บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 487 โกรธ
ตอนที่ 487: โกรธ
ตอนที่ 487: โกรธ
แค่ลูกถีบเดียวประตูตำหนักที่ทำจากไม้วิญญาณคุณภาพสูงก็ระเบิดออกเหมือนกระดาษที่แปะไว้ เศษไม้กระจัดกระจาย
ทุกคนในยามนี้ต่างตกตะลึง
ซือคงเป้าที่กำลังจะจัดการกับเยว่ซือฉานจึงเงยหน้าขึ้น ดวงตาราวใบมีดที่น่าเกรงขามมองไปยังด้านนอกประตู
กู่ชางหนิงที่ทุบโต๊ะแล้วลุกยืนก็ตกใจกับการเปลี่ยนแปลงนี้เช่นกัน และดวงตาของเขาก็ได้มองไปยังที่มาของเสียงโดยไม่รู้ตัว
แล้วก็เห็น–
ภายใต้ร่มเงาของแสงไฟยามค่ำคืน ชายหนุ่มในชุดสีเขียวราวกับหยกออกมาจากหมอกควันเพียงลำพัง ก่อนเดินเข้ามาในห้องโถงอย่างเอ้อระเหยลอยชาย สีหน้าเฉยเมย
“เจ้าเป็นใคร?”
ซือคงเป้าขมวดคิ้ว
คนอื่น ๆ ในห้องล้วนตกตะลึง
สถานที่แห่งนี้คือ ‘ถ้ำฟ้าชุ่ยอวิ๋น’ ของฮ่วนซีชา เป็นพื้นที่ให้ความบันเทิงแก่แขกพิเศษและเป็นความลับอย่างยิ่ง หากไม่ได้รับอนุญาตคน ธรรมดาจะไม่กล้าเข้าไปข้างใน
โดยเฉพาะเมื่อพวกเขาร่วมดื่มเฉลิมฉลองในค่ำคืนนี้ และได้อธิบายไปอย่างชัดเจน …ว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น จะไม่ได้รับอนุญาตให้มาเข้ามารบกวนเด็ดขาด!
แต่ตอนนี้ มีชายหนุ่มไม่ทราบที่มาถีบประตูอย่างเปิดเผย!
สิ่งนี้ทำให้ซือคงเป้าคาดเดาอะไรไม่ได้ คนคนนี้เป็นใครกันแน่ และถึงข้างในใจจะคุกรุ่นไปด้วยความโกรธ แต่ภายนอกก็ยังอดทนไว้ได้ในขณะนั้น
“ศิษย์พี่ซู?”
กู่ชางหนิงรู้สึกประหลาดใจ ใบหน้าเต็มไปด้วยความไม่เชื่อ
เขาเพิ่งจะนึกถึงซูอี้เพราะเยว่ซือฉาน แต่แล้วโดยไม่คาดคิด อีกฝ่ายก็พลันมาปรากฏตัวอยู่เบื้องหน้าเขา!
ซูอี้เหลือบมองกู่ชางหนิง จากนั้นจึงเบนสายตาไปยังร่างของเยว่ซือฉานที่ไร้สติอยู่บนพื้น ก่อนที่นัยน์ตาจะเปลี่ยนเป็นเย็นชาทันที
หากครั้งนี้ตัวเขาไตร่ตรองได้ไวและสัมผัสถึงความผิดปกติได้เร็วกว่านี้ ชะตากรรมของเยว่ซือฉานก็คงไม่เป็นเช่นนี้!
“เจ้ารู้จักคนคนนี้ด้วยหรือ?”
สายตาของซือคงเป้ามองไปยังกู่ชางหนิง
กู่ชางหนิงกล่าวด้วยสีหน้าว่างเปล่า “ศิษย์พี่ซูเป็นผู้มีพระคุณของข้า เขากับเยว่ซือฉานต่างก็มาจากต้าโจว ก่อนหน้านี้ที่ข้าหมายคิดช่วยเยว่ซือฉานไว้ ล้วนเป็นเพราะต้องการตอบแทนความใจดีของศิษย์พี่ซู ตอนนี้เจ้าเข้าใจหรือไม่ซือคงเป้า?”
ซือคงเป้าหัวเราะเสียงดัง “ข้ายังคิดว่าไอ้หน้าไหนมันถึงกล้าทำลายอารมณ์สุนทรีย์ของข้า ที่แท้… ก็เป็นผู้ฝึกตนจากต้าโจวอีกคน…”
น้ำเสียงนั้นเย้ยหยัน
ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นเองก็ผ่อนคลายลงเช่นกัน ก่อนที่ในทันใดนั้นใบหน้าจะเปลี่ยนไปหม่นหมองและระเบิดโทสะออกมา!
เป็นเพียงชายหนุ่มจากต้าโจว กลับกล้าวิ่งบุกพังประตูเข้ามาแบบนี้… ช่างไร้มารยาทเสียจริง!
“เจ้าเป็นผู้มีบุญคุณของกู่ชางหนิง ย่อมไม่ใช่พวกไร้ฝีมือ ไม่เช่นนั้นก็คงไม่กล้าบุกเข้ามาในสถานที่แห่งนี้”
ในขณะที่พูด ซือคงเป้าก็หมุนตัวกลับไปนั่ง ดวงตาหยอกล้อและเย็นชา มองประเมินซูอี้อย่างไม่อาย “หากเดาไม่ผิด เจ้าควรจะมาที่นี่เพื่อช่วยนังแพศยา ถูกหรือไม่?”
เขาดูสงบและสบาย ๆ แต่บรรยากาศรอบกายช่างน่ากลัวยิ่งนัก
เหมือนสัตว์ป่าจ้องมองเหยื่อของมัน
ซูอี้เมินเฉยสิ่งเหล่านี้
หรือจะให้พูดว่าหลังจากที่เขาเข้าไปในห้องโถง นอกจากเหลือบมองกู่ชางหนิงแล้ว ก็ไม่สนใจคนอื่น ๆ เลย
ในตอนนี้ชายหนุ่มได้ก้าวไปข้างหน้าจนกระทั่งถึงข้างกายเยว่ซือฉาน สำรวจดูรอบหนึ่ง ก่อนในใจพลันรู้สึกโล่งอก ด้วยยังดีที่นางไม่เป็นอะไร
แววตาของซือคงเป้าเผยความขี้เล่น เหมือนแมวกำลังหยอกล้อเล่นกับหนู เต็มไปด้วยความขบขัน “เหอะ ๆ ไร้ประโยชน์ แม้ว่าเจ้าจะช่วยนางได้แต่นางก็จะกลับมาอยู่ข้างกายข้า เชื่อฟังคำสั่งของข้า และขอความเมตตาจากข้า แค่ข้าปรารถนาก็สามารถตัดสินชีวิตและความตายของนางได้”
ผู้คนอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา
ในตอนนี้พวกเขาได้ความสงบกลับมาแล้ว และไม่กลัวอีก ก่อนสายตาจะจ้องมองไปทางซูอี้ด้วยความเห็นใจ
หัวใจของกู่ชางหนิงดำดิ่ง ก่อนอธิบายอย่างรวดเร็ว “ศิษย์พี่ซู แม่นางเยว่ถูกพิษกู่มารแม่มด นี่คือสำนักอสูรเทียนเยียน…”
ซูอี้โบกมือ “ข้าได้ยินบทสนทนาของพวกเจ้าเมื่อครู่นี้แล้ว มันเป็นเพียงพิษกู่ที่ยังไม่เข้าสู่ร่างกาย ไม่ได้ยากสำหรับข้า”
ขณะพูดเขาก็เอนตัวไปอุ้มเยว่ซือฉานขึ้นมา แล้ววางนางไว้ข้างหน้ากู่ชางหนิง ก่อนจะกล่าว “ช่วยข้าดูแลนางด้วย”
กู่ชางหนิงพยักหน้าตอบรับอย่างรวดเร็ว ตระหนักได้ว่าซูอี้ที่ดูเหมือนจะอยู่ในอารมณ์สงบ แท้จริงแล้วกำลังโกรธจัด!
“พิษกู่ไม่เข้าสู่ร่างกาย? น้องชายเจ้าดูยังละอ่อนอยู่เลย แต่คำพูดคำจากลับดูโตกว่าตาเฒ่าพวกนั้นเสียอีก”
หญิงสาวผู้งดงามในชุดสีดำคนนั้นหัวเราะคิกคัก ก่อนหน้านี้นางเป็นคนพาเยว่ซือฉานเข้ามาในห้องโถงด้วยมือนางเอง
ผู้คนก็หัวเราะออกมาเช่นกัน
พิษกู่มารแม่มดมีมาตั้งแต่เมื่อสามหมื่นปีก่อนแล้ว และถูกรู้จักกันในฐานะ หนึ่งใน ‘แปดมหาพิษกู่’ ของสำนักอสูรเทียนเยียน!
เมื่อมีพิษกู่ชนิดนี้อยู่ในร่าง ต่อให้เป็นมหาปราชญ์สวรรค์ขั้นวิถีวิญญาณก็ไม่สามารถกำจัดชะตากรรมของ ‘ไร้อิสระเปรียบดั่งหุ่นเชิด’ ได้!
“น่าขันมากหรือ?”
ซูอี้มองดูหญิงสาวผู้งดงามในชุดสีดำ แววตาเฉยเมยล้ำลึก
แต่ยามที่ถูกสายตาของเขาจ้องมอง หญิงชุดสีดำพลันรู้สึกหนาวจับใจ ขนหัวลุก ใบหน้าสวยของนางเปลี่ยนไปและตระหนักได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ
ทว่ามันสายเกินไปแล้ว!
เมื่อเห็นซูอี้สะบัดฝ่ามืออย่างสบาย ๆ ราวกับปัดฝุ่น กลับมีปราณดาบปรากฏขึ้นเป็นเส้นในอากาศ
ฟึ่บ!
คิ้วของหญิงชุดดำถูกเจาะเป็นรู จิตวิญญาณแตกสลาย ดวงตาเบิกกว้างขึ้นทันใดก่อนล้มลงด้วยเสียงอันดัง
ทั้งห้องโถงเงียบงัน ทุกคนตกตะลึง
ซือคงเป้าที่นั่งอยู่ตำแหน่งบนสุดหรี่ตาเล็กน้อย ดวงตาเป็นประกาย
คนอื่น ๆ ในตอนนี้ต่างถูกฉากโหดร้ายเบื้องหน้าทำให้ตกใจ ไม่มีใครกล้าเชื่อเลยว่าคนหนุ่มในชุดเขียวจากต้าโจว เพียงแค่ขยับมือก็สามารถทำเรื่องไม่เกรงใจถึงขนาดนี้ได้!
“ผู้ชายคนนี้ ตามคาด…”
กู่ชางหนิงถอนหายใจ
เขาเคยต่อสู้ประดาบกับซูอี้มาก่อน และได้เห็นวิธีการของซูอี้ที่งานชุมนุมหลิงชวี จึงรับรู้ไปโดยปริยายว่าอารมณ์ของคนผู้นี้เป็นเช่นไร!
หญิงงามชุดสีดำคนนั้นนับว่าเก่งกล้าไม่น้อย ฝึกฝนอยู่ในขอบเขตรวบรวมดาราขั้นต้น… ทว่าถึงจะเป็นเช่นนั้น หากแต่การเผชิญหน้ากับซูอี้ก็ไม่ต่างจากรนหาที่ตายแม้แต่น้อย!
“สารเลวนัก คุกเข่าลงซะ!”
ทันใดนั้นชายร่างกำยำในชุดเกราะสีดำลุกขึ้นยืน สูงประมาณหนึ่งจั้ง มีบรรยากาศน่ากลัวแผ่ออกมา ก่อนใช้ฝ่ามือตบอากาศไปทางซูอี้
ตูม!
พลังของฝ่ามือทำให้เกิดเปลวเพลิงสีดำโหมกระหน่ำ รุนแรงเหมือนดาวตก
ซูอี้เห็นดังนั้นจึงกดฝ่ามือของเขา
ท่ามกลางเสียงระเบิด รอยฝ่ามือเปลวเพลิงสีดำที่พุ่งไปยังใบหน้าได้ระเบิดออก ทำให้เกิดแสงสว่างสาดส่องไปทั่ว
เมื่อแสงจ้าจางหาย มันได้เผยให้เห็นชายร่างกำยำที่มีความสูงประมาณหนึ่งจั้งผู้นั้นคุกเข่าลงพื้นด้วยเสียงดังปัง บนพื้นมีภาพอักขระเมฆปรากฏขึ้น ทำให้แรงจู่โจมแตกสลาย
โต๊ะและเก้าอี้ทั้งหมดที่อยู่ใกล้ชายคนนั้นแตกเป็นเสี่ยง ๆ ทำให้ทุกคนในบริเวณใกล้เคียงต้องหนีไปด้วยความตื่นตระหนก
และมันยังไม่จบเพียงเท่านี้…
ด้วยความแข็งแกร่งของฝ่ามือซูอี้ เสียงกระดูกแตกหักพลันดังออกมาจากร่างของอีกฝ่าย
เห็นทั่วทั้งตัวของเขาแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ เลือดพุ่งออกมา และร่างกายก็ทรุดลงทีละนิด ในชั่วพริบตา ร่างกายของเขาถูกบดขยี้กลายแอ่งเลือด!
ตายอย่างน่าอนาถ!
ฉากอันน่าตกใจนี้ทำให้ใบหน้าของทุกคนเปลี่ยนสี และตระหนักได้ว่าไม่ดีแล้ว
ชายร่างกำยำผู้นี้อยู่ขอบเขตรวบรวมดาราขั้นปลาย มีพลังร้ายกาจ แต่ทว่ากลับถูกตบจนตายราวกับแมลงวัน!
ทุกคนในห้องโถงตกตะลึง
เซี่ยจิ้งอวี่และนักพรตหญิงเฟิงลุกขึ้นยืนก่อนแล้ว ใบหน้าเต็มไปด้วยความประหลาดใจ
มีเพียงซือคงเป้าอยู่ในตำแหน่งบนสุดเท่านั้นที่ยังนั่งอยู่ แต่ใบหน้าดูมืดมนและ…
ไม่พอใจ!!
เขาพูดเสียงเย็น “กู่ชางหนิง ผู้มีพระคุณของเจ้าไม่ธรรมดาเลย ทว่าก่อนที่ข้าจะโกรธไปมากกว่านี้ เจ้าจงบอกเขาเสียว่าผลของการทำให้ข้าขุ่นเคืองนั้นร้ายแรงแค่ไหน! ตราบใดที่เขาก้มศีรษะขออภัยและยอมจำนนต่อข้า ข้าจะปฏิบัติด้วยอย่างดีและช่วยให้พ้นจากความตายครานี้ไป!”
ดวงตาของเขาเป็นประกาย ขณะที่บรรยากาศกลายเป็นบ้าคลั่งและรุนแรง ดูน่าขนลุก
กู่ชางหนิงขมวดคิ้ว แล้วมองไปยังซูอี้
ในความเป็นจริงไม่จำเป็นต้องให้ซือคงเป้าพูด เขาก็คิดอยากเตือนซูอี้มาตั้งนานแล้ว ด้วยไม่เพียงแต่มีซือคงเป้า …หากทว่ามันยังมีเซี่ยจิ้งอวี่ พวกเขาล้วนไม่ธรรมดา!
ไม่ทันรอให้เขาได้พูด ก็ถูกซูอี้ยกมือขึ้นขัดเสียก่อน “ข้าไม่สนใจไปรู้จักคนที่กำลังจะตายพวกนั้นหรอก”
คนอื่น ๆ ที่รับฟังคำดังกล่าวพลันหัวเราะอย่างโกรธจัดออกมา
“ไอ้หนุ่มคนนี้หยิ่งผยองจริง ๆ!”
“รวมตัวกันฆ่ามัน!”
ผู้ที่แข็งแกร่งบางส่วนรีบรุดออกไป ยอมสละใช้ออกด้วยสมบัติล้ำค่า โดยมุ่งเป้าหมายไปยังซูอี้!
คนพวกนี้ล้วนแล้วแต่เป็นลูกน้องของซือคงเป้าทั้งหมด หากไปอยู่สถานที่แห่งอื่นในต้าเซี่ย คงก่อเรื่องสั่นสะเทือนทั่วหล้า ด้วยมือของแต่ละคนต่างเปื้อนเลือด และสันดานโหดเหี้ยมยิ่ง!
วิธีการต่อสู้ของพวกเขามากทั้งประสบการณ์และรุนแรง ทันทีที่ลงมือ ก็จะใช้ออกด้วยเคล็ดวิชาและสมบัติล้ำค่าสุดอันตรายทุกอย่างออกมา
ชั่วขณะนั้นหมอกพิษพลันปะทุ วิญญาณชั่วร้ายอาละวาด ประกายโลหิตพุ่งออกมา ล้วนมุ่งมายังซูอี้!
ฉากเหล่านั้นเพียงพอที่จะทำให้ผู้ฝึกตนวิถีต้นกำเนิดส่วนมากตกใจ
แต่ในมุมมองของซูอี้ มันกลับไม่น่าสนใจเลยสักนิด
ตูม!
เมื่อเห็นแขนเสื้อเขาโบกสะบัด มือขวาก็กวาดไปในอากาศ
ปราณดาบสีใสที่เฉียบคมลอยเหนืออากาศ ทันใดนั้นก็เปลี่ยนเป็นฝนดาบนับพันเล่มก่อนจะกวาดออกไป… ส่งปราณดาบอันหนาแน่นทำลายล้างรุนแรงออกไปทั่วบริเวณ!
เสียงระเบิดเสียดแก้วหูดังก้อง
เคล็ดวิชาและสมบัติสุดอันตรายทุกชนิดล้วนแตกสลายราวกระดาษ ไม่สามารถต้านทานพลังของปราณดาบนี้ได้
ทันใดนั้นก็มีเสียงกรีดร้องโหยหวนดังขึ้น
เลือดสีแดงกระจายออกมา
ในชั่วพริบตา ผู้แข็งแกร่งมากฝีมือเหล่านั้นต่างถูกปราณดาบที่โหมกระหน่ำสาดเทลงมา เปลี่ยนให้ร่างของพวกเขาถูกสับดั่งหมู กายเนื้อและเลือดกระจัดกระจาย จิตวิญญาณถูกบดขยี้เป็นผุยผง
ร่างกายถูกทำลาย
ปราณดาบโหมกระหน่ำฆ่าฟันศัตรู ท่ามกลางแขนเสื้อที่โบกสะบัด!
เซี่ยจิ้งอวี่สูดลมหายใจเข้าลึก สีหน้าเผยความประหลาดใจออกมาอย่างไม่อาจควบคุม
นักพรตหญิงเฟิงที่มีภาพลักษณ์แข็งกระด้าง ยืนอยู่ต่อหน้าเซี่ยจิ้งอวี่ สีหน้าเคร่งขรึมราวกับว่านางกำลังเผชิญหน้ากับศัตรูที่ยิ่งใหญ่
ซือคงเป้าที่นั่งอยู่ด้านบนไม่สามารถสงบใจลงได้อีก เขาลุกขึ้นอย่างฉับพลัน ใบหน้ากลายเป็นสีซีด ก่อนที่สัญลักษณ์เปลวไฟสีดำแปลก ๆ จะปรากฏขึ้นบนหัว
“ในคราแรกที่งานชุมนุมหลิงชวี คนคนนี้ยังเป็นเพียงผู้ฝึกตนขอบเขตไร้เบญจธัญ ทว่าเจอครั้งนี้กลับก้าวเข้าสู่ขอบเขตเปิดทวารเสียแล้ว และพลังการต่อสู้ยังน่าหวาดกลัวนัก…”
กู่ชางหนิงหัวใจสั่นสะท้าน เขาตกตะลึงกับพลังที่แผ่ออกมาจาง ๆ ของซูอี้
ห้องโถงในตอนนี้ พื้นสกปรก ศพนอนเกลื่อน เต็มไปด้วยเลือด
ซูอี้ยืนอยู่ตรงกลางห้องโถง ใส่ชุดสีเขียวราวหยก สีหน้าไม่แยแสเหมือนเมื่อก่อน
ลูกน้องที่เหลืออยู่ไม่กี่คนของซือคงเป้า สีหน้าเปลี่ยนไปอย่างมาก สิ่งที่แสดงออกมาขณะนี้คือหวาดกลัวและตกตะลึง
ซูอี้ไม่ได้พูดเรื่องเพ้อเจ้อ
ตัวคนคร้านจะพูดเพ้อเจ้อ เพียงก้าวเดินไปหาซือคงเป้า
เยว่ซือฉานเป็นต้นกล้าวิถีดาบคนหนึ่งที่ซูอี้ชื่นชม แต่ไม่เคยคิดเลยว่าวันนี้กลับเกือบถูกทำลายทิ้ง
แล้วสิ่งนี้จะไม่ทำให้ซูอี้โกรธได้อย่างไร?
และเมื่อเขาโกรธก็จะไม่สนใจผลที่ตามมา ต่อให้ผู้ยิ่งใหญ่จะมาก็หยุดเขาไว้ไม่ได้!
“ไอ้สารเลวซูผู้นี้ เจ้านี่มัน… รนหาที่ตายจริง ๆ!!!”
ซือคงเป้าโกรธจัด น้ำเสียงเหมือนลอดไรฟันออกมา ทั่วร่างมีบรรยากาศอันตรายราวกับสัตว์ร้ายโบราณที่น่ากลัวแพร่กระจาย