บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 498 ดาบพันธนาการชางหลง
ตอนที่ 498: ดาบพันธนาการชางหลง
ตอนที่ 498: ดาบพันธนาการชางหลง
ตูม!
สายฝนที่โปรยปรายสั่นสะท้าน ก่อนจะตามมาด้วยเสียงคำรามดังก้อง!
ม่านตาของฮั่วเทียนตูหดลงฉับพลัน ช่างเป็นภาวะดาบที่น่าครั่นคร้ามนัก!
มันมีช่องว่างระหว่างผู้ฝึกตนวิถีต้นกำเนิดกับผู้ฝึกตนวิถีวิญญาณอยู่
สำหรับมหาปราชญ์สวรรค์เช่นฮั่วเทียนตู ผู้ฝึกตนวิถีต้นกำเนิดนั้นแข็งแกร่งกว่าผู้ฝึกตนทั่วไปเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
แม้แต่อัจฉริยะของโลกและเหล่าผู้ร้ายกาจยุคโบราณ ต่อหน้ามหาปราชญ์สวรรค์ก็ยังอ่อนแอกว่า
ดาบก่อนหน้านี้ ฮั่วเทียนตูคิดว่าซูอี้จะต้องใช้ไพ่ตายหรือแสดงพลังก้นหีบบางอย่างออกมาเพื่อรับมือ มิฉะนั้นอีกฝ่ายจะต้องตายอย่างแน่นอน
แต่ใครจะคิดว่าซูอี้ ชายหนุ่มวิถีต้นกำเนิดกลับสามารถทำลายดาบของเขาในครั้งเดียวด้วยวิชาดาบ!
นี่เป็นเรื่องน่าเหลือเชื่ออย่างไม่ต้องสงสัย เหนือจินตนาการของฮั่วเทียนตูไปไกล
แต่ตอนนี้เขาไม่มีเวลาคิดเรื่องนี้แล้ว
เพราะดาบของซูอี้ยังคงไม่ลดทอนพลัง มันพุ่งฟันใส่ตัวเขาต่อ!
“ฮึ่ม!”
ฮั่วเทียนตูแค่นเสียงเย็น ก่อนที่ดาบน้ำค้างใต้พิภพในมือของเขาจะระเบิดออกเป็นแสงสีเทาเย็นยะเยือกยาวเกือบจั้งออกไป แล้วแปรเปลี่ยนเป็นคมดาบ
ตูม!
คล้ายมีน้ำตกไหลหล่นมาจากท้องฟ้าอย่างรุนแรงปานอัสนีบาตเข้าบดขยี้ปราณดาบของซูอี้ในคราวเดียว
“เยี่ยม!”
ซูอี้หัวเราะเสียงดัง ก้าวไปข้างหน้าด้วยดาบของเขา ก่อนใช้เพลงดาบสุดปรีดีในอากาศ
ท่วงท่าโจมตีของเขาเย่อหยิ่งนัก เช่นเดียวกับภาวะดาบของเขาที่กำลังไต่ขึ้นจากล่างสุดขึ้นไปอย่างมั่นคง
ราวกับว่าชายหนุ่มไม่ได้เผชิญหน้ากับมหาปราชญ์สวรรค์ที่ผู้ฝึกตนวิถีต้นกำเนิดทำได้แต่แหงนหน้ามอง แต่เป็นเพียงคู่ต่อสู้ที่พอจะมีฝีมืออยู่บ้าง
สิ่งนี้ทำให้ฮั่วเทียนตูรู้สึกว่าศักดิ์ศรีถูกยั่วยุอย่างรุนแรง สีหน้าของเขาเคร่งขรึมขึ้น ก่อนจิตสังหารในดวงตาจะกลายเป็นพุ่งพล่าน!
เขาใช้กระบวนท่าสังหารโดยไม่ลังเล!
ตูม!
สงครามได้ปะทุขึ้น
เหนือทะเลสาบชูอวิ๋น ปราณดาบกวาดออกไปดุจสายรุ้ง พุ่งตรงออกไปดั่งกระทิงคลั่ง เมฆฝนที่ปกคลุมท้องฟ้าถูกบดขยี้และสลายไปอย่างสมบูรณ์
เสียงคำรามของดาบในราตรีนี้เสมือนเสียงปะทะกันอย่างไม่มีที่สิ้นสุดของอัสนีบาตจากสวรรค์ชั้นเก้า
ฉากนั้นราวกับว่าเทพเซียนกำลังต่อสู้กันบนท้องฟ้า ทำให้ทั้งโลกตื่นตะลึง
รอบ ๆ ทะเลสาบ ไม่รู้ว่ามีผู้ฝึกตนมากน้อยเพียงใดที่ตะลึงงันไป ร่างกายและจิตใจต่างสั่นสะท้าน
ที่นี่คือนครหลวงจิ๋วติ่ง เมืองหลวงของต้าเซี่ย!
ใครจะกล้าคิดว่าจะมีการประลองครั้งยิ่งใหญ่จัดขึ้นในยามดึกเช่นนี้?
“ดาบธาราสวรรค์! ข้ารู้แล้ว นั่นคือผู้อาวุโสใหญ่ของวังเทพสวรรค์เมฆา ท่านฮั่วเทียนตู มหาปราชญ์สวรรค์แห่งขอบเขตแปรเปลี่ยนวิญญาณ!”
เสียงคนอุทานทำให้เกิดความโกลาหล
สำหรับผู้ฝึกตนในโลกแล้ว ฮั่วเทียนตูเปรียบเสมือนยักษ์ใหญ่ที่ยืนอยู่บนจุดสูงสุด พลังอันยิ่งใหญ่ของเขานั้นสูงมากจนเป็นดังเทพมังกรเห็นหัวไม่เห็นหาง ในอดีตยากจะพบเจอตัว
แต่ตอนนี้ยักษ์ใหญ่ผู้นี้กำลังลงมืออยู่ที่ทะเลสาบชูอวิ๋น ใครบ้างจะไม่แปลกใจ?
“ใครคือคู่ต่อสู้ของผู้อาวุโสฮั่วกัน?”
หลายคนนึกสงสัย
เนื่องจากเป็นเวลากลางดึก อีกทั้งการต่อสู้ก็เกิดขึ้นกลางทะเลสาบชูอวิ๋น เหล่าผู้ฝึกตนบางส่วนที่ไม่สามารถเข้าใกล้จึงทำได้แต่มองดูจากไกล ๆ และด้วยพลังจิตสัมผัสของพวกเขาจึงมองเห็นแค่รางเลือนว่ามันเป็นชายหนุ่มสวมเสื้อคลุมสีเขียว
ส่วนตัวตนของเขานั้นไม่มีผู้ใดรู้
มีเพียงผู้คนบางส่วนเท่านั้นที่บอกได้เลือนรางว่าชายหนุ่มในชุดคลุมสีเขียวเป็นผู้ฝึกตนในขอบเขตเปิดทวาร ซึ่งการค้นพบดังกล่าวทำให้พวกเขาทั้งหมดตกใจจนแทบเสียสติ… พวกเขาไม่กล้าที่จะเชื่อ!
เพราะท้ายที่สุด ใครจะจินตนาการได้ว่าตัวตนของขอบเขตเปิดทวารจะสามารถต่อกรกับขอบเขตแปรเปลี่ยนวิญญาณได้กัน?
“ตัด!”
ภายใต้ท้องฟ้ายามค่ำคืน ดวงตาของฮั่วเทียนตูเย็นชาดุจสายฟ้า เคราของเขาพลิ้วไหว ดาบที่ถูกฟันออกไปกวาดไปยังท้องฟ้าทั้งทรงพลัง พลุ่งพล่าน และหนักหน่วง
นั่นคือพลังของภาวะดาบธาราสวรรค์
เรียกได้ว่าเป็นเจตจำนงชั้นสูงสุดประเภทหนึ่ง เมื่อฮั่วเทียนตู ผู้ฝึกฝนวิถีวิญญาณชักดาบของเขา ทุกการโจมตีล้วนดุดันดั่งคลื่นพิโรธของแม่น้ำแยงซี โหมกระหน่ำรุนแรงจนชวนตะลึงงัน
แค่การโจมตีง่าย ๆ ก็สามารถสังหารตัวตนวิถีต้นกำเนิดขอบเขตรวบรวมดาราชั้นนำได้อย่างง่ายดาย!
แต่ถึงแม้จะเป็นการโจมตีที่น่าสะพรึงกลัวเพียงใดก็ไม่อาจจัดการกับซูอี้ได้
เมื่อเผชิญหน้ากับซูอี้ ทุกการโจมตีต่างถูกจัดการไปทีละอัน!
สิ่งนี้ทำให้ฮั่วเทียนตูอดที่จะประหลาดใจไม่ได้
ก่อนหน้าที่จะตัดสินใจมาจัดการกับซูอี้ เขาเองก็ได้ศึกษาอีกฝ่ายมาก่อนเช่นกัน แต่ก็ไม่มีข้อมูลมากนัก
ทั้งหมดที่รู้ก็คือซูอี้เคยสังหารบุตรสวรรค์เนี่ยเฟิง ตัวตนจากยุคโบราณ เคยเอาชนะจางอวิ๋นเทาด้วยสองดาบ และได้ทำการสังหารฮั่วอวิ๋นเซิงกับคนอื่น ๆ ลง
ทั้งหมดต่างเป็นตัวตนในระดับวิถีต้นกำเนิด ดังนั้นฮั่วเทียนตูจึงคิดในใจ ว่าไม่ว่าซูอี้จะทรงพลังมากแค่ไหน อีกฝ่ายก็เป็นเพียงอัจฉริยะที่โดดเด่นอย่างมากในวิถีต้นกำเนิดเท่านั้น
แต่ตอนนี้ เขาตระหนักได้ว่าการตัดสินใจของตนเองผิดพลาดอย่างร้ายแรง
เจ้าหนูนี่เป็นมากกว่าอัจฉริยะคนหนึ่ง เขาเป็นสัตว์ประหลาดที่ไม่สามารถตัดสินได้ด้วยสามัญสำนึก!
ฮั่วเทียนตูได้บ่มเพาะและมีชีวิตอยู่มาจนถึงตอนนี้ก็หลายร้อยปีแล้ว ทว่าเขาไม่เคยเห็นหรือได้ยินมาก่อนว่าในโลกนี้จะมีตัวตนเช่นซูอี้ที่สามารถต่อกรกับขอบเขตวิถีวิญญาณด้วยด้วยพลังในขอบเขตเปิดทวาร!
มันน่าทึ่งมากเสียจนในเวลานี้เขาไม่กล้าที่จะดูถูกและไม่แยแสอีกฝ่ายเหมือนตอนแรกอีกต่อไป และสีหน้าของฮั่วเทียนตูยามนี้ก็ทั้งดูจริงจังและเคร่งขรึมยิ่ง
“ถ้าข้าไม่สังหารเจ้าตัวร้ายกาจนี่ในคืนนี้เสีย ไม่ใช่แค่ข้า ฮั่วเทียนตูผู้นี้จะเสียหน้า แต่เจ้าตัวร้ายกาจนี่จะกลายมาเป็นภัยคุกคามร้ายแรงในอนาคต!”
ดวงตาของฮั่วเทียนตูฉายแววอาฆาต
เมื่อการต่อสู้ได้ปะทุขึ้น ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ถือว่าได้แตกหักลงอย่างสมบูรณ์
หากปล่อยให้ซูอี้มีชีวิตอยู่ต่อไป… ด้วยความสามารถที่ท้าทายสวรรค์เช่นนี้ เมื่อเขาเติบใหญ่ขึ้นในอนาคต ในโลกนี้จะยังมีใครสามารถเป็นคู่ต่อสู้ของเขาได้กัน?
ถึงเวลานั้น ไม่ว่าจะเป็นวังเทพสวรรค์เมฆาหรือตระกูลฮั่ว พวกเขาจะอาศัยสิ่งใดต่อกรกับซูอี้?
ตูม! ตูม! ตูม!
พลังของฮั่วเทียนตูน่าสะพรึงกลัวมากขึ้นเรื่อย ๆ ภาวะดาบของเขาเหมือนกับมหาสมุทร ดึงกระแสอากาศก่อตัวเป็นดาบแห่งโทสะ ทุก ๆ การโจมตีล้วนเพียงพอที่จะทลายภูเขาและทำให้ทั่วทั้งเมืองสั่นสะเทือน
สิ่งนี้ทำให้เกิดแรงกดดันอย่างมากต่อซูอี้!
จากการวิเคราะห์ขั้นสุดท้าย ขอบเขตการฝึกฝนของเขาห่างกับอีกฝ่ายเกินไป …ระหว่างวิถีต้นกำเนิด และขอบเขตแปรเปลี่ยนวิญญาณมีช่องว่างขนาดใหญ่ระหว่างความเชี่ยวชาญในพลังและกฎแห่งเต๋าที่ใช้อยู่
แต่ความได้เปรียบของเขาอยู่ที่สามประการ
ประการแรก ในแง่ของพลังจิตวิญญาณ เขาเหนือยิ่งกว่าฮั่วเทียนตู
จุดนี้ทำให้เขาสามารถจับความเคลื่อนไหวของคู่ต่อสู้ได้ล่วงหน้ายามต่อสู้กัน!
ประการที่สอง ความสำเร็จในวิถีดาบและความเชี่ยวชาญในกฎเต๋าของเขานั้นเหนือกว่าฮั่วเทียนตูนัก
ด้วยจังหวะวิถีเบญจธาตุก็ถือเป็นจังหวะวิถีพิเศษ ทั้งทักษะดาบของซูอี้ กอปรกับการเกื้อหนุนจากประสบการณ์การต่อสู้ในชีวิตก่อนหน้านี้ ทำให้ความตระหนักรู้ในด้านการต่อสู้ของเขามากพอที่จะทิ้งห่างฮั่วเทียนตูไปไกล!
ยกตัวอย่างง่าย ๆ ด้วยความรู้ในเก้ามหาแดนดินในชีวิตก่อนหน้านี้ของซูอี้ แค่ความเข้าใจของเขาเกี่ยวกับ ‘ขอบเขตแปรเปลี่ยนวิญญาณ’ ก็เพียงพอที่จะบดขยี้ตัวตนระดับฮั่วเทียนตูลงได้อย่างง่ายดาย
ในการต่อสู้ ความรู้ความเข้าใจเช่นนี้จะกลายเป็นการคาดเดาความเคลื่อนไหวล่วงหน้าของศัตรู โดยสามารถฉวยโอกาสจากจุดอ่อนของคู่ต่อสู้สร้างความเสียหายสาหัสให้กับอีกฝ่ายได้
ในทำนองเดียวกัน เมื่อเผชิญกับภัยคุกคามร้ายแรงก็จะได้รับการแจ้งเตือนล่วงหน้า และสามารถหลบหลีก หรือหาทางรับมือได้ทัน
ประการที่สาม แม้ว่าขอบเขตการบ่มเพาะของซูอี้จะไม่ดีเท่ากับของฮั่วเทียนตู แต่รากฐานอันแข็งแกร่งของการบำเพ็ญและมหาวิถีของเขาได้ช่วยชดเชยช่องว่างนี้อย่างเกินพอ
ไม่ว่าจะเป็นเมล็ดพันธุ์เต๋าสุดขั้วที่สร้างขึ้นในขอบเขตไร้เบญจธัญ หรือนิมิต ‘ภาพสะท้อนวังเซียน’ ที่เกิดจากขอบเขตเปิดทวาร แม้อยู่ในเก้ามหาแดนดิน ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบันก็เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งเดียวในโลก
สิ่งนี้ทำให้พลังต่อสู้ของซูอี้อยู่เหนือขอบเขตการบ่มเพาะของตัวเขาเอง ดูได้จากข้อเท็จจริงที่ว่าเขาสามารถสังหารขอบเขตรวบรวมดารามากกว่าสิบคนด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว
ด้วยความได้เปรียบสามประการนี้ แม้ว่าซูอี้จะไม่ได้ใช้ไพ่ตายในครั้งนี้ เพียงแค่อาศัยความแข็งแกร่งของตนเอง เขาก็มีต้นทุนสูงพอที่เทียบเท่ากับขอบเขตแปรเปลี่ยนวิญญาณได้!
ไม่ต้องพูดถึงประสบการณ์การต่อสู้ที่สะสมมาหนึ่งแสนแปดพันปีของเขา แค่ตัวตนวิถีวิญญาณอย่างฮั่วเทียนตูเพียงคนเดียวจะมาเทียบชั้นได้อย่างไร?
ดังนั้นในการต่อสู้ก่อนหน้านี้ ซูอี้จึงสามารถสลายการโจมตีทั้งหมดของอีกฝ่ายได้อย่างง่ายดาย
แต่ในเวลานี้เอง ด้วยจิตสังหารที่พลุ่งพล่านของฮั่วเทียนตู และการทุ่มเทลงมือเต็มกำลังของอีกฝ่าย มันก็ได้สร้างแรงกดดันให้ซูอี้เป็นอย่างมาก!
ทว่า สิ่งนี้ไม่ได้ทำให้ซูอี้แปลกใจ แต่กลับนึกยินดี!
เขาไม่ขาดแคลนวิธีการที่จะเอาชนะ
สิ่งที่เขาขาดแคลนคือหินลับดาบที่สามารถทดสอบคมดาบได้!
มิฉะนั้นเขาคงไม่มาที่นัดหมายคืนนี้โดยไม่คิด
ช่วยไม่ได้ สำหรับซูอี้เวลานี้มีคู่ต่อสู้ที่คู่ควรกับการดวลกันน้อยเกินไปจริง ๆ…
“สังหาร!”
เมื่อพลังของฮั่วเทียนตูเพิ่มขึ้น ภาวะดาบของเขาย่อมแข็งแกร่งขึ้นเช่นกัน
ทะเลสาบชูอวิ๋นอันกว้างใหญ่ถูกรบกวนด้วยพลังที่ก่อขึ้นของเขา พื้นน้ำกระเพื่อมขึ้นลงราวกับกำลังเดือดพล่าน
เมื่อเห็นฉากนั้น ผู้ฝึกตนที่อยู่ริมทะเลสาบต่างตกตะลึงและหน้าซีดเผือด
แม้แต่เวิงจิ่วที่กำลังเล่นกู่ฉินอยู่ในเพิงน้ำชาขณะนี้ก็ยังต้องตกตะลึง
สำหรับตัวตนระดับเขา ผู้ฝึกตนอย่างฮั่วเทียนตูไม่นับว่าน่ากลัวเพียงใดนัก
แต่เมื่อการต่อสู้มาถึงจุดนี้ อย่าว่าแต่จะสังหารซูอี้เลย ฮั่วเทียนตูยังถูกบีบให้ใช้กำลังทั้งหมดออกมา!
เรื่องนี้หมายความว่าอย่างไร เวิงจิ่วย่อมรู้ดี
เขาแน่ใจว่าถ้าเวลานี้เปลี่ยนเป็นตัวตนขอบเขตแปรเปลี่ยนวิญญาณขั้นต้นแล้ว เกรงว่าคนเหล่านั้นอาจไม่ใช่คู่ต่อสู้ของซูอี้!
“ฮ่า พลังดาบของเจ้าหนูนี้ก็แข็งแกร่งขึ้นด้วย!”
ในไม่ช้าดวงตาของเวิงจิ่วก็เปล่งประกาย เขาสังเกตเห็นว่าในการต่อสู้ พลังดาบของซูอี้เองก็เพิ่มขึ้นราวกับกระแสน้ำเช่นกัน!
เสื้อคลุมสีเขียวของเขากระพือไหว ผมยาวของซูอี้โบกสะบัด เขากวัดแกว่งดาบเพื่อต่อสู้อย่างไร้การยับยั้งหรือข้อจำกัดใด ๆ
“เจ้าหนูนี้เป็นสัตว์ประหลาดที่ร้ายกาจที่สุดในโลก…”
ฉากนั้นทำให้เวิงจิ่วสูญเสียการควบคุม
จากนั้นเขาก็เข้าใจในที่สุด ว่าในฮ่วนซีชาเมื่อคืนนี้ แม้ว่าตนเองจะไม่ได้เคลื่อนไหว ด้วยความแข็งแกร่งที่แสดงออกมาในตอนนี้ ซูอี้ก็ย่อมสามารถออกจากสถานการณ์มาได้อย่างปลอดภัย
ขณะนั้นเองที่เขาเข้าใจว่าเหตุใดซูอี้ถึงกล้าพูดถ้อยคำอย่างการถือตัวตนวิถีวิญญาณเป็นหินลับดาบ!
เพราะซูอี้ทำได้อย่างแน่นอน!
ยิ่งกว่านั้น เขายังไม่เคยใช้สมบัติลับหรือไพ่ตายเลย!
“เคล็ดวิชาธาราสวรรค์ ดาบพันธนาการชางหลง!”
ทันใดนั้น ภายใต้ท้องฟ้ายามค่ำคืน เสียงคำรามกังวานของฮั่วเทียนตูก็ดังขึ้น
พลันเห็นเขาแทงด้วยดาบออกไปดาบหนึ่ง รอบ ๆ ร่างของซูอี้พลันเกิดกรงกระแสน้ำขนาดใหญ่ปกคลุมไปทั่วระยะหนึ่งร้อยจั้ง โดยก่อขึ้นจากภาวะดาบของดาบน้ำค้างใต้พิภพอันทรงพลัง
นี่คือท่าไม้ตายก้นหีบอันทรงพลังของ ฮั่วเทียนตู… พันธนาการชางหลง!
ด้วยทักษะนี้ เขาเคยใช้มันจัดการมังกรร้ายในวิถีวิญญาณที่ก่อให้เกิดความโกลาหลขึ้นในต้าเซี่ยลงได้
ในชั่วพริบตา ซูอี้เป็นเหมือนสัตว์ที่ติดอยู่ในกรง สี่ทิศแปดทางล้วนถูกรายล้อมด้วยรั้วรูปร่างเหมือนดาบที่ราวกับของจริง
“รับไป!”
ฮั่วเทียนตูพลันตะโกนถ้อยคำอันแข็งแกร่งและทรงพลังปานสายฟ้าฟาดออกไป
ตูม!!
กรงภาวะดาบที่มีขนาดร้อยจั้งพลันหดตัวลง และเข้ากดทับซูอี้ที่ติดอยู่ในนั้นอย่างรุนแรง
พลังอันน่าสะพรึงกลัวที่ไม่มีใครเทียบได้ของภาวะดาบแห่งฟ้าดินเข้ากดทับซูอี้จากทั่วสารทิศ
เมื่อได้เห็นฉากนี้ ริมฝีปากของฮั่วเทียนตูซึ่งอยู่ไม่ไกลก็โค้งขึ้นเป็นรอยยิ้มเย็นเยียบ
นี่คือพันธนาการชางหลง
ดาบที่เสมือนดังกรง กักขังได้กระทั่งมังกรฟ้า!
นับประสาอะไรกับเด็ดศีรษะของชายหนุ่มขอบเขตเปิดทวารคนหนึ่ง?