บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 493 แสงอรุณละลายน้ำแข็ง
ตอนที่ 493: แสงอรุณละลายน้ำแข็ง
ตอนที่ 493: แสงอรุณละลายน้ำแข็ง
เช้ารุ่งขึ้น
เยว่ฉานซือฟื้นจากจิตสำนึกอันมืดมิด
ชั่วขณะที่ลืมตา นางก็ลุกพรวดพราดขึ้นนั่ง ใบหน้างดงามเผยให้เห็นอาการระมัดระวังตน
ฉับพลัน นางส่งเสียงร้องอุทานขึ้นมา
ผ้าห่มหลุดร่วงจากตัว เผยให้เห็นร่างท่อนบนของนาง ถึงแม้จะไม่ถึงกับเปลือยเปล่า แต่ก็มีเพียงแค่ชุดชั้นในตัวน้อยบดบังหน้าอกเท่านั้น
เยว่ฉานซือสีหน้าเปลี่ยนในทันใด
หรือว่า…
“จงวางใจ เจ้าไม่เป็นไรแล้ว”
เสียงราบเรียบและคุ้นเคยดังมาจากในห้อง
เยว่ซือฉานหันหน้าไปมอง บนเตียงห่างไปไม่ไกลนัก คนหนุ่มชุดสีเขียวเอนกายนอนสบายอยู่ตรงนั้น แสงอรุณยามเช้าสาดกระทบใบหน้าหล่อเหลาเกิดเป็นประกายอันอ่อนโยน
“ศิษย์พี่ซู เหตุใดจึงเป็นเจ้าได้!?”
ดวงตางดงามของเยว่ซือฉานเบิกกว้าง รู้สึกราวกับฝันไป
“หากไม่ใช่ข้า เมื่อคืนนี้เจ้าคงตายเพราะพิษกู่ของซือคงเป้าไปแล้ว”
ขณะที่พูด ซูอี้ลุกจากเตียง พลางชี้ไปที่เสื้อผ้าบนตู้ไม้ที่อยู่ข้างหัวเตียงกล่าว “นี่คือเสื้อผ้าที่เตรียมไว้ให้เจ้า ด้านข้างคือที่ล้างหน้าล้างตา แต่งตัวเรียบร้อยแล้ว อย่าลืมลงไปทานอาหาร”
พูดจบ เขาเดินมือไพล่หลังออกจากห้องไป
สายตาของเยว่ซือฉานเลื่อนลอย สักครู่ใหญ่ ๆ จึงมั่นใจได้ว่าตัวเองไม่ได้ฝันไป
นางได้รับความช่วยเหลือจากซูอี้!
นางดึงผ้าห่มนุ่ม ๆ เข้ามากอดเบา ๆ เวลานี้ความรู้สึกเกร็งในตอนแรกของเยว่ซือฉานเริ่มผ่อนคลายลงไปทีละน้อย แต่ทว่าขณะเดียวกัน ความสงสัยมากมายก็ผุดขึ้นมาในสมอง
“ประเดี๋ยวไปถามศิษย์พี่ซูดูก็รู้”
เยว่ซือฉานสูดหายใจลึก ๆ ทีหนึ่งจากนั้นจึงลุกจากเตียง
และในชั่วขณะนี้เอง นางมองเห็นที่หน้าท้องของตัวเองมีรอยฝ่ามือสีแดง นางถึงกับเบิกตากว้าง
หรือว่าเมื่อคืนนี้ศิษย์พี่ซูถอดเสื้อผ้าข้าแล้ว ยังกด… ตรงนี้ด้วยเช่นนั้นหรือ?
หากเป็นเช่นนี้ก็หมายความว่า เขา… เขามองเห็นทุกอย่าง…
เยว่ซือฉานกัดริมฝีปากสีชมพูเบา ๆ ใบหน้าขาวใสประดุจหยกตกอยู่ในอาการสับสน
สักพักใหญ่ ๆ นางจึงส่ายหน้าและเริ่มสวมเสื้อผ้า
ณ ชั้นหนึ่ง
ไป๋เวิ่นฉิงเตรียมอาหารเช้าหลากหลายไว้พร้อม อาหารกำลังร้อน กลิ่นหอมฉุย
ซูอี้นั่งอยู่ตรงนั้นคนเดียว กำลังรับประทานอย่างเอร็ดอร่อย ต้องยอมรับเลยว่า ฝีมือการทำอาหารของไป๋เวิ่นฉิงไม่ธรรมดาเลย ไม่ว่าจะเป็นผัดผักหรือผัดเนื้อ ล้วนมีรสชาติอร่อยทั้งสิ้น
หยวนเหิงกับไป๋เวิ่นฉิงนั่งอยู่อีกด้าน ถึงแม้ว่าตอนนี้จะเป็นเวลารับประทานอาหาร แต่ก็ยังคงสำรวมตน
เวลาเช้าตรู่ มีเสียงนกร้องจิบ ๆ อยู่ที่นอกหอ แสงอรุณอบอุ่น ต้นไผ่สีเขียวกับดอกไม้ใบหญ้าไหวเอนไปตามแรงลม ส่งเสียงดังเป็นพัก ๆ ในสระ ปลาหลากสีจับหมู่แหวกว่าย ดอกบัวโอนเอน เกิดคลื่นเล็ก ๆ และขยายออกไปเป็นวงกว้าง
เงียบสงบเย็นใจ
เมื่อเยว่ซือฉานลงมาถึงชั้นที่หนึ่งก็เห็นทิวทัศน์งดงามดังภาพวาดเช่นนี้ จิตใจที่ตื่นเต้นในตอนแรกจึงเริ่มสงบใจลงไปได้บ้าง
“ศิษย์พี่ซู”
หยวนเหิงกับไป๋เวิ่นฉิงถึงกับตื่นตะลึงในความงดงาม สวยเหลือเกิน!
หญิงสาวในชุดสีขาวประดุจหิมะ ผิวพรรณเปล่งปลั่ง ใบหน้ารูปไข่สวยใสอ่อนหวาน ราวกับหญิงงามเดินออกมาจากรูปภาพ
เพียงแต่ ท่าทีเย็นชาของนาง ไม่ได้เกิดขึ้นด้วยความตั้งใจ ทว่าเป็นเช่นนี้โดยกมลสันดาน ทำให้คนอื่นเห็นแล้วรู้สึกละอายที่ตนเองด้อยกว่า
ซูอี้พยักหน้า พลางกล่าว “นั่ง”
เยว่ซือฉานนั่งลงอีกด้าน ด้วยท่าทางตามสบาย ไม่ได้มีพิธีรีตองอันใด
เพียงแต่เห็นได้ชัดว่านางไม่มีอารมณ์จะทานอาหาร แต่นั่งลังเลอยู่ตรงนั้นชั่วครู่ จากนั้นจึงเอ่ยถาม “ศิษย์พี่ซู เล่าเรื่องราวความเป็นมาทั้งหมดให้ข้าฟังได้หรือไม่?”
ซูอี้สรุปเรื่องราวที่เกิดขึ้นที่ฮ่วนซีชาเมื่อคืนนี้ให้ฟังสั้น ๆ แต่ได้ใจความ
ฟังจนท้ายสุด เยว่ซือฉานลุกขึ้นกล่าวขอบคุณด้วยความโล่งใจ “ขอบคุณศิษย์พี่ซูที่ช่วยชีวิต!”
ซูอี้โบกมือพลางกล่าว “เรื่องเล็กน้อยเท่านั้น นั่งลงเถิด อย่าได้เกรงใจ เจ้าเสียอีก เหตุใดจึงโดนซือคงเป้าจับตัวได้?”
เยว่ซือฉานครุ่นคิดสักครู่ จึงเล่าความเป็นมาทั้งหมด
ตอนแรก หลังจากที่นางออกเดินทางจากอาณาจักรต้าโจวแล้ว นางสะพายดาบเดินทางเพียงลำพัง ข้ามน้ำข้ามภูเขามากมาย สุดท้ายก็มาถึงอาณาจักรต้าเซี่ยเมื่อหลายเดือนก่อน
และตั้งแต่เริ่มเข้าสู่อาณาจักรต้าเซี่ย อุปสรรคขวากหนามที่นางได้พบเจอจึงเริ่มมีมากขึ้น
ข้อถกเถียงและอุปสรรคส่วนใหญ่ล้วนมีความเกี่ยวข้องกับความสวยที่ขึ้นชื่อว่าเลอเลิศของนาง เพราะอย่างไรเสีย หญิงงามเช่นนางไม่ว่าเดินไปทางไหนยากนักจะไม่เป็นที่จับตามอง
เมื่อเจอกับข้อถกเถียงเช่นนี้ เยว่ซือฉานไม่เคยยอมก้มหัว หนึ่งคนหนึ่งดาบฆ่าไม่เว้น
ทว่าอย่างไรเสียนางก็มาจากอาณาจักรต้าโจว ไร้พรรคไร้พวกไร้รากฐาน ด้วยเหตุนี้จึงผิดใจกับขุมกำลังผู้ฝึกตนจำนวนมากมาย
เหมือนดังครั้งนี้ เป็นเพราะฆ่าคนของซือคงเป้าไปสองคน ผลปรากฏว่ามาถึงนครหลวงจิ๋วติ่งได้ไม่นานก็ถูกซือคงเป้าพาคนมาดัก หลังจากที่สู้กันอย่างดุเดือดจึงถูกจับตัว
นางเล่าด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ไร้รสชาติ
ทว่ากลับทำให้หยวนเหิงและไป๋เวิ่นฉิงฟังแล้วถึงกับตื่นตระหนกด้วยความหวาดกลัว
หญิงสาวผู้มีความสวยเป็นเลิศ อาศัยเพียงดาบเล่มเดียวฟาดฟันมาตลอดทางจนถึงนครหลวงจิ๋วติ่ง ช่วงระหว่างนั้นนางต้องเจอกับภัยอันตรายและอุปสรรคมากมายเพียงใดกัน?
และต้องเจอการทดสอบโดยเอาชีวิตเข้าแลกกี่ครั้งกัน?
อย่าลืมว่า ที่นี่คืออาณาจักรต้าเซี่ย!
ตอนนี้เยว่ซือฉานมีระดับการฝึกฝนอยู่ในขอบเขตเปิดทวารเท่านั้น ลำพังตัวคนเดียวสามารถทำได้ถึงขั้นนี้ ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
ซูอี้ทั้งรู้สึกชื่นชม และรู้สึกนับถือ เยว่ซือฉานยังคงดื้อรั้นดึงดันเหมือนแต่ก่อน แม้จะอยู่ในเขตแดนอาณาจักรต้าเซี่ย ก็ไม่เคยละทิ้งความหยิ่งในศักดิ์ศรีเลย
ผิดกับชิวเหิงคง หลังจากผ่านความทุกข์ยากต่าง ๆ มองเห็นระยะห่างระหว่างความฝันกับความจริงแล้ว เลือกที่จะเข้าร่วมฝึกตนในสำนักดาบเทียนชู และอดทนต่อการดูถูกดูแคลน
นี่เป็นวิธีที่ผู้ฝึกตนส่วนใหญ่เลือก
แต่เยว่ซือฉานไม่ใช่เช่นนั้น
ไม่ว่านางจะเจอกับอุปสรรคมากมายเท่าใด ผ่านขวากหนามมานับไม่ถ้วน นางยังคงเหมือนเดิม!
เหมือนดังจิตใจแสวงหาวิถีของนาง เดินไปข้างหน้าด้วยความกล้าหาญ ไม่เคยก้มหัวให้ใคร
และสิ่งนี้ในตัวเยว่ซือฉานก็คือสิ่งที่ซูอี้ชื่นชมเป็นที่สุด
ในฐานะที่เป็นนักดาบ ต้องไม่เกรงกลัวต่อความตาย ไม่คำนึงถึงความพ่ายแพ้ ต่อให้เป็นโลกที่โหดร้าย ก็ไม่อาจทำลายเกียรติศักดิ์ศรีในตัวได้!
“ศิษย์พี่ซู เมื่อคืนนี้ศิษย์พี่ช่วยข้า… รักษาอาการบาดเจ็บเช่นนั้นหรือ?”
เยว่ซือฉานลังเลสักครู่ สุดท้ายยังคงถามออกมาด้วยสีหน้าอึดอัดน้อย ๆ
“พวกเจ้าถอยออกไปก่อน”
ซูอี้มองไปที่หยวนเหิงกับไป๋เวิ่นฉิง ทั้งสองลุกขึ้นและเดินออกไป
จากนั้นซูอี้จึงมองไปที่เยว่ซือฉาน ก่อนจะกล่าว “ไม่ผิด พิษกู่ในตัวของเจ้า มีแต่ข้าเท่านั้นที่สามารถรักษาได้ ตอนนี้เพียงแค่จับมันกักขังไว้เท่านั้น หากต้องการจะฆ่ามัน ยังต้องใช้เวลาอีกหลายวัน ช่วงระยะนี้ เจ้าจงมาหาข้าที่ห้องทุกวัน”
“หา?”
เยว่ซือฉานตะลึงไปชั่วครู่ สีหน้าปั้นยากปรากฏขึ้นบนใบหน้างดงามราวกับนางฟ้าของนาง
นางไม่นึกเลยว่า ซูอี้จะกล่าวเช่นนี้ออกมาได้อย่างเปิดเผยชัดเจนเช่นนี้ ไม่ได้คำนึงถึงความแตกต่างระหว่างหญิงชายเลยแม้แต่น้อย…
“ถ้าเช่นนั้น… เมื่อคืนนี้ผู้ที่ช่วยปลดเสื้อผ้าข้าออก… คือศิษย์พี่ซู?”
ขณะที่ถามเช่นนี้ออกมา เยว่ซือฉานก้มหน้าต่ำ ไม่กล้ามองดูตาของซูอี้
ช่วยไม่ได้ ต่อให้เป็นนางฟ้านางสวรรค์ เวลาที่ต้องเผชิญหน้ากับเรื่องที่เกี่ยวข้องกับความเป็นส่วนตัวเช่นนี้ ยากนักที่จะไม่ให้มีอาการอึดอัดทำหน้าลำบาก
“ไม่ใช่”
ซูอี้กล่าวตามตรง “แต่ว่า ตอนนั้นเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บของเจ้า ได้สัมผัสโดนผิว ในจุดนี้ คิดว่าเจ้าคงจะเข้าใจ เพราะอย่างไรเสียตอนนั้นเป็นเวลาคับขัน”
เยว่ซือฉาน “…”
สักพักใหญ่ ๆ นางจึงตั้งสติกล่าว “ถ้าเช่นนั้น… การรักษาในวันข้างหน้าก็ต้องเป็นเช่นนี้?”
“แน่นอน”
ซูอี้ตอบโดยไม่ต้องคิด
“เช่นนี้…”
พอเยว่ซือฉานนึกถึงว่าต้องไปหาซูอี้ที่ห้องและต้องถอดเสื้อผ้าออกทุกคืน เพื่อทำการรักษาแบบส่วนตัวเช่นนั้น หน้าก็ร้อนผ่าวขึ้นมา หูแดงไปถึงกก
“เพียงแค่รักษาอาการบาดเจ็บเท่านั้น เจ้าอย่าได้คิดมาก”
ซูอี้ส่ายหน้า
แม่นางคนนี้ คงจะไม่รู้ว่าทุกคืนที่ตนเองรักษาอาการบาดเจ็บให้นาง ต้องสูญเสียพลังกายและพลังใจไปมากมายเพียงใด หากว่าเป็นคนอื่น ต่อให้คุกเข่าขอร้อง เขาก็ไม่มีทางช่วย
“ศิษย์พี่ซู ขอบคุณมาก!”
เยว่ซือฉานสูดหายใจลึก ๆ จากนั้นกล่าวขอบคุณอีกครั้ง
ซูอี้ยิ้มน้อย ๆ พลางกล่าว “ตอนที่อยู่อาณาจักรต้าโจวข้าเคยกล่าวไว้แล้วว่า ยินดีจะเป็นผู้ชี้แนะวิถีดาบของเจ้า ถึงแม้เจ้าจะปฏิเสธแล้วก็ตาม แต่ยากนักจะกลบเกลื่อนความชื่นชมที่ข้ามีต่อเจ้า ที่ข้าช่วยเจ้าก็เพราะไม่อยากจะเห็นต้นกล้าดี ๆ อย่างเจ้าต้องถูกทำลาย”
เยว่ซือฉานตะลึง ถามขึ้นมาจากจิตใต้สำนึก “เพียงเท่านี้เองหรือ?”
ซูอี้หัวเราะขึ้นมา ตอบ “แน่นอน ความงามของเจ้าก็เป็นสาเหตุส่วนใหญ่เช่นกัน”
เยว่ซือฉาน “…”
ด้วยนิสัยที่เย็นชาดุจน้ำแข็งของนาง ก็ยังรับวิธีพูดจาแบบตรงไปตรงมาของซูอี้ไม่ค่อยจะได้
หากเป็นคนอื่นพูดเช่นนี้ นางคงจะมองว่าเป็นพวกหยาบคาย ใช้ดาบแทงไปแล้วหลายครั้งอย่างแน่นอน!
แต่ทว่า เยว่ซือฉานกลับมองออกว่าซูอี้ไม่ได้คิดจะแสดงความหยาบคาย แต่เขาเป็นคนที่คิดอย่างไรก็พูดเช่นนั้น ไม่หมกเม็ดเลยแม้แต่น้อย
ตรงจนเกินไป กลับทำให้เยว่ซือฉานทำอะไรไม่ถูก
ซูอี้ชื่นชมความอึดอัดและเขินอายของเยว่ซือฉานด้วยความสนอกสนใจ เมื่อผู้หญิงที่เย็นชาประหนึ่งน้ำแข็งแสดงสีหน้าอาการเช่นนี้ออกมา ก็มักจะมีรสชาติไปอีกแบบ
ทว่า ซูอี้ไม่ใช่พวกไร้สมอง ไม่มีทางปล่อยให้บรรยากาศอึดอัดเช่นนี้ดำเนินไปเรื่อย ๆ เขาจึงกล่าวขึ้นมา “เจ้าคงจะรู้สึกได้เช่นกันว่า ถึงแม้พิษกู่ในตัวเจ้าจะถูกกักขังไว้ได้แล้ว แต่หากมันยังมีชีวิตอยู่ ระดับการฝึกตนของเจ้าก็ไม่อาจจะก้าวหน้าได้ วันข้างหน้าในช่วงเวลานี้พักที่ห้องข้าไปก่อนจะเป็นการดี”
เขาไม่ได้ถามความเห็นของเยว่ซือฉาน แต่ช่วยตัดสินใจแทนฝ่ายตรงข้าม
เป็นผู้ชาย สำหรับเรื่องบางเรื่องแล้ว ไม่อาจโยนสิทธิ์การเลือกให้ผู้หญิงได้ เพราะการทำเช่นนั้นจะทำให้ตัวเองตกเป็นฝ่ายรับ และมักจะทำให้เรื่องแย่ลงได้ง่าย ๆ
ยกตัวอย่างเช่นเวลาที่ถามผู้หญิงว่าอยากจะกินอะไร คำตอบที่ได้รับอาจจะเป็นคำว่า ‘อะไรก็ได้’
แต่เมื่อถามต่อไปอีก คำตอบที่ได้รับจะกลับกลายเป็นว่าสิ่งนี้ก็ไม่กิน สิ่งนั้นก็ไม่กิน
เช่นนี้เป็นคำตอบที่เปิดมากเกินไป และยังโดนผู้หญิงบงการได้ง่าย
ด้วยนิสัยที่หยิ่งทะนงตนของซูอี้ ไม่มีทางปล่อยให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นกับตัวเองได้
ในทางกลับกัน การตัดสินใจแทนฝ่ายตรงข้ามอาจจะได้รับความเชื่อมั่นจากฝ่ายหญิง จนรู้สึกซาบซึ้งใจขึ้นมา
ดังเช่นเวลานี้ เห็นได้ชัดว่าเยว่ซือฉานรู้สึกซาบซึ้งใจมาก ใบหน้างดงามดุจนางฟ้าปรากฏอาการซาบซึ้งใจ กล่าวขึ้นมาเบา ๆ “ศิษย์พี่ซูไม่เพียงแต่ช่วยชีวิตข้า ยังช่วยรักษาให้ข้า ข้า…”
“เรื่องเล็กน้อยเท่านั้น”
ซูอี้โบกมือพลางกล่าว “ข้าทำเช่นนี้ ไม่ใช่เพราะอยากจะให้เจ้าร้องไห้ซาบซึ้งใจ อย่างไรเสีย เจ้าจงจำไว้เพียงว่า ขอเพียงมีข้าอยู่ เจ้าจะไม่มีอันตราย แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว”
เยว่ซือฉานตื้นตันใจ รู้สึกอบอุ่นอย่างไม่เคยรู้สึกมานาน สายตาที่มองดูซูอี้จึงแฝงด้วยความอ่อนโยน ดุจน้ำแข็งที่ถูกละลายอย่างเงียบงัน
นับตั้งแต่ออกจากอาณาจักรต้าโจวจนถึงวันนี้ หนึ่งคนหนึ่งดาบ เคยชินกับการพบเจออุปสรรคขวากหนามและความทุกข์ยากเพียงลำพัง และเคยชินกับการแบกรับทุกอย่างด้วยตนเองเพียงลำพัง
ทว่าตอนนี้ ความเป็นห่วงเป็นใยจากซูอี้ดุจดั่งแสงตะวันยามเช้าที่สาดส่องลงมาสร้างความชุ่มชื่นให้แก่หัวใจที่มีน้ำแข็งเกาะกุมของนาง