บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 499 วิญญาณมาร
ตอนที่ 499: วิญญาณมาร
ตอนที่ 499: วิญญาณมาร
ติ้ง!
เสียงกู่ฉินหยุดลงกะทันหัน
นิ้วทั้งสิบของเวิงจิ่ววางอยู่บนสาย สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปเล็กน้อย
ดาบพันธนาการชางหลงของฮั่วเทียนตูนั้นคุกคามเสียจนเขาอดเหงื่อตกแทนซูอี้ไม่ได้ แล้วเช่นนี้เวิงจิ่วจะยังมีใจที่จะเล่นกู่ฉินเพื่อให้กำลังใจอีกฝ่ายได้อย่างไร
ตูม!
ในความว่างเปล่า ภาวะของดาบน้ำค้างใต้พิภพซึ่งกลายเป็นกรงก็หดตัวลงเรื่อย ๆ ดังคมดาบที่พุ่งเข้ามาจากทุกทิศทุกทาง หมายที่จะสังหารซูอี้ที่ติดอยู่ในนั้น
หมดหนทางหลบหนี ไร้ซึ่งหนทางหลบเลี่ยง
เมื่อผู้ชมริมทะเลสาบที่อยู่ไกลออกไปเห็นฉากนี้ พวกเขาก็อดที่จะรู้สึกสิ้นหวังแทนไม่ได้
แต่ซูอี้ที่ถูกขังอยู่ในนั้นกลับเอ่ยเย้ยหยันพลางส่ายหัว “ถ้านี่เป็นดาบที่ทรงพลังที่สุดของเจ้า ฮั่วเทียนตู ข้าจะผิดหวังอย่างยิ่ง”
ทันทีที่เสียงพูดจางหาย ดาบนิลกาฬกลืนฟ้าในมือเขาก็พลันเปล่งแวววับเจิดจ้าบาดตากวาดออกไปด้านหน้า
ตูม!
ภูเขาดาบทั้งห้าโผล่ขึ้นมาจากท้องฟ้า พวกมันดูสูงใหญ่จนแทบไม่เห็นยอด ทั้งกว้างและหนาจนไร้ขอบเขต
เขตแดนมหาดาบเบญจธาตุ!
ทว่าหลังจากที่ซูอี้ใช้จังหวะวิถีเบญจธาตุ ทันทีที่ดาบปรากฏออกมา ดุจภูเขาห้าธาตุในตำนานที่กำเนิดขึ้นท่ามกลางความโกลาหลได้จุติลงมา ซึ่งภายในอาณาเขตได้มีพลังอันยิ่งใหญ่กำลังบดขยี้ทุกสิ่งปรากฏขึ้น!
ตูม!
เกิดเสียงระเบิดดังสนั่น
ท่ามกลางสายฝนโปรยปราย ดาบพันธนาการชางหลงที่ดูเหมือนกรงก็ถูกบดขยี้ลงด้วยภูเขาดาบทั้งห้า โดยได้ระเบิดบริเวณสามลี้รอบตัวซูอี้ออกไป สภาพหลังการถูกกวาดทำลายนั้นคล้ายกับมีภูเขาไฟปะทุขึ้นที่นั่น ชวนให้ตกตะลึงยิ่งนัก
“นี่…”
เวิงจิ่วสูดหายใจเข้า
“แข็งแกร่งมาก!!”
ริมทะเลสาบ ผู้ฝึกตนนับไม่ถ้วนตะลึงอยู่กับที่ ในครรลองสายตาของพวกเขาคล้ายกับมีภูเขาสูงห้าลูกโผล่ขึ้นมาจากทะเลสาบชูอวิ๋น โดยพวกมันสามารถบดขยี้กรงภาวะดาบระยะร้อยจั้งลงได้อย่างง่ายดาย!
ฉากนั้นน่าตกตะลึงยิ่ง!
“เป็นไปได้อย่างไรกัน!?”
สีหน้าของฮั่วเทียนตูเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิงและไม่สามารถสงบสติอารมณ์ได้อีกต่อไป
ตอนแรกเขาดูถูกและไม่แยแสซูอี้
ทว่าในขณะที่การต่อสู้ดำเนินไป เขาก็ตระหนักได้ว่าพลังต่อสู้ของซูอี้น่ากลัวกว่าที่คิด และจำต้องเอาจริง โดยเขาได้ถือว่าซูอี้เป็นศัตรูตัวฉกาจที่ไม่อาจปล่อยให้รอดชีวิตต่อไป
และเมื่อเขาใช้กำลังทั้งหมดแต่ยังไม่อาจจัดการซูอี้ได้ ฮั่วเทียนตูก็เป็นกังวลเล็กน้อย
นั่นเป็นเหตุผลที่เขาดิ้นรนพยายามฆ่าซูอี้ในกระบวนท่าเดียว โดยใช้กระบวนท่าสังหารเช่นดาบพันธนาการชางหลง
แต่ใครจะไปคิดล่ะว่า…
แม้แต่ดาบพันธนาการชางหลงก็ยังถูกทำลาย!
แล้วฮั่วเทียนตูจะไม่แปลกใจได้อย่างไร?
“ถ้ามีทักษะแค่นี้ การต่อสู้ครั้งนี้ก็คงต้องจบลงแล้ว”
ห่างออกไป ซูอี้พูดขึ้นอย่างเฉยเมย จู่ ๆ เขาก็นึกขึ้นได้ว่าเขายังต้องรักษาเยว่ซือฉานอีกในคืนนี้ ดังนั้นจึงไม่อยากเสียเวลาและพลังงานมากเกินไป
เมื่อคิดเช่นนี้ เขาพลันสูญเสียจิตวิญญาณในการต่อสู้ไปเกือบหมด และตัดสินใจจบการต่อสู้ต่อจากนี้ให้เร็วขึ้น
“อวดดี!”
ฮั่วเทียนตูแค่นเสียงเย็น ก่อนลงมือโจมตีอีกครั้ง
ในฐานะผู้อาวุโสสายในของวังเทพสวรรค์เมฆา ไพ่ตายและกระบวนท่าขั้นสูงสุดที่เขาเชี่ยวชาญไม่มีแค่ดาบพันธนาการชางหลงเพียงกระบวนท่าเดียว!
ตูม!
เขาเหวี่ยงดาบโบราณน้ำค้างใต้พิภพและก้าวออกไป ซึ่งเมื่อดาบถูกฟันออก กลีบดาบนับพันที่ก่อขึ้นจากน้ำค้างแข็งสีเทาเย็นเยียบก็ปรากฏขึ้นในอากาศ ดุจหิมะและน้ำแข็งที่ตกลงมาจากท้องฟ้า
พวกมันเผยให้เห็นถึงความหนาวเย็นและจิตสังหารอันหนาแน่นและไร้ที่สิ้นสุด
เสียงร่ำไห้ของน้ำค้างใต้พิภพ!
นี่เป็นกระบวนท่าสังหารที่ไม่ด้อยไปกว่าพันธนาการชางหลง เพียงหนึ่งดาบก็เพียงพอที่จะทำให้ทั้งโลกหยุดนิ่ง ภาวะดาบที่อยู่ในนั้นยังสามารถบดขยี้ร่างและวิญญาณของคู่ต่อสู้ให้เป็นผงได้ทันที!!
แต่ซูอี้ไม่มีความตั้งใจที่จะลับดาบต่ออีก เนื่องจากเขาต้องประหยัดพลังไว้ จึงไม่คิดที่จะต่อสู้ยืดเยื้อ
ฟึ่บ!
ร่างของเขาวูบหายไป ซูอี้ใช้ ‘หลบหนีทะยานเวหา’ ด้วยจังหวะสายลม ทำให้ทั้งร่างกลายเป็นเหมือนเงาสายลมที่รางเลือน ทะลวงผ่านกลีบดาบน้ำค้างใต้พิภพอันเต็มไปด้วยจิตสังหารบนท้องฟ้าได้อย่างง่ายดาย
นี่ไม่ใช่การเผชิญหน้าแบบตัวต่อตัว แต่อาศัยความเร็วของการเคลื่อนไหวล้วน ๆ ซึ่งมันทำให้ท่าไม้ตายของฮั่วเทียนตูล้มเหลว!
เพราะมันรวดเร็วเกินไป!
กว่าฮั่วเทียนตูจะมีปฏิกิริยาตอบสนอง ร่างของซูอี้ก็พลันปรากฏขึ้นห่างจากข้างหน้าเขาไปสามจั้ง
ก่อนดาบนิลกาฬกลืนฟ้าในมือของซูอี้จะแทงออกไปยังอากาศ
หากนักฆ่าระดับสูงอย่าง ‘คนพายเรือ’ จากทะเลทุกข์ยังมีชีวิตอยู่ เมื่อเขาเห็นการแทงอันน่าสะพรึงกลัวของซูอี้ เขาจะต้องอับอายเกินกว่าจะมีชีวิตอยู่
ฮึ่ม!!!
ฮั่วเทียนตูสมกับที่อยู่ขอบเขตแปรเปลี่ยนวิญญาณ เมื่อเห็นว่าไม่อาจหลบได้ เขาก็ยกดาบมากันในทันใด
แต่ถึงอย่างนั้นร่างของเขาก็ต้องสั่นสะท้านและกระเด็นถอยไปข้างหลัง เลือดและพลังทั่วร่างต่างปั่นป่วน
เขาอดสีหน้าเปลี่ยนไปไม่ได้ ความแข็งแกร่งของเจ้าหนูนี้… เหตุใดจู่ ๆ เปลี่ยนไปกัน?
ทว่านี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้น!
หลังจากนั้นซูอี้ก็เริ่มเป็นฝ่ายนำ การโจมตีของเขาเหมือนดังพายุโหม ดาบแต่ละเล่มล้วนรวดเร็วกว่าอีกเล่มหนึ่ง และพลังของดาบก็น่าสะพรึงยิ่งนัก
ให้ความรู้สึกเหมือนดาบฟันออกมานับพันในชั่วพริบตา!
ปราณดาบสีใสพร้อมกับคมดาบอันแหลมคมหาใดเปรียบไหลลงสู่พื้นดินดุจสายน้ำสีเงิน ด้วยปราณดาบที่เหนือชั้นและดุร้ายกว่า ทำให้ฮั่วเทียนตูไม่มีเวลารับมือหรือคิดอย่างอื่นอีก
ชิ้ง! ชิ้ง!
เสียงคล้ายบทเพลงอันไพเราะดังขึ้นบาดแก้วหูของเขา
ภายใต้การจ้องมองที่สั่นเทาของเวิงจิ่ว ในชั่วพริบตาเท่านั้น รอยดาบเปื้อนโลหิตก็ปรากฏขึ้นบนตัวฮั่วเทียนตู มหาปราชญ์สวรรค์ขอบเขตแปรเปลี่ยนวิญญาณ!!
รอยดาบบางอันถึงกับลึกจนมองเห็นกระดูกได้ชัดเจน!
ไม่ใช่ว่าเขารับมือไม่ได้ แต่การลงมือของซูอี้นั้นรวดเร็วเกินไป และพลังที่บรรจุในดาบแต่ละเล่มก็เหมือนคลื่นพายุโหมซัด
แม้ว่าฮั่วเทียนตูจะทำทุกวิถีทางแล้ว แต่เขาก็ไม่อาจต้านทานมันได้ จึงจำต้องตกอยู่ในสภาวะที่ไม่สามารถโต้ตอบ และพลังของเขาก็ถูกระงับไว้อย่างสมบูรณ์!
“นี่คือความสามารถที่แท้จริงของซูอี้อย่างนั้นหรือ…”
แผ่นหลังของเวิงจิ่วเย็นวาบ กระทั่งทั่วร่างนิ่งแข็งไป
ฟุบ!
จู่ ๆ เลือดก็พุ่งกระฉูด
แขนข้างหนึ่งถูกเหวี่ยงขึ้นไปในอากาศ ซึ่งมันก็คือแขนซ้ายของฮั่วเทียนตูที่ถูกตัดขาด!
เมื่อมองไปที่ซูอี้อีกครั้ง ร่างของเขาขยับไหววูบจนดูเลือนราง เป็นเพราะชายหนุ่มเร็วเกินไปจึงเกิดภาพติดตาหลงเหลืออยู่ทุกหนทุกแห่ง และปราณดาบของเขาก็เหมือนกับคลื่นพุ่งทะยานขึ้น คลื่นลูกแล้วลูกเล่าเข้าสะกดฮั่วเทียนตูไว้ตั้งแต่ต้นจนจบ
ในเวลานี้ ฮั่วเทียนตูไม่เพียงแต่แขนซ้ายของเขาถูกตัดออก แต่ทั่วร่างของเขายังเต็มไปด้วยรอยดาบเปื้อนเลือด ผมเผ้าของเขายุ่งเหยิงกระเซิง อยู่ในสภาพอนาถยิ่ง อีกทั้งยังได้รับบาดเจ็บสาหัส!
ทุกคนสามารถเห็นได้ว่าหากสถานการณ์ยังคงดำเนินต่อไป ฮั่วเทียนตู มหาปราชญ์สวรรค์ขอบเขตแปรเปลี่ยนวิญญาณจะถูกฆ่าตายโดยซูอี้ไม่ช้าก็เร็ว
ฮั่วเทียนตูเองก็รู้เรื่องนี้เช่นกัน
ในเวลานี้ เขาไม่เพียงแต่จะโกรธ แต่ยังนึกกลัวและไม่สบายใจยิ่ง
เขาไม่กล้าลังเลอีกต่อไป ฮั่วเทียนตัดสินใจใช้ไพ่ตายก้นหีบอีกอย่างของเขา!
“น้ำค้างใต้พิภพ จงตื่น !”
พร้อมกับเสียงโห่ร้องดังก้อง ฮั่วเทียนตูราวกับคนเสียสติ โดยไม่คำนึงถึงอาการบาดเจ็บปางตายของตน เขาฟันดาบกวาดออกไปยังความว่างเปล่า
ตูม!
พลันเกิดเหตุประหลาดขึ้น
บนผิวดาบโบราณน้ำค้างใต้พิภพมีรอยนูนต่ำซับซ้อนและหนาทึบปรากฏขึ้น ก่อนพลันส่งแสงสว่าง โดยเส้นเลือดที่มองไม่เห็นได้รวมตัวขึ้นที่มือของฮั่วเทียนตูก่อนถ่ายเทไปยังดาบโบราณน้ำค้างใต้พิภพ จนทำให้มันเปล่งเสียงคำรามเสมือนดังเทพปีศาจที่ได้ดื่มกินจนอิ่มหนำ จากนั้นแสงดาบอันเจิดจ้าก็พุ่งออกมา
ลำแสงดาบนี้งดงามอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน มันพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า ก่อนจะปราบการโจมตีที่ถาโถมของซูอี้ลงในคราวเดียวอย่างไม่คาดคิด
พลังที่เหลือยังคงไม่จางหาย จากนั้นพลันพุ่งตรงกระแทกใส่ซูอี้ทันใด!
หลังจากฟันดาบนี้ออกไป ใบหน้าของฮั่วเทียนตูก็คล้ายจะมีรอยย่นเพิ่มขึ้นสามแฉก
ในเวลานี้ ซูอี้ตระหนักได้ว่าเหตุใดมหาปราชญ์สวรรค์แห่งวังเทพสวรรค์เมฆาซึ่งอยู่ในขอบเขตการเปลี่ยนแปลงวิญญาณแล้วจึงมีริ้วรอยทั่วใบหน้า ปรากฏว่าเป็นเพราะใช้ดาบโบราณน้ำค้างใต้พิภพ!
ดาบโบราณนี้แปลกมาก เพื่อที่จะปล่อยออกมาเต็มที่มันจำเป็นต้องดึงจิตวิญญาณและพลังชีวิตของผู้ใช้ดาบออกมา
กล่าวอีกนัยหนึ่งนี่คือดาบมารโบราณ!
“เส้นทางบิดเบี้ยว ช่างอุจาดตา!”
ซูอี้เอ่ยหยัน ดาบนิลกาฬกลืนฟ้าในมือของเขาเองก็ส่งเสียงคำรามอย่างฉับพลัน ก่อนบัญญัติกลืนวิญาณอันลึกลับและไม่อาจคาดเดาได้ปรากฏขึ้นบนตัวดาบ
เคร้ง!
แสงดาบอันเจิดจรัสที่พุ่งออกมาจากดาบโบราณน้ำค้างใต้พิภพถูกสกัดกั้นโดยบัญญัติกลืนวิญญาณ ไม่ช้ามันก็ถูกนกกระจอกเพลิงยมโลกเคี้ยวและกลืนเข้าไป
ฮั่วเทียนตูตกตะลึง เขาไม่เคยคิดเลยว่าแม้แต่ไพ่ตายของตนจะถูกรับมือได้อย่างง่ายดายเช่นนี้!
“ข้าไม่ได้คิดเลยว่าชายหนุ่มในขอบเขตเปิดทวารคนหนึ่งจะไล่ต้อนข้ามาได้ถึงเพียงนี้”
ฮั่วเทียนตูส่ายหัวอย่างทอดถอนใจ
เขามองไปที่ดาบโบราณน้ำค้างใต้พิภพในมือ ซึ่งตัวดาบก็กำลังส่งเสียงกรีดร้องด้วยความตื่นเต้นยินดี
ดาบมารนี้มีวิญญาณที่คอยดูดกินเลือดอยู่
ในเวลานี้ พลังและความแข็งแกร่งทั้งหมดในร่างกายของฮั่วเทียนตูคล้ายถูกดาบเล่มนี้ดูดซับไป ในพริบตา ใบหน้าของเขาดูราวกับแก่ขึ้นกว่าเดิมหลายเท่าตัว ดวงตาของเขาหม่นแสง ร่างกายโค้งงอ ผิวเนื้อค่อย ๆ ปริร้าว เส้นผมกลายเป็นสีขาวโพลนก่อนร่วงหล่น
ในทางตรงกันข้าม ดาบโบราณน้ำค้างใต้พิภพในมือของเขาพลันคล้ายลุกไหม้ ส่องแสงสว่างราวกับดวงตะวัน
เงาร่างสีเลือดที่รางเลือนปรากฏขึ้นในตัวดาบ ราวกับว่าเทพปีศาจในเรือนจำโลหิตได้ตื่นขึ้นจากการหลับใหล กลิ่นอายกระหายเลือดที่น่าสะพรึงกลัวและดุร้ายได้แพร่สะพัดออกไป
หืม?
ม่านตาของซูอี้หดลงเล็กน้อย ซึ่งเผยให้เห็นถึงความประหลาดใจ
ตูม!
ท้องฟ้าเหนือทะเลสาบชูอวิ๋นพลันปรากฏหมอกโลหิตเข้าปกคลุมฟ้าดิน ทำให้ในพริบตาโลกกลายเป็นเหมือนนรกสีเลือด
พลังอะไรกัน?!
บนชายฝั่งของทะเลสาบ ผู้ชมเหล่านั้นตัวสั่นไปทั้งร่างราวกับตกลงไปในถ้ำน้ำแข็ง เมื่อมองดูหมอกสีเลือดที่ปกคลุมทะเลสาบชูอวิ๋น ในใจของพวกเขาก็บังเกิดความตื่นตระหนกขึ้นอย่างไม่อาจควบคุมได้
ในเพิงน้ำชา เวิงจิ่วไม่สามารถนิ่งเฉยได้อีกต่อไป เขาลุกขึ้นพร้อมกับถอนหายใจ หว่างคิ้วปรากฏความเคร่งขึงขึ้น ด้วยมันช่างเป็นกลิ่นอายมารโลหิตที่น่าสะพรึงนัก!
เป็นไปได้หรือไม่ว่ามีวิญญาณของมารโบราณถูกผนึกอยู่ในดาบโบราณน้ำค้างใต้พิภพ?
ในเวลานี้ แม้แต่ด้วยฐานการบ่มเพาะของเวิงจิ่วก็มองยังเห็นได้ไม่ชัดเจน และด้วยภาพทะเลสาบชูอวิ๋นที่ปกคลุมไปด้วยหมอกสีเลือด มันก็ยิ่งทำให้มองดูลำบากขึ้นเล็กน้อย
สิ่งนี้ทำให้สีหน้าของเขาเคร่งขึ้น เวิงจิ่วตระหนักได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ เขาวางแผนที่จะทำการลงมือ!
ซูอี้มีวิธีซ่อมแซมค่ายกลจิ๋วติ่งพิทักษ์แดน คนเช่นนี้หาได้ยากในรอบหลายพันปี ตอนนี้พวกเขาได้รับความช่วยเหลือจากอีกฝ่ายมาแล้ว เวิงจิ่วจะเฝ้าดูชายหนุ่มประสบกับหายนะได้อย่างไร?
“เพื่อให้ตระกูลฮั่วของข้าไม่ต้องเผชิญกับอันตรายซ่อนเร้นในอนาคต คืนนี้ ข้าจะฆ่าตัวตายเพื่อสังเวยแด่ดาบนี้เพื่อกำจัดเจ้าตัวร้ายกาจตัวนี้เสีย!”
เสียงแหบห้าวและอ่อนแรงของฮั่วเทียนตูดังขึ้นขณะที่หมอกโลหิตไหลผ่าน
มันมีร่องรอยของความโศกเศร้า ร่องรอยของความเสียใจ และความมุ่งมั่นอันไร้ขอบเขตในดวงตาของเขา
ตูม!
ร่างกายของเขาแตกเป็นเสี่ยง ๆ ราวกับไม้ผุเน่าที่สูญเสียพลังชีวิต ก่อนจะสลายกลายเป็นขี้เถ้า
ในขณะนี้เอง ดาบโบราณน้ำค้างใต้พิภพ ได้กลายเป็นสีแดงฉานและลุกไหม้ ตัวดาบสั่นสะท้านอย่างรุนแรง ก่อนจะเผยให้เห็นวิญญาณของมารที่พุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า
เห็นได้ชัดว่ามีวิญญาณมารอยู่ในร่างดาบที่กำลังดิ้นรน หัวเราะอย่างบ้าคลั่ง พลังอันรุนแรงและแข็งแกร่งเป็นดังคลื่นทะเล สร้างความปั่นป่วนไปทั่วสิบทิศ
เมื่อเห็นฉากนี้ แม้ว่าสีหน้าของซูอี้จะดูเคร่งขรึมขึ้นไม่น้อย แต่มันก็มีร่องรอยดูถูกปรากฏในดวงตาของเขา ก็แค่วิญญาณมารที่ถูกผนึกมาไม่รู้กี่ปีตนหนึ่ง
คิดหรือว่าแค่ดูดซับพลังชีวิตของผู้ฝึกตนวิถีวิญญาณไปหนึ่งคนแล้วจะทำอะไรก็ได้?