ้มไม่ได้ ก่อนจะกล่าวอย่างดูถูก “เจ้าหนูน้อย สายตาของเจ้าแย่ยิ่งกว่าเฒ่าบอดเช่นข้าอีก เจ้าน่าจะถูกเรียกว่าคนตาบอดแทนนะ”
ช่างเป็นเรื่องตลกเสียนี่กระไร หากซูอี้เป็นผู้รอดชีวิตจากความเงียบสงัดหลายปีไม่รู้จบ ด้วยพลังของโคมไฟผี เขาย่อมสามารถสัมผัสได้ทันที!
“ไม่ใช่หรือ?”
บุตรสวรรค์เนี่ยเฟิงเลิกคิ้วราวกับประหลาดใจ
ชายหนุ่มส่ายหัวทันทีและพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ตอนนี้ไม่สำคัญอีกแล้ว”
“สำหรับคนที่กำลังจะตาย สิ่งเหล่านี้ไม่สำคัญจริง ๆ”
ซูอี้เอ่ยพลางสาวเท้าไปข้างหน้า
ดวงตาของบุตรสวรรค์เนี่ยเฟิงเปล่งประกายแสงสีม่วงขณะจ้องมองไปยังซูอี้ที่กำลังใกล้เข้ามา “เจ้าต้องการลงมือรึ? ก็ดี ข้าเองก็อยากเห็นว่าเจ้าแข็งแกร่งแค่ไหนกัน!”
ขณะที่พูด แขนเสื้อของเขาโป่งพองขึ้นมา ก่อนจะพลันเงื้อมือขึ้นฟาดตบไปยังอากาศ
ในอากาศ เงาร่างฝ่ามือสีม่วงที่มีพลังของจังหวะวิถีพลุ่งพล่านได้ก่อตัวขึ้นและเข้าปกคลุมท้องฟ้าพุ่งไปทางซูอี้
ตูม!
แสงวิถีสั่นสะท้านและอากาศก็ปั่นป่วน
มันเป็นเพียงฝ่ามือหนึ่ง แต่คล้ายสวรรค์ถล่มใส่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งพลังเช่นนั้นสามารถคุกคามกระทั่งชีวิตของผู้คนในขอบเขตรวบรวมดาราได้
ซึ่งต้องรู้ก่อนว่าฐานการฝึกฝนของบุตรสวรรค์เนี่ยเฟิงอยู่ที่ขอบเขตเปิดทวารเท่านั้น!
“สมเป็นบุตรสวรรค์เนี่ยเฟิง!”
เลี่ยนเหลิ่งเยว่และผู้ฝึกฝนจากพรรคมารหยินคนอื่น ๆ มองดูจากไกล ๆ ด้วยความรู้สึกประหลาดใจ
ตูม!
เมื่อรอยฝ่ามือสีม่วงฟาดลงมา ซูอี้ไม่แม้กระทั่งเหลือบมอง ด้วยการตวัดฝ่ามือหนึ่งหน ดุจมีดตัดลงบนเต้าหู้ รอยฝ่ามือสีม่วงพลันแยกออกเป็นสองส่วนและระเบิดกลางอากาศ
“นี่…”
เลี่ยนเหลิ่งเยว่ และคนอื่น ๆ หรี่ตาลง
เฒ่าบอดถอนหายใจพลางชมเชย “ช่างเป็นฝ่ามือมีดที่ยอดเยี่ยมอะไรอย่างนี้! ดูเหมือนเรียบง่าย หากแต่มีพลังไร้เทียมทาน ช่างน่าทึ่ง น่าทึ่งยิ่งนัก!”
นี่ไม่ใช่คำประจบ ก่อนนี้แม้ชายชราตาบอดจะเดาว่าซูอี้กับ ‘คนทวงหนี้’ มีความเกี่ยวข้องกัน แต่เขาก็ยังไม่เคยเห็นซูอี้ลงมือสักครา
ยิ่งกว่านั้นซูอี้ยังอยู่เพียงขอบเขตไร้เบญจธัญเท่านั้น ทำให้ยากที่เฒ่าบอดจะปฏิบัติต่อซูอี้ในฐานะยอดฝีมือ
แต่ตอนนี้ เมื่อ ‘เห็น’ การโจมตีของซูอี้ ในที่สุดเฒ่าบอดก็ตระหนักได้ว่า เมื่อเทียบกับผู้ฝึกฝนวิถีต้นกำเนิดในโลกนี้ ธาตุวิถีและพลังของซูอี้สามารถอธิบายได้เพียงว่าสัตว์ประหลาดเฒ่า!
“น่าสนใจ”
นัยน์ตาของบุตรสวรรค์เนี่ยเฟิงเป็นประกาย ร่างของเขาลอยอยู่ในอากาศ ก่อนจะลงมืออีกครั้งโดยไม่ลังเล
ตูม!
เขาพลิกฝ่ามือฟาดออกไปข้างหน้า ปราณสีม่วงพลันปรากฏขึ้นในอากาศ แสงสว่างไหลวน ท่ามเสียงคำรามกึกก้อง ภาพมายาของภูเขาและแม่น้ำกวาดไปทั่วท้องฟ้า เข้ากดข่มซูอี้อย่างไร้ความปรานี
ราวกับเทพเซียนที่เคลื่อนย้ายภูเขาและแม่น้ำแล้วโยนพวกมันเข้ามาในโลก!
ต้องบอกว่าบุตรสวรรค์เนี่ยเฟิงผู้นี้แข็งแกร่งมากจริง ๆ เหนือยิ่งกว่าผู้ฝึกตนในขอบเขตเดียวกัน และยังทำให้ผู้คนในขอบเขตรวบรวมดาราต้องก้มศีรษะลงอีกด้วย!
แต่ในสายตาของซูอี้ ธาตุวิถีของคนผู้นี้มากสุดก็แค่คล้ายคลึงกับ ‘กู่ชางหนิง’ เท่านั้น!
เห็นเช่นนั้นแล้วซูอี้ก็ไม่แม้แต่จะมอง เขาตวัดฝ่ามืออีกครั้ง
ฉัวะ!
ภาพมายาของภูเขาสูงตระหง่านและแม่น้ำที่ไหลลงมาจากท้องฟ้าเป็นเสมือนฟองสบู่ที่ถูกฉีกออกเป็นชิ้น ๆ
ท่ามกลางแสงที่กระจัดกระจาย ทันใดนั้นร่างของซูอี้ก็ปรากฏขึ้นที่ด้านหน้าของบุตรสวรรค์เนี่ยเฟิงจากในอากาศ และตบออกไปด้วยฝ่ามือที่แผ่วเบา
นี่ดูเหมือนจะเป็นฝ่ามือที่แผ่วเบา หากความจริง กระทั่งผู้ฝึกตนขอบเขตรวบรวมดาราก็ต้องถูกตบจนกลายเป็นก้อนโคลน
ฟึบ!
โดยไม่คาดคิด ร่างของบุตรสวรรค์เนี่ยเฟิงหายไปในอากาศราวกับว่าได้ระเหยไปจากโลก ทำให้ฝ่ามือของซูอี้พลาดเป้าไป
“คนเล่า?”
ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นตกใจและมองไปรอบ ๆ ทว่าแม้จะมีจิตสัมผัส พวกเขาก็ไม่สามารถจับรัศมีของบุตรสวรรค์เนี่ยเฟิงได้เลย
“ช่างเป็นทักษะการหลบหนีและซ่อนเร้นที่แข็งแกร่งจริง ๆ!”
สีหน้าของเฒ่าบอดเปลี่ยนไปเล็กน้อย เพราะในขณะนี้ แม้แต่เขาเองก็ยังไม่รู้สึกถึงร่องรอยของบุตรสวรรค์เนี่ยเฟิงเช่นกัน!
ไม่ต้องสงสัยว่าฉากที่แปลกประหลาดนี้น่าขนลุกเพียงใด
ฉัวะ!
ทันใดนั้น พลันมีสายลมกระโชกแรงดังขึ้นในอากาศข้างกายซูอี้
ที่รวดเร็วกว่าเสียงลมก็คือปลายหอกสีม่วงโปร่งใสซึ่งเกือบแทงเข้าที่หลังของซูอี้
หากเปลี่ยนผู้ฝึกฝนคนอื่น เมื่อเผชิญกับการโจมตีนี้เกรงว่าคงไม่ทันจะไหวตัว ยากจะต้านรับ
แต่คล้ายซูอี้จะมีตางอกเงยอยู่ข้างหลัง ร่างของเขาขยับเท้าไปข้างหนึ่ง และนิ้วชี้ขวาก็พลันชี้ไปยังความว่างเปล่าเบื้องหน้า
เปรี้ยง!!
ราวกับถูกฟ้าผ่า ปลายหอกสีม่วงส่งเสียงสั่นสะท้านอย่างรุนแรง เกิดประกายไฟบินว่อนไปทุกที่
ไม่ไกลนักในอากาศ ร่างของบุตรสวรรค์เนี่ยเฟิงเดินโซเซออกมา โดยบนใบหน้าที่หล่อเหลาของเขาปรากฏความเคร่งขรึมขึ้น
ทุกคนตกใจเมื่อเห็นเช่นนี้
เห็นกันอยู่ว่าทักษะการซ่อนตัวของบุตรสวรรค์เนี่ยเฟิงแปลกประหลาดและทรงพลังเพียงใด ผู้ใดจะคิดว่ามันจะถูกสกัดลงเช่นนี้?
“หลอกล่อให้ศัตรูลงมือก่อนโต้กลับ วิเศษมาก!”
เฒ่าบอดปรบมือเข้าหากันพร้อมร้องชมเชย
สีหน้าบุตรสวรรค์เนี่ยเฟิงดูไม่ดีนัก หอกยาวของเขาเปล่งประกายด้วยปราณสีม่วง และความคมของมันทะลวงได้แม้แต่ท้องฟ้า เห็นได้ชัดว่าเป็นสุดยอดศาสตรา!
แต่เมื่อเผชิญหน้ากับซูอี้ เขากลับดังเจอกับศัตรูตัวฉกาจ!!
“ข้ายังคิดว่าเจ้ามีทักษะที่ยอดเยี่ยมเพียงใด ที่แท้ก็ไม่มีอะไรมากไปกว่าการเรียนรู้ทักษะซ่อนตัวที่เกี่ยวข้องกับจังหวะวิถีของสายลม”
มันมีร่องรอยของการดูถูกปรากฏบนริมฝีปากของซูอี้ ก่อนเขาจะฟาดฝ่ามือออกไป
ฟึ่บ!
ร่างของบุตรสวรรค์เนี่ยเฟิงหายไปอีกครั้ง
ซูอี้เลิกคิ้วเล็กน้อย จังหวะวิถีของสายลมนั้นพิเศษมาก เพราะสายลมนั้นมองไม่เห็น เมื่อใช้เป็นทักษะซ่อนตัว มันจะเป็นดังสายลมที่ล่องลอยอย่างอิสระท่ามกลางฟ้าดิน ตราบใดมีอากาศไหลเวียน สายลมก็จะปรากฏได้ทุกที่ ดังนั้นจิตสัมผัสของผู้ฝึกตนทั่วไปจึงไม่อาจรับรู้ถึงร่างของอีกฝ่ายได้เลย
อย่างไรก็ตาม นี่ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับซูอี้ ในมือของเขามีหลายวิธีที่จะบีบให้อีกฝ่ายแสดงตัวออกมา
ทว่า เขาไม่ได้ทำ
หากทำเช่นนั้น มีโอกาสอย่างยิ่งที่อีกฝ่ายจะสังเกตเห็นความผิดปกติและฉวยโอกาสหลบหนีไป
หากคนที่ควบคุมจังวิถีแห่งลมต้องการหลบหนี การจะรั้งตัวไว้ไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ เลย
ชี่! ชี่! ชี่!
ทันใดนั้น ก็มีเสียงลมดังมาจากทุกทิศทางที่ซูอี้ยืน
“ตายซะ!” เสียงโห่ร้องดังก้อง
แทบจะในเวลาเดียวกัน ภายใต้การจ้องมองอย่างตกใจของทุกคน หอกสีม่วงนับร้อยพลันปรากฏขึ้นราวกับพายุฝน และเสมือนฝูงอุกกาบาตสีม่วงที่เข้าปกคลุมท้องฟ้า ปล่อยพลังสังหารอันน่าสะพรึงโถมเข้าใส่อากาศจุดที่ซูอี้ยืนอยู่
ไม่ต้องสงสัยเลยว่านี่คือไพ่ตายของบุตรสวรรค์เนี่ยเฟิง!
แต่ในเวลานี้ ซูอี้ยิ้มและพูดว่า
“ข้าจับเจ้าได้แล้ว”
ตูม!
ร่างสูงของเขาพลันร่อนลง ก่อนหอกสีม่วงมากมายจะระเบิดขึ้นในท้องฟ้า และร่วงหล่นสลายไปราวกับสายฝนโปรย!
แทบจะในเวลาเดียวกัน ซูอี้ได้พุ่งขึ้นไปในอากาศ ซึ่งฝ่ามือที่เสมือนดาบของเขาพลันฟันออกไป
ปราณดาบสีใสวาดไปทั่วท้องฟ้า กลายเป็นปราณดาบขนาดเล็กจำนวนนับไม่ถ้วนราวกับปลาน้อยแหวกว่ายเข้ากลืนกินความว่างเปล่า
ข้ามีดาบเล่มหนึ่งก้าวย่างไปทั่วสิบทิศ จากสุดเหนือฟ้าครามยันแดนน้ำพุเหลือง!
เพลงดาบสุดปรีดี… ทัศนาสิบทิศ!
ในความว่างเปล่าปรากฏรอยดาบแทงพรุนดังรังแตน แน่นขนัดราวกับไม่มีที่สิ้นสุด
ตูม ๆ!
เสียงระเบิดดังสนั่นดังขึ้น ซึ่งในความว่างเปล่า เงาของปืนนั้นหนักหน่วง ต่อต้านปราณดาบที่มาจากฟากฟ้าอย่างต่อเนื่อง
และร่างของบุตรสวรรค์เนี่ยเฟิงก็ถูกบีบต้อนให้ออกมาเช่นกัน
ยามนี้ราวกับว่าเขากำลังเผชิญหน้ากับพายุรุนแรงจากทั่วสารทิศ ปราณดาบพุ่งเข้าฟันยังหัวจรดเท้า แสงเย็นอันดุร้ายทิ่มแทงผู้คนจนถึงจุดที่ไม่อาจลืมตา
ทว่าบุตรสวรรค์เนี่ยเฟิงไม่ใช่ผู้ฝึกตนทั่วไป ในการเผชิญกับการสังหารเช่นนี้ หอกสีม่วงกวัดแกว่งจนแม้แต่น้ำก็ไม่อาจซึมเข้า และไม่ได้รับบาดเจ็บใด ๆ
แต่ก่อนที่เขาจะจัดการกับการโจมตีนี้ ซูอี้ก็ได้ฟันขึ้นไปในอากาศ ฝ่ามือของชายหนุ่มเสมือนดาบฟันตรงเข้าหาตัวเนี่ยเฟิง
เพลงดาบสุดปรีดี… ตัดสมุทรผ่าขุนเขา!
ปราณดาบอันน่าสะพรึงกลัวดุจทะลวงสวรรค์ได้ปกคลุมโลกไว้คล้ายดังจะกวาดล้างจักรวาลให้สิ้น ซึ่งมันทรงพลังจนทำให้ผู้คนที่มองดูจากไกล ๆ ทั้งหวาดกลัวและสิ้นหวัง
“ไม่ดีแล้ว!”
สีหน้าบุตรสวรรค์เนี่ยเฟิงเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง แต่เมื่อคิดจะหลบก็สายเกินไป ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงพยายามต้านรับ
แกร๊ง!!!
ปราณดาบปะทะกับหอกสีม่วงทำให้เกิดการระเบิดที่ทำให้โลกสั่นสะเทือน ก่อนเป็นหอกสีม่วงที่กระเด็นไป
ด้วยการระเบิดนี้ ส่งผลให้ร่างของบุตรสวรรค์เนี่ยเฟิงกระแทกเข้ากับพื้น ซึ่งพื้นดินจุดนั้นทรุดตัวลงจนเป็นรูขนาดใหญ่แตก
ฟุบ!
เขากระอักเลือดออกมา ซึ่งไม่รู้ว่ากล้ามเนื้อและกระดูกของเขาแตกหักฉีกขาดไปเท่าไร ทั่วร่างของเขาอาบไปด้วยโลหิต
ผู้ชมต่างเงียบงัน
ด้วยดาบเล่มเดียว บุตรสวรรค์เนี่ยเฟิงก็ถูกบดขยี้ลง!!
ฉากนั้นทำให้เลี่ยนเหลิ่งเยว่และผู้ฝึกฝนพรรคมารหยินคนอื่น ๆ ต่างหนังศีรษะชาวาบเสมือนตกลงไปในถ้ำน้ำแข็ง
“วิชาดาบเช่นนี้… รุนแรงเกินไปแล้ว…”
เฒ่าบอดอดอ้าปากค้างไม่ได้
นึกย้อนถึงตัวเองยามที่อยู่ขอบเขตไร้เบญจธัญ เขาเองก็ดูถูกพวกในภูมิมืดมิดที่อยู่ในขอบเขตเดียวกันส่วนใหญ่เช่นกัน เนื่องจากตัวเขาถูกมองว่าเป็นเมล็ดพันธุ์แห่งการฝึกฝนเชื้อสายผีโคมไฟที่ยากจะพานพบในรอบพันปี
แต่เมื่อเทียบกับซูอี้แล้ว เห็นได้ชัดว่าเขาด้อยกว่ามาก!
ในเวลานี้ ซูอี้ไม่ยั้งมือ จากนั้นเขาก็ลงมือสังหารบุตรสวรรค์เนี่ยเฟิงอีกครั้ง
รูปร่างสูงสง่าของเขาเหยียดตรงราวกับเทพเซียนที่ถูกเนรเทศ ดูอหังการไร้เทียมทาน
ในช่วงเวลาวิกฤตนี้ บุตรสวรรค์เนี่ยเฟิงพลันบดฟันอย่างแรง ก่อนอ้าปากและพ่นออกมาทันที
พรวด!
แสงสีเงินปรากฏขึ้น
เมื่อมองใกล้ ๆ มันคือลูกปัดวิญญาณเม็ดหนึ่งซึ่งผิวถูกปกคลุมไปด้วยลวดลายเต๋าที่บิดเบี้ยวและแปลกประหลาด ทันทีที่มันถูกโยนออกไป รัศมีการทำลายล้างอันน่าสะพรึงก็แผ่ขยายออกไป
ม่านตาของซูอี้หดลงเล็กน้อย ร่างที่พุ่งออกไปก็หยุดลง ก่อนจะถอยหนีไปให้ไกล
ตูม!
ระยะร้อยจั้งระหว่างฟ้าดินพลันมีเสียงคำรามดังขึ้น ก่อนที่เปลวไฟสีเงินศักดิ์สิทธิ์อันน่าสะพรึงกลัวจะพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า ทำให้เกิดกระแสพลังปั่นป่วน และเมฆบนท้องฟ้าก็ถูกบดขยี้และกระจัดกระจายออก
เมื่อฝุ่นควันฟุ้งกระจายไปจนหมด ตัวตำหนักอันงดงามนี้และบริเวณด้านหน้าของตำหนักก็พลันกลายเป็นเศษซากที่ไหม้เกรียม!
พลังทำลายล้างที่น่าสะพรึงกลัวนี้ทำให้เลี่ยนเหลิ่งเยว่และคนอื่น ๆ ที่กำลังดูการต่อสู้จากระยะไกลต้องตกใจ ก่อนพวกเขาจะพากันถูกซัดกระเด็นออกไป
ไม่ใช่ว่าไม่อยากหลบ แต่พวกเขาไม่มีเวลาให้หลบเลย!
ในลาน ร่างของซูอี้ยังคงไม่ได้รับบาดเจ็บ มีเพียงคิ้วของเขาที่ย่นเข้าหากัน
บุตรสวรรค์เนี่ยเฟิงได้ใช้โอกาสนี้หลบหนีไปแล้ว!