บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 449 กับดักสังหาร
ตอนที่ 449: กับดักสังหาร
ตอนที่ 449: กับดักสังหาร
ฉู่!
ดวงตาสีแดงฉานของหยกหรูอี้ที่มีรูปร่างเหมือนงูปล่อยลำแสงสีเลือดออกมากระทบกับผนึกบนกล่องสีทองแดง
พลังของผนึกหายไปราวกับหิมะละลายกลายเป็นน้ำ
จากนั้นฝากล่องทองแดงก็ค่อย ๆ เปิดออก
ทุกคนในที่นั้นต่างเบิกตากว้าง อยากเห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของครรภ์อสูรเป็นครั้งแรก
ตุบ!!!
ทว่า ก่อนที่ผู้คนจะได้เห็นสภาพภายในกล่องทองแดงอย่างชัดเจน จังหวะแปลก ๆ ที่ฟังดูเหมือนเสียงตีกลองบูชาสวรรค์พลันดังเกริกก้องกังวาน
มีเสียงกรีดร้องแห่งความเจ็บปวดดังขึ้นทั่วบริเวณ
เซี่ยงยงซึ่งอยู่ใกล้กับกล่องทองแดงมากที่สุดเป็นคนแรกที่ได้รับผลกระทบ ทางผู้ฝึกฝนขอบเขตเปิดทวารของศาลาเก้าดินแดนไม่มีเวลาตอบสนอง ร่างกายของเขาก็ล้มลงกับพื้น
ในบริเวณใกล้เคียงผู้ฝึกตนพากันก็ทรุดตัวลงเหมือนระลอกคลื่นทุ่งข้าวสาลี ทุกคนมีสีหน้าที่เจ็บปวด ก่อนเป็นลมหมดสติไป
มันเป็นเพียงเสียงจังหวะที่แปลกประหลาด แต่เมื่อได้ยิน ผู้ฝึกตนส่วนใหญ่ก็ล้มลง!
ภายในห้อง
ฮั่วอวิ๋นเซิงตัวสั่นและล้มลงกับพื้น
จางอวิ๋นเทา เฉียนเทียนหลง ซุนเฟิง เริ่นโหยวโหย่ว และคนอื่น ๆ ก็คร่ำครวญและตกอยู่ในอาการสลบไสลโดยมีความเจ็บปวดอยู่บนใบหน้าของพวกเขา
ส่วนคู่ศิษย์อาจารย์หลิงอวิ๋นเหอกับชิงหยา หยวนเหิง ไป๋เวิ่นฉิง และคนอื่น ๆ เองก็ถูกกระแทกอย่างแรง ซึ่งพวกเขาทั้งหมดต่างเป็นลมหมดสติไป
“นี่…”
เหวินซินจ้าวพยายามลุกขึ้นยืน ใบหน้าที่งดงามของนางมีร่องรอยความเจ็บปวดปรากฏขึ้น แต่ทันทีที่นางยืนขึ้น นางก็พลันหมดสติ
แต่ก่อนที่นางจะหมดสติไป นางเห็นว่าซูอี้ยื่นมือมาข้างหน้านางราวกับคิดจะช่วยนาง…
จากนั้นภาพตรงหน้านางก็พลันมืดลง
เสียงถอนหายใจดังขึ้นในห้องส่วนตัว
“ข้าก็รู้อยู่แล้วว่าคงไม่มีใครโง่พอที่จะเอาสมบัติอย่างครรภ์อสูรมาประมูลหรอก…”
บนเก้าอี้หวาย ซูอี้จับเหวินซินจ้าวซึ่งกำลังนอนอยู่ในอ้อมแขนของเขาเบา ๆ ขมวดคิ้วเล็กน้อยขณะกระซิบกับตัวเอง
…
“บัดซบ! มีคนใช้ครรภ์อสูรเป็นเหยื่อล่อ!!”
ในห้องหรูหราอีกห้องหนึ่ง ใบหน้าของกู่ชางหนิงดูน่ากลัว ภาพตรงหน้าเริ่มพร่ามัว
เขาเองก็ถูกโจมตีอย่างหนัก
“ไปกัน!”
หญิงชราตะโกนขึ้น แสงสีเงินในดวงตาของนางพลุ่งพล่าน และร่างกายของนางก็เต็มไปด้วยรัศมีที่น่าสะพรึงกลัวไร้ขอบเขต
ขณะพูด นางคว้าไหล่กู่ชางหนิงก่อนรีบหมุนตัวออกจากห้องส่วนตัวไป
ตุบ!!!
จังหวะแปลก ๆ ดังขึ้นอีกครั้งคล้ายกับเสียงพิโรธของเทพปีศาจโบราณ
หัวของหญิงชราสั่นสะท้าน ร่างของนางก็เซ ก่อนล้มลงกับพื้น
ส่วนกู่ชางหนิงก็ยังคงสลบไสล
…
“นี่มัน… เกิดอะไรขึ้น?”
สีหน้าของบุตรสวรรค์เนี่ยเฟิงเปลี่ยนไปอย่างใหญ่หลวง ก่อนมองดูฉากนั้นอย่างไม่เชื่อสายตา มือและเท้าของเขาชาไปหมด
เมื่อจังหวะประหลาดดังขึ้น เขาก็เห็นโคมรูปดอกบัวสีเลือดในมือของหญิงสาวในชุดสีดำทันใด
แสงสีเลือดของโคมแกว่งไปแกว่งมา กระจายความผันผวนที่ลึกลับและคลุมเครือ สลายพลังของจังหวะแปลก ๆ ลงทีละน้อย
“ข้าเพิ่งยืมสมบัติโบราณมาชุดหนึ่งและใช้งานชุมนุมหลิงชวีเพื่อสร้างกับดัก”
หญิงในชุดดำยิ้มอย่างอ่อนหวาน “และตอนนี้ก็ได้เวลาเก็บเกี่ยวแล้ว”
ฟ่อ!
บุตรสวรรค์เนี่ยเฟิงสูดลมหายใจเย็นแล้วพูดด้วยความตกใจ
“ครรภ์อสูรนั่น…”
“ใช่ มันเป็นฝีมือของข้าเอง ถ้าข้าไม่มีสมบัตินี้ ข้าจะจับตัวเหวินซินจ้าวอย่างง่ายดายได้อย่างไร ข้าจะช่วยเจ้าแก้ปัญหาของซูอี้อย่างง่ายดายได้อย่างไร”
นางพูดอย่างใจเย็น “ไปนำตัวเหวินซินจ้าวมา”
หลังจากพูดเสร็จ นางก็ถือโคมดอกบัวสีเลือดแล้วเดินออกจากห้องอันหรูหราไป
“ท่านจะไปไหน”
บุตรสวรรค์เนี่ยเฟิงอดที่จะถามไม่ได้
“ย่อมไปสะกดพลังของครรภ์อสูรอีกครั้ง”
หญิงสาวชุดดำถอนหายใจเบา ๆ โดยไม่หันศีรษะไปมอง “แม้ว่าการลงมือครั้งนี้จะผ่านไปด้วยดี แต่ข้าก็ต้องจ่ายราคามหาศาลเพื่อขอยืมพลังของครรภ์อสูร… ช่างเถิด เจ้าไม่เข้าใจหรอก…”
หัวใจของบุตรสวรรค์เนี่ยเฟิงพลิกกลับ สตรีผู้นี้เก็บงำได้ลึกนัก!
เขาไม่รอช้าอีกต่อไปและเริ่มลงมือทำ
ระหว่างทางเขาเห็นผู้ฝึกฝนเหล่านั้นหมดสติลงบนพื้น ราวกับว่าพวกเขาเป็นลูกแกะที่รอถูกเชือดและไม่ตอบสนองใด ๆ
บุตรสวรรค์เนี่ยเฟิงเพิกเฉยต่อสิ่งเหล่านี้และรีบมาที่ห้องส่วนตัวที่ซูอี้และคนอื่น ๆ อยู่ ก่อนดันประตูเข้าไป
เขาเห็นศิษย์สืบทอดของวังเทพสวรรค์เมฆาล้มนอนเรียงรายอยู่เช่นกัน
“ช่างดูไม่ได้จริง ๆ”
บุตรสวรรค์เนี่ยเฟิงแค่นเสียงหยัน และเมื่อเขากวาดสายตาไปก็เห็นซูอี้นั่งอยู่บนเก้าอี้หวายพร้อมกับมีเหวินซินจ้าวนอนอยู่ในอ้อมแขน
“หึ หน้าตาของเหวินซินจ้าวช่างเป็นเอกในโลกจริง ๆ ดูแล้วไม่ต่างไปจากเทพธิดาเลย ถ้าสามารถใช้เป็นเตาหลอมบำเพ็ญคู่ได้ ความงามนั่นก็จะยิ่งเลิศล้ำขึ้นไปอีก”
บุตรสวรรค์เนี่ยเฟิงอดเลียริมฝีปากของตัวเองไม่ได้
ความงามของเหวินซินจ้าวเพียงพอที่จะทำให้ผู้คนทั้งหมดมัวเมาลุ่มหลง แต่ในยามนี้ ความงามที่ไม่มีใครเทียบได้นี้กลับอ่อนระทวยอยู่ในอ้อมแขนของซูอี้อย่างไม่ได้สติ
ฉากเช่นนั้น หากใครได้เห็นก็เกรงว่าจะควบคุมตัวเองได้ยาก
บุตรสวรรค์เนี่ยเฟิงสูดหายใจเข้าลึก ๆ เพื่อระงับความร้อนรุ่มในใจ
หญิงสาวชุดดำบอกว่านางต้องการจับเหวินซินจ้าวมาเป็น ๆ หากเป็นในอดีต บุตรสวรรค์เนี่ยเฟิงอาจไม่ใส่ใจ
แต่เมื่อได้เห็นสิ่งที่เกิดอะไรขึ้นทำให้เขาหวาดหญิงสาวชุดดำอย่างยิ่งยวด เมื่อเป็นเช่นนี้ เขาจะกล้าแตะต้องเหวินซินจ้าวได้อย่างไร
“น่าเสียดายที่ความงามที่ไม่มีใครเทียบเช่นนี้กลับตกไปอยู่ในมือของนังเสวียนจื่อนั่น แล้วมันจะแตกต่างอะไรกับเหยื่อรอถูกเชือดกัน?”
บุตรสวรรค์เนี่ยเฟิงถอนหายใจและก้าวไปข้างหน้า
สายตาของเขาจับจ้องไปยังซูอี้ ซึ่งความเกลียดชังในหัวใจของเขาก็เริ่มควบคุมไม่อยู่
“ซูอี้ เราพบกันอีกแล้ว แต่น่าเสียดายที่เจ้าไม่ได้ตื่นอยู่ เจ้าจึงไม่อาจเห็นสิ่งที่จะเกิดขึ้นทั้งหมดนี้ด้วยตาตัวเอง”
บุตรสวรรค์เนี่ยเฟิงถอนหายใจ ก่อนพลันหัวเราะออกมา “แต่ไม่ต้องกังวลไป ข้าไม่ปล่อยให้เจ้าตายอย่างสับสน”
“ข้าจะใช้ร่างกายเจ้าสร้างผีดิบหุ่นเชิด”
“ใช้วิญญาณของเจ้าทำโคมไฟ ปล่อยให้เจ้ามีชีวิตอย่างไม่อาจร้องขอความตายได้ เป็นเพียงวิญญาณที่ทำได้แค่เฝ้ามองข้าอย่างสิ้นหวัง ค่อย ๆ กลายเป็นโคมไฟทีละน้อย ก่อนจะกลายเป็นโคมไฟตลอดไป”
ณ เวลานี้ บุตรสวรรค์เนี่ยเฟิงดูภาคภูมิใจและมีความสุขอย่างยิ่ง
แต่ในขณะนั้นเอง
ซูอี้ซึ่งหลับตาอยู่ก็ลืมตาขึ้นเผชิญหน้าบุตรสวรรค์เนี่ยเฟิง ก่อนหันหน้าไปมองและกล่าวว่า “งั้นรึ?”
คำว่า ‘งั้นรึ’ ราวกับฟ้าผ่า บุตรสวรรค์เนี่ยเฟิงพลันสะดุ้งตกใจจนแทบจะกระโดด
เขาเบิกตากว้างและพูดไม่ออก “เจ้า… เจ้า… เจ้า… เหตุใดเจ้าถึงยังตื่นอยู่?”
ซูอี้หันกลับมาพลางโอบแขนของเขาไว้รอบเอวของเหวินซินจ้าวที่หมดสติอยู่ และกล่าวว่า “ถ้าข้าไม่ตื่นอยู่ ข้าจะรู้ได้อย่างไรว่าแม่ทัพผู้แพ้พ่ายอย่างเจ้าจะเกลียดชังข้ามากถึงเพียงนี้?”
ฟิ้ว!
บุตรสวรรค์เนี่ยเฟิงหันหลังหนีทันทีอย่างตกใจกลัว ก่อนนี้เขาคิดว่าซูอี้กลายเป็นเหยื่อที่รอถูกเชือด แต่เขาไม่เคยคิดเลยว่าซูอี้จะไม่ได้รับผลกระทบใด ๆ!
เมื่อเขานึกถึงพลังต่อสู้อันน่าสะพรึงกลัวของซูอี้แล้ว บุตรสวรรค์เนี่ยเฟิงจะกล้าอยู่ต่อได้อย่างไร?
“ตาย!”
ซูอี้กล่าว
ในเวลานี้ ดวงตาของเขาเปล่งประกายคมกล้าอย่างหาที่เปรียบมิได้
ฟึ่บ!
หว่างคิ้วของซูอี้แหวกออกอย่างแปลกประหลาด ก่อนมีแสงสีฟ้าระยิบระยับพุ่งออกมา แล้วก่อตัวขึ้นกลางอากาศกลายเป็นดาบสีฟ้าที่แข็งแรงยิ่ง
ดาบขนาดเล็กเล่มนี้ยาวเพียงชุ่นเดียว เลือนรางจนมองแทบไม่เห็น และปกคลุมไปด้วยลวดลายเต๋าที่ยากจะเข้าใจจำนวนมาก
ดาบน้อยสังหารเทพ!
มันสร้างขึ้นจากวิชาลับจิตวิญญาณ ‘เคล็ดวิชาหนึ่งลมปราณผนึกจิต’
หลังจากที่ซูอี้ก้าวเข้าสู่ขอบเขตไร้เบญจธัญ พลังของจิตวิญญาณของเขาก็น่าสะพรึงมาก มันเพียงพอที่จะต่อสู้กับผู้ฝึกฝนในขอบเขตแปรเปลี่ยนวิญญาณ เมื่อผ่านการขัดเกลาของ ‘คัมภีร์เขากลายสู่อิสระ’ จิตสัมผัสของเขาก็บริสุทธิ์และมั่นคงขึ้นอย่างยิ่ง
ดาบน้อยสังหารเทพที่ใช้อยู่ในขณะนี้ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อสังหารวิญญาณของผู้ฝึกตนวิถีต้นกำเนิด ดังนั้นบุตรสวรรค์เนี่ยเฟิงจะสามารถต้านทานได้อย่างไร?
ขณะเพิ่งหนีไปถึงประตูห้องส่วนตัว บุตรสวรรค์เนี่ยเฟิงก็แข็งทื่อไปทั้งร่าง วิญญาณของเขาเจ็บปวดอย่างแสนสาหัสราวกับถูกฉีก ร่างนั้นล้มลงกับพื้นด้วยเสียงดังปัง เขาใช้มือกุมหัวตัวเอง ร่างกายกระตุกเหมือนจะเป็นบ้าไปแล้ว ก่อนส่งเสียงร้องอืมอาในลำคออย่างเจ็บปวด
ในชั่วพริบตา บุตรสวรรค์เนี่ยเฟิงที่เตะขาไปมาก็เสียชีวิตลง
ใบหน้าที่หล่อเหลานั้นบิดเบี้ยวและดุร้าย เต็มไปด้วยความเจ็บปวด ความสับสน และไม่เต็มใจ…
ผู้ร้ายกาจในยุคโบราณผู้นี้คงคาดไม่ถึงว่าการจองจำแห่งยุคมืดสามหมื่นปีจะไม่สามารถสังหารเขาได้ แต่ตอนนี้เขากลับตกตายด้วยน้ำมือของชายหนุ่มขอบเขตไร้เบญจธัญ…
จินตนาการได้เลยว่าเขาจะรู้สึกไม่เต็มใจมากเพียงใด
ซูอี้ลุกขึ้น ก่อนวางเหวินซินจ้าวไว้บนเก้าอี้หวาย
เมื่อมองดูคิ้วสีเข้มของหญิงสาวสวยที่มีรอยย่นเล็กน้อยจากความเจ็บปวด ซูอี้เอื้อมมือออกไปและค่อย ๆ นวดคิ้วของหญิงสาวเบา ๆ
“ก็อย่างที่เห็นนั่นล่ะ หลับให้สบายนะ”
ซูอี้ยิ้มอย่างเงียบ ๆ ไพล่มือไว้ด้านหลัง แล้วหมุนตัวเดินออกจากห้องส่วนตัวไป
…
บนแท่นหยก
ตุบ! ตุบ! ตุบ!
ภายในกล่องทองแดงมีเสียงจังหวะแปลก ๆ ดังขึ้นเป็นระลอก ราวว่ามีสิ่งมีชีวิตอยู่ภายในนั้น ซึ่งมันก็ได้เปล่งรัศมีที่น่าสะพรึงกลัวออกมา
หญิงสาวในชุดดำมีสีหน้าเคร่งขรึม ขณะถือโคมดอกบัวสีเลือดไว้ในมือข้างหนึ่งเพื่อต้านทานการคลื่นของจังหวะแปลก ๆ นั้น
ส่วนมืออีกข้างหนึ่ง นางสวดถ้อยคำที่คลุมเครือและแปลกประหลาด โดยคำสวดเหล่านั้นคล้ายกับว่านางกำลังสื่อสารกับครรภ์อสูรในกล่องทองแดงอยู่
เมื่อมองดูใกล้ ๆ จึงพบว่าหน้าผากและขมับของนางเปียกโชกไปด้วยเหงื่อ และสีหน้าของนางก็เคร่งขรึมมากขึ้นเรื่อย ๆ
หลังจากนั้นไม่นาน หญิงสาวในชุดดำก็กระอักเลือดออกมา และร่างกายที่บอบบางของนางก็เซไปมา
สิ่งที่ทำให้นางโล่งใจก็คือครรภ์อสูรในกล่องทองแดงเงียบลงแล้ว และรัศมีที่น่าสะพรึงกลัวที่กระจายไปทั่วก็หายไปราวกับกระแสน้ำที่ลดลง
แม้แต่เสียงจังหวะแปลก ๆ เองก็หายไป
หญิงสาวในชุดดำรีบหยิบยันต์ลับสีดำมาปิดผนึกไว้บนฝากล่องสีทองแดงแล้วใช้วิชาลับด้วยมือข้างเดียว ก่อนแตะปลายนิ้วของนางลงบนยันต์ลับสีดำเบา ๆ
ฟึ่บ!
ยันต์ลับสีดำกลายเป็นลวดลายค่ายกลประหลาดหลอมรวมเข้ากับผิวของกล่องทองแดง
ณ จุดนี้ หญิงชุดดำถอนหายใจยาว ยกมือขึ้นเช็ดเหงื่อที่หน้าผาก แล้วพึมพำว่า “ฝ่าบาท ขอโปรดทรงอดทนกับข้าอีกสักครู่ โลกอันวิจิตรนั้นยังมาไม่ถึง ในเวลานี้ไม่ใช่เวลาที่ดีที่สุดสำหรับท่านที่จะกำเนิด…”
ทันใดนั้นเสียงที่ไม่แยแสก็ดังขึ้น
“เพียงแค่อาศัย ‘ยันต์สงบวิญญาณเร้นลับ’ ของสายเลือดปีศาจงูของเจ้า เจ้าจะสามารถผนึกครรภ์อสูรนี้ได้อย่างมากที่สุดสามเดือน เมื่อถึงตอนนั้น ไม่ว่าจะมียันต์ลับสักกี่แผ่นก็ยากที่จะระงับพลังของครรภ์อสูรนี้ได้”
ร่างกายที่อ่อนนุ่มของหญิงสาวชุดดำแข็งทื่อ ก่อนนางจะพลันหันหลังกลับมา
นางพบร่างของชายหนุ่มชุดเขียวดุจหยกผู้ไม่แยแสกับผงธุลีเดินมาแต่ไกล
“เป็นเจ้า!?”
ดวงตาที่งดงามของหญิงสาวในชุดดำเปลี่ยนไป ก่อนนางจะยิ้มหวาน “คุณชายซูจดจำ ‘ยันต์สงบวิญญาณเร้นลับ’ ได้ด้วยหรือ?”
ขณะพูด นางก็หันโคมดอกบัวสีเลือดในมือไปทางซูอี้ ซึ่งร่างกายเว้านูนอันงดงามนั้นก็ได้แผ่ลมปราณอันแผ่วเบาออกมาอย่างเงียบ ๆ
แม้ดูเหมือนจะยิ้มหวาน แต่จริง ๆ แล้วนางเป็นศัตรูตัวฉกาจ!