บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 455 ดักแด้วิญญาณหยก
ตอนที่ 455: ดักแด้วิญญาณหยก
ตอนที่ 455: ดักแด้วิญญาณหยก
หยกเมฆาอัคคีจรัส!
ผู้ชมทั้งหลายเงียบและทุกสายตาต่างจับจ้อง
ทุกคนต่างเห็นว่าในมือของซูอี้มีหยกจิตวิญญาณขนาดเท่าลูกเกาลัด
ดวงตาของจั่วซิงเหอเบิกกว้างและสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป
ตัวตนยิ่งใหญ่ในตระกูลจั่วต่างเจ็บปวดในใจ ดวงตาของพวกเขาแข็งค้าง
จางอวิ๋นเทา ฮั่วอวิ๋นเซิง และคนอื่น ๆ ต่างตกตะลึง
แววตาของเหวินซินจ้าวยิ่งเปล่งประกายมากกว่าเก่า
ชิงหยาอุทานด้วยความประหลาดใจ
หยวนเหิงและไป๋เวิ่นฉิง มองหน้ากันและตกใจ
หยกเมฆาอัคคีจรัส วัตถุวิญญาณระดับสูง ไม่เพียงแต่สามารถใช้สร้างยันต์ลับได้เท่านั้น แต่ยังสามารถกลั่นเป็นเม็ดยาได้อีกด้วย
หยกเมฆาอัคคีจรัสขนาดเท่าลูกเกาลัดนี้ มูลค่าของมันย่อมไม่ต่ำกว่าหินวิญญาณระดับหกจำนวนสองร้อยก้อน!
มูลค่านี้เป็นสองเท่าของหยกพยัคฆ์ทองคำของจางอวิ๋นเทา!
“สหายเต๋าซู… สายตาช่างเฉียบแหลม!”
จั่วซิงเหอกล่าวชม แต่ทว่าภายในใจประหนึ่งมีมีดกรีดเฉือน
เสียดายของยิ่งนัก!
หากสิ่งนี้เป็นคนของวังเทพสวรรค์เมฆาได้รับไปมันย่อมจะดีกว่า
แต่ทว่าหยกจิตวิญญาณนี้กลับตกไปอยู่ในมือของรุ่นเยาว์ที่ไร้ซึ่งความสำคัญใด จั่วซิงเหอจะมีความสุขได้อย่างไร?
บรรดาตัวตนยิ่งใหญ่ของตระกูลจั่วต่างก็รู้สึกเจ็บปวดเช่นกัน พวกเขาต่างหดหู่มาก
“เป็นเพราะผู้นำตระกูลจั่วโดยแท้ที่ให้โอกาสข้าในการเลือกหินจิตวิญญาณต้นกำเนิด”
ซูอี้กล่าวด้วยรอยยิ้มประชดประชัน
จากนั้นโดยไม่สนใจสีหน้าที่มืดหม่นของจั่วซิงเหอ ซูอี้เก็บหยกเมฆาอัคคีจรัสและนำหินจิตวิญญาณต้นกำเนิดที่เลือกสำหรับไป๋เวิ่นฉิงออกมาเปิด
คลิ๊ก!
เสียงที่คมชัดดังขึ้นพร้อมกับแสงสีน้ำเงินสาดส่องไปทั่วทั้งห้องอีกครั้ง หยกจิตวิญญาณสีน้ำเงินขนาดเท่าลูกมะยมปรากฏขึ้นบนฝ่ามือของซูอี้
โฮ่!
เสียงอุทานดังไปทั่วทั้งห้องอีกรอบ
หยกวิญญาณแก่นแท้สมุทร!
นี่เป็นหยกจิตวิญญาณอันล้ำค่าอีกชนิดหนึ่งซึ่งอัดแน่นไปด้วยเต๋าแห่งวารีธาตุ เป็นสมบัติที่หายากเอาไว้ใช้สำหรับการสร้างสมบัติที่เกี่ยวข้องกับธาตุน้ำ
“นี่…”
จางอวิ๋นเทาและคนอื่น ๆ ตกตะลึงอีกครั้ง ทำไมจู่ ๆ โชคของซูอี้ถึงกลายเป็นเรื่องเหลือเชื่อได้ขนาดนี้?
โดยเฉพาะอย่างยิ่งฮั่วอวิ๋นเซิง เฉียนเทียนหลง และซุนเฟิง พวกเขาทั้งหมดไม่ได้อะไรเลย เมื่อเปรียบเทียบกับสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้าแล้ว พวกเขารู้สึกอายจนอยากจะแทรกแผ่นดินหนี จิตใจของพวกเขาปั่นป่วนไม่หยุดหย่อน
จั่วซิงเหอเจ็บปวดใจราวกับถูกมีดนับสิบทิ่มแทงที่กลางอก มุมริมฝีปากของเขากระตุกอย่างรุนแรง
ตัวตนยิ่งใหญ่ของตระกูลจั่ว ทั้งหมดทำหน้าตาคล้ายกับเพิ่งกินศพแมลงวันเน่าเข้าไป สีหน้าของพวกเขาแย่มากถึงที่สุด ในใจของพวกเขาหดหู่มากจนอยากจะอาเจียนเป็นเลือด
ไม่มีใครคาดถึงว่าซูอี้จะได้รับหยกจิตวิญญาณที่หายากสุดขีดสองชนิดเช่นนี้ติดต่อกัน
หากพวกเขารู้มาก่อนว่าจะเกิดเรื่องบ้า ๆ แบบนี้ แน่นอนพวกเขาจะไม่มีวันอนุญาตให้ซูอี้ได้เลือกหินจิตวิญญาณต้นกำเนิดทั้งสองก้อนนั้น!
เหวินซินจ้าว ชิงหยา และคนอื่น ๆ อดไม่ได้ที่จะประหลาดใจ
เป็นโชคดีอย่างเหลือเชื่อแล้วที่สามารถเลือกหยกจิตวิญญาณที่หายากได้สักก้อนหนึ่ง แต่การเลือกได้สองก้อนติดกันนั้นพวกเขาไม่รู้จะอธิบายออกมาเป็นคำพูดอย่างไรดี?
“สหายซูช่างโชคดีอย่างแท้จริง แต่ทว่าหยกจิตวิญญาณทั้งสองที่ท่านเปิดเมื่อครู่มันเป็นสิ่งที่ท่านเลือกให้เป็นของผู้อื่น ส่วนของของท่านเอง… มันยังไม่ได้ถูกเปิดออก เหตุใดท่านไม่เปิดมันให้เราทุกคนในที่แห่งนี้ได้เปิดหูเปิดตารับชมเสียหน่อยเล่า?”
จั่วซิงเหอรับหายใจเข้าลึกเพื่อระงับความระทมในใจและฝืนยิ้ม
ในเมื่อเขาอารมณ์เสียแล้ว มันเป็นเรื่องปกติที่เขาต้องการทำให้ซูอี้อารมณ์เสียเฉกเช่นเดียวกัน
เขาเห็นแล้วว่าก่อนหน้านี้หินจิตวิญญาณต้นกำเนิดที่ซูอี้เลือกสำหรับตัวเองนั้นมีสีธรรมดาและพื้นผิวที่หมองคล้ำ ดังนั้นมันจึงเป็นไปไม่ได้ที่ภายในจะมีสมบัติใดซ่อนอยู่!
ตราบใดที่มันถูกเปิดออก ซูอี้จะต้องเผชิญกับความอับอายเพราะกลับไปมือเปล่า ส่วนหยกจิตวิญญาณสองชิ้นในหินจิตวิญญาณต้นกำเนิดทั้งสองก้อนที่ซูอี้เปิดออกไปแล้ว… พวกมันถูกเลือกให้คนอื่นไม่ใช่ของซูอี้!
“เปิดเถิด ข้าอยากรับชมเสียหน่อยว่าหินจิตวิญญาณต้นกำเนิดที่คุณชายซูเลือกให้ตัวเองนั้นยิ่งน่าอัศจรรย์กว่าก่อนหน้านี้หรือไม่”
“หากคุณชายซูยังสามารถได้รับหยกจิตวิญญาณอีก ไม่ว่ามันจะเป็นหยกจิตวิญญาณที่ดีหรือแย่ ข้าจะขอซื้อมันในราคาสิบเท่า!”
ตัวตนยิ่งใหญ่ของตระกูลจั่วเอ่ยขึ้นเสียงชัดถ้อย ทุกคนต่างอยากเห็นซูอี้อับอาย
จางอวิ๋นเทา ฮั่วอวิ๋นเซิง และคนอื่น ๆ ต่างมองไปที่ซูอี้ เพียงแค่ดูปฏิกิริยาของตัวตนยิ่งใหญ่ในตระกูลจั่วมันก็ทำให้พวกเขาพอเดาออกว่าซูอี้มีแนวโน้มที่จะต้องอับอาย!
“ราคาสิบเท่า?”
ริมฝีปากของซูอี้โค้งขึ้นอย่างดูถูก
เปลือกตาของจั่วซิงเหอเริ่มกระตุกอีกรอบ เขารู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ
ทันใดนั้น ซูอี้เหยียดสองนิ้วมือซ้ายออกประหนึ่งมีด จากนั้นใช้มันฟันผ่าหินจิตวิญญาณต้นกำเนิดในฝ่ามือขวาของเขา
ฟุ่บ!
เศษหินจิตวิญญาณต้นกำเนิดบินหลุดลอยไป ทว่าไม่มีแสงสีตระการตาใดปรากฏขึ้นเหมือนกับสองครั้งที่แล้ว
เมื่อเห็นฉากนี้ ตัวตนยิ่งใหญ่ของตระกูลจั่วก็อดกลั้นขำไม่ไหว ในที่สุดพวกเขาก็รู้สึกมีความสุขขึ้นเล็กน้อย ไม่เช่นนั้นหลังจากนี้พวกเขาคงจะต้องอาเจียนเป็นเลือด
จางอวิ๋นเทา ฮั่วอวิ๋นเซิง และคนอื่น ๆ สีหน้าต่างมืดหม่นในทันที พวกเขาทั้งส่ายหัวและถอนหายใจ
ฮั่วอวิ๋นเซิงจงใจแสร้งทำเป็นปลอบโยน “พี่ซู ครั้งนี้นับได้ว่าท่านเสียสละตัวเองเพื่อผู้อื่น อย่าได้ท้อใจไปเลย”
เหวินซินเฉา ชิงหยา และคนอื่น ๆ ต่างมองหน้ากัน ทุกคนงงงวย ซูอี้… นี่ท่านเลือกขยะให้ตนเองจริงอย่างนั้นหรือ?
แต่ทันใดนั้น
จั่วซิงเหอผู้ซึ่งไม่เอ่ยปากพูดมาก่อน ดวงตาเบิกกว้างและเสียงสั่นอย่างไม่อาจควบคุม “ดักแด้วิญญาณหยก! เป็นไปได้อย่างไร!?”
ดักแด้วิญญาณหยก?
เมื่อได้ยินชื่อนี้ ตัวตนยิ่งใหญ่ของตระกูลจั่วต่างลุกขึ้นยืนราวกับถูกฟ้าผ่า
ผู้ชมทั้งหลายต่างมองไปที่พวกเขา
ในฝ่ามือของซูอี้ท่ามกลางเศษของหินจิตวิญญาณต้นกำเนิด มีรังไหมที่มีขนาดเท่าถั่วลิสง ไม่ได้ดูโดดเด่นแต่อย่างใดและเต็มไปด้วยฝุ่น
ดูอย่างใกล้ชิดพื้นผิวของรังไหมถูกปกคลุมด้วยอักขระมากมายดูแปลกตา!
“น… นี่เป็นของจริง!”
หนึ่งในผู้อาวุโสของตระกูลจั่ว ตัวสั่นและดวงตาของเขาเบิกกว้าง
“เมื่อร้อยปีก่อน เคยเปิดพบเจอดักแด้วิญญาณหยก! แต่ไม่คิดเลย… ไม่คิดเลยว่าวันนี้… วันนี้ในที่สุดก็ได้เห็นมันอีกครั้ง…”
ใครบางคนอุทานออกมา
เมื่อเห็นปฏิกิริยาอันรุนแรงของจั่วซิงเหอและบรรดาตัวตนยิ่งใหญ่ของตระกูลจั่ว จางอวิ๋นเทาและคนอื่น ๆ ต่างก็ตระหนักว่ามีบางอย่างผิดปกติ และพวกเขาต่างประหลาดใจ
“บังอาจถามพี่จั่ว ดักแด้วิญญาณหยกคือสมบัติอะไร?”
จางอวิ๋นเทาอดไม่ได้ที่จะถาม
จั่วซิงเหอสูดหายใจเข้าลึกทำให้จิตใจสงบและพูดว่า “ดักแด้วิญญาณหยกเป็น ‘สิ่ง’ ที่แปลกประหลาด มันจำเป็นต้องได้รับการหล่อเลี้ยงด้วยวิธีลับซึ่งหากทุกอย่างไม่มีสิ่งใดผิดพลาด มันมีโอกาสสูงที่จะเปลี่ยนเป็น ‘ผีเสื้อหยกวิญญาณ’ และผีเสื้อหยกวิญญาณนี้เกิดมาพร้อมกับความสามารถในการสำรวจหาเส้นชีพจรเหมืองหยกวิญญาณ!”
“เมื่ออดีต บรรพบุรุษของพวกเราตระกูลจั่วพบเจอผีเสื้อหยกวิญญาณโดยบังเอิญและด้วยความช่วยเหลือของมัน ในเวลาเพียงสิบปีพวกเราจึงได้ค้นพบเส้นชีพจรเหมืองหยกวิญญาณทั้งขนาดใหญ่และขนาดเล็กมากกว่าสิบเส้น ซึ่งมันส่งผลให้ตระกูลจั่วของเรารุ่งเรืองได้เฉกเช่นปัจจุบันนี้”
“อาจกล่าวได้ว่าตระกูลจั่วของเราที่มีวันนี้ได้เป็นเพราะอาศัยความสามารถของผีเสื้อหยกวิญญาณก็ไม่ผิด”
ตอนนี้เองที่ทุกคนตระหนักได้ว่าสมบัติที่ซูอี้ได้รับนั้นน่าอัศจรรย์เพียงใด มูลค่าของดักแด้วิญญาณหยกนี้ไม่อาจวัดได้ด้วยจำนวนหินวิญญาณ!
ฮั่วอวิ๋นเซิงอิจฉาจนแทบกระอักเลือด และยิ่งเมื่อนึกถึงก่อนหน้านี้ที่เขาแสร้งปลอบซูอี้ว่าเป็นผู้เสียสละตัวเองเพื่อผู้อื่น ตอนนี้การปรากฏของดักแด้วิญญาณหยกมันไม่ต่างอะไรกับเขาตบหน้าตัวเองอย่างแรง
แม้แต่จางอวิ๋นเทาตัวตนที่มีประสบการณ์ท่องโลกมากมายและผ่านร้อนผ่านหนาวมานับครั้งไม่ถ้วนก็ยังอดไม่ได้ที่จะอิจฉา
สายตาของซูอี้ผู้นี้เฉียบแหลมจนน่าสะพรึงกลัว!
แลเห็นเช่นนี้ เริ่นโหยวโหย่ว เฉียนเทียนหลง และคนอื่น ๆ ก็แสดงสีหน้าขมขื่น พวกเขาอยากจะเห็นซูอี้ขายหน้าอย่างแท้จริง
ทว่ามันกลับกลายเป็นซูอี้ที่ได้รับสมบัติที่ล้ำค่าที่สุด!
“น่าเสียดาย ผีเสื้อหยกวิญญาณนี้หายากยิ่งนัก ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา แม้ตระกูลจั่วของเราจะพยายามหามันสักเพียงใด แต่ก็ได้รับมาแค่เพียงสามตัวเท่านั้น และสองในนั้นใกล้จะหมดพลังแล้ว…”
จั่วซิงเหอถอนหายใจ
จากนั้นเขามองดูดักแด้วิญญาณหยกในมือของซูอี้อยู่ครู่หนึ่งก่อนจะประสานมือพลางก้มศีรษะของเขาและกล่าวด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความละอาย “คุณชายซู ก่อนหน้าข้าละเลยท่านอย่างแท้จริง ข้าหวังว่าท่านจะมีน้ำใจให้อภัยกับความผิดของข้าผู้นี้ที่โง่เขลาแล้ว”
ทุกคนตกตะลึง
ซูอี้ยิ้มและพูดว่า “เจ้าต้องการดักแด้วิญญาณหยกนี้อย่างนั้นหรือ?”
สีหน้าของจั่วซิงเหอเต็มไปด้วยความเขินอายเมื่อจุดประสงค์ของตนเองถูกเปิดเผย เขาจึงกล่าวว่า “หากเป็นไปได้ ตระกูลจั่วของข้ายินดีที่จะซื้อดักแด้วิญญาณหยกนี้ ขอเพียงคุณชายซูเอ่ยปากบอกเงื่อนไข ตราบใดที่ตระกูลจั่วของข้าสามารถทำได้ข้าจะยอมรับทุกอย่าง!”
น้ำเสียงของเขาแฝงไปด้วยความวิงวอน
ไม่มีทางที่ตระกูลจั่วจะนิ่งเฉยได้ สมบัติเช่นดักแด้วิญญาณหยกมีค่าเกินไป มีค่ามากพอที่จะส่งผลต่อการขึ้นหรือลงของตระกูลพวกเขา!
“คุณชายซูโปรดเห็นใจด้วย!”
เหล่าตัวตนยิ่งใหญ่ของตระกูลจั่วต่างก็พากันเอ่ยขึ้นเช่นกัน
ฉากนี้ทำให้จางอวิ๋นเทา ฮั่วอวิ๋นเซิง และคนอื่น ๆ รู้สึกอึดอัดมากขึ้นเรื่อย ๆ
เหวินซินจ้าวยิ้ม
ก่อนหน้านี้ คนเหล่านี้มีตาหามีแววไม่และจงใจดูถูกซูอี้
แต่ตอนนี้ พวกเขาทำได้แค่ก้มหัวและขอร้อง!
ผลกรรมที่ย้อนกลับอย่างสาสมเช่นนี้นับได้ว่าน่าดูที่สุดแล้ว
“สำหรับข้า ดักแด้วิญญาณหยกนี้หาได้มีประโยชน์อะไรต่อข้ามากมายไม่ ดังนั้นแล้วมันไม่ใช่เรื่องเป็นไปไม่ได้ที่จะขายให้กับพวกเจ้า”
ซูอี้กล่าว
ถ้าเขาต้องการสำรวจหาเส้นชีพจรเหมืองหยกวิญญาณ เขาไม่จำเป็นต้องการความช่วยเหลือจากผีเสื้อหยกวิญญาณแม้แต่น้อย เขาแค่ต้องใช้ทักษะลับบางอย่างเท่านั้นในการค้นหา
ดังนั้นถ้าสามารถแลกเปลี่ยนมันกับทรัพยากรการบ่มเพาะได้ มันย่อมเป็นประโยชน์สำหรับเขามากกว่า
จั่วซิงเหอเผยรอยยิ้มกว้างทันทีและโค้งคำนับอีกครั้ง “ขอบคุณ! ขอบคุณคุณชายซู!”
ตัวตนยิ่งใหญ่ตระกูลจั่วต่างก็ยิ้มแย้มแจ่มใสเช่นกัน
“พวกเจ้าควรรับฟังเงื่อนไขของข้าเสียก่อน ก่อนที่พวกเจ้าจะตัดสินใจ”
หลังจากพูด ซูอี้หยิบแผ่นหยกออกมา ครุ่นคิดครู่หนึ่ง จากนั้นสลักเงื่อนไขของเขาลงไปแล้วส่งให้จั่วซิงเหอ
“หินวิญญาณระดับหกจำนวนสามพันก้อน สมุนไพรวิญญาณระดับหกจำนวนแปดร้อยชนิด หยกจิตวิญญาณจำนวนหนึ่งร้อยชิ้นสำหรับหลอมสร้างยันต์ลับวิถีวิญญาณ วัตถุวิญญาณระดับหกจำนวนห้าร้อยชนิด…”
เมื่อจั่วซิงเหอเห็นเงื่อนไขในแผ่นหยก มุมของริมฝีปากของเขากระตุกอย่างรุนแรง ทุกข้อเรียกร้องในเงื่อนไขไม่ต่างกับมีดคมแทงเข้าไปในหัวใจของเขาสร้างความเจ็บปวดจนแทบจะหายใจไม่ออก
เงื่อนไขนี้ช่างโหดร้ายนัก!
สิ่งนี้ไม่ใช่ข้อเสนอที่ใจกว้าง แต่มันคล้ายกับอีกฝ่ายอยากใช้โอกาสนี้ปล้นคลังสมบัติตระกูลจั่วอย่างโหดเหี้ยม!
หลังจากทำใจอยู่พักหนึ่ง จั่วซิงเหอก็ยิ้มอย่างแข็งกร้าวและเอ่ยว่า “สหายซู เงื่อนไขนี้ท่านจริงจัง…”
ซูอี้ขัดจังหวะ “เจ้าน่าจะรู้ดีอยู่แก่ใจ ถ้าดักแด้วิญญาณหยกนี้กลายเป็นผีเสื้อหยกวิญญาณแล้ว ความมั่งคั่งที่มันจะนำมาให้ตระกูลจั่วนั้นถือได้ว่าห่างไกลจากเงื่อนไขที่เจ้าต้องจ่าย”
“แต่…”
จั่วซิงเหออยากจะต่อรองเป็นเงื่อนไขอื่น แต่ซูอี้เอ่ยขึ้นขัดอีกครั้ง “ถ้าเจ้าต่อรอง ข้าจะขายให้ตระกูลหรือกลุ่มอิทธิพลอื่นแทน ข้าเชื่อว่าด้วยเงื่อนไขที่ข้าเสนอ ย่อมไม่มีกลุ่มหรือตระกูลใดปฏิเสธ”
จั่วซิงเหอใจหายวาบทันทีและไม่กล้าที่จะลังเลอีกต่อไป เขากัดฟันกรอด “ตกลง! จั่วผู้นี้ยอมตกลง! จั่วผู้นี้สัญญาว่าพรุ่งนี้จะนำสมบัติที่คุณชายซูต้องการมาแลกเปลี่ยนอย่างแน่นอน!”
ซูอี้พยักหน้าไม่พูดอะไรต่ออีก จากนั้นหันหลังและกลับไปนั่งที่เดิม
จากนี้ไป ไม่ว่าเป็นผู้ใดของตระกูลจั่วย่อมไม่กล้าแสดงท่าทีเฉยชาหรือละเลยซูอี้อีกต่อไป