บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 450 ติดหนี้เผ่าปีศาจงู
ตอนที่ 450: ติดหนี้เผ่าปีศาจงู
ตอนที่ 450: ติดหนี้เผ่าปีศาจงู
ซูอี้เหลือบมองหญิงสาวในชุดดำและกล่าวว่า “อย่ากังวลไป ถ้าข้าต้องการลงมือ ตอนนี้เจ้ากลายเป็นศพไปแล้ว”
หลังจากพูดเสร็จ เขาก็ก้าวไปข้างหน้าแล้วมองไปที่กล่องทองแดง
อาจเป็นเพราะการท่าทางของซูอี้ใจเย็นเกินไป ที่ทำให้หญิงสาวในชุดดำรู้สึกไม่มั่นใจ และไม่กล้าที่จะแสดงความขุ่นเคืองไปชั่วขณะหนึ่ง
“คุณชายซู เนี่ยเฟิง… ตายแล้วหรือ?”
ดวงตางดงามของหญิงสาวในชุดดำกลอกไปมา ขณะเอ่ยถามด้วยความสงสัย
ซูอี้พยักหน้าและกล่าวว่า “ข้าไม่พอใจเล็กน้อยที่ปล่อยให้เขาหนีไปครั้งก่อน แน่นอนว่าคราวนี้ข้าจะไม่ให้ปล่อยให้เขามีโอกาสหนีอีก”
หัวใจของหญิงสาวชุดดำสั่นไหว ใบหน้างดงามทรงเสน่ห์ของนางแข็งค้าง
แม้ว่าบุตรสวรรค์เนี่ยเฟิงจะมีพลังการฝึกฝนเพียงขอบเขตเปิดทวารเท่านั้น แต่ในฐานะผู้ร้ายกาจจากยุคโบราณที่รอดชีวิตจากการจองจำแห่งยุคมืดอันมืดมนกว่าสามหมื่นปีมาได้ ในมือเขาย่อมมีไพ่ตายอยู่มากกว่าหนึ่งใบ
แม้แต่ยามเผชิญหน้ากับมหาปราชญ์สวรรค์วิถีวิญญาณ เขาก็มีวิธีในการเอาตัวรอดจากปัญหา
แต่ตอนนี้ บุตรสวรรค์เนี่ยเฟิงกลับตกตายภายใต้น้ำมือของซูอี้!
จะไม่ทำให้สาวชุดดำแปลกใจได้อย่างไร?
หญิงสาวในชุดดำสูดหายใจเข้าลึก ก่อนกล่าวว่า “คุณชายซู ระหว่างพวกเราไม่มีความบาดหมางหรือเรื่องขัดแย้งใด ๆ ยิ่งไปกว่านั้น ผู้ที่ข้าต้องการจัดการในวันนี้คือเหวินซินจ้าว และข้าไม่มีเจตนาทำร้ายผู้อื่น…”
ซูอี้โบกมือเอ่ยขัด “ไม่ต้องกังวลไป ข้าจะไม่สังหารเจ้า”
หญิงสาวชุดดำตะลึงไป ก่อนเอ่ยถามอย่างแปลกใจ “เพราะเหตุใดกัน?”
ซูอี้เลี่ยงการตอบ โดยถามกลับว่า “เจ้าบอกข้าเกี่ยวกับต้นกำเนิดของครรภ์อสูรนี้ได้หรือไม่?”
หญิงสาวชุดดำส่ายหัวก่อนตอบ “ข้าบอกคุณชายซูได้เพียงว่าครรภ์อสูรนี้เกี่ยวข้องกับโถงวิญญาณหยินทมิฬ”
โถงวิญญาณหยินทมิฬเป็นขุมกำลังผู้ฝึกผีแห่งแรกในมหาทวีปคังชิงเมื่อสามหมื่นปีก่อน ที่แผ่อำนาจไปทั่วโลก
หัวหน้าโถงคนแรกก็คือ ‘จักรพรรดิผีหมิงหลัว’ ผู้ทำการปราบปรามไปทั่วโลก
แม้ว่าโถงวิญญาณหยินทมิฬจะหายไปในแม่น้ำสายยาวแห่งประวัติศาสตร์นานแล้ว แต่ก็มีพรรคมารหยินกระจัดกระจายอยู่ทุกหนทุกแห่งบนมหาทวีปคังชิง โถงวิญญาณหยินทมิฬในปัจจุบันยังคงถือเป็น ‘สถานที่ศักดิ์สิทธิ์’ ในใจผู้ฝึกผี!
ซูอี้ละสายตาจากกล่องทองแดง ก่อนมองไปยังผู้หญิงในชุดดำแล้วพูดว่า “ทิ้งครรภ์อสูรไว้ แล้วเจ้าไปได้”
ใบหน้างดงามของหญิงสาวชุดดำเปลี่ยนไปเล็กน้อย ก่อนนางจะกล่าว “คุณชายซูประเมินตัวเองสูงเกินไปหรือไม่? หรือเป็นเพราะความอดทนของข้าที่ทำให้ท่านคิดว่าจะเอาชนะข้าลงได้?”
ซูอี้ถอนหายใจเบา ๆ หยุดพูดเรื่องไร้สาระแล้วลงมือทันที
ฟึ่บ!
เขาประกบสองนิ้วเข้าหากันเหมือนดาบแล้วฟันออกไป
มันเป็นเพียงดาบ แต่กลับดูราวกับเป็นทางช้างเผือกสวรรค์ชั้นเก้าที่ตกลงมาเพื่อชำระล้างโลก
ม่านตาของหญิงสาวในชุดดำพลันหดลง ก่อนจะยกโคมดอกบัวสีเลือดในมือของนางขึ้น
ตูม!
เงาโคมสีเลือดวาดขึ้นไปบนท้องฟ้า
แต่ในชั่วพริบตา เงาโคมสีเลือดก็พลันถูกผ่าและระเบิดออกด้วยปราณดาบอันทรงพลัง
หญิงสาวในชุดดำเย็นวาบไปตามกระดูกสันหลัง ริมฝีปากสีกุหลาบของนางส่งเสียงร้องออกมา
ก่อนเห็นว่าโคมดอกบัวสีเลือดในมือของนางกลับกลายเป็นกระบี่ยาวสีเลือด …ที่ฟันออกไป!
ปราณกระบี่อันมืดมนและน่าขนลุกทะยานออกไปราวกับม้า ด้านข้างปราณกระบี่มีภูตผีนับร้อยปรากฏขึ้น
วิชาวิญญาณสีเลือดเร้นลับ!
นี่เป็นท่าไม้ตายของหญิงสาวชุดดำ ฟันหนึ่งกระบี่ ทำให้คู่ต่อสู้ตกอยู่ท่ามกลางหมู่ผีที่แน่นขนัดดุจขบวนร้อยผียามวิกาล ไม่อาจหนีพ้น!
ทว่าเมื่อเผชิญหน้ากับการฟันของซูอี้ ภูตผีหลายร้อยตนนั้นเสมือนฟองสบู่ที่ไม่อาจต้านทาน พวกมันไม่อาจหยุดยั้งปราณดาบอันทรงพลังได้จึงพากันสลายไป
“ไม่ดีแล้ว!”
หญิงสาวชุดดำหน้าเปลี่ยนสี ในที่สุดนางก็รู้ว่าซูอี้น่ากลัวเพียงใด
ยามนี้นางไม่มีแม้แต่เวลาจะหลบหลีก นางจึงกัดฟันอย่างแรง และยกกระบี่ยาวสีเลือดในมือขึ้น พยายามต้านทานมัน!
แต่ในเวลานี้เองร่างของหญิงสาวชุดดำพลันแข็งทื่อไป มือของนางชะงักค้างและไม่กล้าเคลื่อนไหวอีก
ตูม!
ปราณดาบอันทรงพลังที่ฟันออกมา เมื่ออยู่ห่างจากเบื้องหน้านางไปหนึ่งจั้ง มันก็สลายหายไปเหมือนกระแสน้ำโดยไม่ทำร้ายนางเลยแม้แต่น้อย
ทว่า ดวงตาคู่สวยของหญิงสาวในชุดดำเต็มไปด้วยความกลัวและความหวาดหวั่น
เพราะนางไม่รู้ว่าซูอี้ได้ปรากฏตัวขึ้นข้างกายนางตั้งแต่เมื่อใด มือเรียวใหญ่และแข็งแกร่งกดบนไหล่ของนาง!
ความเปลี่ยนแปลงเช่นนี้ทำให้วิญญาณของนางแทบหลุดออกจากร่าง
“เจ้ามีโอกาสเพียงครั้งเดียว ไปซะ”
ซูอี้ตบไหล่หญิงสาวในชุดดำ แล้วเดินไปที่กล่องทองแดง
เมื่อมองยังแผ่นหลังของซูอี้ ใบหน้างามของหญิงสาวชุดดำก็หม่นลง ในใจนางรู้สึกหวาดกลัวและหวั่นเกรง
ในที่สุดนางก็เข้าใจสิ่งที่ซูอี้พูด ถ้าเขาคิดลงมือจริง ๆ นางคงกลายเป็นศพไปแล้ว!
“คุณชายซู ท่านบอกข้าได้หรือไม่ว่าเหตุใดจึงปล่อยข้าไป?”
หญิงสาวในชุดดำอดที่จะถามไม่ได้
นางเคยถามมาก่อน แต่ซูอี้ได้หลีกเลี่ยงที่จะตอบ
ซูอี้เงียบไปครู่หนึ่ง ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความเศร้า เขาโบกมือและพูดว่า “นี่คือสิ่งที่ข้าติดหนี้เผ่าปีศาจงูของเจ้า”
ติดหนี้เผ่าปีศาจงู?
หญิงสาวในชุดดำเริ่มงุนงงมากขึ้นเรื่อย ๆ ชายผู้นี้เป็นแค่ชายหนุ่มขอบเขตไร้เบญจธัญ เขาไม่ใช่ตัวตนที่รอดชีวิตจากการถูกจองจำสามหมื่นปีอย่างนางแน่
แต่เหตุใดเขาถึงพูดเช่นนี้กัน?
เป็นไปได้ไหมว่าคนเบื้องหลังเขา หรือผู้อาวุโสที่อยู่รอบตัวคนผู้นี้… มีความเกี่ยวข้องกับเชื้อสายของนาง?
หญิงสาวชุดดำคิดไม่ออก
แต่นางมองออกว่าซูอี้ไม่เต็มใจที่จะตอบคำถามนี้
หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง หญิงในชุดดำก็พูดว่า “คุณชายซู ถ้าท่านปล่อยให้ผู้ฝึกตนของพรรคมารหยินในโลกนี้รู้ว่าครรภ์อสูรนี้ตกอยู่ในมือท่าน มันจะนำพาภัยพิบัติมากมายมาหาท่านแน่!”
หลังจากลังเลเล็กน้อย นางก็เอ่ยเพิ่ม “นอกจากนี้… หากการดำรงอยู่ในครรภ์อสูรตื่นขึ้น มันจะเป็นหายนะมากกว่าโชคลาภต่อคุณชาย”
พูดจบหญิงสาวชุดดำก็หมุนตัวจากไป
ตั้งแต่ต้นจนจบ ซูอี้ไม่ได้เหลียวไปมอง แต่นึกทอดถอนในใจ
“เย่น้อย ข้าไม่เคยคิดเลยว่าจะมีคนจากสายเลือดเผ่าปีศาจงูของเจ้าในมหาทวีปคังชิงนี้ด้วย…”
ในห้วงคำนึงของซูอี้ได้มีร่างที่งามสง่าปรากฏขึ้น
หญิงสาวผู้นั้นอายุราวสิบแปดหรือสิบเก้าปี มีคิ้วและตาที่โค้งมน สวมมงกุฎไว้บนศีรษะ สวมเสื้อคลุมนกกระเรียน และในมือถือโคมดอกบัวเรืองแสงเอาไว้
ในวันนั้น หญิงสาวจากไปลำพังทั้งน้ำตา ในโลกที่ว่างเปล่าและมืดมิด เหลือทิ้งไว้เพียงเงาร่างผอมบางโดดเดี่ยวที่ค่อย ๆ เดินห่างไปไกลขึ้นเรื่อย ๆ…
เสียงที่นุ่มนวลและหนักแน่นของนางดูเหมือนจะดังเข้ามาในหูของเขาอีกครั้ง “ซูเสวียนจวิน ข้าจะรอให้เจ้ากลับมา ถึงจะต้องรอตลอดชีวิตก็ไม่เป็นไร”
หญิงผู้นั้นมีนามว่าเย่อวี๋
จักรพรรดินีคนแรกในประวัติศาสตร์ของเผ่าปีศาจงู
หลังจากนั้นไม่นาน ซูอี้ก็ส่ายหัวและระงับความเศร้าในใจของเขาลง
อดีตไม่อาจหวนคืน จึงอย่าได้หวนนึกถึงเลย
ซูอี้มองย้อนกลับไปยังกล่องทองแดง หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็กัดปลายนิ้วใช้เลือดต่างหมึก และร่างบัญญัติที่แปลกประหลาดและมหัศจรรย์ก็ปรากฏขึ้นบนกล่องทองแดง
บัญญัติผนึกวิญญาณ!
บัญญัติที่ใช้สะกดและกักขังวิญญาณของผู้ฝึกตน
วูม!
เมื่อบัญญัติได้ก่อตัวขึ้น มันพลันสลายหายไปเหมือนราวกับอากาศอย่างเงียบ ๆ
กลิ่นอายของกล่องทองแดงทั้งหมดเองก็หายไปอย่างสมบูรณ์และไม่หลงเหลือความน่าอัศจรรย์อีก แม้ว่าจะใช้จิตสัมผัสก็ไม่พบความผิดปกติใด ๆ
จากนั้น ซูอี้จึงส่องเข้าไปในกล่องทองแดงด้วยจิตสัมผัสของตน
เขาเห็นหินหยกลึกลับสีดำขนาดเท่าพัดและกลมเหมือนลูกกลมอยู่ข้างใน
ไขกระดูกต้นกำเนิดอสูรสวรรค์
วัตถุศักดิ์สิทธิ์อันหายากซึ่งใช้ในการขัดเกลาหัวใจทารกในครรภ์อสูร ก่อนผนึกด้วยวิธีการลับ
สิ่งมีชีวิตในครรภ์อสูรสามารถหล่อเลี้ยง เปลี่ยนแปลง และวิวัฒนาการได้
ครรภ์อสูรนี้ปกคลุมไปด้วยผนึกจำนวนมาก และรัศมีของมันช่างน่าสะพรึงกลัว
หากอาศัยแค่จิตสัมผัสจะเห็นเพียงร่างวิญญาณเลือนรางอยู่ในครรภ์อสูรภายใต้ผนึกอันแน่นหนา ซึ่งไม่มีทางมองออกเลยว่ามันมีหน้าตาอย่างไร
คล้ายจะรับรู้ถึงจิตสัมผัสของซูอี้ ครรภ์อสูรพลันสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง ซึ่งพลังของผนึกที่ปกคลุมบนพื้นผิวก็เปล่งประกายด้วยพลังที่ผันผวนอันแปลกประหลาดและลึกลับออกมา
“ต้นกำเนิดของเจ้าคืออะไรไม่สำคัญ แต่จงอยู่ในนั้นดี ๆ”
ซูอี้ยิ้มพลางถอนจิตสัมผัสออก ปิดฝากล่องทองแดงลงแล้วโยนมันเข้าไปในจี้หยกหอยหิมะ
แม้ว่าต้นกำเนิดของสิ่งมีชีวิตในครรภ์อสูรนี้จะยังไม่เป็นที่รู้จัก แต่กลิ่นอายของมันก็น่าทึ่งมาก หากไม่ถูกผนึกไว้ เกรงว่ามันคงจะหนีออกจากเปลือกไปแล้ว
ตามการประเมินของซูอี้ สิ่งมีชีวิตในครรภ์อสูรนี้น่าจะเป็นตัวตนในวิถีวิญญาณแล้ว!
มันน่าอัศจรรย์มาก
ต้องรู้ก่อนว่าครรภ์อสูรเป็นเหมือนครรภ์ของมารดา และสิ่งมีชีวิตในนั้นก็เปรียบดังเด็กทารก
ลองคิดดูว่าจะมีสิ่งมีชีวิตที่น่าอัศจรรย์ใดที่จะมีกลิ่นอายผันผวนในระดับวิถีวิญญาณก่อนที่จะเกิด?
ครรภ์อสูรดังกล่าวทำให้ซูอี้นึกถึงลูกศิษย์คนที่สามของเขา ฮัวเหยา ยามฮัวเหยาอยู่ในครรภ์อสูร อีกฝ่ายก็มีกลิ่นอายที่ทรงพลังยิ่ง ซึ่งแข็งแกร่งกว่าสิ่งมีชีวิตในครรภ์อสูรที่อยู่ตรงหน้าเขามากนัก
ทว่า หลังจากที่สิ่งมีชีวิตในครรภ์อสูรถือกำเนิดออกมา มันจำเป็นต้องผนึกพลังและทำการฝึกฝนใหม่ ด้วยวิธีนี้มันจึงจะสามารถควบคุมพลังที่มีได้
นี่คล้ายกับการกลับชาติมาเกิด
ความแตกต่างเพียงอย่างเดียวคือสิ่งมีชีวิตในครรภ์อสูรไม่ได้กลับชาติมาเกิด
ซูอี้ไม่มีเวลามาสนใจสิ่งมีชีวิตในครรภ์อสูรตอนนี้
ถ้าฆ่ามันทิ้ง มันก็จะถูกทำลายอย่างสิ้นเชิง
หากปล่อยมันออกมาตอนนี้ มีโอกาสอย่างยิ่งที่มันจะนำปัญหามากมายมาให้
เขาจึงทำได้แค่ผนึกและทิ้งมันไว้ลำพัง
ในอนาคตเมื่อถึงเวลามันยังไม่สายเกินไปที่จะไตร่ตรองเรื่องของครรภ์อสูร
กล่าวโดยสรุปคือ สำหรับซูอี้ ครรภ์อสูรตอนนี้กลายเป็นสมบัติที่ไร้ประโยชน์ และเขาก็ไม่ได้สนใจที่จะศึกษามันเลย
“พวกเจ้าสองคน ในเมื่อตื่นแล้วก็อย่าซ่อนอยู่เลย”
ซูอี้เงยหน้าขึ้นและมองไปยังห้องส่วนตัวที่อยู่ไกลออกไป
ไม่นานหลังจากคำพูดนี้จางหายไป กู่ชางหนิงและหญิงชราก็ปรากฏตัวขึ้น ฝ่ายแรกดูเขินอายเล็กน้อย ในขณะที่ฝ่ายหลังค่อนข้างน่าสงสัย
“พี่ซู ต้องขอบคุณความช่วยเหลือของท่านในครั้งนี้ ไม่เช่นนั้น ข้าจะไม่คิดเลยว่านางจะทำเรื่องบ้า ๆ นี้ได้”
กู่ชางหนิงประสานมือทักทาย
เมื่อคิดถึงประสบการณ์ในตอนนี้ เขาก็ขบฟันด้วยความเกลียดชัง และนอกจากโทสะภายในใจแล้ว เขายังรู้สึกอับอายเล็กน้อยอีกด้วย
สำหรับเขาแล้ว นี่มันก็ไม่ต่างจากการล้มหัวทิ่มครั้งใหญ่ มันน่าอายเกินไปแล้ว!
“ไม่จำเป็นต้องขอบคุณข้า ข้าเพียงแค่บังเอิญผ่านมาเท่านั้น”
ซูอี้ส่ายหัว หันหลังและเดินไปที่ห้องส่วนตัวเดิม
“สหายเต๋าซู โปรดรอก่อน”
ในเวลานี้หญิงชราผมขาวโพลนพลันกล่าวขึ้น
“มีอะไรอย่างนั้นหรือ?” ซูอี้ถาม
“ข้าไม่รู้ว่า… สหายเต๋าซูเต็มใจปล่อยครรภ์อสูรในมือหรือไม่?”
หญิงชราลังเลก่อนจะกล่าวว่า “แน่นอน เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยน พวกเราจะมอบสมบัติให้มากพอที่จะทำให้สหายเต๋าพึงพอใจ”
กู่ชางหนิงเองก็แสดงท่าทีคาดหวัง
“ถ้าเป็นเจ้า เจ้าจะยอมปล่อยสมบัติชิ้นนี้ไปหรือไม่?”
ซูอี้เอ่ยอย่างคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม เขาเห็นแล้วว่าหญิงชราเป็นมหาปราชญ์วิถีวิญญาณ แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้เขาหวาดกลัวแม้แต่น้อย