บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 475 สหายเก่าพบหน้า
ตอนที่ 475: สหายเก่าพบหน้า
ตอนที่ 475: สหายเก่าพบหน้า
แสงสว่างเปรียบดั่งฝน งดงามดั่งดาวตก ส่องสว่างทั่วผืนฟ้ายามราตรี
นั่นคือกลุ่มชายหนุ่มหญิงสาว ฝั่งบุรุษรูปหล่องามสง่า ส่วนสตรีงดงามชวนใจสั่น
สตรีในชุดสีม่วงที่คลุมศีรษะ มีดวงตาสดใสและฟันขาวดุจไข่มุก ท่วงท่างดงามยิ่ง ยามดวงตาหงส์คู่นั้นกวาดมองโดยรอบ ตัวนางมีความสง่าราศีที่น่าเคารพยกย่อง
“ช้าก่อน”
เจียงหลีเอ่ยปาก ชุดสีม่วงโบกสะบัด ดวงตาหงส์ราวสายฟ้าเย็นเยือกได้มองไปยังเมืองผีที่พลุกพล่าน
กลุ่มนักเดินทางหยุดลงในทันที
“สถานที่แห่งนี้เต็มไปด้วยภูตผีปีศาจ มีแต่ความมืดมน ควรค่าแก่การถูกชำระล้างไปจากโลก!”
เจียงหลีขมวดคิ้วสีดำดั่งภูเขาห่างไกล ใบหน้างดงามแสดงสีหน้ารังเกียจเดียดฉันท์ออกมา
“ศิษย์พี่หญิงเจียง ให้ข้าจัดการกับสัตว์ประหลาดเหล่านี้เถิด”
เถาอวิ๋นฉือผู้มีที่หน้าตาหล่อเหลาและสวมชุดคลุมสีทองเอ่ยขอร้องด้วยรอยยิ้ม
“ไม่จำเป็น”
เจียงหลีกล่าวพร้อมกับเคลื่อนไหว
ซ่า!
ฝนเพลิงสีแดงที่เป็นประกายเจิดจ้าพุ่งขึ้นไปยังท้องฟ้า กลายเป็นหงส์หยกศักดิ์สิทธิ์ขนาดมหึมา ปีกสยายออก เท้ายาวหนึ่งร้อยจั้ง เปลวเพลิงสาดส่อง สายฝนโปรยปรายจากฟากฟ้า
กลิ่นอายของการทำลายล้างอันรุนแรงแผ่กระจายออก
จังหวะวิถีเพลิงหงส์หยก!
จังหวะวิถีพิเศษที่หายากยิ่ง เป็นระดับวิถีที่เหนือชั้นกว่าจังหวะวิถีพิเศษใน ‘สามขั้นเก้าระดับ’ เสียอีก!
กล่าวกันว่าภายในตระกูลเจียงซึ่งเป็นหนึ่งในสามตระกูลหลักของต้าเซี่ย ในเวลาเกือบพันปีมีเพียงเจียงหลีเท่านั้นที่ประสบความสำเร็จในการปลุกพรสวรรค์ในสายเลือดของตนเองด้วยวิธีการลับ จึงกระจ่างแจ้งถึงจังหวะวิถีเก่าแก่อันช้านานนี้
ในยามนี้ ภายใต้เงาสะท้อนของเปลวเพลิงอันมหึมา เจียงหลีที่แต่งกายด้วยชุดสีม่วงงามล่มเมืองราวกับเทพธิดาบนท้องฟ้า ดูสง่างามเป็นอย่างยิ่ง
ศิษย์ชายของสำนักดาบเทียนชูอดไม่ได้ที่จะแสดงสีหน้าเคารพและหลงใหลออกมา ก่อนจะถูกท่วงท่าที่ไม่มีผู้ใดเทียบเทียมได้ของเจียงหลีทำให้ตกตะลึง
“ไป!”
เจียงหลีเหยียดมือเรียวขาวราวหยก ชี้ไปยังเมืองที่อยู่เบื้องล่าง
ตูม!
หงส์หยกเพลิงส่งเสียงร้องดังลั่น กระพือปีกโฉบลงไป
ช่วงระหว่างเนินเขา ประตูเมืองที่มีอักษรสามตัว ‘อาณาจักรชิงไหว’ สลักอยู่และมีขอบเขตเพียงหนึ่งพันจั้ง เมื่อหงส์หยกเพลิงบินโฉบลงมา ก็ราวกับท้องฟ้าถูกปกคลุมด้วยเปลวไฟ!
ภูตผีในเมืองต่างกรีดร้องด้วยความหวาดกลัว หนีกันไปคนละทิศคนละทาง
ทว่ายังไม่ทันได้วิ่งหนีออกไป ทั่วทั้งเมืองและภูตผีต่างจมลงสู่เปลวเพลิงไร้ที่สิ้นสุด
ตูม!!
ภูเขาสั่นไหว สายฝนโปรยปรายลงมาจากฟากฟ้า
เสี้ยววินาทีที่เมืองแห่งนั้นได้มอดไหม้ราวกับถูกกำจัดไปจากโลก กลิ่นอายอันรุนแรงของเปลวเพลิงแห่งการทำลายล้างได้เปลี่ยนภูเขาและหินให้กลายเป็นผุยผง ต้นไม้ใบหญ้ากลายเป็นเถ้าถ่าน
เมื่อกวาดสายตามองอีกครั้ง จะพบว่าตรงกลางระหว่างภูเขามีเศษซากไหม้เกรียมอยู่!
ชิวเหิงคงอดไม่ได้ที่จะสูดอากาศสดชื่น
ในหมู่คณะเดินทางกลุ่มนี้ หากพินิจในแง่ผลการฝึกโดยยึดเอาเถาอวิ๋นฉือที่อยู่ในช่วงแรกของขอบเขตรวบรวมดาราเป็นที่ตั้ง ก็นับได้ว่าอีกฝ่ายเป็นผู้ที่สุดยอดที่สุด
หากพินิจในแง่ของพลังการต่อสู้ โดยยึดเจียงหลีที่อยู่ในช่วงขอบเขตเปิดทวาร นางก็จะเป็นที่เคารพนับถือที่สุด!
ส่วนศิษย์ในสำนักดาบเทียนชูในเขตแดนเดียวกัน พวกเขาล้วนเป็นผู้โดดเด่น และสามารถฆ่าผู้ฝึกตนในโลกสามัญนี้ได้อย่างง่ายดาย
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการสังหารศัตรูที่อยู่ขอบเขตซึ่งเหนือกว่าเลย
นี่เป็นสิ่งที่ทราบกันดีทั่วหล้า
ราวกับแบ่งผู้ฝึกตนในใต้หล้าของต้าเซี่ยออกเป็นส่วน ๆ
ในโลกนี้ผู้ฝึกตนพเนจรที่ประสบความสำเร็จโดยไม่สังกัดอยู่ในนิกายใดจะอยู่ในขั้นที่ต่ำที่สุด
ยิ่งไปกว่านั้น ผู้แข็งแกร่งของตระกูลใหญ่ที่กระจายอยู่ในสิบสามแคว้นของต้าเซี่ย ในบรรดาพวกเขายังมีบุคคลทรงพลังและเก่งกาจ ทว่ากลับมีจำนวนอยู่น้อยนิด
และขุมอำนาจเต๋าชั้นนำทั้งสี่ สามตระกูลหลัก รวมถึงผู้ฝึกตนของราชวงศ์เซี่ย ไม่ต้องสงสัยเลยว่าจัดเป็นตำแหน่งอันดับหนึ่งของโลกสามัญแห่งนี้!
และสำนักดาบเทียนชูเอง ก็นับเป็นกลุ่มชั้นนำอันดับหนึ่งเช่นกัน
และในสำนักดาบเทียนชูก็ยังแบ่งเป็น ศิษย์นอกสำนัก ศิษย์ในสำนัก และศิษย์สืบทอด
ตัวละครอย่างชิวเหิงคงที่อยู่ในโลกแห่งต้าเซี่ย หากวางเขาไว้ในต้าเซี่ย ก็จะเรียกได้ว่าเป็นตัวตนที่เก่งกาจในเขตแดนเดียวกัน
แต่ถ้าวางในสำนักดาบเทียนชู กลับเป็นเพียงศิษย์นอกสำนัก ซึ่งยังห่างไกลที่จะเปรียบเทียบกับเถาอวิ๋นฉือที่เป็นศิษย์สายในนัก
นับประสาอะไรที่จะไปเปรียบเทียบกับศิษย์สืบทอดสายตรงอย่างเจียงหลี
หากเถาอวิ๋นฉือและศิษย์ในสำนักทุกคนเป็นผู้ที่ความสามารถเหนือชั้น เช่นนั้นเจียงหลีก็จะเป็นยอดอัจฉริยะในรุ่นเดียวกัน เป็นหญิงผู้เก่งกาจที่ได้รับการอวยชัยจากสรวงสวรรค์!
สถานการณ์เช่นนี้ที่กลุ่มขุมอำนาจเต๋าชั้นนำทั้งสามอย่างสำนักเต๋าชิงอี่ วังเทพสวรรค์เมฆา และวัดมหาจันทราก็มีเช่นกัน
“ต่อให้ข้าฝึกฝนหนักทั้งชีวิต ก็เกรงว่าคงไม่สามารถเทียบชั้นได้เท่าอัจฉริยะของโลกอย่างเจียงหลี…”
ชิวเหิงคงถอนหายใจ
หากในแง่ของเงื่อนไขโดยกำเนิดอย่างพรสวรรค์ รากเหง้า และภูมิหลัง เขาแย่กว่าส่วนหนึ่ง
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงที่ว่าเจียงหลียังเป็นทายาทสายตรงของตระกูลเจียงซึ่งเป็นหนึ่งในสามตระกูลหลักแห่งต้าเซี่ย การสืบทอดมรดกและฝึกฝนการต่อสู้ซึ่งมีการจัดการระดับแนวหน้าของโลก แม้กระทั่งผู้อาวุโสของตระกูลก็ล้วนแล้วแต่เป็นบุคคลสำคัญ
ยามกวาดสายตามองไปทั่วทั้งใต้หล้า หญิงผู้เก่งกาจอย่างเจียงหลีนับได้ว่าเป็นหนึ่งในบุคคลที่ได้รับความโปรดปรานเพียงหยิบมือที่เก่งที่สุด!
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ชิวเหิงคงจะเอาสิ่งใดไปเทียบชั้น จะเอาสิ่งใดไปไล่ตามได้ทัน?
ที่ทำให้สิ้นหวังยิ่งกว่าคือเจียงหลีผู้เป็นยอดฝีมือมีจิตใจที่มั่นคง เมื่อเทียบในเรื่องการตั้งใจฝึกฝนอย่างหนักแล้ว นางไม่ด้อยกว่าผู้ใดในสำนักเลย
ตัวตนที่มีความสามารถอันน่าทึ่งและภูมิหลังยอดเยี่ยม กอปรกับการฝึกฝนอย่างขยันขันแข็ง ผู้ที่สามารถเทียบเทียมได้ ถูกกำหนดไว้แล้วว่าจะมีเพียงอัจฉริยะรุ่นราวคราวเดียวกันกับนาง!!
“เฮ้ มีผู้ฝึกตนและผู้ฝึกปีศาจสองตนยังอยู่ในที่แห่งนั้น!”
ฉับพลันก็มีคนตะโกนออกมาด้วยความตกใจ
ทุกคนเงยหน้าขึ้น ก่อนเห็นบนซากปรักหักพังของเมืองแห่งนั้นมีร่างสามร่างผุดขึ้นยืนอยู่บนเนินเขาไม่ไกล
แบ่งเป็นชายหนุ่มรูปงามในชุดสีเขียว ชายร่างสูงที่ดูซื่อสัตย์และจริงใจ กับหญิงสาวสวยสง่า
“สามคนนี้อยู่ตรงที่สกปรกเช่นนี้ เกรงว่าคงจะไม่ใช่คนดีอันใด”
เถาอวิ๋นฉือครุ่นคิด
ทันทีที่พูดออกมา มีคนไม่น้อยที่เห็นด้วย
ในถิ่นทุรกันดาร เมืองที่มีภูตผีชั่วร้ายกลับมีคนสามคนรวมกันอยู่ด้วย เป็นไปไม่ได้เลยที่จะไม่นึกถึงเรื่องเลวร้าย
เจียงหลีขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนว่า “ไป ไปทักทายเสียหน่อย ถือโอกาสถามถึงที่มาของพวกเขา หากไม่ใช่คนเลวทรามก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าใช่ก็อย่าปล่อยให้พวกเขาหนีไปได้”
และในทันใดกลุ่มนักเดินทางก็พุ่งออกไป
…
“นายท่าน เจ้าพวกนั้นมากันแล้ว!”
หยวนเหิงพูดด้วยน้ำเสียงต่ำ
ก่อนหน้านี้พวกเขายังได้เห็นฉากอันตื่นตะลึงกับตาตัวเอง ชั่วขณะที่เจียงหลียื่นมือออกไป และหงส์หยกเพลิงตัวนั้นก็พุ่งขึ้นไปในอากาศเผาเมืองทั้งเมือง พวกเขาคาดเดามานานแล้วว่าคณะเดินทางกลุ่มนี้มีที่มาที่ไปไม่ธรรมดา
จนถึงขณะนี้ เมื่อเห็นอีกฝ่ายพุ่งเข้ามาหาพวกเขา หยวนเหิงก็อดไม่ได้ที่จะระแวดระวัง
“คาดไม่ถึงว่า จะได้เจอคนคนนั้นที่นี่…”
ในเวลานี้ดวงตาของซูอี้แสดงความประหลาดใจ เขาจำชิวเหิงคงได้
“สหายเต๋าซู!”
ในระยะห่างสุดสายตา เมื่อขยับเข้าใกล้พร้อมคณะเดินทาง ชิวเหิงคงก็จำซูอี้ได้ ใบหน้าของเขาจึงเต็มไปด้วยความคาดไม่ถึงและประหลาดใจ
สิ่งนี้ทำให้เจียงหลีและคนอื่นมึนงง และพากันหันมองไปยังชิวเหิงคง
จู่ ๆ ชิวเหิงคงก็สูญเสียการควบคุม ดังนั้นเมื่อรู้ตัวจึงรีบพูดขึ้นว่า “ศิษย์พี่ศิษย์น้องทั้งหลาย สหายเต๋าซูท่านนี้ไม่ได้เป็นคนเลวทรามแต่อย่างใด เขาเป็นสหายเก่าของข้าเอง”
เจียงหลีพยักหน้า
ทว่าเถาอวิ๋นฉือกลับสงสัย “ศิษย์น้องชิว เจ้าเคยพูดว่าในเขตแดนต้าเซี่ยแห่งนี้เจ้าไม่มีสหายอะไรนั่นไม่ใช่หรือ? แล้วเหตุใดกลับปรากฏสหายหนึ่งคนกับผู้ฝึกปีศาจอีกสองคนเล่า?”
คำพูดนั้นหยาบคายมาก
สิ่งนี้ทำให้หยวนเหิงและไป๋เวิ่นฉิงขมวดคิ้ว
ในใจชิวเหิงคงเกิดความไม่พอใจขึ้นมา แล้วอธิบายด้วยเสียงต่ำว่า “ศิษย์พี่เถาช่างไม่รู้อะไรเสียเลย สหายเต๋าซูไม่ใช่ผู้ฝึกตนแห่งต้าเซี่ย แต่มาจากต้าโจวและมีสมญานามว่า ‘อัครมหาเสนาบดีแห่งต้าโจว’ ผู้มากความสามารถ เขาไม่อาจเปรียบกับคนทั่วไปได้”
“ต้าโจว?”
เถาอวิ๋นฉือตกตะลึง “นี่เป็นอาณาจักรใดกัน?”
มีคนหัวเราะคิกคักแล้วเอ่ยขึ้นว่า “มันเป็นอาณาจักรเล็ก ๆ ห่างไกลที่ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของมหาทวีปคังชิง ซึ่งอยู่ติดกับต้าเว่ยบ้านเกิดของศิษย์น้องชิว ที่สถานที่แห่งนั้น… มันห่างไกลจริง ๆ จึงมักถูกเรียกว่าดินแดนป่าเถื่อน หากศิษย์พี่เถาจะไม่เคยได้ยินมาก่อนก็ไม่แปลกอะไร”
“เช่นนี้นี่เอง ที่แท้ก็เป็นอาณาจักรเล็ก ๆ ที่อยู่ติดกับต้าเว่ยนี่เอง!”
เถาอวิ๋นฉือตกตะลึง ก่อนหัวเราะเยาะเย้ยออกมา ดวงตาเต็มไปด้วยความเหยียดหยามเล็กน้อย
ชายหญิงบางส่วนที่อยู่ข้างกายเขาเองก็ส่ายหัวอย่างไม่เห็นด้วย
ผู้ฝึกตนจากอาณาจักรเล็ก ๆ ที่เป็น ‘อัครมหาเสนาบดีแห่งต้าโจว’ …ตัวตนเช่นนี้ก็แค่ทำให้คนธรรมดาที่อยู่ในโลกหวาดกลัวได้เท่านั้น!
ปฏิกิริยาเช่นนี้ของพวกเขาทำให้ชิวเหิงคงอับอายเล็กน้อย แต่เขาก็ทำได้เพียงอดทน
เจียงหลีใช้ดวงตาหงส์อันสวยงามของนางเหลือบมองเถาอวิ๋นฉือและคนอื่น ๆ เล็กน้อย ก่อนที่เสียงอันไพเราะเสนาะหูจะดังออกมา “เมื่อออกมาท่องโลกแล้ว ทุกคนล้วนเป็นศิษย์สำนักเดียวกัน เมื่อได้พบกับสหายของศิษย์น้องชิวก็ควรสุภาพเสียหน่อย”
เถาอวิ๋นฉือพูดด้วยรอยยิ้ม “ศิษย์พี่เจียงไม่ต้องกังวล แค่ผู้ฝึกตนจากอาณาจักรเล็ก ๆ ในที่ห่างไกล ข้าไม่กล้าทำเรื่องไม่เหมาะสมกับฐานะหรอก”
น้ำเสียงที่เปล่งออกมาช่างบอกว่าตัวเองสูงส่งเสียเหลือเกิน
ทุกคนต่างยิ้มและพยักหน้า
เหยี่ยวนกเขาบนท้องฟ้าจะจงใจกินมดที่อยู่บนพื้นหรือ?
แน่นอนว่าไม่
แม้ว่าชิวเหิงคงจะรังเกียจท่าทีที่เถาอวิ๋นฉือและคนอื่น ๆ แสดงออกมา แต่เขาก็รู้ว่าพวกเถาอวิ๋นฉือมีคุณสมบัติและความสามารถที่จะทำได้เช่นนั้นจริง ๆ
เขาสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ และประสานมือคำนับให้เจียงหลี “ขอบคุณศิษย์พี่หญิงเจียง”
เจียงหลีพยักหน้าเล็กน้อยและไม่พูดอะไร
ระหว่างการสนทนา คณะนักเดินทางกลุ่มนี้ได้ลงมาจากท้องฟ้าแล้ว ก่อนขึ้นไปบนยอดเขาแห่งนั้น แล้วปรากฏตัวต่อหน้าซูอี้กับคนอื่น ๆ
“ศิษย์น้องชิว เจ้าไปทบทวนความหลังสักหน่อย พวกข้าจะหยุดสักพักแล้วค่อยไป”
เจียงหลีสั่ง
ตอนที่พูด นางก็ได้ลงมาที่ด้านข้างของภูเขา และมองดูท้องฟ้ายามค่ำคืนจากที่ไกล ๆ
หลังจากที่รู้ว่าสหายของชิวเหิงคงคือซูอี้ นางก็ไม่มีความคิดที่จะสอบสวนอีกฝ่าย
ทว่านางก็ไม่คิดจะไปริเริ่มทักทายกับอีกฝ่ายเช่นกัน
ในท้ายที่สุด อีกฝ่ายก็เป็นเพียงผู้ฝึกตนพเนจรจากอาณาจักรเล็ก ๆ อันห่างไกล ไฉนนางจึงควรอดทนเป็นฝ่ายเริ่มทักทายเล่า?
แน่นอนว่านี่ไม่ใช่การเหยียดหยาม และก็ไม่ใช่การดูถูกหรือการขับไล่ ทั้งหมดเป็นความคิดที่ว่าอีกฝ่ายคือคนแปลกหน้า
“สหายเต๋าซู!”
ชิวเหิงคงไม่สนใจความคิดของอีกฝ่าย และเดินไปเพื่อทักทายทันที เขาพูดอย่างมีความสุข “เจ้ามาที่นี่ได้อย่างไร”
ซูอี้ยิ้มและพูดว่า “ข้าก็แปลกใจเช่นเดียวกันที่ได้เจอเจ้าที่นี่”
เขายังสังเกตเห็นเจียงหลีและคนอื่น ๆ ด้วย
แต่ว่าบนหน้าผากของอีกฝ่ายมีเพียงคำว่า ‘ไม่อยากอยู่ใกล้คนแปลกหน้า’ ห้าคำนี้เขียนไว้อยู่ ดังนั้นเขาจึงเพิกเฉยเสีย
ขณะที่พูด เขาก็หยิบเก้าอี้หวายออกมา เอนกายลงไปอย่างเกียจคร้าน หยิบสุราไหหนึ่งแล้วโยนให้ชิวเหิงคง จากนั้นจึงชี้ไปยังก้อนหินข้าง ๆ “นั่งลงสิแล้วมาคุยกันหน่อย”
ท่าทางสบาย ๆ นั้น เหมือนกับเอาพื้นที่ตรงนี้ทำเป็นสวนหลังบ้านของตน
เมื่อเห็นฉากนี้ เถาอวิ๋นฉือและคนอื่น ๆ ที่อยู่ไม่ไกลก็อดไม่ได้ที่จะงุนงง รู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย
เจ้าหนุ่มคนนี้… เขาไม่ใส่ใจพวกตนเลย!
สิ่งที่ควรรู้คือผู้ฝึกตนในโลกนี้เมื่อเห็นลูกหลานของสำนักดาบเทียนชู มีใครบ้างไม่เกรงกลัว ทั้งต้องเป็นฝ่ายเริ่มทักทายก่อน?
แต่ตอนนี้ ชายหนุ่มที่มาจากอาณาจักรเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง กลับไม่สนใจพวกเขา ทั้งยังเมินเฉยด้วย…