บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 489 ผู้อาวุโสจิ่ว
ตอนที่ 489: ผู้อาวุโสจิ่ว
ตอนที่ 489: ผู้อาวุโสจิ่ว
“นายน้อย!!”
ครั้นเห็นรูปร่างที่น่าเวทนาของซือคงเป้า เฒ่าปีศาจฮว่าถูก็โกรธเกรี้ยวอย่างยิ่ง และรู้สึกทุกข์ใจอย่างช่วยไม่ได้ พลันทั่วร่างระเบิดไอสังหารออกมา
“เร็วเข้า รีบฆ่าเจ้าแซ่ซูผู้นั้นเร็ว!”
ซือคงเป้าตะโกนเร่งเร้า
“นายน้อยโปรดวางใจ วันนี้บ่าวผู้นี้จะต้องตัดเอ็นถลกหนังเจ้าอัปลักษณ์นี่ และทำลายทิ้ง!”
เฒ่าปีศาจฮว่าถูสูดหายใจเข้าลึก แววตาเปล่งแสงดั่งสายฟ้าเล็งเป้าไปที่ซูอี้ อานุภาพดุร้ายที่อยู่บนตัวเขา คล้ายกับคลื่นที่โหมกระหน่ำซัดสาด และบีบรัดออกไป
แต่ซูอี้กลับทำเหมือนไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น ยังคงมีท่าทางเย็นชาเช่นเดิม
เขาหมุนตัวมองไปยังมารเฒ่าขอบเขตแปรเปลี่ยนวิญญาณที่โมโหเดือดดาล ใบหน้าเต็มไปด้วยจิตสังหารผู้นี้ จากนั้นก็มองไปด้านนอก
“ใครอยากเข้าร่วมด้วยก็เข้ามา ข้าซูผู้นี้จะส่งพวกเจ้าไปอีกภพหนึ่งพร้อมกัน”
ซูอี้เอ่ยขึ้นอย่างเย็นชา
เฒ่าปีศาจฮว่าถูมีท่าทางจะลงมือหลายครั้ง แต่สุดท้ายก็ข่มมันเอาไว้
เพราะซูอี้ยืนอยู่ข้าง ๆ ซือคงเป้า แค่ยกมือขึ้นก็สามารถสังหารซือคงเป้าได้แล้ว นี่จึงทำให้เฒ่าปีศาจฮว่าถูห่วงหน้าพะวงหลัง
“สหายน้อยไม่เพียงแต่บุกเข้ามาในฮ่วนซีชาของข้า แต่ยังลงมือสังหารแขกคนพิเศษของฮ่วนซีชาอีก แล้วจะให้ข้านิ่งดูดายได้อย่างไร?”
เสียงถอนหายใจแผ่วเบาดังขึ้น
คล้อยตามน้ำเสียงที่ดังขึ้น มีร่างดูดีหลายร่างปรากฏอยู่กลางอากาศภายในตำหนัก
ผู้ที่มาใหม่คือหญิงงามที่อ่อนโยนน่ารัก สวมชุดกระโปรงเรียบหรูธรรมดา เส้นผมดำขลับถูกมัดเป็นมวยปลิวไสว ดวงหน้าดุจหยกงามเพริศพริ้ง เหมาะกับร่างที่มีส่วนเว้าโค้งเย้ายวนนั้น ทั่วร่างแผ่บุคลิกที่กำลังสุกงอมและอ่อนโยนออกมา ช่างงดงามเหนือทุกสรรพสิ่ง
ฮูหยินโหรว!
กู่ชางหนิงตกใจ
ฮ่วนซีชาคือหนึ่งในสี่หอโคมเขียวที่มีชื่อเสียงของนครหลวงจิ๋วติ่ง และฮูหยินโหรวก็คือเจ้าของฮ่วนซีชานี้ นางอยู่ในขอบเขตแปรเปลี่ยนวิญญาณ และมากด้วยเล่ห์เหลี่ยมที่เหนือกว่าคนทั่วไป!
ตามข่าวลือเล่าว่า นางยังมีกองกำลังลึกลับอยู่เบื้องหลังอีกกองหนึ่ง และมีภูมิหลังน่าสะพรึงกลัวมาก
เพราะมีมหาปราชญ์ขอบเขตแปรเปลี่ยนวิญญาณที่ลึกลับงดงามอย่างฮูหยินโหรวบัญชาการอยู่ ในหลายปีมานี้ แม้แต่พวกคนใหญ่คนโตที่สูงศักดิ์มีอำนาจในนครหลวงจิ๋วติ่ง ก็ไม่มีผู้ใดกล้ามาก่อเรื่องที่นี่ง่าย ๆ
ทันทีที่นางปรากฏตัว พลังที่ไร้รูปร่างไม่แพ้เฒ่าปีศาจฮว่าถูก็แผ่กระจายออกมา
คล้ายกับเซี่ยจิ้งอวี่หาคนช่วยเหลือได้แล้ว จึงเอ่ยด้วยท่าทีโกรธเกรี้ยว “ฮูหยินโหรว ท่านมาก็ดีแล้ว แซ่ซูผู้นี้กำเริบเสิบสาน ทำชั่วโดยมิสนกฎแห่งสวรรค์ ก่อนหน้านี้ก็เกือบจะทำร้ายข้าจนถึงแก่ชีวิต!”
ตางามของฮูหยินโหรวเคลื่อนเล็กน้อย ก่อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ท่านจวิ้นอ๋องอย่าได้ร้อนรนไป ถึงอย่างไรก็ต้องมีคำอธิบายสำหรับเรื่องที่เกิดขึ้นในคืนนี้”
ในขณะที่กล่าวนั้น สายตานางก็มองไปทางซูอี้ พลางเอ่ย “สหายน้อย เจ้าจะว่าอย่างไร?”
แม้จะไม่เห็นท่าทางอยากสังหารของนาง แต่กลับมีพลังน่าเกรงขามแผ่ออกมา หากเป็นผู้ฝึกตนธรรมดา เกรงว่าคงรู้สึกหวาดกลัว และหวาดหวั่นไปแล้ว
แต่ซูอี้ไม่ใช่คนธรรมดา!
เขาสำรวจฮูหยินโหรวขึ้นลงครู่หนึ่ง ก่อนเอ่ยอย่างไม่แยแส “พอดีเลย ข้าก็คิดข้อตกลงหนึ่งขึ้นมาได้ สหายข้าเกือบถูกทำร้ายอยู่ในฮ่วนซีชาของเจ้า หากเจ้าไม่อธิบายเรื่องนี้ให้ข้าพึงพอใจ ข้ารับรองว่า คืนนี้ที่แห่งนี้จะถูกกวาดให้ราบเรียบ!”
จะกวาดที่แห่งนี้ให้ราบเรียบ?
เซี่ยจิ้งอวี่หัวเราะขึ้นอย่างทนไม่ไหว ชายผู้นี้ บ้าจนถึงขั้นรนหาที่ตายแล้ว!
ฮูหยินโหรวชะงักไปครู่หนึ่ง ดวงตาคู่งามหรี่ลงเล็กน้อย พลางเอ่ยเสียงเบา “สหายน้อย เรื่องล้อเล่นนี้ไม่ตลกเลยสักนิด เอาเช่นนี้หรือไม่? เจ้าปล่อยซือคงเป้ามาก่อน แล้วพวกเราก็มาคุยกันดี ๆ ว่าจะแก้ไขเรื่องในคืนนี้อย่างไร”
ซูอี้ชี้ไปทางซือคงเป้า พลางเอ่ยและแสร้งทำเป็นยิ้ม “เจ้าคิดว่าข้าเอาชีวิตเจ้าปีศาจร้ายตัวนี้มาข่มขู่ จึงได้ไม่หวาดกลัวต่อสิ่งใดรึ?”
เฒ่าปีศาจฮว่าถูเอ่ยเสียงเย็นชา “หรือมันไม่จริง?”
ฮูหยินโหรวถอนหายใจออกมาเบา ๆ “สหายน้อย เจ้าก็เห็นสถานการณ์ในยามนี้ หากพยายามดิ้นรนต่อไป ก็ไม่ส่งผลดีอันใดสำหรับเจ้า ไม่สู้ยอมถอยไปเอง บางที… เรื่องนี้อาจจะยังมีทางหนีทีไล่อยู่อีกก็ได้”
บรรยากาศกดดันหนักอึ้ง
การขับเคลื่อนลมปราณของทั้งสองที่มีระดับขอบเขตแปรเปลี่ยนวิญญาณต่างเล็งไปที่ซูอี้
สถานการณ์เช่นนี้ มากพอจะทำให้เหล่าผู้ฝึกตนแห่งวิถีต้นกำเนิดต่างรู้สึกสิ้นหวัง!
แต่ซูอี้กลับทำเหมือนไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น ท่าทางเย็นชานั้นไม่เคยเปลี่ยนไปเลยตั้งแต่ต้นจนจบ
แต่เมื่อได้ฟังคำพูดของฮูหยินโหรวกับเฒ่าปีศาจฮว่าถูแล้ว ซูอี้กลับยิ้มพลางส่ายหน้า “พวกเจ้าคิดมากไปแล้ว ข้าไม่แม้แต่จะเอาชีวิตของเจ้าปีศาจร้ายตัวนี้มาข่มขู่หรอก”
เขาคร้านที่จะอธิบายอีก และกำลังจะสังหารซือคงเป้า ทว่าในเวลานี้เอง
ฮูหยินโหรวเอ่ยขึ้นทันใด “สหายน้อย เจ้าไม่คำนึงถึงสหายที่รอเจ้าอยู่ด้านนอกถ้ำฟ้าชุ่ยอวิ๋นหน่อยรึ?”
ม่านตาของซูอี้หรี่ลงฉับพลัน หยวนเหิง!
ฮูหยินโหรวยิ้มออกมาเล็กน้อย ก่อนเอ่ย “สหายน้อยวางใจเถิด สหายผู้นั้นของเจ้ายังไม่เป็นอะไร ตัวข้านั้นแยกแยะบุญคุณความแค้นมาแต่ไหนแต่ไร ไม่ทำให้เจ้าลำบากใจอย่างแน่นอน เพราะถึงอย่างไรคนที่ก่อเรื่องก็มิใช่เขา แต่คือเจ้าสหายน้อย”
เมื่อพักไปครู่หนึ่ง นางก็เอ่ยขึ้นอย่างไม่รีบร้อน “แต่หากสหายน้อยยังคุกคามเอาชีวิตซือคงเป้า… ข้าก็จำต้องทำเรื่องที่เหนือขอบเขตออกมา”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เฒ่าปีศาจฮว่าถูก็รู้สึกฮึกเหิม
ซือคงเป้าเผยท่าทางดีอกดีใจออกมา
เซี่ยจิ้งอวี่แอบรู้สึกชื่นชมฮูหยินโหรวที่มีชื่อเสียงสั่นสะเทือนไปทั่วนครหลวงจิ๋วติ่ง กลอุบายที่ไร้ช่องโหว่เช่นนี้ ช่างยอดเยี่ยมจริง ๆ!
อีกด้านหนึ่ง กู่ชางหนิงรู้สึกไม่สบายใจ และอดที่จะปาดเหงื่อแทนซูอี้ไม่ได้
หากจับซือคงเป้าเป็นตัวประกัน สถานการณ์ในคืนนี้ก็อาจจะมีทางคลี่คลายได้
แต่เมื่อซูอี้พะว้าพะวงถึงชีวิตของสหายเขา ก็อาจจะเลือกเอาชีวิตของซือคงเป้ามาทำการแลกเปลี่ยนได้
หากเป็นเช่นนั้น เมื่อเผชิญหน้ากับฮูหยินโหรวกับเฒ่าปีศาจฮว่าถูบุคคลขอบเขตแปรเปลี่ยนวิญญาณทั้งสอง ซูอี้จะมีโอกาสชนะได้อย่างไร?
“สหายน้อย ว่าอย่างไร เจ้าเลือกที่จะถอยหรือไม่?”
ฮูหยินโหรวเผยรอยยิ้มอ่อนโยนน่ารักออกมา นี่คือท่าทางของผู้ที่จะได้รับชัยชนะ
แววตาเฒ่าปีศาจฮว่าถูเปล่งประกาย มุมปากแสยะขึ้นอย่างโหดเหี้ยม
ในเวลานี้เอง ซูอี้ได้ระเบิดหัวเราะขึ้นมา
เพียงแต่ใบหน้าที่ยิ้มแย้มนั้นกลับไร้อารมณ์ และกล่าวทันที “ข้าผู้นี้มิเคยเลือกถอยเพราะถูกข่มขู่มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว และไม่เคยคิดที่จะยอมถอย เจ้าสามารถสังหารคนติดตามข้าผู้นั้นได้เต็มที่ และข้าก็จะเอาชีวิตของพวกเจ้าทุกคนไปปลอบประโลมวิญญาณเขาที่อยู่บนสวรรค์ จะเชื่อหรือไม่นั้น ข้าไม่สน”
สิ้นเสียง ซูอี้ก็ใช้ปลายนิ้วตวัดไปทันที
ฉัวะ!
ซือคงเป้าเบิกตากว้างทันใด
บนระหว่างลำคอเขา ปรากฏรอยเลือดรอยหนึ่ง
หลังจากนั้นท่ามกลางสายตาที่ไม่อยากจะเชื่อของทุกคน หัวที่โล้นมันเงาของเขาก็กลิ้งหล่นลงมาจากลำคอทันที ด้านนอกลำคอที่ขาด มีปราณดาบทำลายล้างที่รุนแรงมหาศาลตวัดผ่าน เลือดแดงฉานสาดกระจายดุจน้ำพุ
ก่อนตาย บนใบหน้าซือคงเป้าผู้โดดเด่นในบรรดาตัวตนโบราณเผยความผิดหวังออกมา คล้ายกับไม่อยากจะเชื่อว่าซูอี้จะสังหารเขาอย่างง่ายดายและเปิดเผยเช่นนี้!
ทั่วบริเวณเงียบสงัด
“นี่…”
เซี่ยจิ้งอวี่กับนักพรตหญิงเฟิงต่างตะลึงตาค้าง สมองขาวโพลนไปหมด
กู่ชางหนิงตัวสั่นอย่างรุนแรง ดวงตาเบิกกว้าง
เขาถึงตระหนักได้ว่า คำพูดเมื่อครู่ของซูอี้คือเรื่องจริง อีกฝ่ายไม่แม้แต่จะเอาชีวิตของซือคงเป้ามาข่มขู่เลย และเลือกที่จะไม่ยอมถอยด้วยการแลกตัวประกัน!
ไม่เช่นนั้น จะสังหารซือคงเป้า ตัวตนโบราณผู้นี้ไปทันทีได้อย่างไร?
“เจ้า…”
ใบหน้างดงามอ่อนโยนของฮูหยินโหรวเปลี่ยนไปฉับพลัน นางไม่นึกเลยว่า ซูอี้จะเฉียบขาด ดุร้ายเช่นนี้ จึงทำให้นางยื่นมือเข้าไปขัดขวางไม่ทัน
ชายหนุ่มผู้นี้ไม่กังวลว่าสหายของเขาจะตายเพราะเรื่องนี้จริง ๆ รึ?
ไม่กังวลว่าตัวเองจะตายอยู่ที่นี่รึ?
ตั้งแต่ฮูหยินโหรวฝึกฝนมาจนถึงวันนี้ นี่เป็นครั้งแรกที่นางเจอคนที่กระทำการอุกอาจและไม่มีความเกรงกลัวเช่นนี้
“นายน้อย!!”
เฒ่าปีศาจฮว่าถูนิ่งค้างไปครู่หนึ่ง ก่อนแผดเสียงร้องออกมา เขาทั้งสั่นเทาและโกรธเกรี้ยวปะปนกันไป ดวงตาแดงก่ำ ไอสังหารที่ระงับไว้นานพลันระเบิดออกมาทันทีราวกับควบคุมเอาไว้ไม่ได้แล้ว
“ข้าจะฆ่าเจ้าไอ้สารเลว!”
ราวกับเฒ่าปีศาจฮว่าถูคลุ้มคลั่ง เขามีท่าทางดุร้ายน่าสะพรึงกลัว พลังขอบเขตแปรเปลี่ยนวิญญาณทั่วร่างเขาระเบิดออก และลงมือทันที
ไม่ดีแน่!
สีหน้าของกู่ชางหนิงเปลี่ยนไปอย่างขีดสุด
เฒ่าปีศาจฮว่าถูที่คลุ้มคลั่งเช่นนี้ ซูอี้ที่มีการฝึกฝนขอบเขตเปิดทวารจะต้านทานได้อย่างไร?
ในเวลานี้เอง กู่ชางหนิงลังเลไม่ได้อีกแล้ว เขาขบกรามและกำลังจะบีบไข่มุกวิญญาณสีทองที่อยู่ในฝ่ามือให้แตก
ในเวลานี้เอง ดวงหน้าของฮูหยินโหรวเผยความลังเลออกมา
ท่าทางที่ผิดปกติของซูอี้ ทำให้นางตระหนักถึงความผิดแปลก รวมถึงเกิดความลังเล
ในเวลานี้เอง ท่าทางที่ไม่ทุกข์ร้อนและสงบนิ่งของซูอี้ หากเพ่งมองดี ๆ นัยน์ตาลึกของเขายังมีเจตจำนงในการต่อสู้ลุกโชนอยู่ภายในนั้น
เขาไม่ได้เจอคู่ต่อสู้ที่สามารถสู้กันได้มานานแล้ว!
แต่ในเวลานี้เอง
มีเสียงแหบแห้งทรงพลังเสียงหนึ่งดังขึ้น “สหายน้อยที่นายท่านข้าให้ความสำคัญ หาใช่คนที่เจ้าเฒ่าปีศาจฮว่าถูสังหารได้ไม่!”
ทันทีที่น้ำเสียงนั้นดังขึ้น ภายในตำหนักปรากฏร่างสวมชุดเทาขวางอยู่ด้านหน้าซูอี้
น้ำเสียงยังไม่ทันหายไป ร่างที่สวมชุดเทาพลันเหวี่ยงฝ่ามือตวัดออกไปทันที
ตูม!
เสียงปะทะกันดังสะเทือนเลือนลั่น
พลังน่าหวาดกลัวที่เป็นของวิถีวิญญาณแผ่กระจาย พลังค่ายกลต้องห้ามที่ปกคลุมอยู่ทั่วตำหนักปั่นป่วนขึ้นมาอย่างรุนแรง
สีหน้าฮูหยินโหรวเปลี่ยนไปเล็กน้อย นางนำแผ่นหินค่ายกลออกมา และกระตุ้นทันที
ชิ้ง!
พลังค่ายกลต้องห้ามที่หนาแน่นน่าเกรงขามพรั่งพรูออกมาจากข้างใต้ฮ่วนซีชา และปกคลุมไปทั่วตำหนักแห่งนี้ พร้อมกับหักล้างควันหลงจากการต่อสู้ของตัวตนในวิถีวิญญาณนั้นด้วย
แม้จะเป็นเช่นนี้ แต่ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการโจมตีอย่างเซี่ยจิ้งอวี่ นักพรตหญิงเฟิงและคนอื่น ๆ ต่างก็กระเด็นลอยออกไป และมีเสียงกระแทกกับกำแพงดังขึ้นมาสองอีกสองครั้ง
ส่วนกู่ชางหนิงจำต้องกระตุ้นปราณทั่วร่าง ถึงจะคลี่คลายควันหลงจากการต่อสู้นั้น เพียงแต่มันค่อนข้างเปลืองพลังเล็กน้อย
มีเพียงซูอี้ที่ยืนอย่างมั่นคงอยู่ที่เดิม ไม่ขยับเขยื้อนไปไหนเลยแม้แต่น้อย จะมีก็เพียงเสียงเสื้อที่ปลิวไสวดังขึ้นเท่านั้น
เสียงระเบิดดังสนั่นขึ้น ร่างเฒ่าปีศาจฮว่าถูกระเด็นถอยหลังไป ทุกก้าวที่กระเด็นถอยไป สีหน้าเขาก็ยิ่งซีดเผือดลงไปด้วย
เมื่อถอยมาถึงก้าวที่เก้า เฒ่าปีศาจฮว่าถูพลันกระอักเลือดออกมาอย่างทนไม่ไหว ในดวงตาที่เว้าลึกนั้นเผยความหวาดกลัวตกใจออกมา
ทุกคนต่างตกใจ ไม่นึกเลยว่าอานุภาพของการโจมตีนี้จะน่าสะพรึงกลัวถึงเพียงนี้!!
ท่ามกลางฝุ่นควันแผ่กระจาย ทุกคนถึงได้เห็นอย่างชัดเจนว่า ชายชราคนนั้นคือชายชราหน้าตาธรรมดา สวมชุดสีเทา
…ร่างผอมแห้งยืนอยู่ตรงนั้นราวกับคนทั่วไปที่ไม่โดดเด่นในสายตาของทุกคน
แต่เมื่อเห็นผู้ที่มาใหม่นี้ ใบหน้าของฮูหยินโหรวเปลี่ยนไปทันที พลางเอ่ยอย่างตกใจ “ผู้อาวุโสจิ่ว! ท่าน… ท่านมาได้อย่างไร?”
น้ำเสียงสั่นเล็กน้อย
เจ้าของฮ่วนซีชาผู้นี้ ฮูหยินที่งดงามแข็งแกร่งและลึกลับ ลืมตัวเสียกิริยาอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
“ผู้อาวุโสจิ่ว…”
เซี่ยจิ้งอวี่ที่ทั่วร่างบาดเจ็บสาหัส ล้มลงจนเห็นดาวอยู่ตรงหน้า ในยามนี้ก็นิ่งอึ้งอยู่ตรงนั้น และเผยท่าทางไม่อยากจะเชื่อออกมา
นักพรตหญิงเฟิงสั่นเทาไปทั่วร่าง ใบหน้าเผยความเคารพยำเกรง
ซูอี้เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย พลันนึกถึงคนผู้หนึ่งขึ้นมาได้
วันนี้ที่หน้าประตูเมือง เคยมีชายวัยกลางคนที่ดูสง่างามอ่อนโยนมาพูดคุยกับเขาด้วยตัวเอง
และในตอนนั้น ซูอี้ยังสังเกตเห็นว่า ใกล้ ๆ ชายวัยกลางคนที่สง่างามผู้นั้น ยังมีผู้ฝึกตนวิถีวิญญาณอยู่เคียงข้างประหนึ่งคนติดตามอยู่อีกคนหนึ่งด้วย
ชายชราชุดเทาหน้าตาธรรมดาที่อยู่ด้านหน้า ก็คือคนติดตามที่อยู่ข้างกายชายวัยกลางคนที่สง่างามผู้นั้น!