บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 468 โมโหคู่ต่อสู้ที่อ่อนแอเกินไป
ตอนที่ 468: โมโหคู่ต่อสู้ที่อ่อนแอเกินไป
ตอนที่ 468: โมโหคู่ต่อสู้ที่อ่อนแอเกินไป
ซูอี้และคนอื่น ๆ ชะงักค้างไปครู่หนึ่ง
พลันเห็นในอากาศไกล ๆ ว่ามีร่างกำยำสูงใหญ่ร่างหนึ่งทะยานออกมา เสื้อคลุมกันลมไฟส่งเสียงปลิวไสว พลังทั่วร่างพุ่งสูงขึ้นทันที
อานุภาพที่เป็นของขอบเขตแปรเปลี่ยนวิญญาณ ทำให้สถานการณ์แปรเปลี่ยนไปทันใด
“ปราชญ์เมี่ยวหง!”
จางอวิ๋นเทาตกตะลึง แค่มองแวบเดียวก็รู้แล้วว่าคนผู้นี้คือคนใหญ่คนโตที่มาจากสำนักเต๋าชิงอี่
ในฐานะที่เป็นหนึ่งในสี่กลุ่มวิถีปราชญ์ที่แข็งแกร่งที่สุดแห่งต้าเซี่ย การที่ปราชญ์เมี่ยวหงรับตำแหน่งเป็นผู้อาวุโสสายในลำดับที่สามแห่งสำนักเต๋าชิงอี่ได้ ย่อมแสดงว่าฐานะเขาสูงส่ง และพลังการฝึกฝนก็มีมหาศาล ไม่จำเป็นต้องเอ่ยสิ่งใดมาก
เพียงแต่ จางอวิ๋นเทากลับไม่นึกเลยว่า เหตุใดตัวตนโด่งดังเช่นนี้ถึงมาปรากฏตัวอยู่ที่นี่ และยังป่าวประกาศว่าจะสังหารซูอี้อีก!
ปราชญ์เมี่ยวหง!
เหวินซินจ้าวก็รู้จักอีกฝ่าย ดวงหน้างามจึงเปลี่ยนไปเล็กน้อย ผู้มาใหม่นี้จะต้องไม่เป็นมิตรแน่!
“ห้ะ ที่แท้เขาก็เป็นพี่ชายของฮูหยินเมี่ยวหัวนี่เอง?”
ชิงหยาตกใจ
ตอนนั้นซูอี้ใช้ดาบสังหารฮูหยินเมี่ยวหัวกับกลุ่มผู้ฝึกตน ณ แม่น้ำเทียนหลานในต้าฉู่ และยามนั้นหลิงอวิ๋นเหอก็เคยเอ่ยถึงพี่ชายของฮูหยินเมี่ยวหัวว่าเป็นปราชญ์เมี่ยวหงแห่งสำนักเต๋าชิงอี่ คือผู้ฝึกตนขอบเขตแปรเปลี่ยนวิญญาณที่มีจิตสัมผัสกว้างขวางผู้หนึ่ง!
“นี่มาแก้แค้นแล้วหรือ…”
หยวนเหิงมีท่าทางเคร่งขรึมขึ้น เขาย่อมรู้สาเหตุการมาของอีกฝ่ายดี
แม้ว่าไป๋เวิ่นฉิงจะไม่รู้เรื่องเหล่านี้ แต่เมื่อเห็นผู้ฝึกตนขอบเขตแปรเปลี่ยนวิญญาณผู้นี้ปรากฏตัวออกมา และป่าวประกาศว่าจะสังหารซูอี้ ก็ตื่นตระหนกไปครู่หนึ่ง
อิงเชวียชะงักค้างไป ก่อนรู้สึกดีใจอย่างขีดสุดขึ้นมาทันใด
โอกาส!
เขากำลังกลุ้มใจที่มิอาจแสดงพลังต่อหน้าซูอี้ได้ แต่ไม่นึกเลยว่า ในตอนที่กำลังจะแยกจากซูอี้นั้น โอกาสครั้งใหญ่กลับส่งมาถึงที่
ครั้นมองไปที่ซูอี้ เขาเพียงแค่เลิกคิ้วขึ้นและแปลกใจเล็กน้อย
พรึบ!
ลี่เมี่ยวหงยืนอยู่กลางอากาศไม่ไกลนัก นัยน์ตาดุจสายฟ้า ลมปราณทั่วร่างพรั่งพรูออกมา ท่าทางที่ไม่อยากเสียเวลานั้น แสดงออกชัดเจนว่าเจ้าตัวอยากลงมือสังหารซูอี้ในทันที
แต่เมื่อสายตาปะทะเข้ากับอิงเชวีย ใบหน้าของเขาพลันเปลี่ยนไปทันใด หางคิ้วเผยความสงสัยออกมา
นี่… เหมือนจะเป็นมหาปีศาจขอบเขตแปรเปลี่ยนวิญญาณ!?
เหตุการณ์ที่คาดไม่ถึงนี้ ทำให้ลี่เมี่ยวหงยับยั้งการจู่โจมในทันที
เขาสูดหายใจเข้าลึก พลางเอ่ยด้วยท่าทางก้มหัวลงเล็กน้อย “ลี่เมี่ยวหงจากสำนักเต๋าชิงอี่ ยินดีที่ได้พบสหายเต๋า ขอริอาจถามสหายเต๋าว่ามีชื่อเสียงเรียงนามว่าอะไร?”
ไม่ว่าใครก็ดูออก ท่าทางของลี่เมี่ยวหงเปลี่ยนแปลงไป!
ในคราแรกจางอวิ๋นเทา เหวินซินจ้าวและคนอื่น ๆ ยังรู้สึกกังวลอยู่บ้าง แต่นึกได้ในทันทีว่าข้างกายซูอี้นั้น ยังมีมหาปีศาจขอบเขตแปรเปลี่ยนวิญญาณอยู่ด้วย
ในสถานการณ์เช่นนี้ จะหวาดกลัวลี่เมี่ยวหงได้อย่างไรกัน?
ถึงขนาดที่ว่าจางอวิ๋นเทามีสายตาที่เปลี่ยนไปจนทำให้คนรู้สึกประหลาดใจ
แม้ลี่เมี่ยวหงจะแข็งแกร่งมากจริง ๆ…
แต่เมื่อเทียบกับ ‘ต้วนฉางเซิง’ ที่เคยชนะมหาปราชญ์สวรรค์ติดต่อกันสามคนใน ‘งานชุมนุมทดสอบดาบ’ เมื่อสามร้อยปีก่อน ถึงอย่างไรก็ยังด้อยกว่าอยู่ดี
ในฐานะที่เป็นเผ่าพันธุ์มังกรเกล็ด พรสวรรค์กับพื้นฐานของอิงเชวีย ผู้ฝึกตนขอบเขตแปรเปลี่ยนวิญญาณคนเดียวก็ย่อมมิอาจเทียบเคียงกับเขาได้
และตามที่อิงเชวียได้บอกเอาไว้ เขาได้หยุดยั้งการฝึกฝนอยู่ในขอบเขตแปรเปลี่ยนวิญญาณมานานนับพันปี หากไม่ใช่เพราะได้รับผลกระทบจากใจมาร คงบรรลุขอบเขตสยายวิญญาณไปนานแล้ว!
ในสถานการณ์เช่นนี้ หากลี่เมี่ยวหงอยากสังหารซูอี้ เกรงว่าคงผ่านด่านอิงเชวียไปไม่ได้!
“ปราชญ์เมี่ยวหงผู้นี้มาได้เหมาะจริง ๆ ไม่รู้จะบอกว่าเขาโชคร้ายหรือว่าเขาดวงไม่ดี…”
จางอวิ๋นเทาเอ่ยพึมพำกับตัวเอง
อิงเชวียไม่สนใจลี่เมี่ยวหง แล้วก็หันไปเอ่ยกับซูอี้ “คุณชายซู ตัวตลกเช่นนี้ ไม่มีคุณสมบัติพอที่จะให้ท่านลงมือด้วยตัวเอง มอบให้อิงผู้นี้จัดการก็พอแล้ว!”
เขาคร้านเกินกว่าจะสนใจว่าเหตุใดลี่เมี่ยวหงต้องสร้างความยุ่งยากให้กับซูอี้ และไม่สนใจฐานะผู้อาวุโสสายในสำนักเต๋าชิงอี่ของอีกฝ่ายด้วย
เขารู้แค่ว่า หากพลาดโอกาสแสดงพลังต่อหน้าซูอี้ไป จะต้องเสียใจไปชั่วชีวิตแน่!
ตัวตลก?
ลี่เมี่ยวหงเผยสีหน้าโกรธเกรี้ยวออกมา
ในอาณาจักรต้าเซี่ย ด้วยความสามารถกับฐานะของเขา ต่อให้เจอกับคนที่อยู่ขอบเขตเดียวกัน ก็ไม่จำเป็นต้องนอบน้อมถ่อมตัวอะไร
ทว่ายามนี้ ผู้ฝึกปีศาจที่มาจากไหนไม่รู้ผู้หนึ่ง กลับเหยียดหยามและไม่สนใจเขา แล้วเขาจะไม่โกรธเกรี้ยวได้อย่างไรกัน?
“คำพูดของท่านช่างโอหังยิ่งนัก ข้าจะให้โอกาสท่านอีกครั้ง รีบถอยกลับไปเสีย แล้วข้าจะไม่เอาความกับท่าน ไม่เช่นนั้น…”
ลี่เมี่ยวหงเอ่ยด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นออกมา “อย่าหาว่าข้าไม่เกรงใจก็แล้วกัน!”
เขามีสำนักเต๋าชิงอี่หนุนหลังอยู่ ความมั่นใจย่อมมีเต็มเปี่ยม หากไม่เห็นแก่อีกฝ่ายที่มีการฝึกฝนในขอบเขตแปรเปลี่ยนวิญญาณเหมือนกัน คงลงมืออย่างไม่เกรงใจไปนานแล้ว
ที่น่าอับอายคือ อิงเชวียยังคงไม่สนใจเหมือนเดิม เขากุมมือคำนับไปทางซูอี้พลางเอ่ย “ขอคุณชายซูได้โปรดอนุญาตด้วย!”
ภาพนี้ ทำให้เริ่นโหยวโหย่วที่อยู่บนเรือไกล ๆ มองตาค้าง นี่มันเกิดอะไรขึ้น?
จากอวิ๋นเทาและคนอื่น ๆ ยิ่งมีท่าทางแปลกไป สายตาที่มองไปทางลี่เมี่ยวหงแฝงไปด้วยความสงสาร
สำนักเต๋าชิงอี่เรียกได้ว่ายิ่งใหญ่ในต้าเซี่ย ทว่าผู้ฝึกปีศาจอันน่าสะพรึงกลัวสายเลือดมังกรเกล็ดดำอย่างอิงเชวีย กลับไม่ใช่จะจัดการได้อย่างง่าย ๆ!
ลี่เมี่ยวหงโมโหจนใบหน้าบึ้งตึงบิดเบี้ยวไปอย่างมาก
ตัวเขาถูกมองข้ามอีกครั้ง!
ไอ้ผู้ฝึกปีศาจนี่… ช่างกำเริบเสิบสานเสียจริง!!
ในยามนี้ ซูอี้เหลือบมองอิงเชวียราวกับไม่มีทางเลือก พลางเอ่ย “เอาเถิด ให้เจ้าจัดการแล้วกัน”
ในตอนที่อยู่บนเรือล่องล้อเมฆาก่อนหน้านี้ เขายังรู้สึกทอดถอนใจ การหาคู่ต่อสู้ในสามขอบเขตใหญ่แห่งวิถีวิญญาณนั้นไม่ง่ายเลย และยังคิดอีกว่าหากเจอผู้ฝึกตนขอบเขตแปรเปลี่ยนวิญญาณ ก็อยากจะลองดูว่าพลังของตัวเองนั้นไปถึงขั้นใดแล้ว
เมื่อลี่เมี่ยวหงปรากฏตัวออกมา แม้จะทำให้เขาแปลกใจ แต่ก็อดเกิดความรู้สึกเบิกบานใจอย่างช่วยไม่ได้
แต่อิงเชวียกลับขอคำสั่งเขาซ้ำ ๆ และยังบอกอีกว่าลี่เมี่ยวหงไม่มีค่าพอให้จัดการด้วยตัวเอง ในสถานการณ์เช่นนี้ หากเขายังดื้อดึงจะจัดการอีก ก็จะเป็นเหมือนกับการแย่งกันทำตัวให้เด่นเกินไป
“ขอบคุณคุณชายที่อนุญาต!”
เมื่อได้รับคำตอบจากซูอี้ อิงเชวียก็รู้สึกฮึกเหิมกระปรี้กระเปร่าขึ้นมา
พรึบ!
เขาหมุนตัวทะยานไปในอากาศ ท่าทางที่ทนไม่ไหวนั้น ราวกับกลัวว่าคนอื่นจะมาแย่งลี่เมี่ยวหงคู่ต่อสู้ผู้นี้ไป
ทุกคนจะดูไม่ออกได้อย่างไร อิงเชวียรีบร้อนอยากแสดงความสามารถของตัวเองต่อหน้าซูอี้?
นี่จึงทำให้ทุกคนรู้สึกทอดถอนใจออกมาไม่หยุด
มหาปีศาจขอบเขตแปรเปลี่ยนวิญญาณที่น่าเกรงขามตนหนึ่งเชียวนะ ใครจะกล้าคิดล่ะว่า ท่าทางของเขาในยามนี้ กลับเป็นเหมือนกับศิษย์ที่อยากได้รับความสนใจจากอาจารย์?
แม้แต่ซูอี้ ก็เงียบเชียบไปอย่างช่วยไม่ได้
ลี่เมี่ยวหงถูกภาพที่เกิดขึ้นตรงหน้ากระตุ้นจนเผยสีหน้าที่โกรธจัดออกมา โทสะของเขากำลังโหมไหม้ ลมปราณทั่วร่างพลันพรั่งพรูออกมา
ตั้งแต่เขาฝึกฝนมาจนถึงวันนี้ ไม่เคยถูกผู้ใดเหยียดหยามเช่นนี้มาก่อนเลย!
“ลี่เมี่ยวหงใช่หรือไม่? ข้าหวังว่าเจ้าจะใช้พลังทั้งหมดในการต่อสู้ครั้งนี้ และอย่าได้แสดงพลังออกมาแย่จนเกินไป ไม่เช่นนั้น ข้ารับรองว่าเจ้าต้องตายอย่างน่าอนาถแน่!”
แขนเสื้อของอิงเชวียสะบัดปลิว พลันมาหยุดยืนอยู่กลางอากาศ เปล่งน้ำเสียงที่น่าลุ่มหลงราวกับสุรา แต่ในตอนที่เอ่ยออกมานั้น กลับแข็งกร้าวอย่างมาก
ลี่เมี่ยวหงโมโหจนขบกรามแน่น พลางยิ้มเยาะ “ไอ้ปีศาจ! ก่อนหน้านี้ข้าลี่ผู้นี้อดทนและให้เกียรติมาหลายต่อหลายครั้ง แต่ในที่สุดก็เข้าใจแล้วว่าไม่จำเป็นต้องสุภาพกับคนป่าเถื่อนและหยาบคายเช่นเจ้า!”
ชิ้ง!
ในมือข้างขวาของเขาปรากฏกระบี่รบที่หมุนวนด้วยเมฆาเพลิงส่องแสงเจิดจ้าออกมา ตัวกระบี่มีขนาดสี่ฉื่อ แหลมคมแข็งแรงมาก ด้วยมันได้ปล่อยปราณกระบี่ทะลวงอากาศออกไปเป็นทางยาว
กระแสอากาศบริเวณใกล้เคียงเกิดเสียงระเบิดขึ้นทันใด พลันรอยแยกมากมายนับไม่ถ้วนก็ปรากฏออกมา
ภูเขาแม่น้ำบริเวณใกล้เคียงปกคลุมไปด้วยไอกดดันและเยือกเย็น
เมื่อเข้าสู่ขอบเขตแปรเปลี่ยนวิญญาณ จิตสัมผัสก็จะเกิดขึ้นเอง!
เมื่อบรรลุมาถึงขอบเขตนี้ ทุกการเคลื่อนไหวล้วนเต็มไปด้วยอำนาจที่น่าเกรงขาม จนสามารถทำลายภูเขาเผาแม่น้ำและมีพลังพลิกฟ้าดินได้
ในขณะที่ลี่เมี่ยวหงชักดาบออกมา อานุภาพของตัวตนขอบเขตแปรเปลี่ยนวิญญาณนั้นก็ได้แสดงออกมาอย่างเต็มที่ ทำให้ทุกคนหายใจไม่ออก และรู้สึกสั่นกลัว
“ขอบเขตแปรเปลี่ยนวิญญาณขั้นกลาง เข้าใจภาวะกระบี่วิถีวิญญาณอย่างลึกซึ้ง แม้แต่ตัวตนขอบเขตแปรเปลี่ยนวิญญาณขั้นกลางธรรมดาก็ยังมิอาจเทียบกับชายผู้นี้ได้”
“แต่ เมื่อเทียบกับตัวตนที่ยอดเยี่ยมที่สุด อานุภาพและลมปราณที่เขากลั่นออกมาในขอบเขตนี้ก็ยังแย่กว่าอยู่มาก…”
ซูอี้แอบเอ่ย
“แบบนี้สิถึงจะสนุกในตอนที่ออกล่า!”
ในอากาศ อิงเชวียหัวเราะจนแหงนหน้าขึ้นฟ้า พลันแกว่งมือทุบออกไป
ตูม!
ท้องฟ้าปั่นป่วน ฟ้าร้องครวญคราง
แค่ฝ่ามือเดียวเท่านั้น ราวกับมีกรงเล็บเทพมังกรยื่นออกมา ทำให้สถานการณ์ของท้องฟ้าผืนนี้เปลี่ยนไป ภายใต้พลังวิถีวิญญาณอันแข็งแกร่งที่แผ่กระจายออกมา
ม่านตาลี่เมี่ยวหงขยายกว้างทันที พลันกวัดแกว่งกระบี่ออกไปอย่างไม่มีความลังเล
เมฆาเพลิงเผาไหม้ ปราณกระบี่เดือดพล่าน ในตอนที่พุ่งออกไปในอากาศ คล้ายกับพายุเพลิงที่ม้วนอากาศเป็นทางยาว มีกลิ่นอายเผาทำลายล้างที่ทำให้คนกลัว
การต่อสู้ของผู้ฝึกตนขอบเขตแปรเปลี่ยนวิญญาณทั้งสอง จะทำให้เกิดสภาพการณ์น่าสะพรึงกลัวเท่าใดกัน?
เสียงระเบิดดังสะเทือนเลือนลั่น เกิดสายฟ้าและประกายเปลวเพลิงที่แตกซ่านกระจัดกระจายไปทั่ว ท้องฟ้ามืดครึ้มดุจน้ำหมึกในคราแรก สว่างจ้าดั่งตอนกลางวันทันที
พลังฟ้าดินบริเวณรอบนอกราวพันจั้ง ล้วนยุ่งเหยิงปั่นป่วนไม่หยุด
จางอวิ๋นเทา เหวินซินจ้าวและคนอื่น ๆ ต่างแสบตาไปหมด พวกเขารู้สึกสั่นกลัว และมิอาจเห็นรายละเอียดของการต่อสู้นี้ได้อย่างชัดเจน
ระดับมันต่างกันมากเกินไป ความสามารถและจิตสัมผัสที่มาจากระดับวิถีวิญญาณนั้น หาใช่สิ่งที่ผู้ฝึกตนวิถีต้นกำเนิดจะเข้าใจและจินตนาการได้
เคร้ง!!
เสียงปะทะกันของโลหะดังขึ้น
ท่ามกลางสายตาที่ตกใจของทุกคน ร่างของลี่เมี่ยวหงเป็นเหมือนดาวหางที่ตกลงมา ทำให้ผืนปฐพีเกิดหลุมขนาดใหญ่
ในฝุ่นควันตลบอบอวลไปทั่วนั้น มีร่างหนึ่งที่เส้นผมแผ่สยาย เสื้อผ้าขาดรุ่งริ่ง มุมปากมีเลือดไหลออกมา!
เพียงฝ่ามือเดียว โจมตีลี่เมี่ยวหงจนแตกพ่าย!!
บนเรือล่องล้อเมฆาที่อยู่ไกล ๆ เริ่นโหยวโหย่วตกใจสั่นเทา และมึนงงอย่างขีดสุด นางไม่นึกเลยว่าตัวตนขอบเขตแปรเปลี่ยนวิญญาณที่มีชื่อเสียงขจรไปทั่วอย่างลี่เมี่ยวหง จะได้รับความพ่ายแพ้หลังจากที่เพิ่งต่อสู้ได้ไม่นาน?!
“แข็งแกร่งมาก!”
จางอวิ๋นเทา เหวินซินจ้าวและคนอื่น ๆ ต่างตกใจ
พวกเขารู้ดีว่าพลังของอิงเชวียนั้นน่าสะพรึงกลัวมาก แต่ไม่นึกเลยว่า ในตอนที่ต่อสู้กับลี่เมี่ยวหงที่มีขอบเขตแปรเปลี่ยนวิญญาณเช่นเดียวกัน เขาจะแข็งแกร่งมากถึงเพียงนี้
แต่ซูอี้กลับรู้สึกว่าน่าเบื่อเล็กน้อย
คนหนึ่งคือผู้ฝึกตนเผ่ามนุษย์ที่มีขอบเขตแปรเปลี่ยนวิญญาณขั้นกลาง อีกคนคือเผ่ามังกรมีเกล็ดที่หยุดยั้งอยู่ในขอบเขตแปรเปลี่ยนวิญญาณขั้นสมบูรณ์มานานนับพันปี ระดับความห่างชั้นนั้นมันต้องมีมากอยู่แล้ว
ในสถานการณ์เช่นนี้ หากอิงเชวียมิอาจบีบคั้นอีกฝ่ายได้ เช่นนั้นถึงจะเรียกว่าผิดปรกติ
“นี่… คือผู้ฝึกตนขอบเขตแปรเปลี่ยนวิญญาณรึ?”
ในอากาศ อิงเชวียรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย เขาขมวดคิ้วพลางเอ่ยพึมพำ “ช่างใช้ไม่ได้จริง ๆ…”
เขาอยากแสดงความสามารถต่อหน้าซูอี้ แต่หากคู่ต่อสู้อ่อนแอเช่นนี้ แล้วจะแสดงความแข็งแกร่งของเขาออกมาได้อย่างไร?
ลี่เมี่ยวหงเองก็ถูกฝ่ามือนี้โจมตีจนสับสนมึนงงเช่นกัน
สีหน้าเขาเปลี่ยนไป ความโกรธเกรี้ยวที่อยู่สุมอกหายไปทันใด เขาสั่นหนาวไปทั้งร่าง นัยน์ตาเผยความขลาดกลัวขึ้นมา
ผู้ฝึกปีศาจนี้มาจากสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งใดกันแน่ ถึงได้ขัดเกลาความสามารถอันน่าสะพรึงกลัวเช่นนี้ในขอบเขตแปรเปลี่ยนออกมาได้?
“หากไม่ตายก็มาสู้ต่อ! แสดงไพ่ไม้ตายของเจ้าออกมา อย่าให้เสียชื่อเสียงสำนักเต๋าชิงอี่ของเจ้า!”
ในอากาศ อิงเชวียตะโกนออกมา “หากยังแสดงออกมาได้ย่ำแย่เช่นนี้อีก ข้าจะโมโหจริง ๆ แล้วนะ!”
การแสดงออกของอีกฝ่าย ทำให้เขาร้อนรนเล็กน้อย จึงแทบอยากขออีกฝ่ายให้รีบเปลี่ยนแปลงตัวเองให้แข็งแกร่งขึ้น…
ท่าทางของทุกคนดูแปลกไป รู้สึกเพียงแค่ว่าภาพนี้มันดูไร้สาระและตลกจนเกินไป
เห็นอยู่ว่าเป็นการต่อสู้ที่ยอดเยี่ยมระหว่างตัวตนในขอบเขตแปรเปลี่ยนวิญญาณ แต่อิงเชวียกลับดูเหมือนโมโหมาก… โมโหที่อีกฝ่ายทำไมถึงได้อ่อนแอเพียงนี้!