บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 445 ครรภ์อสูร
ตอนที่ 445: ครรภ์อสูร
ตอนที่ 445: ครรภ์อสูร
“ท่านอาจารย์ ใบหน้าของชายผู้นั้นน่าเกลียดมาก”
ชิงหยาสังเกตเห็นฮั่วอวิ๋นเซิงกับคนอื่น ๆ และได้เห็นสีหน้าที่มืดมนสุดขีดของฮั่วอวิ๋นเซิงด้วย
“อย่าพูดเรื่องไร้สาระ”
หลิงอวิ๋นเหอดุ
ฮั่วอวิ๋นเซิงเพิกเฉยต่อศิษย์อาจารย์คู่นี้ เขาหายใจเข้าลึกอย่างระงับความอิจฉาในใจ ก่อนเดินเข้าไปในห้องโถง แย้มยิ้มพลางประสานมือคำนับเหวินซินจ้าว “ศิษย์พี่เหวิน เรากลับมาแล้ว”
เหวินซินจ้าวส่งเสียงรับในคออย่างไม่ใส่ใจ นางยังคงขอคำแนะนำจากซูอี้โดยไม่หันไปมอง “สหายเต๋า เจ้าคิดว่าข้าควรมุ่งเน้นไปที่การขัดเกลารากฐานของมหาวิถีใหม่หรือไม่?”
หว่างคิ้วที่งดงามของนางเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น เอาจริงจัง และความคาดหวัง เฉกเช่นนักเรียนที่กระตือรือร้นที่จะเรียนรู้ โดยหวังว่าจะได้รับคำชี้แนะจากครู
ซูอี้พูดอย่างเป็นกันเอง “นี่เป็นเรื่องปกติ แต่สิ่งที่สำคัญกว่าคือการต่อสู้จริง มีเพียงในการต่อสู้จริงเท่านั้นที่เจ้าจะสามารถตรวจสอบช่องโหว่ที่ขาดหายและค้นพบข้อบกพร่องในวิถีดาบของเจ้าเอง ซึ่งเอื้อต่อการปรับปรุงความสำเร็จในวิถีดาบของเจ้า สิ่งนี้เจ้าต้องตระหนักด้วยตนเอง แต่พูดง่ายกว่าลงมือทำ เจ้าต้องทุ่มเทฝึกฝนด้วยตัวเอง”
เขายังไม่เหลือบตาขึ้นและปฏิบัติต่อฮั่วอวิ๋นเซิงราวกับว่าอีกฝ่ายไม่มีตัวตน
ฮั่วอวิ๋นเซิงที่ถูกปล่อยทิ้งไว้ด้านข้างรู้สึกกระอักกระอ่วนและอับอาย ใบหน้าของเขาขุ่นหมองและไม่พอใจ ซึ่งเขาแทบรอไม่ไหวที่จะหาช่องว่างที่จะเข้าไป
แม้แต่เฉียนเทียนหลงกับซุนเฟิง ซึ่งอยู่ไม่ไกลก็ทนมองไม่ได้
ถึงถูกเมินถึงขนาดนี้ ถ้าเป็นคนอื่นคงอับอายจนไม่มีหน้าจะอยู่แล้วกระมัง?
แต่ใครจะไปคิดว่าฮั่วอวิ๋นเซิงจะสามารถทนต่อความอับอายที่ถูกเพิกเฉยได้อย่างไม่คาดคิด
เขาฝืนยิ้มออกมาและพูดขึ้นอีกครั้ง “ศิษย์พี่เหวิน ก่อนนี้ข้าไปสืบข่าวมา ที่การชุมนุมหลิงชวีวันมะรืนนี้คาดว่าจะมีการนำวัตถุวิญญาณที่หลงเหลือจากเมื่อสามหมื่นปีก่อนมาประมูล ข้าไม่ทราบว่าศิษย์พี่หญิงสนใจหรือไม่?”
คิ้วสีดำของเหวินซินจ้าวย่นเข้าเล็กน้อยอย่างไม่พอใจ นางกล่าว “ศิษย์น้องฮั่ว เจ้าไม่เห็นหรือว่าข้ากำลังขอให้สหายเต๋าซูชี้แนะความหมายอันยอดเยี่ยมของวิถีดาบอยู่?”
น้ำเสียงที่เย็นชาและหมดน้ำอดน้ำทนเป็นดังค้อนหนักกระแทกยังหัวใจของฮั่วอวิ๋นเซิงอย่างแรง ทำให้สีหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นสีเขียว มีโทสะและความโศกเศร้าที่ยากจะอธิบายไม่ได้ระอุอยู่ในหัวใจของเขา
เมื่อเห็นว่าบรรยากาศไม่ถูกต้อง ซุนเฟิงและเฉียนเทียนหลงก็รีบก้าวไปข้างหน้าเพื่อไกล่เกลี่ยและเร่งพาตัวฮั่วอวิ๋นเซิงออกไป
“สหายเต๋าซู ต่อกันเถิด”
ความกระหายความรู้ของเหวินซินจ้าวนั้นบ้าคลั่งอย่างยิ่ง ช่วยไม่ได้ ความรู้และความเข้าใจอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับวิถีดาบของซูอี้ไม่เพียงจะแก้ไขข้อสงสัยมากมายในใจของนางเท่านั้น แต่ยังรู้สึกได้ถึงการตื่นรู้และเมฆหมอกที่บดบังได้จางหายไป
ราวกับเปิดประตูบานใหม่ออกไปดูโลกที่กว้างขวางกว่าเดิม
อย่างไรก็ตาม ซูอี้โบกมือและกล่าวว่า “วันนี้พอแค่นี้ก่อน ถ้าในอนาคตเจ้าไม่สามารถเรียนรู้อะไรจากวังเทพสวรรค์เมฆาได้อีก ตราบใดที่เจ้าเต็มใจ ข้าไม่รังเกียจที่จะเป็นผู้ชี้แนะวิถีดาบให้เจ้า”
คำพูดเหล่านี้ เขาก็เคยพูดกับเยว่ซือฉานมาก่อน แต่ยามนั้นเยว่ซือฉานปฏิเสธภายใต้คำบอกปัดว่า “ขอพิจารณา”
แต่ตอนนี้ หลังจากที่ได้เห็นท่วงท่าอันงดงามของมารดาบน้อยเหวินซินจ้าว และสัมผัสได้ถึงความหลงใหลในวิถีดาบของฝ่ายตรงข้าม ซูอี้ก็อดที่จะทะนุถนอมผู้มีความสามารถไม่ได้
สรุปคือสตรีนางนี้สามารถเรียกได้ว่าเป็นสาวงามไร้ผู้เทียบเทียม ยามพูดถึงวิถีดาบจะมีแสงสว่างในดวงตาและมีไฟลุกโชนในหัวใจของนาง!
สิ่งนี้จะไม่ให้ผู้ที่เป็นที่เคารพไปทั่วเก้ามหาแดนดินด้วยวิถีนักดาบในชาติที่แล้ว และผู้ซึ่งแสวงหาวิถีดาบที่สูงกว่าเดิมในชีวิตนี้อย่างซูอี้ชื่นชมได้อย่างไร?
“ผู้ชี้แนะ?”
ดวงตาของเหวินซินจ้าวเป็นประกาย ใบหน้าที่งดงามของนางเปล่งปลั่ง ก่อนกล่าวราวกับว่าไม่อยากจะเชื่อว่า “สหายเต๋าซู เต็มใจที่จะรับข้าไว้จริง ๆ หรือ?”
“ข้ากล่าวแล้วว่าตราบเท่าที่เจ้าเต็มใจ”
ซูอี้ดื่มสุราหนึ่งจอกขณะชื่นชมใบหน้าของหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าเขา ซึ่งงดงามเพียงพอที่จะทำให้สิ่งมีชีวิตทั้งหมดมัวเมาแล้วพูดว่า “อย่างไรก็ตาม นี่ไม่ใช่การรับศิษย์ มันเป็นเพียงการชี้แนะแนวทางวิถีดาบแก่เจ้าเท่านั้น”
เหวินซินจ้าวพยักหน้าและพูดอย่างมีความสุข “การได้รับความช่วยเหลือจากสหายเต๋าถือเป็นพรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตนี้สำหรับเหวินซินจ้าวผู้นี้”
นี่ไม่ใช่คำชม
ในการสนทนาก่อนหน้า ความรู้และภูมิปัญญาเกี่ยวกับวิถีดาบของซูอี้อยู่เหนือจินตนาการของเหวินซินจ้าวไปอย่างสิ้นเชิง และเกือบจะล้มล้างความรู้ของนางเกี่ยวกับวิถีดาบ!
ในหัวใจของนาง ซูอี้เป็นเสมือนยักษ์ใหญ่ในวิถีดาบที่แท้จริงมานานแล้ว ยืนตระหง่านดุจภูเขาสูงที่ผู้คนทำได้เพียงเคารพกราบไหว้
ไม่ไกลนัก หลิงอวิ๋นเหอสูดหายใจเข้าลึก จบสิ้นแล้ว หัวใจดาบของศิษย์น้องเหวินเกรงว่าจะผูกติดอยู่กับร่างของซูอี้แล้ว…
“อาจารย์อา ท่านจะถูกลักพาตัวไปเช่นนี้หรือ? หากผู้เฒ่าในวังเทพสวรรค์เมฆารู้เข้า จะต้องตามล่าพี่ชายซูอี้อย่างเอาเป็นเอาตายแน่”
ชิงหยากล่าวด้วยความประหลาดใจ
ลักพาตัวอะไรกัน?
เหวินซินจ้าวอดที่จะยิ้มและพูดออกมาไม่ได้ว่า “ชิงหยา เจ้าไม่เข้าใจสิ่งนี้ การที่สหายเต๋าซูยินดีที่จะเป็นผู้ชี้แนะของข้าในวิถีดาบถือเป็นพรครั้งเดียวในชีวิต”
ชิงหยาหัวเราะและพูดติดตลก “ใช่ ใช่ นี่ไม่เรียกว่าลักพาตัว เป็นท่านที่เต็มใจเอง อาจารย์อาของข้า ความสุขของท่านคือความปรารถนาของข้า ทุกคนล้วนมีความสุข ดียิ่งนัก!”
แม้ว่าเหวินซินจ้าวจะหมกมุ่นอยู่กับวิถีดาบ แต่ก็ไม่ได้ไร้เหตุผล
หลิงอวิ๋นเหอไม่มีความคิดที่จะล้อเล่น เขากล่าวอย่างกังวลว่า “ศิษย์น้องเหวิน ข้าควรทำอย่างไรกับวังเทพสวรรค์เมฆา?”
เหวินซินจ้าวลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “เมื่อข้ากลับไปที่สำนักในอนาคต ข้าจะแจ้งให้อาจารย์ทราบ ด้วยนิสัยของนางจะไม่ทำให้ข้าลำบากใจอย่างแน่นอน”
เหวินซินจ้าวมีความคิดของนางเอง ดังนั้นหลิงอวิ๋นเหอจึงพูดอะไรไม่ได้
แต่เมื่อเขาคิดว่าเหวินซินจ้าวจะเพิ่งพบกับซูอี้ก็ถูกวิถีดาบของซูอี้ทำให้ประทับใจแล้ว หลิงอวิ๋นเหอก็อดรู้สึกเหมือนฝันไปไม่ได้
เป็นไปได้อย่างไรกัน?
เป็นไปได้ไหมว่าเพียงพบกันครั้งแรก มันก็ถูกกำหนดเรียบร้อยแล้ว?
หลิงอวิ๋นเหอไม่รู้ว่าสำหรับคนที่หมกมุ่นอยู่กับวิชาดาบอย่างเหวินซินจ้าว การได้รับคำแนะนำจากซูอี้เป็นเสมือนได้รับโชคลาภที่ไม่คาดคิด!
ในชีวิตที่แล้ว ไม่รู้ว่ามีเทพธิดาที่งดงามไร้ผู้ใดเทียบจากนิกายโบราณที่ยิ่งใหญ่จำนวนกี่คนต่อกี่คนที่เสนอตนเองเป็นเบาะหนุน แต่พวกนางทั้งหมดล้วนถูกปรมาจารย์ดาบเสวียนจวินขับไล่ออกไป
และในแง่ของความสำเร็จในวิถีดาบ ชาวเก้ามหาแดนดินทั้งหมดต่างควรเคารพตัวเขา ซูเสวียนจวิน!
ภายใต้สถานการณ์เหล่านี้ หลิงอวิ๋นเหอคิดว่าการตัดสินใจของเหวินซินจ้าวค่อนข้างรีบร้อนเกินไป
เขาไม่รู้ว่าเหวินซินจ้าวได้คว้าโอกาสที่จะทำให้ขอบเขตรวบรวมดาราหลายคนนึกอิจฉาไว้แล้ว!
ในระหว่างการสนทนา หยวนเหิงกับไป๋เวิ่นฉิงได้กลับมาจากตัวเมืองแล้ว
“นายท่าน ข้าได้แลกเปลี่ยนหินวิญญาณระดับหกทั้งหมดห้าสิบหกก้อน และหินวิญญาณระดับห้าสี่ร้อยสามสิบห้าก้อน ข้าได้สืบดูแล้ว ราคาเที่ยงธรรมขอรับ”
หยวนเหิงมอบจี้หยกสำหรับจัดเก็บให้ซูอี้ และพูดผ่านกระแสปราณ
ซูอี้พยักหน้า
สำหรับผู้ฝึกฝนคนอื่น ๆ หินวิญญาณเหล่านี้ถือเป็นเงินจำนวนมหาศาล แต่สำหรับซูอี้ เมื่อรวมกับทรัพยากรการบ่มเพาะที่เขามีอยู่ มันเพียงพอสำหรับเขาที่จะใช้ฝึกฝนเป็นเวลาสามเดือนแล้ว
หยวนเหิงคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วเอ่ยขึ้น “นายท่าน พวกเราได้ยินในเมืองนี้ว่าที่การชุมนุมหลิงชวีวันมะรืนนี้ จะมีสมบัติโบราณที่หลงเหลือจากสามหมื่นปีที่ถูกนำไปประมูล ในจำนวนนั้น ที่น่าเป็นจับตาที่สุดคือสมบัติที่ชื่อ ‘ครรภ์อสูร’ กำลังถูกกล่าวถึงทุกที่ในเมืองหลิงชวีขอรับ”
ซูอี้อดไม่ได้ที่จะสนใจและกล่าวว่า “ถ้าเป็นครรภ์อสูรจริง ๆ เช่นนั้นสมบัติทั่วไปก็ไม่อาจเทียบได้ และมีความเป็นไปได้สูงที่จะตั้งครรภ์สิ่งมีชีวิตที่พิเศษเอาไว้”
“พี่ชายซูอี้ ท่านกำลังจะบอกว่า ‘ครรภ์อสูร’ ยังรอดอยู่งั้นหรือ?” ชิงหยาถามด้วยความสงสัย
“เป็นไปได้”
ดวงตาของซูอี้เป็นเปล่งประกายประหลาด “พวกเราจะรู้เองตอนไปดูด้วยกันวันมะรืนนี้”
ครรภ์อสูรสามารถขัดเกลาได้โดยผู้ฝึกฝนปีศาจเท่านั้น และเงื่อนไขนั้นเข้มงวดมาก จำเป็นต้องใช้ ‘ไขกระดูกต้นกำเนิดอสูรสวรรค์’ อันเป็นแกนหลักของวัสดุศักดิ์สิทธิ์ ก่อนถูกผนึกด้วยวิธีการลับต่าง ๆ และหล่อเลี้ยงส่วนหนึ่งของฟ้าดิน
ด้วยวิธีนี้เท่านั้นที่จะสามารถหล่อเลี้ยง เปลี่ยนแปลง และวิวัฒนาการ จิตวิญญาณกับชีวิตในครรภ์อสูรได้
พูดง่าย ๆ ก็คือ ครรภ์อสูรเปรียบเสมือนครรภ์ของมารดา ซึ่งสามารถบ่มเพาะทั้งสมบัติอันศักดิ์สิทธิ์และสิ่งมีชีวิตที่แท้จริงได้
เช่นเดียวกับไข่ของวิหคเทวะ ลูกสัตว์วิญญาณ และแม้แต่ตัวอ่อนของมนุษย์และอื่น ๆ ทั้งหมดล้วนสามารถถูกผนึกไว้ในครรภ์อสูรเพื่อการหล่อเลี้ยงและวิวัฒนาการ
ในชีวิตก่อนของเขา ซูอี้ได้พบครรภ์อสูรที่หล่อเลี้ยงในแหล่งกำเนิดไฟโดยกำเนิดจากโบราณสถานอันดุร้าย
และในครรภ์อสูรนั่น ทารกในครรภ์คือเผ่าอสูรวิญญาณอัคคีที่มีพรสวรรค์อันน่าทึ่ง
ต่อมาทารกในครรภ์นี้กลายเป็นศิษย์คนที่สามของเขา ฮัวเหยา!
กล่าวสรุปคือ สมบัติเช่นครรภ์อสูรแม้แต่ในเก้ามหาแดนดินก็เรียกได้ว่าเป็นของหายาก
และตอนนี้ ณ อาณาจักรต้าเซี่ยนี้ แคว้นเทียนหนาน ในเมืองหลิงชวี กลับดูเหมือนว่าจะมีครรภ์อสูรถูกประมูล เช่นนี้ซูอี้จะไม่นึกสงสัยได้อย่างไร!
“นายท่าน ข้าสอบถามมาแล้ว หากต้องการเข้าร่วมการชุมนุมหลิงชวีจะต้องมี ‘ป้ายระบุตัวตน’ ที่ออกโดยหอการค้าทั้งสาม ไม่เช่นนั้นจะไม่สามารถเข้าไปในสถานที่จัดงานได้เลย”
หยวนเหิงกล่าวเสียงต่ำ
หอการค้าใหญ่ทั้งสามแห่ง ได้แก่ หอการค้าจินติ่ง ศาลาเก้าดินแดน และหอสี่สมุทร พวกเขาเป็นที่รู้จักในฐานะหอการค้ารายใหญ่สามอันดับแรกแห่งต้าเซี่ย โดยอำนาจและฐานที่มั่นของพวกเขาแผ่ขยายไปทั่วสิบสามแคว้นของต้าเซี่ย
เบื้องหลังหอการค้าทุกแห่งล้วนมีผู้สนับสนุนรายใหญ่
เช่นเดียวกับเบื้องหลังของศาลาเก้าดินแดนมีราชวงศ์ต้าเซี่ยอยู่
ป้ายระบุตัวตนในคำกล่าวของหยวนเหิงออกโดยฐานที่มั่นของหอการค้าใหญ่สามแห่งในเมืองหลิงชวี ป้ายชื่อทุกใบได้รับการจดทะเบียนและไม่สามารถปลอมแปลงได้เลย
ก่อนที่ซูอี้จะได้พูด เหวินซินจ้าวก็กล่าวขึ้นยิ้ม ๆ “ข้ามาที่เมืองหลิงชวีก็เพื่อเข้าร่วมการชุมนุมหลิงชวีในครั้งนี้ สหายเต๋าซู เมื่อถึงเวลานั้นเจ้าสามารถไปกับข้าก็ได้”
มารดาบน้อยนี้ไม่ต้องสงสัยว่าเป็นผู้มีชื่อเสียงในต้าเซี่ยที่มีป้ายชื่ออยู่ในมือ
“เยี่ยมมาก! ข้ายังต้องการเห็นความลึกลับของ ‘ครรภ์อสูร’ นี้ด้วย”
ชิงหยาส่งเสียงโห่ร้อง
…
เมืองหลิงชวี
ในห้องส่วนตัวของร้านอาหาร
“กู่ชางหนิงเป็นทายาทสายตรงของ ‘ตระกูลกู่’ ซึ่งเป็นตระกูลจักรพรรดิเมื่อสามหมื่นปีที่แล้ว และปู่ของเขา ‘ราชันย์ศึกเวหา’ ก็เป็นหนึ่งใน ‘เก้าราชันย์’ แห่งมหาทวีปคังชิง ถึงแม้สามหมื่นจะผ่านไป และพลังของตระกูลเก่าแก่ได้สลายไปในแม่น้ำแห่งประวัติศาสตร์นานแล้ว แต่กู่ชางหนิงซึ่งเป็นทายาทของตระกูลกู่ที่ตื่นขึ้นจากการพลังของการจองจำแห่งยุคมืด ยังคงมีพลังอันน่าสะพรึงกลัวและไพ่ตายเก็บเอาไว้”
หญิงสาวงดงามทรงเสน่ห์สวมชุดกระโปรงยาวสีดำผู้หนึ่งกล่าวเสียงเบาด้วยสีหน้าซับซ้อน “น่าเสียดายที่เขาไม่ต้องการร่วมมือกับเรา”
หลังจากกล่าวก็มีความผิดหวังปรากฏขึ้นในส่วนลึกของนัยน์ตาสีฟ้าดุจทะเลสาบของหญิงสาว
อีกด้านหนึ่ง ชายหนุ่มรูปงามสวมชุดคลุมสีแดงที่นั่งอยู่ขมวดคิ้ว “ถึงแม้กู่ชางหนิงจะมีภูมิหลังที่ดี แต่ตอนนี้เขาเป็นเพียง ‘ผู้ร้ายกาจจากยุคโบราณ’ เช่นเดียวกับพวกเรา เหตุใดเจ้าจึงยืนยันที่จะร่วมมือกับเขากัน?”
หากซูอี้อยู่ที่นี่ เขาต้องจำได้อย่างแน่นอนว่าชายหนุ่มในชุดคลุมสีแดงคนนี้คือบุตรสวรรค์เนี่ยเฟิง ซึ่งเกือบจะถูกเขาสังหารลงยามอยู่ในเมืองซานอิ่น!