บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 510 ข้าจะมอบความตายให้เจ้าในสามดาบ
ตอนที่ 510: ข้าจะมอบความตายให้เจ้าในสามดาบ
ตอนที่ 510: ข้าจะมอบความตายให้เจ้าในสามดาบ
“ชิวเหิงคง เจ้าเปิดเผยความลับให้ซูอี้ล่วงหน้าจริง ๆ เจ้าทรยศพวกเรา!”
เถาอวิ๋นฉือสาปแช่งเสียงดัง
บรรดาศิษย์ของสำนักดาบเทียนชูทั้งหมดล้วนแสดงสีหน้ามืดหม่น
ทว่าสิ่งที่พวกเขาไม่เข้าใจก็คือในเมื่อซูอี้รู้ทั้งรู้ว่าผู้อาวุโสโจวกำลังจะฆ่าตนเอง ทำไมเขาถึงกล้ามาอีก?
ที่น่าเหลือเชื่อไปกว่านั้นคือซูอี้กล้าประกาศสงครามกับผู้อาวุโสโจวโดยตรง!
นี่เป็นสิ่งที่ทุกคนไม่คาดคิดมาก่อน
ต้องรู้ว่าโจวเฟิงจื่อคือผู้ฝึกตนในวิถีวิญญาณขอบเขตแปรเปลี่ยนวิญญาณขั้นต้น และเป็นผู้อาวุโสสายในของสำนักดาบเทียนชู มันจะเป็นไปได้อย่างไรที่รุ่นเยาว์ผู้อยู่ในขอบเขตเปิดทวารจะสามารถต่อกรด้วยได้?
เจียงหลีรู้สึกประหลาดใจ การกระทำของซูอี้นั้นบ้าบิ่นเกินไป และดูไม่มีเหตุผลแม้แต่น้อย
แม้แต่โจวเฟิงจื่อก็ยังตกตะลึง
ดวงตาของเขาหรี่ลงมองดูซูอี้จากระยะไกลและกล่าวว่า “รู้ทั้งรู้ว่าข้าจะฆ่าเจ้า แต่เจ้ายังกล้ายั่วยุข้าเช่นนี้ แสดงว่าเจ้าเตรียมไพ่ลับมาพร้อมแล้ว?”
“ไพ่ลับ?”
ซูอี้ส่ายหัวอยู่ครู่หนึ่ง “เพียงสังหารตัวตนเช่นเจ้า เหตุใดข้าจึงจำเป็นต้องใช้ไพ่ลับ?”
ตอบกลับด้วยน้ำเสียงสบาย ๆ เผยให้เห็นถึงการดูแคลนอย่างไม่มีปิดบัง
“ฮ่า ๆๆ!”
โจวจือเฉียนอดหัวเราะเยาะไม่ได้ “ซูอี้! ในต้าโจวเจ้าอาจจะไร้เทียมทานไม่มีใครผู้ใดต่อกรได้ แต่ที่ต้าเซี่ยนี้… ความเย่อหยิ่งและความโอหังจองหองของเจ้าจะทำให้เจ้าตายอย่างไร้ดินกลบฝัง! แน่นอน คืนนี้ข้าเกรงว่ามันคือคืนที่ชีวิตของเจ้าจะจบชีวิตลง!”
เหล่าศิษย์ของสำนักดาบเทียนชูต่างก็เยาะเย้ยตามมา
“สหายเต๋าซู ก่อนอื่นคู่ต่อสู้ของท่านวันนี้คือข้า!”
น้ำเสียงอันเด็ดเดี่ยวและแฝงด้วยโทสะของอวี่เหวินซู่ดังขึ้นจากเหนือแอ่งเกล็ดทอง ในระยะไกล แม้ขณะนี้ฝนกำลังตกอย่างหนัก ทว่าภาวะดาบของเขากลับรุนแรงเสียจนไม่มีเม็ดฝนใดสามารถเล็ดลอดไปถูกร่างกายหรือเสื้อผ้าได้เลย
คืนนี้แต่เดิมเป็นการดวลระหว่างเขากับซูอี้
แต่ผู้ใดจะไปคาดคิดว่าเวลานี้มันกลับกลายเป็นผู้นำศิษย์รุ่นเยาว์ของสำนักดาบเทียนชูเช่นเขากลับถูกละเลย…
ทุกคนสังเกตเห็นความโกรธของอวี่เหวินซู่
โจวเฟิงจื่อที่เห็นดังนั้นพลันกล่าวออกเสียงดัง “ซูอี้ ข้าสัญญาว่าจะไม่แทรกแซงการต่อสู้ระหว่างอวี่เหวินซู่กับเจ้า ตอนนี้เจ้าสามารถไปเริ่มการต่อสู้ของเจ้าก่อนได้”
“เจ้าต้องการใช้โอกาสนี้เพื่อดูว่าข้าซ่อนไพ่ลับใดเอาไว้จัดการกับเจ้างั้นหรือ?”
สีหน้าของซูอี้เต็มไปด้วยการเย้ยหยัน
มุมปากของโจวเฟิงจื่อกระตุกด้วยโทสะ
แต่ก่อนที่เขาจะได้โต้แย้ง ซูอี้ก็ก้าวมาข้างหน้าด้วยร่มกระดาษน้ำมันในมือขวา “อย่าเสียเวลากันอีกเลย ภายในสามดาบ ข้าจะมอบความตายให้ดั่งที่เจ้าปรารถนา!”
“อวี่เหวิน เจ้าคงเห็นแล้วว่าไม่ใช่ข้าผู้อาวุโสที่เข้ามาแทรกแซงการดวลระหว่างเจ้าและคนแซ่ซูผู้นี้ แต่มันเป็นเขาที่แสวงหาความตายด้วยตัวเอง!”
ดวงตาของโจวเฟิงจื่อแสดงเจตนาฆ่า
เหนือทะเลสาบที่อยู่ไกลออกไป ใบหน้าของอวี่เหวินซู่เหยเกจนน่าเกลียด หรือซูอี้ไม่ต้องการที่จะเสียหน้าพ่ายแพ้ให้แก่ตัวเขาจนตัดสินใจยอมตายด้วยน้ำมือของผู้ฝึกตนวิถีวิญญาณ?
เถาอวิ๋นฉือ และคนอื่น ๆ ต่างก็แสดงสีหน้าเวทนากับคำพูดของซูอี้ สังหารผู้อาวุโสโจวภายในสามดาบ?
กลับกัน พวกเขาทั้งหมดต่างสงสัยว่าซูอี้จะมีชีวิตรอดจนถึงออกดาบได้ครบสามครั้งหรือไม่!
ดวงตาของเจียงหลีหรี่ลงเล็กน้อย รู้สึกอยู่เสมอว่ามีบางอย่างผิดปกติ
หัวใจของชิวเหิงคงเต้นระทึกแทบกระดอนออกจากอก เขารู้สึกประหม่ามากกว่าที่เคยเป็นมาในชีวิต
ริมฝีปากของโจวจือเฉียนยกขึ้นแสดงรอยยิ้มที่ตื่นเต้น เขารอวันนี้มานานแล้ว!
เขาไม่คิดเลยว่าซูอี้จะหยิ่งทะนงจนไม่รู้เป็นตายขนาดนี้
“ดาบแรก”
เสียงเอ่ยดังก้องกังวานในคืนฝนกระหน่ำ ซูอี้ยังคงถือร่มกระดาษน้ำมันไว้ในมือขวา ขณะที่มือซ้ายไพล่หลัง ทว่าหลังจากสิ้นเสียงพูด มือซ้ายพลันขยับออก และเหยียดสองนิ้วออกประหนึ่งดาบก่อนจะสับฟัน
ซูมม!
ปราณดาบสีใสดุจผลึกแก้วกวาดออกไป มันแหวกผ่านพายุฝนไปอย่างกลมกลืน ไม่มีภาพอันตระการตา ไม่มีแสงสีใดบังเกิด
ไม่มีพลังทำลายล้าง ไม่มีภาวะดาบที่น่าสะพรึงกลัว
ดาบเล่มนี้เปรียบเสมือนเป็นส่วนหนึ่งของสวรรค์และโลก ดุจสายฝนที่ตกลงมาเหมือนน้ำตก เหมือนคืนที่มืดมิดซึ่งเต็มไปด้วยความหนาวเหน็บ เหมือนหมอกที่บังเกิดในฤดูใบไม้ร่วง
หืม?
โจวเฟิงจื่อหรี่ตาทันที
ดาบนี้ดูธรรมดายิ่ง แต่เหตุใดเขากลับสัมผัสได้ถึงความอันตรายอย่างยิ่งยวดขนาดนี้??
ราวกับฝนที่ตกลงมาอย่างหนักสู่โลก ดุจราตรีกาลอันมืดมิด ประหนึ่งฤดูใบไม้ร่วงที่มีแต่เพียงความโรยราไม่รู้จบถูกรวมเข้ากับดาบนี้
ยิ่งไปกว่านั้น ตัวเขากลับคล้ายถูกมองว่าเป็นส่วนเกินจากทุกสิ่งในโลกนี้ และโลกก็ต้องการที่จะลบตัวตนของเขาทิ้งออกให้มลายหาย!
กระบวนดาบเช่นนี้คืออะไร?
โจวเฟิงจื่อไม่ใช่ผู้ฝึกตนที่ด้อยประสบการณ์ กว่าจะฝ่าฟันจนมาถึงขอบเขตแปรเปลี่ยนวิญญาณและได้กลายเป็นผู้อาวุโสของสำนักดาบเทียนชู เขาผ่านร้อนผ่านหนาวมามากมายนับไม่ถ้วน ความเข้าใจในวิถีแห่งดาบนับว่าล้ำเลิศ
แต่ทว่าในขณะนี้ เขากลับไม่สามารถมองเห็นความลึกลับที่ซ่อนอยู่ในดาบที่ซูอี้ฟันมาได้เลย!
อย่างไรก็ตาม ความรู้สึกอันตรายถึงตายที่ใกล้เข้ามาอย่างรวดเร็วทำให้โจวเฟิงจื่อไม่มีเวลาคิดเรื่องนี้
“ดาบมา!”
ด้วยเสียงตะโกนอันดังก้อง ดาบวิญญาณสีม่วงพลันพุ่งออกจากร่างของโจวเฟิงจื่อทำให้เกิดเสียงฟ้าร้องดังสะท้าน ราวกับมังกรคำรามร้องในยามค่ำคืนที่ฝนกระหน่ำ
ดาบฟ้าคำรณม่วง!
เมื่อตอนที่โจวเฟิงจื่อก้าวเข้าสู่วิถีวิญญาณเมื่อสิบปีที่แล้ว เจ้าสำนักดาบเทียนชูได้มอบดาบวิญญาณโบราณเล่มนี้ให้แก่เขาเป็นการส่วนตัว
ในช่วงสิบปีที่ผ่านมา โจวเฟิงจื่อฝึกฝนด้วยดาบเล่มนี้ทั้งกลางวันและกลางคืนจนขณะนี้เขาได้บรรลุจนถึงจุดที่หัวใจของเขาผสานรวมเข้ากับดาบ
ทันทีที่ดาบเล่มนี้ปรากฏ ผู้ชมทั้งหลายต่างตกตะลึง
ดาบฟ้าคำรณม่วงเป็นหนึ่งในศาสตราวิญญาณที่มีชื่อเสียงที่สุดในสำนักดาบเทียนชู!
อย่างไรก็ตาม ไม่มีใครคาดคิดว่าโจวเฟิงจื่อจะเผยดาบเล่มนี้ทันทีที่การต่อสู้เริ่มต้นขึ้น
สิ่งที่ทุกคนไม่คาดคิดก็คือ หลังจากที่เผยดาบเล่มนี้แล้ว โจวเฟิงจื่อจะใช้เพลงดาบเฉพาะตัวอันเป็นเอกลักษณ์ของเขาทันที!
เพลงดาบอัสนีคำรณสังหาร!
ครืน!!
ดาบฟ้าคำรณม่วงเปล่งเสียงคล้ายฟ้าลั่นร้องสะเทือนไปทั่ว พร้อมกันนั้นคลื่นสายฟ้าสีม่วงปะทุพลุ่งพล่านออกจากตัวดาบทำให้เกิดม่านพลังซึ่งแม้แต่ฝนที่กระหน่ำหนักยังไม่อาจลอดเร้นและทำให้ท้องฟ้ายามค่ำคืนสว่างไสว
พลังดาบของโจวเฟิงจื่อที่ปลดปล่อยออกมาขณะนี้ทำให้ผู้คนที่ยืนชมทั้งหลายต่างรู้สึกหายใจไม่ออก
ความน่าสะพรึงนี้เป็นสิ่งยืนยันได้เป็นอย่างดีว่าผู้ฝึกตนขั้นวิถีวิญญาณนั้นน่าสะพรึงเพียงใด
อย่างไรก็ตาม…
ภายใต้ดาบที่เรียบง่ายของซูอี้ สายฟ้าสีม่วงที่โจวเฟิงจื่อปลดปล่อยออกระเบิดพังพินาศย่อยยับเมื่อโดนปะทะ แสงระเบิดปกคลุมไปทั่วท้องฟ้าประหนึ่งดอกไม้ไฟนับพันที่เบ่งบานในตอนกลางคืน!
ตูม!!
ดาบฟ้าคำรณม่วงในมือโจวเฟิงจื่อสั่นอย่างรุนแรงหลังจากการปะทะและด้วยแรงสะท้อนอันมหาศาลท้ายที่สุดมันหลุดลอยออกจากการมือไป
อย่างไรก็ตาม พลังดาบของซูอี้ยังคงไม่ลดลง ปราณดาบของชายหนุ่มยังคงพุ่งตรงเข้าหาโจวเฟิงจื่อ
ความรุนแรงของปราณดาบนี้ราวกับคลื่นสมุทรยักษ์ถาโถม ไม่อาจต้านทานได้!
“นี่…”
สีหน้าของโจวเฟิงจื่อแปรเปลี่ยนเป็นอัปลักษณ์ เขาคำรามเสียงดังลั่นพร้อมกับโบกมือเป็นพัลวันเร่งรีบวาดอักขระที่อากาศตรงหน้า!
ฮึ่ม!
หลังจากวาดอักขระเสร็จสิ้น ทันใดนั้นสายฟ้าสีม่วงผ่าลงที่ตรงหน้าโจวเฟิงจื่อและถัดมาเพียงเสี้ยวพริบตา สายฟ้าสีม่วงเส้นนั้นแปรเปลี่ยนรูปลักษณ์กลายเป็นภูเขาขนาดมหึมาปกป้องตรงหน้าโจวเฟิงจื่อ
เปลี่ยนอัสนีเป็นภูเขา!
แต่น่าเสียดาย เพียงครู่เดียวเสียงระเบิดดังขึ้นอีกครั้ง ภูเขาอันเกิดจากพลังของสายฟ้าสีม่วงนี้ที่แข็งแกร่งเพียงพอที่จะป้องกันการโจมตีจากผู้ฝึกตนวิถีวิญญาณขอบเขตแปรเปลี่ยนวิญญาณได้… กลับทนปราณดาบของซูอี้ได้เพียงอึดใจก่อนจะถูกผ่าออกไม่ต่างจากกระดาษแผ่นหนึ่ง
คลื่นระเบิดอันรุนแรงจากการปะทะกวาดไปทุกทิศ ฝุ่นดินฟุ้งไปเต็มอากาศ ร่างของโจวเฟิงจื่อกระเด็นถอยหลัง และกว่าจะยืนหยัดอย่างมั่นคงได้อีกครั้งก็คือกระเด็นถอยไปกว่าสิบฉื่อแล้ว
แน่นอนว่าการปะทะเมื่อครู่โจวเฟิงจื่อบาดเจ็บไปไม่น้อย ผมยาวของเขายุ่งเหยิง ใบหน้าซีดขาว มีเลือดไหลลงที่มุมปากและดวงตาคู่นั้นเต็มไปด้วยความตื่นตระหนกปนหวาดกลัว
ผู้ชมต่างเงียบงัน ท่ามกลางฝนที่กระหน่ำหนักทุกคนต่างตกตะลึง
เพียงดาบเดียวตัวตนขอบเขตแปรเปลี่ยนวิญญาณได้รับบาดเจ็บ!?
ควรรู้ว่าซูอี้อยู่เพียงขอบเขตเปิดทวารเท่านั้น!
“ป… เป็นไปได้อย่างไร…”
สีหน้าของอวี่เหวินซู่เปลี่ยนไปในทันทีจากจุดที่ยืนมองระยะไกล
ก่อนหน้านี้เขาคิดว่าซูอี้ยอมตายภายใต้คมดาบของโจวเฟิงจื่อ มากกว่าที่จะยอมพ่ายแพ้โดยไม่ดิ้นรนต่อสู้
แต่ตอนนี้มันกลับกลายเป็นว่าเขาเดาผิดไปถนัด!
ชิวเหิงคงเหม่อลอยหลังจากได้เห็นฉากทั้งหมด ต้องสำเร็จภาวะดาบขั้นใดกันถึงสามารถทำร้ายโจวเฟิงจื่อผู้ที่อยู่ในขอบเขตแปรเปลี่ยนวิญญาณด้วยการฟันง่าย ๆ เช่นนั้น?
เถาอวิ๋นฉือ กู่เถิงอิง และเหล่าศิษย์ทั้งหลายของสำนักดาบเทียนชูที่เคยแสดงสีหน้าเยาะเย้ยซูอี้ก่อนหน้านี้ ขณะนี้การแสดงออกของพวกเขาทุกคนตกตะลึงราวกับถูกฟ้าผ่า
พวกเขาแทบบ้า ไม่คิดว่าจะมีฉากแบบนี้เกิดขึ้น!
“ความสำเร็จวิถีดาบของซูอี้อยู่ถึงจุดใดกัน?”
เยว่ซือฉานค่อนข้างสงบเพราะนางเป็นคนเดียวที่รู้ว่า ณ ทะเลสาบชูอวิ๋นเมื่อคืนที่ผ่านมา ซูอี้ได้สังหารฮั่วเทียนตูผู้อาวุโสสูงสุดของวังเทพสวรรค์เมฆาไปอย่างง่ายดาย
และยิ่งไปกว่านั้น ก่อนซูอี้จะมาที่แอ่งเกล็ดทองในคืนนี้ ซูอี้ได้สำเร็จขั้นกลางของขอบเขตเปิดทวารแล้ว!
ภายใต้รูปการณ์ทั้งหมดนี้ เยว่ซือฉานไม่ได้กังวลเลยว่าซูอี้จะพ่ายแพ้
เมื่อนางเห็นพลังของดาบของซูอี้ด้วยตาตัวเอง เยว่ซือฉานก็อดไม่ได้ที่จะทั้งตกตะลึงและหดหู่ในเวลาเดียวกัน เพราะในที่สุดนางก็ตระหนักว่าช่องว่างระหว่างนางกับซูอี้ในวิถีดาบนั้น… นางไม่อาจเทียบกับซูอี้ได้อย่างสิ้นเชิง!
“ดาบที่สอง”
เสียงที่ไม่แยแสดังขึ้นท่ามกลางสายฝน
ซูอี้ยังคงถือร่มไว้ในมือขวา ร่างของเขาลอยอยู่กลางอากาศ มือซ้ายเหยียดออกก่อนจะสับสันมือประหนึ่งสับฟันดาบอย่างเรียบง่ายอีกครั้ง
ชิ้งง!
ปราณดาบสีใสพุ่งผ่านอากาศอีกครั้ง และเมื่อเทียบกับดาบแรก ดาบที่สองนี้ดูเรียบง่ายกว่าอย่างเห็นได้ชัด
คิ้วของโจวเฟิงจื่อขมวดแน่นอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน เขาตระหนักดีว่ามีบางอย่างผิดปกติเมื่อเห็นปราณดาบที่ดูเหมือนธรรมดาเรียบง่ายนี้พุ่งเข้าหา จึงไม่ลังเลเลยที่จะรีบใช้ไพ่ลับไม้ตายของตนเอง!
“ดาบกลับมา!”
โจวเฟิงจื่อรีบโบกมือเรียกดาบฟ้าคำรณม่วงกลับมาอยู่ในมือก่อนจะฟันออกเป็นพัน ๆ ครั้งในทันที ปลดปล่อยสายฟ้าสีม่วงนับไม่ถ้วนปกคลุมโลกหล้า หลั่งไหลเข้าปะทะปราณดาบอันเรียบง่ายของซูอี้!
เพลงดาบอัสนีคลั่งสะเทือนเก้าสวรรค์!
ท้องฟ้าเหนือแอ่งเกล็ดทองนั้นเต็มไปด้วยสายฟ้าสีม่วงที่พร่างพรายวิจิตรตระการตา
ฉากที่ปรากฏนี้ทำให้เจียงหลี อวี่เหวินซู่ และคนอื่น ๆ รู้สึกมึนงงและหวาดกลัว
ไม่ต้องสงสัยเลยว่านี่คือเพลงดาบสังหารของโจวเฟิงจื่อ!
อย่างไรก็ตาม
เมื่อสายฟ้าสีม่วงอันยิ่งใหญ่ของโจวเฟิงจื่อปะทะเข้ากับปราณดาบสีใสอันเรียบง่ายของซูอี้ เพียงพริบตาผลลัพธ์อันน่าตื่นตาบังเกิดขึ้น สายฟ้าสีม่วงอันยิ่งใหญ่ทั้งหลายนั้นสลายหายไปราวกับฝุ่นที่ตกลงบนกระดาษวาดรูปซึ่งถูกเช็ดออกไปตามความประสงค์
แลเห็นเช่นนี้สีหน้าของโจวเฟิงจื่อก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงและอดไม่ได้ที่จะกรีดร้องออกด้วยความหวาดกลัว
ดาบของซูอี้เหนือล้ำเกินไป เขาไม่อาจต้านทานได้แม้แต่น้อย!
ตูม!
เสียงปราณดาบของซูอี้พุ่งเข้ากระทบกับชายฝั่งและระเบิดออกจนโลกสั่นสะเทือน
แม้ว่าโจวเฟิงจื่อจะสามารถหลบหลีกปราณดาบของซูอี้ได้ทันเวลา ไม่ถูกปะทะโดยตรงแต่เขาก็ยังกระเด็นเคว้งไปอย่างไม่อาจควบคุม เพราะถูกกวาดโดยความรุนแรงของภาวะดาบที่ห่อหุ้มปราณดาบจนหนาแน่น ครึ่งหนึ่งของร่างกายของเขาถูกทำลายจนไม่เหลือซากและเลือดสาดกระจายราวกับพลุไฟ
ในครึ่งที่เหลือของร่างกายของเขายังมีรอยลึกจากคมดาบบาง ๆ มากมายคล้ายกับรูปใยแมงมุม
ในช่วงเวลาวิกฤตเมื่อครู่ โจวเฟิงจื่อยอมสละร่างของเขาโดยไม่ลังเลและถอดจิตวิญญาณของเขาออกไปเพื่อหลีกเลี่ยงการถูกทำลายโดยภาวะดาบของซูอี้
“เพียงสองดาบเจ้ากลับทนไม่ได้เสียแล้ว ดูเหมือนว่าก่อนหน้านี้ข้าจะประเมินเจ้าสูงเกินไป”
ท่ามกลางราตรีที่ฝนกระหน่ำหนัก ไกลออกไปเสียงที่ดูหมิ่นและไม่แยแสของซูอี้ดังขึ้น
เมื่อมองไปที่คนอื่น ๆ ซึ่งรับชมอยู่ ทุกคนต่างตกตะลึงและตระหนก จนไม่อาจเอ่ยถ้อยคำใดออกมากันได้