บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 457 แมวหยอกหนู
ตอนที่ 457: แมวหยอกหนู
ตอนที่ 457: แมวหยอกหนู
ฟ้าว!
ท่ามกลางอากาศ ร่างของซูอี้พุ่งออกไปด้วยความรวดเร็ว
วิชาหลบหนีทะยานเวหา!
เคล็ดวิชาการเคลื่อนไหวที่เรียกได้มีความเร็วสูงสุด พัฒนาต่อยอดมาจากพลังโดยกำเนิดของวิหคเทวะ ‘นกกระจอกทะยานสวรรค์’
เมื่อใช้งานแล้วจะเหมือนกับลำแสงที่เคลื่อนที่ด้วยพลังปราณมิติ ซึ่งรวดเร็วยิ่งจนทำให้โลกตะลึง
แก่นสำคัญของมันอยู่ที่วิถีแห่งสายลม
หลังจากเข้าใจจังหวะของสายลมแล้ว ซูอี้ก็สามารถแสดงทักษะการเคลื่อนไหวที่มีชื่อเสียงในด้านความเร็วได้
ฟิ้ว!
ร่างของซูอี้บินออกไป กระแสลมรอบ ๆ ร่างเขากลายเป็นเงาร่างปีกนกโปร่งใส เพียงพริบตามันก็กะพริบวาบหายออกไปนับร้อยจั้งอย่างไม่สนใจแรงต้านทานของอากาศโดยสิ้นเชิง
ยามร่างของเขาหายลับไปในอากาศก็เหลือไว้เพียงร่องรอยการหลบหนีที่เลือนราง
ไม่ต้องพูดถึงคนธรรมดาเลย แม้เป็นผู้ฝึกตนหากไม่ได้ใช้จิตสัมผัสก็ยากที่จะจับร่องรอยของซูอี้ได้
มันรวดเร็วเกินไป!
ยามซูอี้ต่อสู้กับบุตรสวรรค์เนี่ยเฟิง ณ เมืองผีเสี่ยวเฟิงตู ฝ่ายหลังได้ใช้ ‘วิชาเร้นสายลม’ หนีเข้าไปในอากาศโดยไม่ทิ้งร่องรอย ซึ่งความเร็วนั้นจัดได้ว่ารวดเร็วยิ่ง อีกทั้งยังแปลกประหลาดและน่ากลัว
แต่ในแง่ของความเร็ว วิชาเร้นสายลมของบุตรสวรรค์เนี่ยเฟิงนั้นด้อยกว่าวิชาหลบหนีทะยานเวหาอย่างเห็นได้ชัด!
“เจ้าจะหนีพ้นได้หรือไม่?”
ระหว่างการไล่ล่า ดวงตาของซูอี้ดูไม่แยแส จิตสัมผัสของเขาแผ่ขยายออกไปก่อนกำหนดร่างเป้าหมายจากระยะไกล
ร่างนั้นเป็นชายหนุ่มชุดเทาที่มีรูปร่างหน้าตาธรรมดาดาษดื่น อีกฝ่ายถือธนูสีดำคันใหญ่ไว้พร้อมบินออกไปในอากาศ ร่างนั้นพร่ามัวจนมองแทบไม่เห็น ความเร็วของอีกฝ่ายรวดเร็วจนน่าประหลาดใจ
ถ้าเป็นผู้ฝึกตนคนอื่น เกรงว่าคลาดกับชายหนุ่มไปนานแล้ว
แต่ซูอี้กลับกำลังลดระยะห่างตนกับอีกฝ่ายลงทีละน้อย!
“ซูอี้ หากข้ายอมรับความพ่ายแพ้ เจ้าจะช่วยหยุดแค่นี้ได้หรือไม่?”
เสียงของชายหนุ่มที่สวมชุดสีเทาดังมาจากที่ไกล ๆ
“ไม่!”
ซูอี้ตอบโดยไม่ลังเล
“ข้าว่าแล้วว่ามันจะต้องเป็นแบบนี้ ก็ได้ มาดูกันว่าใครจะเป็นผู้ชนะและผู้แพ้ในท้ายที่สุด!”
ชายหนุ่มชุดเทาถอนหายใจ
“ผิดแล้ว มันเป็นเรื่องของความเป็นความตาย”
ซูอี้พูดเบา ๆ
“ฮ่า ๆๆ ได้ ๆ เช่นนั้นข้าจะฟังเจ้า มันเป็นเรื่องของความเป็นความตาย!”
ชายหนุ่มชุดเทาหัวเราะ
ฟ้าว!
เสียงหัวเราะอันดังของเขายังคงดังก้องอยู่ใต้ท้องฟ้า ก่อนที่ร่างเขาจะกลายเป็นดั่งดาวหางที่ตกลงมา พุ่งลงไปยังภูเขาศักดิ์สิทธิ์อันกว้างใหญ่
ร่างของซูอี้กะพริบไหว และในชั่วพริบตา เขาก็ลอยไปอยู่ด้านหน้าของป่าโบราณ กิ่งก้านหนาทึบที่ปกคลุมท้องฟ้าส่งผลให้ตัวป่าดูมืดมน
ชายหนุ่มสวมชุดสีเทาได้หลบหนีเข้าไปในส่วนลึกของป่าดึกดำบรรพ์ซึ่งเขามองไม่เห็นจุดจบ
“สถานที่แห่งนี้เหมาะแก่การซุ่มโจมตีและการลอบสังหารอย่างยิ่ง แต่น่าเสียดาย สำหรับข้าแล้วมันเป็นเพียงแค่เครื่องประดับ”
ซูอี้ส่องประกายแล้วพุ่งเข้าไปในป่า
“เปิด!”
ลมปราณของป่าไม้สีเขียวพลันพุ่งออกมาจากร่างกายของชายหนุ่ม ก่อนที่ดวงตาซึ่งเงียบสงบและไม่แยแสผู้ใดจะเปล่งแสงสีเขียวจาง ๆ ออกมา
จังหวะวิถีแห่งไม้!
ชั่วขณะนี้ วิญญาณและลมปราณของเขาพลันสะท้อนเข้ากับต้นไม้ใบหญ้าที่เขาผ่านไป
ฟ้าว! ฟ้าว!
เมื่อร่างของซูอี้พุ่งผ่านไป ต้นไม้และกิ่งก้านก็แกว่งไกวไปมาอย่างบ้าคลั่ง
เหล่า ‘พืชพันธุ์’ ในป่าได้กลายเป็นดั่ง ‘ดวงตา’ ของซูอี้ มันทำให้เขารับรู้สถานการณ์ตลอดเส้นทางเหมือนหลังมือของตัวเอง โดยมันถูกแสดงให้เห็นภายในใจของเขาอย่างชัดเจน
ในไม่ช้า กลิ่นอายที่ชายหนุ่มชุดเทาทิ้งไว้ยามหลบหนีก็ถูกซูอี้ค้นพบและถูกไล่ตามไปตลอดทาง
ชั่วขณะนั้น ซูอี้พลันหยุดชะงักราวกับคาดการณ์ได้ล่วงหน้า
ตูม!!
ข้างหน้าเขาห่างออกไปสามสิบจั้งพลันระเบิดออก ลูกธนูเพลิงจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งกระจายตกลงมาดุจสายฝน
นี่คือค่ายกลสังหารที่ถูกฝังไว้นานแล้ว และรัศมีทำลายล้างสามารถสังหารตัวตนขอบเขตรวบรวมดาราในโลกนี้ได้อย่างง่ายดาย
แต่เนื่องจากซูอี้ได้หยุดลงก่อน ลูกศรเพลิงที่โหมกระหน่ำยิงออกไปจึงตกลงมาห่างออกไปสามสิบจั้งโดยไม่ได้ทำร้ายซูอี้เลย
“ดูท่าว่าการลอบสังหารครั้งนี้ไม่ใช่การลงมือฉับพลัน แต่ถูกจัดเตรียมมาเป็นเวลานานแล้ว…”
ดวงตาของซูอี้เป็นประกายวาววับ และมีจิตสังหารปรากฏที่ระหว่างคิ้วของเขา
ใครส่งนักฆ่ามาลอบสังหารเขา?
ตระกูลจั่ว?
แม้ว่าผู้ที่อยู่เบื้องหลังการลอบสังหารครั้งนี้จะไม่ใช่พวกเขา แต่พวกเขาก็ไม่อาจปัดความรับผิดชอบไปได้!
มิฉะนั้น นักฆ่าจะไม่มีทางเตรียมตัวได้ดีเพียงนี้ อีกฝ่ายทำการลอบสังหารนอกโถงใหญ่หลังเขาตระกูลจั่ว ทั้งเมื่อล้มเหลวก็ล่อตัวเขาเข้ามายังป่านี้ โดยพยายามจัดการกับเขาด้วยกับดักตลอดทางที่เตรียมไว้ล่วงหน้าเป็นอย่างดี!
“จังหวะวิถีไม้ ไม่น่าแปลกใจเลยที่เขาจะหลีกเลี่ยงมันได้ล่วงหน้า…”
ในป่าไกลโพ้น คิ้วของชายหนุ่มสวมชุดเทาดูเคร่งขรึม
ค่ายกลใหญ่ก่อนหน้านี้ประกอบด้วยยันต์ลับกับแผ่นค่ายกลอันล้ำค่าถึงสามสิบหกแผ่น ซึ่งพลังทำลายล้างของมันน่าอัศจรรย์ยิ่ง แต่แน่นอนว่าตอนนี้มันกลายเป็นสูญเปล่าไปหมดแล้ว
ส่งผลให้ชายหนุ่มในชุดคลุมสีเทารู้สึกปวดใจ “เมื่อการลงมือครั้งนี้เสร็จสิ้น ต้องให้ผู้จ้างจ่ายเงินชดเชยเป็นสองเท่า!”
ขณะครุ่นคิดถึงเรื่องนี้ เขาก็หลบไปด้านข้าง
ในฐานะหนึ่งในนักฆ่าชั้นนำขอบเขตรวบรวมดาราแห่งทะเลทุกข์ วิธีการลอบสังหารของชายหนุ่มชุดเทานั้นย่อมไม่ธรรมดา
หลังจากนั้นไม่นาน
ซูอี้ที่ติดตามเขาไปตลอดทางก็เดินผ่านป่ากว้างใหญ่จนมาถึงหุบเขาลึกที่มีภูเขาและโขดหิน
ตูม! ตูม!
ทันใดนั้น ภูเขาก็สั่นไหว หินผาพังทลายลง ราวกับว่าท้องฟ้ากำลังจะถล่มลงมา และก้อนหินนับไม่ถ้วนก็กลิ้งลงมาราวกับกระแสน้ำ
ลมปราณของซูอี้ไหลเวียนไปทั่วร่างกายของเขากระจายความชุ่มฉ่ำที่หนาแน่นของดินออกไปอย่างกว้างขวาง
ทันใดนั้นฉากที่น่าเหลือเชื่อก็ได้เกิดขึ้น ก้อนหินจำนวนมากที่ร่วงกราวลงมาพลันชะงักงันในอากาศ
และด้วยคลื่นจากการโบกแขนเสื้อของซูอี้
ปัง! ปัง! ปัง!
ก้อนหินจำนวนนับไม่ถ้วนที่ลอยอยู่ในความว่างเปล่าก็ได้ระเบิดออกกลายเป็นฝุ่นผง
แทบจะในเวลาเดียวกัน ซูอี้ก็กระทืบเท้า
ตูม!
คล้ายกับมีมังกรตัวหนึ่งโยนลงไปใต้พื้นดิน ทำให้พื้นดินบริเวณใกล้เคียงหลายพันจั้งพลันพังทลายลง ซึ่งยอดเขาที่ซูอี้ยืนอยู่ก็ถล่มลงไปเช่นกัน
ท้องฟ้าสั่นสะเทือนและฝุ่นควันตลบคลุ้ง
ร่างสีเทาพุ่งออกจากพื้นดินก่อนหลบหนีไปด้วยความอับอาย
“บัดซบ ชายผู้นี้ยังมีจังหวะของดินอยู่ด้วย!?”
สีหน้าของชายหนุ่มที่สวมชุดสีเทามืดลง และคิ้วของเขาเต็มไปด้วยความระมัดระวังยิ่ง
ก่อนนี้เขาซ่อนตัวอยู่ในส่วนลึกของผืนดิน ซึ่งยามซูอี้กระทืบเท้า ตัวเขาก็ได้รับแรงกระแทกเช่นกัน
“หากเจ้าใช้ได้เพียงแต่วิธีเช่นนี้ เจ้าจะต้องตายอย่างแน่นอน”
ไกลออกไป น้ำเสียงที่ไม่แยแสของซูอี้ก็ดังขึ้น
ชายหนุ่มชุดเทาแค่นเสียงเย็น เขาเมินเฉยคำเตือนและพุ่งไปข้างหน้าด้วยกำลังทั้งหมดที่มี
เพียงแต่หัวใจของเขาเจ็บปวดมากกว่าเดิม ค่ายกลใหญ่ที่ฝังอยู่ในภูเขาและหุบเขาก่อนหน้านี้ประกอบด้วยแผ่นค่ายกลเจ็ดสิบสองอัน และยันต์ลับสามสิบหกแผ่น ซึ่งคุณค่าของมันอยู่เหนือกว่าค่ายกลเปลวเพลิงในป่ามากนัก พลังนั้นมากเกินพอที่จะดักจับตัวตนขอบเขตรวบรวมดารา!
แต่ตอนนี้ มันกลายเป็นเหมือนกับเครื่องประดับที่ถูกทำลายทิ้งในทันใด…
“บัญชีนี้ต้องทวงคืนเพิ่มเป็นสองเท่า!”
ชายหนุ่มชุดเทากัดฟันพลางลอบกล่าวในใจ
ซูอี้ไล่ตามเขามาอีกครั้งด้วยท่าทางสบาย ๆ
เวลาผ่านไปเพียงสองเค่อนับตั้งแต่การไล่ล่าครั้งนี้ และเขาต้องการดูว่าชายหนุ่มสวมชุดสีเทานี้ยังมีลูกเล่นอะไรอีก
หากต้องอธิบายสภาพจิตใจของซูอี้ในเวลานี้ มันก็เหมือนกับแมวหยอกหนู เล่นจนหมดสนุกก่อนค่อยฆ่าทิ้ง
หลังจากนั้นไม่นาน
ซูอี้ยืนอยู่หน้าแม่น้ำของภูเขาอันสูงใหญ่
อีกฟากหนึ่งของแม่น้ำมีพื้นที่เนินเขาที่ปกคลุมหญ้าเขียวขจีและต้นไม้ใหญ่สุดลูกหูลูกตา
ภายใต้ท้องฟ้า เมฆขาวลอยล่อง เป็นฉากที่ช่างเงียบสงบ
ซูอี้ส่ายหัว ดูเหมือนผิดหวังเล็กน้อยและบ่นว่า “เมื่อเทียบกับนักฆ่าขององค์กรนักฆ่าอันดับหนึ่งในเก้ามหาแดนดินอย่าง ‘ประตูโลกา’ แล้ว มันยังห่างไกลเกินไป…”
เขาเหยียบย่างไปบนอากาศ ขณะที่เขาก้าวมาอยู่เหนือแม่น้ำนั้นเอง กระแสน้ำวนขนาดใหญ่พลันผุดขึ้นมาจากน้ำราวกับปากเต็มไปด้วยเขี้ยวแหลมของสัตว์ร้ายบรรพกาลโถมเข้ากลืนกินซูอี้
กระแสน้ำวนคำราม ก่อนปล่อยพลังการกลืนกินอันน่าสะพรึงกลัวออกมา
หากไม่ทันตั้งตัว ตัวตนขอบเขตรวบรวมดาราเองก็ไม่ต่างแมลงที่ต้องถูกกลืนกิน แม้แต่มหาปราชญ์แห่งสวรรค์ขอบเขตแปรเปลี่ยนวิญญาณเองก็เกรงว่าจะได้รับผลกระทบเช่นกัน
ในเวลาเดียวกัน เมฆขาวบนท้องฟ้าก็ปั่นป่วนอย่างหนัก ก่อนแสงสีขาวจะตกลงมาดังสายฝนซัดสาด ทั้งหมดล้วนส่องประกายแหลมคมราวกับคมดาบที่ปกคลุมพวกเขาไว้ ฉีกความว่างเปล่าออกเป็นรอยแตกนับไม่ถ้วน พร้อมก่อเสียงหวีดแหลมบาดหูขึ้น
มีน้ำวนขนาดใหญ่พุ่งออกจากแม่น้ำ ท้องฟ้าถูกพลิกกลับด้วยสายฝนแสงสีขาว พลังสังหารเช่นนี้ไม่ต้องสงสัยเลยว่าน่าสะพรึงเพียงใด!
มีร่องรอยเหยียดหยันปรากฏขึ้นในดวงตาของซูอี้ เขาก้าวเหยียบไปบนความว่างเปล่า ปล่อยหมัดออกไปด้วยมือข้างหนึ่ง และฟันขึ้นไปในอากาศด้วยมืออีกข้าง
ตูม!
รอยหมัดที่บรรจุจังหวะน้ำอันแข็งแกร่งและทรงพลัง ราวกับว่าแม่น้ำสวรรค์กำลังไหลย้อนกลับ กระแทกลงบนกระแสน้ำวนขนาดใหญ่อย่างแรง
พลันเห็นว่ากระแสน้ำวนรุนแรงที่พองตัวราวกับลูกบอลนั้นสุดท้ายก็ไม่อาจต้านทานได้อีกต่อไป ซึ่งมันได้ระเบิดออกทันใด หยาดน้ำสาดกระเซ็นแตกกระจายออกไปราวกับฝนที่โปรยลงมา
ตูม!
ดาบที่ซูอี้ฟันออกจากฟากฟ้าราวกับสายรุ้งยาวพันจั้ง ตราตรึงใจด้วยความหมายอันน่าอัศจรรย์ของจังหวะแห่งไฟ เมื่อกวาดผ่านท้องฟ้าไป สายฝนแสงสีขาวก็เป็นฝ่ายถูกทุบให้เป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ก่อนโปรยลงมาจากฟ้าดุจสายฝน
ในพริบตา ด้วยพลังหมัดและปราณดาบ แผนสังหารครั้งนี้ก็พังทลายลงอย่างง่ายดาย
ท่วงท่าทำลายล้างนั้นเปรียบเสมือนเทพเจ้ายกฝ่ามือขึ้นกั้นเพื่อสงบคลื่นแม่น้ำที่โหมกระหน่ำลง!
ชั่วขณะนั้นร่างของซูอี้ได้หายวับไปดั่งสายลม ก่อนมาโผล่ที่เนินเขาสีเขียว
ฉัวะ!
เขายกมือขึ้นแล้วฟันออกไปด้วยดาบ
ปราณดาบสีใสแผ่กระจายไปทั่วท้องฟ้า ทำให้เกิดเจตจำนงของดาบอันรุนแรงไร้ขอบเขต และก่อนที่มันจะตกลงไป รัศมีสังหารที่น่าสะพรึงกลัวได้บดขยี้พืชพันธุ์ใกล้เคียงให้เป็นฝุ่นผง
“บัดซบ!”
เสียงอุทานดังขึ้น ร่างสีเทาพุ่งหลบดาบพ้นไปอย่างเฉียดฉิว
ทว่าในสถานที่ที่เขาซ่อนตัวอยู่ก่อนนี้ พลังของปราณดาบที่ฟาดลงมาได้ผ่าหุบเขาออกเป็นแนวยาวหนึ่งร้อยจั้ง และลึกถึงสิบจั้ง ทำให้เกิดฝุ่นดินตลบขึ้นมา
ฉากนี้ทำให้ชายหนุ่มที่สวมชุดสีเทาตกตะลึงพร้อมกับหลั่งเหงื่อเย็นยะเยือกออกมา
สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความประหลาดใจและเคร่งขรึม เขาจะกล้ารีรออยู่ได้อย่างไร ดังนั้นจึงรีบหันหลังวิ่งหนีไปทันที
ค่ายกลสังหารทั้งสามที่เตรียมมาอย่างดีนี้เพียงพอที่จะสังหารผู้ฝึกฝนขอบเขตรวบรวมดาราในโลกนี้คนใดลงก็ได้!
มันเพียงพอที่จะจัดการกับผู้ฝึกตนที่เพิ่งก้าวเข้าสู่วิถีวิญญาณอย่างนักพรตมู่ และสร้างความเสียหายอย่างหนักให้กับพวกเขา
แต่ตอนนี้ ต่อหน้าซูอี้ค่ายกลสังหารเหล่านั้นเป็นเหมือนกระดาษบาง ๆ ที่ถูกฉีกออกอย่างง่ายดาย สิ่งนี้จะไม่ทำให้ชายหนุ่มชุดเทาตื่นตระหนกและหวาดกลัวได้อย่างไร?
ในเวลานี้เองที่ชายหนุ่มชุดสีเทาได้ล้มเลิกความคิดที่จะลอบสังหารซูอี้ลงอย่างสมบูรณ์
ถ้าทำไม่ได้อย่าฝืน!
นักฆ่าไม่ใช่คนบ้าบิ่น นักรบเดนตาย หรือวีรบุรุษ ที่รู้ทั้งรู้ว่าทำไม่ได้แล้วยังฝืน คนเช่นนั้นไม่สามารถเป็นนักฆ่าได้!
เวลานี้เอง ซูอี้ได้หมดความสนใจในเหยื่อรายนี้ และคร้านที่จะรอต่อไปอีก
ฟ้าว!
ปราณดาบพุ่งทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า จากนั้นจึงกลายเป็นปราณดาบบาง ๆ นับพัน ซึ่งรางเลือน พร้อมร่องรอยของจังหวะเทวะอันไร้เทียมทานฟันตรงเข้าใส่ชายหนุ่มสวมชุดสีเทาที่อยู่ไกลออกไป
เพลงดาบสุดปรีดี… ทัศนาสิบทิศ!
ข้ามีดาบเล่มหนึ่งก้าวย่างไปทั่วสิบทิศ สุดเหนือฟ้าครามยันแดนน้ำพุเหลือง!