บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 478 ยอมถอยกับรับปาก
ตอนที่ 478: ยอมถอยกับรับปาก
ตอนที่ 478: ยอมถอยกับรับปาก
ชิวเหิงคงยืนค้างอยู่ตรงนั้น
ในความรู้สึกเขา ศิษย์สายในอย่างกู่เถิงอิง เรียกได้ว่าเป็นคนโดดเด่นในขอบเขตเปิดทวารแห่งต้าเซี่ย จนแม้แต่คนที่มีขอบเขตเดียวกันก็มิอาจเทียบกับเขาได้
และเถาอวิ๋นฉือ คือคนที่แข็งแกร่งยิ่งกว่ากู่เถิงอิง เรียกว่าเป็นหนึ่งในหมื่นเลยก็ว่าได้ พื้นฐานและความสามารถของคนผู้นี้นับว่าโดดเด่นเหนือกว่าบรรดาศิษย์สายในของสำนักดาบเทียนชู
แต่ยามนี้ เถาอวิ๋นฉือพ่ายแพ้แล้ว!
ในระหว่างที่ซูอี้ก้าวเดิน
เทพวานรโอบบรรพตแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ!
เถาอวิ๋นฉือคุกเข่าอยู่บนพื้น!
ภาพที่รุนแรงเช่นนี้ ทำให้ชิวเหิงคงสับสนไปหมด ดวงตาของเขากลายเป็นเลื่อนลอย
“เป็นไปได้อย่างไร…”
“ความสามารถของศิษย์พี่เถา มากพอที่จะถีบตัวเองขึ้นมาเป็นศิษย์สายในห้าอันดับแรกได้ และความสามารถในขอบเขตรวบรวมดาราของเขา ล้วนบดบังผู้อาวุโสสายนอกในสำนัก แต่… แต่เหตุใดถึงเป็นเช่นนี้…”
เหล่าบุรุษสตรีแห่งสำนักดาบเทียนชูต่างตะลึงตาค้าง และตกใจกับภาพเหตุการณ์นี้
เพียงแค่สะบัดแขนเสื้อครั้งเดียว กู่เถิงอิงก็พ่ายแพ้ไป!
เพียงแค่ก้าวเดินไป เถาอวิ๋นฉือก็พ่ายแพ้เช่นกัน!!
แล้วใครจะกล้าเชื่อกัน?
ครั้นมองไปทางซูอี้ เหล่าบุรุษสตรีต่างหวาดกลัวระคนสงสัย และมีท่าทางเคร่งขรึมขึ้นอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
ก่อนหน้านี้ พวกเขาคิดว่าตัวเองนั้นสูงส่ง ยามเผชิญหน้ากับผู้ฝึกตนที่มาจากอาณาจักรเล็ก ๆ อย่างซูอี้ จึงพากันแสดงท่าทางเย่อหยิ่งออกมา
พวกเขาต่างมองซูอี้อย่างคนโง่เขลาเบาปัญญา ไม่รู้ที่ต่ำที่สูง ช่างน่าขบขัน น่าสงสาร น่าเสียใจ และน่าถอนหายใจ
ทว่ายามนี้ พลังที่ซูอี้แสดงออกมา เป็นเหมือนกับตะบองที่ทุบลงบนตัวพวกเขาอย่างรุนแรง จนพวกเขาได้สติกลับขึ้นมา
แล้วพวกเขาจะไม่เข้าใจได้อย่างไรว่าครานี้พวกเขามองพลาดไป?
คนแซ่ซูผู้นี้ ไม่ใช่ผู้ฝึกตนด้วยตัวเองธรรมดา เห็นได้ชัดเลยว่าเป็นคนดุร้ายที่น่าสะพรึงกลัวมาก!
เจียงหลีมีท่าทางเชื่องช้าไปเล็กน้อย นัยน์ตาวูบไหว ไม่มีท่าทางเย็นชาไม่สะทกสะท้านอย่างก่อนหน้านี้อีกแล้ว
ซูอี้ที่มีการฝึกฝนขอบเขตเปิดทวารขั้นต้น กลับสามารถสยบเถาอวิ๋นฉือที่มีขอบเขตรวบรวมดาราอย่างง่ายดายด้วยการโจมตีเดียว พลังเช่นนี้ ทำให้นางรู้สึกตกตะลึงมาก
ในเวลานี้ ซูอี้เอามือไพล่หลัง มองลงมาที่เถาอวิ๋นฉือซึ่งคุกเข่าอยู่บนพื้นมิอาจดิ้นรนลุกขึ้นได้ พลางกล่าว “ข้าคร้านที่จะสังหารคนเช่นเจ้าจริง ๆ”
เมื่อเอ่ยจบ เขาก็เงยหน้าขึ้น กวาดมองคนอื่น ๆ ที่อยู่บริเวณรอบ ๆ
บุรุษสตรีเหล่านั้นต่างหวาดกลัว และมิกล้าสบสายตากับซูอี้
มีเพียงเจียงหลีที่เงยหน้าขึ้นเล็กน้อย ดวงตาหงส์เรียวยาวหรี่ลง ทั่วร่างแฝงไปด้วยความน่าเกรงขามที่ทำให้คนกลัว เมื่อสบตากับซูอี้ นางสงบเยือกเย็นไม่สะทกสะท้านใด ๆ
ครั้นเห็นหญิงสาวชุดสีม่วงงดงามมีท่าทางเย่อหยิ่งดั่งนกยูงตัวหนึ่ง ซูอี้ก็ถามขึ้น “ก่อนหน้านี้ คล้ายว่าเจ้าจะเคลื่อนไหวถึงสองครั้ง แต่เหตุใดสุดท้ายถึงได้ยับยั้งเอาไว้?”
ประโยคนี้ ทำให้ดวงหน้าที่ขาวผ่องดุจหยกของเจียงหลีเปลี่ยนไปเล็กน้อย “สหายเต๋าสังเกตเห็นด้วยรึ?”
“เมื่อจิตสังหารของสวรรค์ปะทุออกมา ย่อมทำให้กลุ่มดาวเคลื่อนที่ เมื่อจิตสังหารของผืนปฐพีปะทุ ย่อมทำให้มังกรและงูทะยานขึ้น และเมื่อจิตสังหารของมนุษย์ปะทุ ย่อมทำให้โลกกลับตาลปัตรได้”
ซูอี้เอ่ยทันที “เจ้ายังไม่ได้หลอมโคจรขับเคลื่อนลมปราณไปจนถึงขั้นสมบูรณ์ไร้ช่องว่าง ฉะนั้นในยามที่เจ้าโคจร ปราณในกายเจ้าก็จะเป็นดั่งสายธนูที่ถูกดึงจนสุด แล้วข้าจะไม่สังเกตเห็นได้อย่างไร?”
ตาหงส์ของเจียงหลีสั่นไหวขึ้นมา ดวงหน้างามเผยความเคร่งขรึมขึ้นอยากไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
ก่อนหน้านี้นางตั้งใจจะเข้าไปหยุดยั้งจริง ๆ แต่เพียงแค่เปลี่ยนใจเท่านั้น จึงระงับทุกอย่างลง
แต่กลับไม่นึกเลยว่า ซูอี้จะสังเกตเห็นว่านางคิดจะลงมือผ่านการโคจรลมปราณบนตัวเพียงเล็กน้อยเท่านั้น!
การรู้แจ้งนี้ช่างหน้าหวาดกลัวเกินไปแล้ว!
“สหายเต๋าช่างมีสายตาที่เฉียบแหลม เจียงหลีเลื่อมใสจริง ๆ”
เจียงหลีเอ่ยขึ้นพร้อมถอนหายใจออกมาเบา ๆ
เห็นได้ชัดว่า ‘เทพธิดาหงส์หยก’ ที่เป็นดั่งตำนานในสำนักดาบเทียนชูผู้นี้ ตกใจกับพลังและสายตาที่เฉียบแหลมซึ่งซูอี้ได้แสดงออกมา
นี่จึงทำให้ชิวเหิงคงที่ดูอยู่รู้สึกสมองขาวโพลนไปหมด และมีท่าทางใจลอย
ก่อนหน้านี้ เขายังเทียบซูอี้เป็น ‘กบที่อยู่ในบ่อ’ เหมือนกับเขา และรู้สึกทอดถอนใจไม่หยุด และยังเสนอให้ซูอี้เข้าร่วมฝึกฝนในสำนักดาบเทียนซู
และเคยกังวลว่าซูอี้จะฉีกหน้าเถาอวิ๋นฉือกับคนอื่น ๆ จนจะเกิดปัญหาขึ้นมาอย่างไม่รู้จบ
ทว่ายามนี้ เขาถึงได้ค้นพบว่าการกระทำเหล่านั้นของตัวเอง ช่างน่าขบขันอย่างมาก
“เช่นนั้นเจ้าว่า เรื่องในวันนี้ควรจัดการอย่างไร?” ซูอี้ถาม
สายตาของกู่เถิงอิง ชายสวมชุดสีเงิน เส้นผมแผ่สยายนั่งอยู่บนพื้น และเถาอวิ๋นฉือคุกเข่าอยู่บนพื้น ใบหน้าเต็มไปด้วยความอับอาย รวมถึงบุรุษสตรีเหล่านั้นต่างก็มองไปที่เจียงหลีเป็นทางเดียวกัน
เจียงหลีเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนถอนหายใจเสียงเบา พลางเอ่ย “เรื่องก่อนหน้านี้เป็นเหล่าศิษย์น้องของข้าที่ทำผิดเอง ข้าขอโทษสหายเต๋าแทนพวกเขาด้วย และขอสหายเต๋าอย่าได้ถือสาเลย”
นางสวมชุดสีม่วง งดงามเหมือนไม่ใช่มนุษย์ บุคลิกดูสูงศักดิ์มิอาจอธิบายออกมาได้
คือเทพธิดาหงส์หยกที่อยู่เหนือสำนักดาบเทียนชู
คือแก้วตาดวงใจของผู้นำตระกูลเจียงหนึ่งในสามตระกูลใหญ่แห่งต้าเซี่ย
คือบุตรีแห่งสวรรค์ของยุคนี้ที่มีชื่อเสียงสั่นสะท้านไปทั่วใต้หล้า
ทว่ายามนี้ กลับเลือกที่จะถอย และเอ่ยขอโทษออกมา!
เถาอวิ๋นฉือและคนอื่น ๆ ต่างตะลึงค้าง แทบไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง
ชิวเหิงคงรู้สึกสั่นเทาและใจลอย
ในสำนักดาบเทียนชู เจียงหลีคือคนที่เขาเลื่อมใสชื่นชมมากที่สุด นางเป็นเหมือนดั่งหงส์จริง ๆ ทั้งยอดเยี่ยมน่าทึ่ง และอยู่เหนือกว่าสิ่งใด
แต่ชิวเหิงคงไม่เคยนึกเลยว่า คนที่โดดเด่นเช่นเจียงหลีจะเลือกถอยเมื่อเผชิญหน้ากับซูอี้
นี่มันช่างน่าเหลือเชื่อจริง ๆ
หรือว่าศิษย์พี่เจียงจะไม่มั่นใจ… ว่าสามารถเอาชนะสหายเต๋าซูได้แน่หรือไม่?
“เจ้าสามารถขัดขวางเรื่องทั้งหมดนี้ได้ แต่กลับไม่ทำ เจ้าคงไม่นึกว่าผู้ฝึกตนที่มาอาณาจักรเล็ก ๆ อย่างข้าจะไม่อ่อนแอเหมือนอย่างที่คิดเอาไว้ ใช่หรือไม่?”
ซูอี้หัวเราะขึ้นมา
ตาหงส์ของเจียงหลีเปล่งประกาย สายตาเพ่งมองไปทางซูอี้ พลางเอ่ยอย่างไม่สะทกสะท้าน “ถูกต้อง ก่อนหน้านี้ข้าอยากรู้จริง ๆ ว่าคนอย่างสหายเต๋าไปเอาความมั่นใจมาจากไหนถึงได้ทำเหมือนพวกเราไร้ตัวตน ดังนั้น ไม่ว่าเป็นการยั่วยุของศิษย์น้องกู่ หรือว่าศิษย์น้องเถาที่ลงมือด้วยตัวเอง ข้าก็ไม่เคยคิดที่จะเข้าไปขวาง”
น้ำเสียงอ่อนโยนมีชีวิตชีวาของนางแฝงไปด้วยกลิ่นอายน่าเกรงขามสูงส่ง “หากไม่ใช่เพราะสหายเต๋าชนะ ข้าคงไม่ขอโทษหรอก โลกเราก็เป็นเช่นนี้ ชนะเป็นเจ้าแพ้เป็นโจรก็เท่านั้น”
ซูอี้เอ่ยด้วยความสนใจ “เช่นนั้นเจ้าว่าข้าจะรับคำขอโทษของเจ้าหรือไม่?”
เจียงหลีคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนเอ่ย “ข้ารับปากว่า ศิษย์น้องชิวจะไม่ถูกดึงเข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ และจากนี้ไปในสำนักเทียนชู หากมีข้าเจียงหลีอยู่ จะไม่มีผู้ใดรังแกเขาได้อีก สหายเต๋าว่า ความบริสุทธิ์ใจเช่นนี้ของข้าเป็นอย่างไร?”
ตาหงส์ที่งดงามของนาง เสื้อผ้าสีม่วงดั่งหยก แม้จะเป็นหญิงสาว แต่กลับมีกลิ่นอายน่าเกรงขามสูงส่ง ประหนึ่งหงส์ที่อยู่เหนือกว่าสิ่งใด ผนวกกับดวงหน้าที่งามจนสามารถเป็นชนวนให้บ้านเมืองล่ม ทำให้รู้สึกต่ำต้อยมาก
ทว่าเมื่อคำพูดนี้ของนางดังขึ้นมา บุรุษสตรีเหล่านั้นต่างตื่นตระหนก ใบหน้าเต็มไปด้วยความตะลึงงัน
เจียงหลียอมถอยและขอโทษ ก็ทำให้พวกเขารับไม่ได้แล้ว ไม่นึกเลยว่ายามนี้ยังจะรับปากเช่นนี้ออกมาอีก ซึ่งอยู่เหนือกว่าที่พวกเขาจินตนาการเอาไว้มาก
“เจ้าเป็นผู้หญิงที่ฉลาดคนหนึ่ง”
ซูอี้รู้สึกทอดถอดใจเล็กน้อย พลางเอ่ย “เรื่องในวันนี้ก็จบเพียงเท่านี้แล้วกัน”
คล้ายกับเจียงหลีผ่อนคลายลงไปไม่น้อย
สายตาซูอี้มองไปทางชิวเหิงคง สุดท้ายก็ทำได้แค่พยักหน้า “รักษาตัวด้วย”
เมื่อเอ่ยจบ เขาก็เอามือไพล่หลัง พลางเดินออกไป
ชิวเหิงคงมีสีหน้าแปรปรวน เขาสูดหายใจเข้าลึก พลางกุมมือคำนับ “สหายเต๋าซูรักษาตัวด้วย!”
จนกระทั่งร่างของซูอี้ หยวนเหิง และไป๋เวิ่นฉิงหายลับไปในความมืดแล้ว ชิวเหิงคงถึงได้ละสายตากลับมา
“ศิษย์น้องชิว สหายของเจ้าช่างเก่งกาจจริง ๆ!”
เวลานี้เอง เถาอวิ๋นฉือลุกขึ้นมาจากพื้น สีหน้าเคร่งขรึมเป็นอย่างมาก
“ครานี้ ศิษย์น้องชิวคงรู้สึกดีใจและลำพองใจมากเลยสินะ?”
กู่เถิงอิงเองก็มีสีหน้าบิดเบี้ยวเช่นกัน
เขากับเถาอวิ๋นฉือต่างพ่ายแพ้ต่อซูอี้ และรู้สึกเสียหน้าเป็นอย่างมาก เห็นได้ชัดว่าเวลานี้พวกเขาคิดเอาทุกอย่างมาลงกับชิวเหิงคงแทน
ชิวเหิงคงรู้สึกเคร่งขรึมขึ้น
เจียงหลีขมวดคิ้วงามเล็กน้อย และเอ่ยขึ้นทันที “คำพูดเมื่อครู่ของข้า พวกเจ้าไม่ได้ยินรึ?”
เถาอวิ๋นฉือชะงักไป และเอ่ยอย่างไม่อยากจะเชื่อ “ศิษย์พี่เจียง ท่านคงจะไม่ปกป้องชิวเหิงคงศิษย์สายนอกผู้นี้จริง ๆ หรอกนะ?”
ดวงตาของเจียงหลีเย็นชา พลางเอ่ย “เจ้าไม่พอใจ?”
สีหน้าเถาอวิ๋นฉือเปลี่ยนไปทันที และรีบส่ายหน้า
กู่เถิงอิงก็รู้สึกตื่นตกใจ
ขณะนี้เอง พวกเขาถึงได้ตระหนักว่า สิ่งที่เจียงหลีรับปากกับซูอี้เมื่อครู่ มิได้เป็นคำที่รับปากอย่างลอย ๆ แต่มันคือเรื่องจริงจัง!
สายตาเจียงหลีมองไปทางชิวเหิงคง และกล่าวว่า “ข้าพูดคำไหนคำนั้น จากนี้ไปหากมีผู้ใดมารังแกเจ้า เจ้าก็มาหาข้าได้เลย”
ทันทีที่ประโยคนี้ดังออกไป สายตาของเหล่าบุรุษสตรีที่มองชิวเหิงคงจึงเปลี่ยนไปทันที เมื่อชายผู้นี้มีศิษย์พี่เจียงคอยปกป้อง แล้วทั่วทั้งสำนักจะมีผู้ใดกล้าทำให้เขาลำบากใจกัน?
พวกเขาย่อมรู้ดี หากมีคำรับปากของเจียงหลี จากนี้ไปแม้แต่คนในสำนักก็ต้องมองชิวเหิงคงสูงส่งขึ้นอีก และจะไม่มองเขาเป็นศิษย์สายนอกที่ถูกเมินเฉยหรือบีบบังคับให้ทำอะไรอีก
นี่ทำให้เหล่าบุรุษสตรีต่างรู้สึกอิจฉามากขึ้นไปอีก
ไม่มีผู้ใดนึกเลยว่า ชิวเหิงคงจะมีความโชคดีในความโชคร้าย!
เถาอวิ๋นฉือกับกู่เถิงอิงก็รู้สึกรับไม่ได้อย่างมาก
ค่ำคืนนี้ พวกเขาสูญเสียเกียรติ
แต่ชิวเหิงคง คนที่ถูกพวกเขาเรียกใช้ตามอำเภอใจผู้นี้ กลับกลายเป็นคนที่ได้รับชัยชนะในตอนสุดท้าย และนี่ยังดึงเอาความสุดจะทนกับไร้ความสามารถของทั้งสองออกมาด้วย!
ชิวเหิงคงสั่นไปทั่วร่าง พลางกุมมือคำนับ “ขอบคุณศิษย์พี่เจียงมาก!”
“คนที่เจ้าควรขอบคุณมิใช่ข้า นี่ก็สายมากแล้ว พวกเราออกไปจากที่นี่กันเถิด”
เจียงหลีส่ายหน้า เสื้อผ้าปลิวไสว ร่างอ่อนช้อยของนางทะยานไปในอากาศทันที
ชิวเหิงคงและคนที่เหลือรีบตามออกไป
เพียงแต่ในระหว่างทาง ชิวเหิงคงกลับครุ่นคิดถึงคำพูดนั้นของซูอี้มาโดยตลอด
‘รู้ถึงความห่างชั้นไม่ได้เป็นเรื่องที่เลวร้ายอะไร แต่เมื่อหัวใจแห่งดาบได้ปนเปื้อนไปแล้ว จากนี้ไปคงยากที่จะชะล้างให้มันบริสุทธิ์ และทำให้มันแหลมคมเหมือนดั่งในอดีตได้…’
แต่ละคำในประโยคนั้น วนเวียนอยู่ในใจชิวเหิงคงเป็นเวลานาน
“สหายเต๋าซู ขอบคุณมาก!”
…..
ท้องฟ้ามืดมิดนัก
ณ ‘อาณาจักรชิงไหว’ ที่มีแต่ซากปรักหักพังเงียบสงัดและรกร้างดั่งเมืองผีแห่งนั้น
ทันใดนั้น จู่ ๆ ก็มีเงาดำเคลื่อนไปมา แล้วค่อย ๆ กลายเป็นชายวัยกลางคนสวมชุดเต๋า และมีบุคลิกที่แตกต่างจากคนอื่น
มีเพียงดวงตาเขียวมันวาวคู่นั้นที่แปลกประหลาดจนทำให้คนกลัว และทำให้บุคลิกของเขาดูมีกลิ่นอายน่าสะพรึงกลัว
นกเค้าโลหิต!
ผู้พิทักษ์ของบุตรสวรรค์เนี่ยเฟิง
หลังจากที่งานชุมนุมหลิงชวีจบไปแล้ว เขาก็เริ่มเคลื่อนไหว และคิดแย่งครรภ์อสูรนั้นมาจากซูอี้เพื่อล้างแค้น
“ฮูหยินซีฮวานังโง่ผู้นี้ ทำให้ข้าเสีย ‘ค่ายกลสุสานทะเลโลหิต’ ที่ตั้งเอาไว้โดยเปล่าประโยชน์”
นกเค้าโลหิตแอบถอนหายใจออกมา
“แต่ว่า เจ้าหนุ่มแซ่ซูผู้นั้น ช่างแข็งแกร่งดุร้ายมากจริง ๆ …ไม่รู้เขามีความเป็นมาอย่างไรกันแน่ เหตุใดถึงมีพลังพลิกสวรรค์เช่นนั้น…”
นัยน์ตาสีเขียวมันวาวของนกเค้าโลหิตสั่นไหวไปมา
เป็นเวลานาน เขาถึงได้ส่ายหน้า และกำลังจะกลับ
ทันใดนั้น น้ำเสียงเย็นชาก็ดังขึ้นในความเงียบสงัดและรกร้างแห่งนี้
“เจ้าคือนกเค้าโลหิต?”
น้ำเสียงไม่ดังมาก ทว่ายังดังอยู่ในอากาศอย่างชัดเจน
ม่านตาของนกเค้าแมวหดลง ด้วยสัญชาตญาณเดิมของมหาปราชญ์สวรรค์ในขอบเขตแปรเปลี่ยนวิญญาณ ทำให้เขาเลือกที่จะหลบหนีทันที ว่าแล้วร่างกายพลันสั่นไหว ก่อนจะหายวับไปไกลราวหนึ่งร้อยจั้ง
ตูม!
แทบจะในเวลาเดียวกัน ตรงตำแหน่งเดิมของนกเค้าโลหิต มีปราณดาบถูกตวัดลงมาอย่างเงียบเชียบ ทำให้ผืนดินปรากฏรอยแยกขนาดใหญ่ที่ลึกจนมองไม่เห็นทันที
ผืนดินสั่นสะเทือนภูเขาโยกไหว ภาวะดาบทำลายทุกสรรพสิ่ง!!