บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 459 ใช้เงินเพื่อซื้อชีวิต
ตอนที่ 459: ใช้เงินเพื่อซื้อชีวิต
ตอนที่ 459: ใช้เงินเพื่อซื้อชีวิต
จางอวิ๋นเทาไม่รู้ว่าใครเป็นผู้ลอบสังหารซูอี้ ดังนั้นเมื่อเขาเห็นซูอี้มีชีวิตรอดกลับมา เขาจึงไม่ได้ตกใจมากนัก
แม้ว่าเขาจะพ่ายแพ้ด้วยน้ำมือของซูอี้ในสองดาบ และยังคงติดใจเรื่องนี้อยู่ แต่เขาก็ไม่อาจไม่ยอมรับว่าซูอี้เป็นชายหนุ่มที่น่ากลัวมาก
การดำรงอยู่ซึ่งทรงอำนาจยิ่งกว่าผู้ร้ายกาจจากยุคโบราณอย่างบุตรสวรรค์เนี่ยเฟิง
ตัวตนดังกล่าวจะถูกลอบสังหารอย่างง่ายดายได้อย่างไร?
ดวงตาดุจดวงดาราของเหวินซินจ้าวสว่างขึ้น เมื่อซูอี้กลับมาอย่างปลอดภัย นางก็โล่งใจเช่นกัน
หยวนเหิงกับไป๋เวิ่นฉิงรู้สึกมีชีวิตชีวา การกลับมาของซูอี้ทำให้เหมือนหาที่พึ่งพบ
“สหายเต๋าซู ได้โปรดยกโทษให้ด้วย!”
ทันทีที่ซูอี้เดินเข้าไปในห้องโถง จั่วซิงเหอพลันยืนขึ้นและก้าวออกไปโค้งคำนับด้วยท่าทางละอาย ไม่สบายใจ
ฉากนี้ทำให้พวกเหวินซินจ้าวมีสีหน้าเย็นชา
เป็นที่แน่ชัดแล้วว่าการลอบสังหารครั้งนี้เกี่ยวข้องกับตระกูลจั่ว!
“ให้อภัย? ตระกูลจั่วของเจ้ากระทำผิดอะไรอย่างนั้นรึ?”
ดวงตาของซูอี้เย็นเยียบ
ใบหน้าของจั่วซิงเหิงแข็งทื่อและพูดว่า “สหายเต๋าซู หากเจ้าคิดดูก็จะทราบว่าก่อนหน้านี้ตระกูลจั่วของข้าไม่เต็มใจที่จะเป็นศัตรูของสหายเต๋าจริง ๆ เหตุการณ์เกิดขึ้นที่วันนี้ ทางตระกูลจั่วของเราเองก็ถูกบังคับเช่นกัน”
จากนั้นเขาก็อธิบายเหตุผลของเรื่องทั้งหมด
ปรากฏว่าหลังจากที่ซูอี้ยื่นคำขอสำหรับข้อตกลงเมื่อคืนนี้ แม้ว่าจั่วซิงเหอจะตอบตกลงในตอนนั้น แต่เขาก็รู้สึกไม่เต็มใจอย่างยิ่ง
ดังนั้นเขาจึงไปเยี่ยมเยียนฮั่วอวิ๋นเซิงตอนกลางดึก และเจาะจงถามเกี่ยวกับข่าวของซูอี้
หลังจากทราบถึงวีรกรรมอันน่าสะพรึงกลัวในอดีตของซูอี้ จั่วซิงเหอก็ตะลึงไปเช่นกัน โดยตระหนักว่าถ้าเขากลับคำจะทำให้ซูอี้มีโทสะได้
แต่เมื่อจั่วซิงเหอตัดสินใจที่จะกลั้นใจยอมรับข้อตกลงแล้ว นักฆ่าลึกลับก็ได้ปรากฏตัวขึ้นในห้องของเขา ณ กลางดึก
นักฆ่าบอกว่าตนเองสามารถฆ่าซูอี้เพื่อตระกูลจั่วได้ แต่ทว่าต้องการความร่วมมือจากตระกูลจั่ว
ถ้าหากไม่ตกลง เขาจะฆ่าจั่วซิงเหอซะ
เมื่อชีวิตของเขาถูกคุกคาม จั่วซิงเหอจึงจำต้องยอมรับ
พูดถึงสุดท้าย สีหน้าจั่วซิงเหอก็เต็มไปด้วยความขมขื่น
“พี่จั่ว นักฆ่าคนนั้นคือใครกัน? เขาใจกล้าเกินไปหรือไม่?”
จางอวิ๋นเทาขมวดคิ้ว
“คนผู้นั้นคือคนพายเรือ หนึ่งในมือสังหารระดับแนวหน้าขอบเขตรวบรวมดาราแห่งทะเลทุกข์”
จั่วซิงเหอกล่าวด้วยเสียงต่ำ “ถ้าไม่ใช่เพราะตัวตนที่น่าสะพรึงกลัวเช่นนี้ ข้า… ข้าย่อมไม่เปลี่ยนใจ”
คนพายเรือ!
ทั่วบริเวณเกิดเสียงสูดหายใจเฮือกดังขึ้น
ใครไม่รู้บ้างว่านักฆ่าลึกลับผู้นี้เคยลอบสังหารนักพรตมู่ มหาปราชญ์สวรรค์แห่งขอบเขตแปรเปลี่ยนวิญญาณ?
และเมื่อพวกเขาคิดว่าซูอี้รอดชีวิตมาจากการลอบสังหารคนพายเรือ สายตาของทุกคนที่มองซูอี้ก็พลันเปลี่ยนไป
“ถูกบีบบังคับอะไรกัน ข้าคิดว่าการปรากฏตัวของคนพายเรือ เป็นเรื่องดีสำหรับตระกูลจั่วของเจ้ามากกว่า เพราะหากเขาสังหารเจ้านายของข้าสำเร็จ พวกเจ้าก็จะปลดหนี้แล้วสามารถเอาดักแด้วิญญาณหยกไป โดยไม่ต้องอาศัยความพยายามใด ๆ!”
หยวนเหิงด่าทอพวกเขาอย่างโกรธเคือง เขาไม่เคยคิดว่าในฐานะตระกูลอันดับหนึ่งแห่งแคว้นอวี้ผิง ตระกูลจั่วจะกลับคำพูดของตนแล้วทำสิ่งที่น่ารังเกียจไร้ยางอายเช่นนี้
จั่วซิงเหอกล่าวอย่างนึกละอายและไม่สบายใจ “สหายเต๋า โปรดระงับโทสะของเจ้าก่อนเถิด ตระกูลจั่วของข้าทราบดีว่าพวกเราได้ทำความผิดพลาดครั้งใหญ่ลงไป เพื่อเป็นการชดเชยความผิดพลาดนี้ พวกเราจะไม่เพียงแต่จะยอมรับเงื่อนไขที่สหายเต๋าซูเสนอเมื่อคืนนี้ แต่ยังจะมอบของขวัญชิ้นใหญ่อย่างใจกว้างอีกด้วย”
ในแคว้นอวี้ผิง ตระกูลจั่วนับเป็นตระกูลอันดับหนึ่งที่มีอำนาจกว้างขวาง
ดังนั้นจั่วซิงเหอที่เป็นผู้นำตระกูลจั่วจึงกล่าวได้ว่าสามารถเสกสรรลมฝนได้ดั่งใจต้องการภายในแคว้นนี้
แต่ในเวลานี้ เขากลับวางตนต่ำต้อย แสดงท่าทีจริงใจ และเกรงกลัว สูญเสียความเย่อหยิ่งกับศักดิ์ศรีของผู้นำตระกูลไปอย่างสิ้นเชิง
ฉากนี้ทำให้จางอวิ๋นเทาและคนอื่น ๆ ต่างปั่นป่วนอยู่ในใจ
ต่อหน้าพลังอันแข็งแกร่ง ฐานะหรืออำนาจใด ๆ ล้วนสูญเปล่าและเปราะบางยิ่งนัก!
ซูอี้แค่นเสียงและกล่าวอย่างช้า ๆ ว่า “คิดใช้เงินเพื่อซื้อชีวิตรึ? ได้ ซูผู้นี้ไม่เคยชื่นชอบการสังหารอย่างไม่เลือกหน้า บอกข้ามาว่าชีวิตของผู้คนเหล่านี้คือเท่าไร?”
ทันทีที่คำเหล่านี้ถูกกล่าวออกมา จั่วซิงเหอและคนระดับสูงต่างอับอายและโกรธแค้น ศักดิ์ศรีของพวกเขาถูกเหยียบย่ำและพวกเขาก็รู้สึกอับอายอย่างยิ่ง
ทว่าพวกเขาทำได้เพียงอดทน
จั่วซิงเหอสงบใจ ก่อนกัดฟันของเขาและกล่าวว่า “จากเงื่อนไขที่สหายเต๋าซูเสนอเมื่อคืนนี้ ตระกูลจั่วของข้ายินดีจ่ายเพิ่มเป็นสองเท่า!”
สีหน้าของกลุ่มคนระดับสูงในตระกูลจั่วต่างเปลี่ยนไป เงื่อนไขที่ซูอี้เอ่ยถึงเมื่อคืนก็มีมูลค่าเทียบเท่าหินวิญญาณระดับหกนับหมื่นก้อนแล้ว!
หากจ่ายเพิ่มเป็นสองเท่าก็จะไม่น้อยกว่าหินวิญญาณระดับหกสองหมื่นก้อน ไม่ต้องสงสัยเลยว่าราคาดังกล่าวนั้นหนักหนาเกินไป
แม้ว่าตระกูลจั่วของพวกเขาจะมั่งคั่งและมีเส้นชีพจรหยกจิตวิญญาณมากมาย แต่หากพวกเขามอบความมั่งคั่งเช่นนี้ออกไปจริง ๆ ภายในสามหรือห้าปีเกรงว่าพวกเขาคงไม่อาจฟื้นตัวได้!
ขนาดเป็นตระกูลจั่วของพวกเขายังขนาดนี้ แล้วหากเป็นขุมกำลังอื่น ๆ ในแคว้นอวี้ผิงของต้าเซี่ยเล่า? เกรงว่าพวกเขาจะไม่สามารถเอาหินวิญญาณออกมาได้มากมายขนาดนี้แน่!
เมื่อเห็นสีหน้าที่เปลี่ยนไปของเหล่าคนระดับสูงในตระกูลจั่ว คนอื่น ๆ จะไม่เข้าใจได้อย่างไรว่าคราวนี้ตระกูลจั่วจะต้องสูญเสียเงินไปจำนวนมากอย่างแน่นอน
แต่ซูอี้หัวเราะและพูดว่า “ในสายตาของจั่วซิงเหอ ชีวิตของตระกูลจั่วของเจ้ามีค่าเท่า… ดักแด้วิญญาณหยกหนึ่งอันงั้นหรือ?”
จั่วซิงเหอและคนอื่น ๆ ต่างมีสีหน้าย่ำแย่ถึงขีดสุด
รสชาติความอัปยศที่ได้รับ เผยออกมาทางสีหน้าโดยไม่ปกปิด!
ในใจของเหวินซินจ้าว หยวนเหิง และคนอื่น ๆ อดที่จะรู้สึกสงสารเล็กน้อยไม่ได้ แต่พวกเขารนหาที่เอง จะโทษใครได้?
“ห้าเท่า”
ซูอี้ไม่ได้เอ่ยเย้ยหยันอีกฝ่ายต่อ และกล่าวโดยตรงว่า “หากคิดซื้อชีวิตของพวกเจ้าด้วยราคาน้อยกว่าจำนวนนี้ วันนี้ที่แห่งนี้จะมีเลือดนองเป็นสายน้ำ!”
ซี้ด!
จั่วซิงเหอสูดอากาศเย็นเข้า สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปอย่างใหญ่หลวงก่อนกล่าวว่า “สหายเต๋าซู ราคานี้คือการทำลายความมั่งคั่งของตระกูลจั่ว ข้าเกรงว่าพวกเราคงไม่อาจยอมรับได้!”
คนใหญ่คนโตในตระกูลจั่วเหล่านั้นเองก็อึ้งไป หัวใจของเหมือนโดนแทงด้วยมีด …โหดร้ายยิ่งนัก นี่แทบไม่ต่างกับการเอาชีวิตคนชราอย่างพวกเขาเลย!
“สหายเต๋าซู พวกข้ายอมจำนนแล้ว แต่เจ้ากลับทำให้พวกข้าอับอายครั้งแล้วครั้งเล่า และตอนนี้เจ้ากำลังเรียกร้องมากเกินไป เจ้าคิดหรือว่าตระกูลจั่วของข้าเป็นเนื้อบนเขียงไว้ให้เจ้ารอเชือดจริง ๆ?”
ผู้อาวุโสสาม จั่วอวิ๋นเฉา อดที่จะเอ่ยเย้ยไม่ได้และกล่าวว่า “จะบอกให้เจ้าทราบไว้ น้องชายท่านผู้นำ เป็นมหาปราชญ์สวรรค์ของวัดมหาจันทรา หากเจ้าคิดฉีกหน้ากันจริง ๆ เกรงว่าคนแซ่ซูอย่างเจ้าจะไม่สามารถรับผลที่ตามมาได้!”
จั่วซิงเหอคราง ลอบนึกในใจว่าแย่แล้ว
ทว่า ขณะที่เขากำลังจะพูดอะไรบางอย่าง ซูอี้ก็มองไปที่จั่วอวิ๋นเฉาอย่างเย็นชา และยกมือขึ้น
ฟุ่บ!
จู่ ๆ ปราณดาบก็ปรากฏขึ้น ตัดผ่านคอของจั่วอวิ๋นเฉาไป
“เจ้า…”
จั่วอวิ๋นเฉายกมือปิดคอตัวเองและเบิกตากว้างราวกับว่าไม่อยากเชื่อ
ฉับพลัน พร้อมเสียงดังตุบ จั่วอวิ๋นเฉาก็ตกลงมาจากอากาศทันที
เขาอยู่ในขอบเขตเปิดทวารเท่านั้น ดังนั้นจะไปต้านทานการโจมตีของซูอี้ได้อย่างไร
ฉากนองเลือดนี้กระตุ้นให้คนระดับสูงในตระกูลจั่วหน้าเปลี่ยนสี ทุกคนต่างตกใจและโกรธแค้น ก่อนจะเงียบงัน
จางอวิ๋นเทา และคนอื่น ๆ ก็ตัวสั่น นึกตกใจกับการสังหารอันเด็ดขาดและหมดจดของซูอี้
“ข้าเองก็อยากรู้ว่าพวกเจ้าตระกูลจั่วกล้าที่จะฉีกหน้าหรือไม่”
ซูอี้เอามือไพล่หลังขณะเหลือบมองไปที่จั่วซิงเหอและคนอื่น ๆ
จั่วซิงเหอรู้สึกอึดอัดใจจนแทบจะเป็นบ้า แต่เขาทำได้เพียงอดกลั้นและกระซิบ “สหายเต๋าซู พวกเราสามารถยอมรับเงื่อนไขของเจ้าได้ แต่พวกเราไม่สามารถหาสมบัติมากมายมาได้ในขณะนี้ ข้าขอเวลาเตรียมการหน่อยได้หรือไม่?”
ในเวลานี้ฮั่วอวิ๋นเซิงอดที่จะพูดไม่ได้ว่า “ซูอี้ ทุกคนในตระกูลจั่วต่างรู้ว่าพวกเขาเป็นฝ่ายผิด แต่มันคงไม่ดีนักหากจะต้อนกันเกินไป”
ซูอี้เหลือบมองที่ฮั่วอวิ๋นเซิง ฝ่ายหลังร่างแข็งค้างและสีหน้าของเขาเปลี่ยนไปอย่างนึกหวาดกลัวต่อสายตาเฉยชาของซูอี้
เขากลั้นใจพูดต่ออย่างเคร่งขรึม “ทำไม? หรือเจ้าคิดว่าข้าพูดผิด?”
ซูอี้ไม่สนใจอีกฝ่าย เขามองไปที่จั่วซิงเหอและพูดว่า “ข้ารอนานขนาดนั้นไม่ได้ แต่ข้าจะไม่จงใจทำให้พวกเจ้าอับอาย หากเจ้าไม่สามารถนำสมบัติเหล่านั้นออกมา เจ้าสามารถใช้สมบัติอื่นแทนได้”
จั่วซิงเหอเงียบไป ด้วยเขาตระหนักว่าไม่มีที่ว่างสำหรับการยืดเยื้ออีก!
ผ่านไปครู่หนึ่ง เขาก็นึกถึงสมบัติชิ้นหนึ่งได้ จึงพูดขึ้นหลังจากใคร่ครวญว่า “สหายเต๋าซู ข้านึกถึงวัตถุแปลก ๆ ชิ้นหนึ่งได้ โปรดรอสักครู่”
หลังจากพูดเสร็จเขาก็รีบส่งคนรับใช้เฒ่าออกไป
ไม่นานหลังจากนั้น คนรับใช้เฒ่าก็กลับมาพร้อมกับกล่องไม้สีดำ
“สหายเต๋าซู โปรดรับชม”
จั่วซิงเหอเปิดกล่องไม้สีดำออก
ภายในกล่องไม้มีสิ่งของขนาดเท่าก้อนกรวดและเต็มไปด้วยฝุ่นอยู่
“นี่คือหยกลึกลับ มันถูกขุดออกมาจากส่วนลึกของเส้นชีพจรวิญญาณเส้นใหญ่ของตระกูลจั่วของข้าเมื่อสามปีที่แล้ว ในเวลานั้น ยามหยกถูกค้นพบก็ได้เกิดนิมิตอันน่าอัศจรรย์ขึ้น พร้อมมีเสียงที่คล้ายเสียงจากสรวงสวรรค์ล่องลอย และโชคมงคลระเบิดออกก่อนปลิวออกไปเหมือนกลีบดอกไม้…”
จั่วซิงเหอกล่าว ก่อนทอดถอนใจ “ข้าคิดว่าข้าได้รับสมบัติที่ไม่มีใครเทียบได้ แต่ผู้ฝึกตนตระกูลจั่วของเราได้ทำการศึกษามาเป็นเวลานาน และข้ายังไม่เคยเห็นสิ่งที่มหัศจรรย์เกี่ยวกับความลึกลับของหยกนี้ ข้ายืนยันได้เพียงว่าสมบัตินี้ไม่กลัวน้ำไฟและเนื้อสัมผัสของมันแข็งแกร่งยิ่ง แม้แต่ผู้ฝึกตนขอบเขตแปรเปลี่ยนวิญญาณทุ่มเทเต็มกำลังก็ยังไม่อาจสร้างความเสียหายให้กับหยกจิตวิญญาณนี้ได้”
จางอวิ๋นเทา และคนอื่น ๆ อดที่จะมองดูอย่างสงสัยไม่ได้
หินหยกสีเทาด่าง ๆ นี้ ไม่มีจิตวิญญาณ และไร้ความโดดเด่นอย่างยิ่ง เป็นเรื่องยากที่จะจินตนาการภาพยามพบเจอนิมิตอันน่าอัศจรรย์ดังกล่าว
ขณะที่ซูอี้กำลังพิจารณาสิ่งนี้ ดวงตาของเขาก็วูบไหว ก่อนมีความประหลาดใจที่ควบคุมไม่ได้ปรากฏที่ระหว่างคิ้วของเขา
ลึกลงไปในใจของเขาเกิดคลื่นซัดโหม!
เมื่อเห็นว่าซูอี้ตกอยู่ในความเงียบและมีสีหน้าค่อนข้างแปลก ๆ จั่วซิงเหอจึงอดรู้สึกวิตกเล็กน้อยไม่ได้
เขากล่าวว่า “สหายเต๋าซู แม้ว่าข้าจะไม่ทราบที่มาของสมบัตินี้ แต่ข้าก็กล้ากล่าวว่ามันต้องไม่ธรรมดา และไม่อาจประมาณค่าของมันออกมาได้…”
ซูอี้พยักหน้า ดวงตาฉายแววประหลาด ขณะพูดว่า “ข้าไม่ได้คาดหวังว่าโชคของตระกูลจั่วของเจ้าจะค่อนข้างดี”
เพราะในมหาทวีปคังชิงนี้ เกรงว่าจะไม่มีใครรู้ดีไปกว่าเขา สมบัติในกล่องไม้นี้ทั้งหายากมากและล้ำค่ายิ่ง แม้ว่าจะอยู่ในเก้ามหาแดนดิน พวกมันก็นับได้ว่าเป็นสมบัติล้ำค่าที่ยากจะพบเห็นในรอบพันปี!
ตระกูลจั่วสามารถค้นหาสมบัติดังกล่าวได้จากเส้นแร่ แล้วซูอี้จะไม่เกิดความรู้สึกตะลึงได้อย่างไร?
“ถ้าตระกูลจั่วของข้าโชคดีจริง ข้าจะเผชิญกับภัยพิบัติในวันนี้ได้อย่างไร?”
จั่วซิงเหอรู้สึกขมขื่นและลอบกล่าวในใจ
“ข้าต้องการสมบัตินี้ ตระกูลจั่วของเจ้าเพียงจ่ายแค่ราคาสำหรับแลกเปลี่ยนสมบัติดักแด้วิญญาณหยกก็พอ”
ซูอี้ตัดสินใจ
เมื่อได้ยินเช่นนี้ จั่วซิงเหอก็ถอนหายใจยาวด้วยความโล่งอก โค้งตัวลงแล้วพูดว่า “ขอบคุณสหายเต๋าที่ละเว้น!”
ใช้หยกที่มีต้นกำเนิดลึกลับแต่ไม่ทราบประโยชน์ในการแลกเปลี่ยนกับซูอี้ โดยไม่จำเป็นต้องจ่ายเพิ่มอีกห้าเท่า ราคานี้ทำให้จั่วซิงเหอมีความสุขเล็กน้อย!