บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 485 ฮ่วนซีชา
ตอนที่ 485: ฮ่วนซีชา
ตอนที่ 485: ฮ่วนซีชา
“หยุดรถ”
ซูอี้ลุกขึ้นทันที ก่อนเดินลงจากเกี้ยวพร้อมกับหยวนเหิง
สิ่งที่ดึงดูดสายตาคือหอหยกอันวิจิตรตระการตา ความสูงหลายร้อยจั้ง พื้นที่กว้างขวาง มีรูปวาดหญิงงามบนโคมซึ่งแขวนไว้ใต้ชายคา
บนประตูหอหยกแขวนป้ายที่มีตัวอักษรโบราณสามตัวเขียนไว้อย่างงดงามว่า ‘ฮ่วนซีชา’
ราตรีกำลังคืบคลานเข้ามาใกล้
ด้านหน้าหอหยกมีกลุ่มแขกสามถึงห้ากลุ่มเดินทางมาโดยรถม้า แต่ละคนสวมเสื้อผ้างดงาม หรูหรา แค่มองก็รู้ว่ามีราคา
“แขกสองท่านที่กำลังเดินไปมารอบ ๆ เมือง มุ่งหน้ามายังฮ่วนซีชาน่ะ จิ๊ หากพูดเร็วกว่านี้ข้าก็คงพาพวกท่านมาถึงที่นานแล้ว”
คนขับเกี้ยวหัวเราะฮึ เผยรอยยิ้มคลุมเครือที่ทุกคนเข้าใจออกมา ทั้งหยาบคายทั้งมากตัณหา
ด้วยประสบการณ์และสายตาอันเฉียบคมของซูอี้ ใครที่ไหนจะมองไม่ออกว่าฮ่วนซีชาแห่งนี้เป็นหอโคมเขียว*[1]เล่า?
ทว่าเขากลับขมวดคิ้ว
เยว่ซือฉานเป็นสตรี ไฉนจึงวิ่งโร่มายังหอโคมเขียวแห่งนี้ได้?
สายตาของคนขับเกี้ยวแสดงความปรารถนาออกมา ก่อนจะกล่าว “หอโคมเขียวในต้าเซี่ยแห่งนี้ แน่นอนว่าฮ่วนซีชาอยู่อันดับต้น ๆ มันเป็นหนึ่งในสี่หอของนครหลวงจิ๋วติ่ง บ่อนที่เป็นที่รู้จักในโลกผู้ฝึกตน หญิงในหอ…”
“อ่า พูดแบบนี้แล้วกัน ก็คือสาวใช้ที่คอยเติมน้ำเติมชาน่ะ ถ้าเอาภาพวาดไปวางไว้ที่หอโคมเขียวแห่งอื่น จะต้องเป็นดาวเด่นแน่!”
นัยน์ตาของคนขับเกี้ยวเปลี่ยนเป็นร้อนรุ่ม “พวกท่านลองจินตนาการดู คิดดูซิว่าหญิงจากฮ่วนซีชาจะงดงามเพียงใด!”
พูดถึงตรงนี้เขาก็ถอนหายใจอีกครั้ง “น่าเสียดายที่คนธรรมดา ๆ ไม่สามารถใช้บริการได้เลย แค่ค่าน้ำชาก็ใช้หินวิญญาณระดับหกตั้งห้าก้อน นั่งได้แค่โถงเอกเท่านั้น มองแม่นางเล่นดนตรี ร้องเพลงจากที่ไกล ๆ”
“ถ้าจะเลือกสาว ๆ มาคอยบริการข้างกายเทสุราและพูดคุยกัน อย่างน้อยก็ต้องมีหินวิญญาณระดับหกหลายร้อยก้อน”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ หยวนเหิงก็ตะลึงงัน “สตรีที่นี่… ราคาแพงเกินไปหรือไม่”
หินวิญญาณระดับหกร้อยก้อนขึ้นไป!
นับรวมหินที่ผู้ฝึกตนวิถีต้นกำเนิดถือครองในโลกนี้เข้าด้วยกัน เกรงว่าก็คงไม่สามารถรวบรวมตัวเลขเท่านี้ได้หรอก!
และถึงจ่ายให้ฮ่วนซีชา แต่มันกลับเพียงเลือกได้แค่สาวใช้…
“แพงหรือ?”
คนขับเกี้ยวแสดงสีหน้าดูถูก “พี่ชาย แค่เห็นท่านก็รู้แล้วว่าไม่เข้าใจ ฮ่วนซีชาเป็นหอโคมเขียวอันดับหนึ่งในโลกหล้า ผู้หญิงทุกคนในหอล้วนฝึกตน มีพลังปราณวิญญาณที่สามารถแปลงกายเป็นต้นไม้ใบหญ้าได้ มีปีศาจสาวที่เกิดมาก็งดงามจนชักนำภัยพิบัติ ว่ากันว่ายังมีผู้ฝึกผีอยู่บ้าง และมีผู้ฝึกพลังเวทด้วย สิ่งเหล่านี้สามารถเปรียบเทียบกับสตรีในโลกสามัญได้หรือ?”
หยวนเหิงตกตะลึง
เขาถึงได้เข้าใจว่าเหล่าหญิงสาวในฮ่วนซีชาล้วนแต่เป็นผู้ฝึกตน นี่มันช่างชวนทึ่งและน่าประหลาดใจยิ่งนัก!
สิ่งที่ควรรู้ก็คือ สถานะของผู้ฝึกตนจะแยกออกไปจากโลกปกติ ฮ่วนซีชาถูกมองว่าเป็นหอโคมเขียวแต่กลับรวบรวมสตรีซึ่งฝึกตนไว้ข้างกายได้ พลังของที่แห่งนี้ช่างกว้างขวางเสียจนไม่สามารถจินตนาการได้เลย
“สิ่งที่เรียกว่า ‘แค่มีฮ่วนซีชาอยู่บนโลก ก็ไม่จำเป็นต้องอิจฉาเทพเซียนแล้ว’ น่าสนใจขนาดนี้ ชายใดเล่าจะไม่อยากลิ้มลอง’
คนขับเกี้ยวถอนหายใจ
หยวนเหิงกล่าว “เจ้ารู้ดีถึงเพียงนี้ หรือว่าจะเคยเข้าไปมาก่อน?”
ทันใดนั้นสีหน้าของคนขับเกี้ยวก็แข็งทื่อ หัวใจเหมือนถูกแทงด้วยกระบี่ หลังจากนั้นก็โบกมืออย่างอึมครึม “พวกท่านสนทนากันต่อเถิด ข้าไปก่อน”
แล้วก็หามรถม้าบรรทุกสินค้าออกไป
หยวนเหิงแสดงสีหน้าดูถูกออกมา คนขับเกี้ยวคนนี้ยังเป็นคนที่มีความต้องการอยู่ แค่ไม่มีโอกาสเท่านั้น!
ซูอี้เล่นกระดิ่งสีม่วงที่สั่นไม่หยุดในมือ แล้วมองไปที่หยวนเหิง “เจ้าเคยไปหอโคมเขียวมาก่อนหรือไม่”
สีหน้าหยวนเหิงนิ่ง ก่อนส่ายหัวด้วยความเขินอาย
“ไปกันเถิด ไปทำความรู้จักกับหอโคมเขียวอันดับหนึ่งของโลกกัน”
ซูอี้กล่าวก่อนเดินทางไปยังฮ่วนซีชา
พอเห็นซูอี้ตื่นเต้น
หยวนเหิงก็อดไม่ได้ที่จะตื่นตะลึงกับท่าทางกระฉับกระเฉง นายท่านเองก็คงชอบดื่มสุราเคล้านารี มีความสุขอย่างอิสระเสรีเช่นกันสินะ?
ใช่แล้วล่ะ นายท่านเพิ่งอายุสิบเจ็ดปีเพียงเท่านั้น!
ขณะคิด หยวนเหิงก็เดินตามไปอย่างรวดเร็วด้วยความตื่นเต้นเล็กน้อย
ต้องบอกว่าคำพูดของคนขับเกี้ยวก่อนหน้านี้ทำให้หยวนเหิงสนใจฮ่วนซีชาแห่งนี้มาก
โครม!
ยังไม่ทันเข้าใกล้ประตูฮ่วนซีชา ร่างร่างหนึ่งก็ถูกโยนออกจากประตู ล้มลุกคลุกคลานอยู่บนถนน
พอมองใกล้ ๆ พบว่านี่คือผู้เฒ่าร่างผอมบางในชุดคลุมเต๋า จมูกช้ำ หน้าบวม เห็นได้ชัดว่าอับอายมาก
“ผู้ฝึกลัทธิเต๋าหน้าเหม็น ถ้ากล้าก่อปัญหาอีก สัญญาเลยว่าจะหักขาสุนัขของเจ้า รีบไสหัวไปเสีย!”
ชายร่างผอมในชุดสีดำที่ยืนอยู่ตรงประตูฮ่วนซีชาด่าทออย่างเย็นชา
“มารดาเจ้าสิ สตรีจากฮ่วนซีชาให้นักบวชแตะต้องได้ ผู้ฝึกลัทธิเต๋าแตะไม่ได้อย่างไรกัน?”
ผู้เฒ่าลัทธิเต๋ายืนขึ้น แล้วพูดอย่างโกรธเคือง “คุณชายตัดสินผิดแล้ว พวกเขาบอกว่าแม่นางโหรวอวี้แห่งฮ่วนซีชาไม่ขายร่างกาย เข้าใจล่ะ งั้นเหล่าจื่อจะไม่จ่ายค่านอนกับโหรวอวี้แล้วกัน นี่ก็คงไม่เป็นการซื้อบริการใช่แล้วหรือไม่? แต่ไม่คิดเลยว่าพวกเขาจะบอกเหล่าจื่อก่อปัญหาอย่างไม่มีเหตุผล ทั้งยังทุบตีอีกด้วย!”
ผู้คนจำนวนหนึ่งที่อยู่บริเวณใกล้ ๆ นิ่งไปครู่ จากนั้นก็หัวเราะออกมา
เห็นได้ชัดเลยว่าผู้เฒ่าลัทธิเต๋าคนนี้วางแผนจะทำตัวตีเนียนหน้าไม่อาย!
หยวนเหิงอดไม่ได้ที่จะประหลาดใจ เจ้าคนผู้นี้คิดอะไรอยู่กัน?
ในไม่ช้าก็เห็นซูอี้เดินเข้าประตูฮ่วนซีชาไป หยวนเหิงไม่กล้าหยุดเดินอีกจึงรีบตามไป
“เอ๊ะ ทำไมบรรยากาศที่อยู่บนร่างกายเจ้าหนุ่มคนนั้นถึงดูแปลก ๆ นัก?”
ผู้เฒ่าลัทธิเต๋าลองดม ดวงตาจ้องมองไปยังร่างกายของซูอี้ที่เพิ่งเดินเข้าประตูฮ่วนซีชามาเมื่อครู่ ดวงตาขุ่นมัวเต็มไปด้วยความสงสัย
ไม่รอให้เขาได้ทำความเข้าใจ ชายร่างผอมในชุดสีดำก็พุ่งเข้ามาหาอย่างก้าวร้าว
“พี่น้องทั้งหลาย โปรดช่วยกันกำจัดเจ้าคนไร้ยางอายที่พยายามจะทำตัวหน้าไม่อายคนนี้ด้วย!”
ชายชุดสีดำตะโกน
ใบหน้าผู้เฒ่าลัทธิเต๋าเปลี่ยนไปอย่างมาก แล้ววิ่งหนีราวกับเอาน้ำมันทาไว้ที่ฝ่าเท้า ก่อนตะโกนเสียงดังว่า
“เหล่าจื่อจะทำตัวไร้ประโยชน์ได้อย่างไร ก็พวกเจ้าบอกเองว่าโหรวอวี้ไม่ขายร่างกาย หากนางขาย เหล่าจื่อจะคิดวิธีแก้ปัญหาที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้ได้อย่างไร?”
มีเสียงหัวเราะดังลั่นในบริเวณใกล้เคียง เต็มไปด้วยบรรยากาศแห่งความสุข
…
ในห้องโถงชั้นหนึ่งของฮ่วนซีชา แสงไฟสว่างไสว งดงามและมีชีวิตชีวา
สาวใช้วัยสาวแต่ละนางอยู่ในชุดลายดอกไม้และผีเสื้อ พวกนางอยู่ข้างกายแขกทุกคนราวกับปรนนิบัติ
ทุกคนล้วนโดดเด่น บ้างมีเสน่ห์เร่าร้อนดั่งไฟ บ้างบริสุทธิ์มีชีวิตชีวา หรืออ่อนโยนดั่งสายน้ำ…
บนแท่นหยกตรงกลางห้องโถง มีนักดนตรีกำลังเล่นดนตรี และกลุ่มสตรีงามกำลังเต้นรำตามเสียงเพลง ร่างกายอ้อนแอ้นนุ่งแค่ผืนผ้าโปร่งแสงเท่านั้น เปี่ยมเสน่ห์เย้ายวน
“คุณชาย ท่าน…”
สาวใช้คนงามเดินออกมา กำลังจะเอ่ยบางอย่างก็ถูกซูอี้ขัดจังหวะก่อน “ข้ามาตามหาคน”
“ถามหน่อย…”
ในตอนที่สาวใช้กำลังจะถามอีกครั้ง ซูอี้ก็หยิบหินวิญญาณระดับหกจำนวนหนึ่งก้อนออกมาแล้วยื่นให้ “หมดธุระเจ้าแล้ว”
สาวใช้หยุด
ซูอี้พาหยวนเหิงเดินตรงเข้าไปด้านใน ผ่านห้องโถงตลอดทาง ท่าทางราวกับคุ้นเคยเส้นทางนี้ดี
“นายท่าน ท่าน… ไม่ได้มาเที่ยวเล่นหรอกหรือ?”
หลังจากนึกย้อนกลับไปหยวนเหิงถึงได้รู้
“เจ้าคิดว่าข้าเป็นพวกคนเจ้าชู้เช่นนั้นหรือ?”
ซูอี้ไม่ได้ละสายตาไปด้านข้าง เขาสัมผัสได้ถึงการสั่นไหวของกระดิ่งสีม่วงในมือ แล้วจึงเดินไปจนสุดทาง
“แน่นอนว่าไม่”
หยวนเหิงรู้สึกละอายใจเล็กน้อย เหตุใดถึงมองว่านายท่านกับเจ้าพวกเริงร่าชอบเที่ยวเป็นคนประเภทเดียวกัน?
พื้นที่ของฮ่วนซีชากว้างขวาง มีห้องและโถงทางเดินคล้ายใยแมงมุม เช่นเดียวกับประตูโถงที่วางกระจายไปทั่ว
คนที่มาที่นี่เป็นครั้งแรก หากไม่มีคนคอยนำเกรงว่าจะหลงทางได้
ตอนที่ซูอี้เดินไปตามทางก็ได้พบหญิงงามจำนวนไม่น้อยเดินสวนไป
คนขับเกี้ยวพูดถูก สตรีจากฮ่วนซีชาล้วนฝึกตน ทำให้ความงามของพวกนางดูสูงล้ำยากหาที่ใดเปรียบได้
แต่ซูอี้กลับเมินเฉยสิ่งเหล่านี้
สตรีเหล่านี้งดงามหรือไม่?
งดงาม
แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้น หากทว่ามันก็ไม่มีสิ่งใดเข้าตาเขาเลย!
ที่ยิ่งไปกว่านั้นคือแม้ฮ่วนซีชาจะมีชื่อเสียงโด่งดังเพียงใด มันก็เป็นเพียงหอโคมเขียวแห่งหนึ่ง ผู้หญิงที่ปะปนอยู่ในนั้นไม่ขายเสียงก็ขายร่างกาย หลายปีนี้คงรับใช้ชายหนุ่มจำนวนไม่น้อย
สิ่งนี้ทำให้ซูอี้รับไม่ไหวกับความคิดของตน
คนหลายพันคนลิ้มลองริมฝีปากสีแดงคนละนิดคนละหน่อย แค่คิดก็น่าขยะแขยงแล้ว…
ด้วยเหตุนี้ ซูอี้ถึงได้ไม่เข้าใจเป็นอย่างมาก ว่าเยว่ซือฉานปรากฏตัวในฮ่วนซีชาได้อย่างไร?
ในไม่ช้า จุดหมายก็พลันปรากฏขึ้นจากที่ไกล ๆ
เมื่อมาถึงตรงนี้บรรยากาศเงียบลงอย่างเห็นได้ชัด
ทางเข้าแห่งนั้นมีหญิงงามสวมชุดพิธีการยืนอยู่ ผมมัดเป็นมวยสูง ปล่อยเสน่ห์ในแบบผู้ใหญ่ออกมา
ทันทีที่เห็นซูอี้และหยวนเหิง หญิงสาวในชุดพิธีการก็ตกตะลึงครู่หนึ่ง จากนั้นจึงโค้งคำนับอย่างนอบน้อมเล็กน้อยแล้วกล่าวว่า “แขกทั้งสองท่าน สถานที่แห่งนี้รับแต่แขกผู้มีเกียรติของฮ่วนซีชาเท่านั้น ท่านทั้งสองโปรดหยุดฝีเท้าเถิด”
การแสดงออกอ่อนน้อมถ่อมตน
ซูอี้หยุดก่อนถามว่า “ปลายทางเดินแห่งนี้ไปที่ใดกันหรือ?”
ซูอี้ดูยังเด็กแต่บรรยากาศเรียบนิ่งและสงบ ทำให้หญิงสาวในชุดพิธีการไม่กล้าดูถูก ก่อนพูดเสียงเบา “ไม่ปิดบังคุณชาย สถานที่แห่งนั้นคือ ‘ถ้ำฟ้าชุ่ยอวิ๋น’ กอปรกับถ้ำแห่งอื่นด้วย มีเพียงแขกผู้มีเกียรติที่สุดของฮ่วนซีชาจึงจะดื่มสังสรรค์ในที่แห่งนั้นได้”
ซูอี้ถามอีกครั้ง “แล้วตอนนี้ใครดื่มสังสรรค์ในถ้ำฟ้าชุ่ยอวิ๋นเล่า?”
หญิงสาวในชุดพิธีการกล่าวด้วยรอยยิ้มที่สุภาพและเรียบร้อยว่า “คุณชาย ยกโทษให้ข้าที่ให้ข้อมูลไม่ได้ด้วยเจ้าค่ะ”
ซูอี้ขมวดคิ้วเล็กน้อย “ช่างเถิด ข้าจะไม่ทำให้เจ้าลำบากใจ แล้วสามารถช่วยข้าส่งจดหมายเข้าไปในถ้ำฟ้าชุ่ยอวิ๋นได้หรือไม่?”
หญิงสาวในชุดพิธีการส่ายหัวและกล่าว “แขกผู้มีเกียรติของถ้ำฟ้าชุ่ยอวิ๋นบอกไว้ว่าห้ามมิให้ผู้ใดเข้ามารบกวน คุณชายยกโทษให้ข้าด้วย หากไม่มีเรื่องอื่นอันใดแล้ว โปรดกลับไปเถิดเจ้าค่ะ”
มีสีหน้าไม่พอใจอยู่ราง ๆ
ซูอี้มองระฆังสีม่วงในมือที่สั่นไม่หยุด จากนั้นจึงเงยหน้าขึ้นมองไปยังหญิงสาวในชุดพิธีการ
ดูเหมือนหญิงสาวในชุดพิธีการจะนึกบางอย่างขึ้นได้ จึงเลิกคิ้วแล้วกล่าว “คุณชาย ที่แห่งนี้คือฮ่วนซีชา ท่านควรรู้อย่างแน่ชัดหากสร้างปัญหาที่นี่จะนำมาซึ่งผลร้ายแรงต่อตัวท่านอย่างไร ข้าไม่ยินดีที่จะลำบาก ท่านทั้งสองได้โปรดอย่ากระทำเรื่องโง่เขลา จะเป็นการดีหากออกไปจากที่นี่โดยเร็วที่สุด!”
นี่เป็นคำเตือนและการข่มขู่
ทันทีที่พูดจบ ไม่รีรอให้หญิงสาวในชุดพิธีการตอบสนอง มือขวาของซูอี้จับคอระหงขาวราวหิมะของนางเบา ๆ ทำให้ใบหน้างามของนางเปลี่ยนไป คิ้วเลิกขึ้นอย่างตกใจ คาดไม่ถึงว่าคนหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าผู้นี้จะอาจหาญกระทำภายใต้อาณาเขตของฮ่วนซีชา!
สิ่งที่ควรรู้คือ ในฐานะที่เป็นหนึ่งในสี่หอโคมเขียวที่มีชื่อเสียงของนครหลวงจิ๋วติ่งอย่างฮ่วนซีชา แม้แต่มหาปราชญ์สวรรค์วิถีวิญญาณก็ยังไม่กล้าลงมือที่นี่!
ซูอี้พูดเบา ๆ “หน้าที่ของเจ้าคือหาคนมาเฝ้าประตูแทน ข้าไม่สนใจที่จะฆ่าเจ้าที่นี่ แต่ข้าจะช่วยเจ้าคิดวิธีดี ๆ ที่จะได้ไม่ต้องรับผิดชอบมัน”
หญิงสาวในชุดพิธีการตกตะลึง
ทันใดนั้นคอของนางก็เจ็บแปลบ ดวงตามืดลงก่อนไร้สติสัมปชัญญะ แล้วร่างกายก็ล้มลงไปที่พื้นอย่างนุ่มนวล
“หยวนเหิงเจ้ามาดูตรงนี้สิ”
ซูอี้กล่าว ก่อนเดินเข้าไปยังส่วนลึกของทางเดิน
“ขอรับ”
หยวนเหิงรับคำสั่งด้วยความกลัว
เขาตระหนักได้ว่านายท่านของเขาอาจรับรู้ถึงสถานการณ์ไม่ดี จึงไม่รีรอที่จะบุกเข้ามายังสถานที่แห่งนี้!
[1] หอโคมเขียว เป็นคำที่สื่อถึงสถานที่ขายบริการทางเพศ หรือ ‘ซ่อง’ เนื่องจากสมัยโบราณ สถานที่จำพวกนี้มักจะแขวนโคมสีเขียวไว้ด้านหน้า