บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 513 ตระกูลหวนเผ่ามาร
ตอนที่ 513: ตระกูลหวนเผ่ามาร
ตอนที่ 513: ตระกูลหวนเผ่ามาร
เรือล่องล้อเมฆาความยาวกว่าร้อยจั้งเหมือนสิ่งของที่เคลื่อนตัวข้ามฟากฟ้าทั้งยังเจิดจรัส เมื่อเข้าใกล้บริเวณด้านนอกของนครหลวงจิ๋วติ่งก็ดึงดูดความสนใจของผู้ฝึกตนบนฝั่งจำนวนมาก
บนเรือล่องล้อเมฆานั้น เมื่อชายหนุ่มชุดสีหยกผู้มีผมสีม่วงและสวมมงกุฎทองคำพูดจบ ก็มีเสียงหญิงสาวผู้อ่อนโยนดังขึ้น
“นายน้อย นครหลวงจิ๋วติ่งเมื่อสามหมื่นปีที่แล้วมีค่ายกลจิ๋วติ่งพิทักษ์แดนซึ่งสร้างขึ้นโดยบรรพบุรุษของตระกูลเซี่ยปกคลุมไว้อยู่ และค่ายกลอันไร้ที่ใดเปรียบนี้เคยกระทั่งอยู่อันดับสามของมหาทวีปคังชิง”
หญิงสาวผู้สง่างามในชุดลวดลายนกหงส์หยกปรากฏตัวขึ้นพร้อมกับเสียงของนาง
นางสวมกวานสีทองบนศีรษะ ถือไม้วัดหยกสีทองในมือ ท่วงท่าเคร่งขรึม ยามที่ดวงตาสบกัน จะมีพลังสีเงินลอยจาง ๆ แผ่ออก ดูน่ากลัวอย่างยิ่ง
“ที่ยิ่งไปกว่านั้นคือนครหลวงจิ๋วติ่งมีกฎระเบียบมาโดยตลอด ไม่อนุญาตให้เหาะเหินตามอำเภอใจในเมือง ในความคิดของข้า พวกเราเป็นแขกจากแดนไกล ทางที่ดีคือเดินเท้าไปเยี่ยมชมภูเขาเทียนหมางจะดีกว่า”
หญิงชุดหงส์หยกพูดพร้อมกับมองดูคนข้างกายนาง
นัยน์ตาของชายหนุ่มชุดสีหยกฉายแววดื้อรั้น “กฎตายแต่คนเป็น*[1] เท่าที่ข้ารู้มาค่ายกลจิ๋วติ่งพิทักษ์แดนในทุกวันนี้ได้รับความเสียหายอย่างรุนแรงจากการกัดกร่อนของ ‘การจองจำแห่งยุคมืด’ เมื่อสามหมื่นปีก่อน ดังนั้นข้าจึงไม่เชื่อว่าจักรพรรดิของต้าเซี่ยจะยอมใช้ค่ายกลนี้เพื่อรับมือกับพวกเรา”
พอพูดเสร็จเขาก็สั่งเสียงดัง “ฟังข้า ทะยานสู่ฟ้าไปที่ภูเขาเทียนหมาง!”
“รับทราบ”
ลึกเข้าไปในห้องโดยสาร เสียงที่แก่ชราและน่าเคารพดังขึ้น
ทันทีที่เรือล่องล้อเมฆายาวกว่าร้อยจั้งทะยานตรงขึ้นไปบนท้องฟ้าเหนือนครหลวงจิ๋วติ่ง
หญิงชุดหงส์หยกอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจเบา ๆ “นายน้อย แบบนี้จะทำให้คนครหากล่าวว่าท่านเอาได้นะ”
แม้จะพูดเช่นนั้น แต่น้ำเสียงกลับไม่มีความตำหนิติเตียน …กลับกันแล้วมันออกไปทางเหนื่อยอกเหนื่อยใจอย่างไม่มีทางเลือกมากกว่า
“น้าเหวิน ท่านยังไม่ชัดเจนอีกหรือว่าเมื่อสามหมื่นปีก่อนตระกูลหวนของพวกเรานั้นอหังการเพียงใด เช่นนี้แล้วในฐานะทายาทของตระกูลหวน เลือดอันบ้าคลั่งและดื้อรั้นย่อมไหลเวียนอยู่ในร่างกาย แม้แต่ตัวข้าก็ไม่เว้น!”
ชายหนุ่มชุดสีหยกหัวเราะอย่างภูมิใจออกมาแล้วจับเอวเรียวของหญิงสาว ก่อนดึงร่างนั้นเข้าไปในอ้อมแขน เขาถ่มน้ำลายใส่ใบหน้าสวยของนางอย่างแรง
เมื่อเห็นใบหน้าสวยของนางแดงก่ำ นัยน์ตางดงามเต็มไปด้วยความโกรธ ชายหนุ่มก็หัวเราะเสียงดัง “เหมือนตอนนี้ที่ภายนอกเจ้าเป็นผู้อาวุโสของข้า แต่ในสายตาข้า เจ้าคือผู้หญิงของหวนเฉ่าโหยว! ใครหน้าไหนมันกล้านินทาว่าร้าย ข้าจะฆ่ามันคนนั้น!”
หญิงสาวพยายามผลักแขนของเขาออก แต่กลับถูกอีกฝ่ายจับไว้แน่นไม่ปล่อย สุดท้ายก็เลิกดิ้นรน นางเม้มปาก ก่อนพูดอย่างช่วยไม่ได้ “ทำเช่นนี้ไม่ดีนะ หากปล่อยให้พวกอาวุโสในตระกูลรู้เข้า ไม่เช่นนั้น…”
ยังไม่ทันพูดจบตัวนางก็สั่นสะท้าน แล้วร่างอันบอบบางก็หลุดออกจากการเกาะกุมราวกับโดนไฟฟ้าช็อต ดวงตางดงามจ้องมองไปที่ชายหนุ่มในชุดสีหยก “ไอ้สารเลว ลูบตรงไหนอยู่น่ะ!”
ชายหนุ่มชุดสีหยกตรวจดูบั้นท้ายของนางที่ซ่อนตัวอยู่ภายใต้ชุดคลุมอย่างไร้ยางอาย แล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “เช่นนั้นก็พาพวกอาวุโสมาสั่งสอนข้าอีกสิ!”
หญิงชุดหงส์หยกถ่มน้ำลาย ริ้วแดงปรากฏบนแก้มสองข้าง
เรือล่องล้อเมฆาได้ทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าเหนือนครหลวงจิ๋วติ่ง ส่งผลให้เกิดความโกลาหลขึ้นในเมือง
“นี่เป็นเรือล่องล้อเมฆาของตระกูลใดกันถึงได้กล้าที่จะทะลวงสู่น่านฟ้าของนครหลวงจิ๋วติ่งได้?”
“สวรรค์! ครั้งก่อนที่มีคนกล้าเหินฟ้าเช่นนี้ก็เมื่อพันสามร้อยปีก่อน เขาเป็นบุคคลขั้นขอบเขตแปรเปลี่ยนวิญญาณ ความมั่นใจในตัวเองสูงส่ง ไม่คำนึงถึงกฎของนครหลวงจิ๋วติ่ง ผลคือทันทีที่รุดเข้าไปในเมือง ก็ถูกค่ายกลจิ๋วติ่งพิทักษ์แดนสังหาร!”
“ตั้งแต่นั้นมาจนกระทั่งถึงตอนนี้ ก็ไม่มผู้ใดกล้าทำเช่นนี้อีกแล้ว แต่ตอนนี้… กลับมีใครบางคนที่เพิกเฉยต่อกฎระเบียบและคิดทะยานผ่านนครหลวงจิ๋วติ่ง!”
“เรือล่องล้อเมฆานั่นเป็นของกองกำลังใด? หรือพวกเขาจะไม่ทราบกฎของนครหลวงจิ๋วติ่งกันแน่?”
“ไม่ใช่ว่าไม่เข้าใจกฎ แต่ไม่สนใจกฎของนครหลวงจิ๋วติ่งต่างหาก!”
ภายในเมืองเกิดความฮือฮาขึ้น ไม่รู้ว่ามีผู้ฝึกตนกี่คนกันแน่ที่เงยหน้ามองเรือล่องล้อเมฆาลำใหญ่ที่แสนเทอะทะด้วยความประหลาดใจ
ความโกลาหลและเสียงตื่นตระหนกดังไปทั่วท้องถนนและตรอกซอกซอย
“นี่มัน ‘เรือล่องล้อเมฆามารนับพัน’ ของตระกูลหวน!”
กู่ชางหนิงที่อยู่ในร้านอาหารลุกขึ้นยืน “พลังของเผ่ามารตระกูลแรกแห่งมหาทวีปคังชิง ในที่สุดก็ปรากฏตัวขึ้นเช่นกัน…”
ตระกูลหวนเผ่ามาร!
ในมหาทวีปคังชิงเมื่อสามหมื่นปีที่แล้ว มันเป็นกองกำลังมารที่เพียงพอจะทำให้สรรพสิ่งหวาดกลัว ทำให้โลกตกอยู่ในความหวาดผวา
นอกจากนี้ในกองกำลังมารของโลก ยังเป็นกองกำลังชั้นนำที่ยังคงอยู่ เหมือนกับสำนักอสูรเทียนเยียนที่ซือคงเป้าอยู่ แต่ด้อยกว่าตระกูลหวนเผ่ามารอยู่เล็กน้อย
ความแข็งแกร่งของตระกูลหวนมาจากสายเลือดอันเก่าแก่ของตระกูล กล่าวกันว่าเป็นแขนงหนึ่งของเทพอสูรโบราณ สมาชิกสายตรงของตระกูลหวนดูเหมือนจะมีสิ่งที่เรียกว่า ‘สายเลือดที่แท้จริงของอสูรสวรรค์’ พรสวรรค์น่าหวาดกลัว พละกำลังที่แท้จริงของแต่ละคนก็ทรงพลัง
ใน ‘เก้าราชันย์แห่งคังชิง’ เดิมทีมี ‘ราชันย์มารเทียนอวี้’ ที่มาจากตระกูลหวนเผ่ามารอยู่สามอันดับแรก พลังมารล้นฟ้า สะเทือนเลือนลั่นไปทั่วทิศทั้งสิบ
“ดูเหมือนว่าเดิมทีตระกูลหวนเผ่ามารจะไม่ได้ล่าถอยไปจากมหาทวีปคังชิงจริง ๆ และยังทิ้งคนในตระกูลไว้ส่วนหนึ่งด้วย เช่นเดียวกับตระกูลโบราณของพวกเราที่เอาชีวิตรอดจากการจองจำเมื่อสามหมื่นปีก่อนได้”
ด้านข้างของกู่ชางหนิง มีหญิงชราท่าทางดูดีขมวดคิ้วแล้วเอ่ย
“ตระกูลหวนเผ่ามารปรากฏตัวออกมาแล้ว… ตอนนี้ข้าสงสัยว่าหลังจากการปะทุของการจองจำแห่งยุคมืดเมื่อสามหมื่นปีก่อน ตระกูลและกลุ่มขุมกำลังพวกนั้นที่ทยอยล่าถอยกันออกมาจากมหาทวีปคังชิงทั้งหมดมีกี่กลุ่มกันที่ออกมาได้ มีกี่ตระกูลที่ทิ้งคนส่วนหนึ่งเอาไว้เหมือนกับตระกูลหวนเผ่ามาร และรอดชีวิตไปจากการปราบปรามของการจองจำแห่งยุคมืดเมื่อสามหมื่นปีได้…”
กู่ชางหนิงถอนหายใจ
สถานการณ์ในนครหลวงจิ๋วติ่งเริ่มเลวร้ายและวุ่นวายมากขึ้นเรื่อย ๆ
ก่อนหน้านี้ก็มีเฉิงผูผู้โดดเด่นซึ่งเป็นผู้ร้ายกาจจากยุคโบราณถูกสงสัยว่าเป็นทายาทของ ‘ราชันย์มารสวนกู่’ ด้วย
ตอนนี้แม้แต่ชายที่แข็งแกร่งของตระกูลหวนเผ่ามารก็ปรากฏตัวขึ้น สิ่งเหล่านี้จะไม่ทำให้กู่ชางหนิงแปลกใจได้อย่างไร?
“อุปนิสัยของราชันย์มารสวนกู่เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย แต่การกระทำเที่ยงตรง ทั่วทั้งโลกจึงชื่นชมเขา”
“แต่ตระกูลหวนเผ่ามารนั้นแตกต่างกัน วิถีของตระกูลนี้คือการออกอาละวาด เหยียบย่ำและเพิกเฉยต่อกฎซึ่งเป็นสิ่งที่น่ากลัวที่สุดเช่นกัน”
หญิงชรากล่าว “อย่างเช่นในตอนนี้ ใครที่ไหนจะทะลวงสู่ท้องฟ้าเหนือนครหลวงจิ๋วติ่งเหมือนเรือลำนี้ของตระกูลหวนเผ่ามารโดยไม่สนใจกฎของราชวงศ์ต้าเซี่ยกันเล่า?”
“ไอ้มารเวรแห่งตระกูลหวนเผ่ามาร?”
ในร้านน้ำชามีเฉิงผูที่แต่งกายด้วยชุดสีเทาเงยหน้าขึ้น บนใบหน้าอันหล่อเหลามีความประหลาดใจ “กล้าดีอย่างไรถึงบุกน่านฟ้านครหลวงจิ๋วติ่ง หรือลูกหลานของตระกูลหวนเผ่ามารตระกูลแต่ละคนบ้าคลั่งไม่คิดชีวิต ข้าอยากจะดูนักว่าราชวงศ์เซี่ยจะทำอย่างไร”
ในเวลาเดียวกัน คนส่วนใหญ่ที่กระจัดกระจายอยู่ในนครหลวงจิ๋วติ่งก็สังเกตเห็น ‘เรือล่องล้อเมฆามารนับพัน’ นั้น และล้วนมีความเห็นแตกต่างกัน
เหล่าผู้ร้ายกาจจากยุคโบราณที่เดินไปทั่วเมืองอย่างไม่ขาดสาย เมื่อเห็นฉากนี้ไม่มากก็น้อยล้วนมีความคิดแบบเดียวกับเฉิงผู คือต้องการเห็นราชวงศ์เซี่ยว่าจะจัดการกับตระกูลหวนเผ่ามารหรือไม่
สวนน้อยนภาเมฆ
ซูอี้กำลังนอนอยู่บนเก้าอี้หวายข้างสระน้ำ เมื่อเห็นเรือล่องล้อเมฆาที่ปรากฏขึ้นบนท้องฟ้าจากระยะไกล ก็อดไม่ได้ที่จะตกใจเล็กน้อย “ไม่ใช่ว่าห้ามบินบนน่านฟ้านครหลวงจิ๋วติ่งหรอกหรือ?”
ข้างกายเขาคือชายวัยกลางคนในชุดคลุมที่ขมวดคิ้วอยู่ “ใช่”
เมื่อตอนเช้าตรู่เขาและเวิงจิ่วมาไหว้วานซูอี้ให้ช่วยสอนการซ่อมแซมค่ายกลจิ๋วติ่งพิทักษ์แดน
แม้ว่าซูอี้จะให้วิธีการซ่อมแซมมาแล้ว แต่ก็น่าอายที่ชายวัยกลางคนค้นพบว่าเคล็ดวิชาและค่ายกลที่ไว้ซ่อมแซมนั้น เขากลับไม่เข้าใจเลย…
และนั่นก็ไม่ใช่เพียงตัวเขาเท่านั้น
กลุ่มผู้เชี่ยวชาญด้านค่ายกลและยันต์ที่ถูกเรียกให้มารวมตัวกัน คนกลุ่มนี้ก็สามารถเข้าใจได้เพียงหนึ่งส่วนเท่านั้น หาใช่ทั้งหมด
ท่ามกลางความสิ้นหวัง เขาจึงทำได้เพียงมาไหว้วานซูอี้ให้สอนด้วยตนเองเท่านั้น
และไม่เคยคิดว่าตนเองเพิ่งจะมายังสวนน้อยนภาเมฆด้วยความตั้งใจ แต่ยังไม่ทันรอซูอี้ชี้แนะแก้ปัญหา ก็พลันเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น
“นายท่าน นั่นคือเรือล่องล้อเมฆามารนับพันของตระกูลหวนเผ่ามาร!”
คิ้วสวยของเวิงจิ่วเลิกขึ้น “ถ้าข้ารับใช้แก่ ๆ คนนี้เดาไม่ผิด บุคคลที่อยู่บนเรือล่องล้อเมฆาลำนั้นน่าจะเป็นหวนเฉ่าโหยวแห่งตระกูลหวนเผ่ามาร ผู้ร้ายกาจจากยุคโบราณที่มีความแข็งแกร่งยิ่ง”
“ตระกูลหวนเผ่ามาร…”
คิ้วของชายวัยกลางขมวดเข้าหากันเล็กน้อย “พวกเขายังคิดว่านี่คือมหาทวีปคังชิงเมื่อสามหมื่นปีก่อนอีกหรือ?”
ซูอี้สังเกตได้ว่าแม้ชายวัยกลางคนจะไม่ยินดีอยู่บ้าง แต่กลับปรากฏความกลัวที่อธิบายไม่ได้ออกมา เห็นได้ชัดว่าตระกูลหวนเผ่ามารแตกต่างกับกลุ่มขุมกำลังทั่วไป!
เขาเอ่ยด้วยความสนใจอย่างมาก “เมื่อกฎถูกทำลายแล้ว หากอยากจะลุกขึ้นมาอีกครั้งคงยากมาก ท่านวางแผนจะทำอย่างไร?”
หัวใจของชายวัยกลางคนเต้นไม่เป็นจังหวะ ก่อนจะเอ่ย “กลับกันหากเป็นสหายเต๋า จะทำอย่างไรเล่า?”
ซูอี้ยิ้มและกล่าว “ถ้ายึดตามแผนของข้า ก็ไม่จำเป็นต้องสุภาพ และไม่จำเป็นต้องออกมาเจรจาด้วย แค่ใช้ค่ายกลจิ๋วติ่งพิทักษ์แดนระเบิดไปโดยตรงก็พอ”
เปลือกตาชายวัยกลางคนกระตุกอย่างหนัก
สีหน้าของเวิงจิ่วเปลี่ยนไป “มันจะเป็นความคิดนี้ได้อย่างไรกัน หากทำเช่นนี้แล้วไม่เพียงแต่จะฉีกหน้าตระกูลหวนเผ่ามารเท่านั้น แต่ยังถูกกำหนดให้สูญเสียค่ายกลจิ๋วติ่งพิทักษ์แดนอีก มันไม่ง่ายเลย”
“ในเมื่ออีกฝ่ายกล้าที่จะเข้ามา เช่นนั้นก็มีเพียงสองสถานการณ์เท่านั้น คือถ้าไม่กลัวตายก็คิดว่าพวกท่านไม่กล้าใช้ค่ายกลจิ๋วติ่งพิทักษ์แดน แต่ไม่ว่าจะแบบใดก็ตาม ล้วนต้องอธิบายให้อย่างชัดเจนว่า อีกฝ่ายไม่เห็นพวกเจ้าในสายตาเลย เมื่อเป็นเช่นนี้แล้วยังจะมาพูดถึงฉีกหน้าอะไรอีกเล่า?”
ซูอี้ส่ายหัว “แน่นอนว่า หากกลัวอีกฝ่ายจริง ๆ ก็อดทนเสีย”
ในยามนี้ชายวัยกลางคนก็หัวเราะขึ้นมา “ผู้เฒ่าจิ่ว เจ้าไปเคลื่อนค่ายกลใหญ่ตามที่สหายเต๋าซูว่าเสีย ระเบิดไปโดยตรงเลย!”
เวิงจิ่วตกตะลึงราวกับไม่เชื่อ
“รีบไป!”
แสงเย็นวาบปรากฏในดวงตาของชายวัยกลางคน
เวิงจิ่วไม่กล้าลังเลอีก ชายชรารีบรุดจากไป
เมื่อซูอี้เห็นการกระทำนี้ก็อดไม่ได้ที่จะเหลือบมองไปยังชายวัยกลางคน ก่อนจะว่า “หากเกิดเรื่องอะไรไม่ดีขึ้นมา ไม่สามารถโทษข้าได้นะ”
ชายวัยกลางคนยิ้มกว้าง “ตราบใดที่สหายเต๋าซูช่วยชี้แนะข้าในการซ่อมแซมค่ายกลจิ๋วติ่งพิทักษ์แดน เรื่องอื่นอันใดไม่จำเป็นต้องให้สหายเต๋ากังวลใจ”
ซูอี้ร้องโอ้ออกมาและไม่ได้กล่าวอะไรอีก เขาหยิบเหยื่อ ‘ผีเสื้อจันทรา’ ออกมา ก่อนจะป้อนให้ปลาในสระ
ภายใต้ผืนฟ้าบนเรือล่องล้อเมฆามารนับพัน ชายหนุ่มชุดสีหยกผู้มีผมสีม่วงและสวมมงกุฎทองคำเอามือไพล่หลังก่อนจะเอ่ยอย่างเหยียดหยาม “น้าเหวินท่านดูสิ พวกเราข้ามผ่านนครหลวงจิ๋วติ่งมาได้เกินครึ่งแล้ว ยังไม่เห็นว่าราชวงศ์เซี่ยจะกล้าออกมาหยุดเลย ข้าพูดเช่นนี้แล้วกัน กฎของนครหลวงจิ๋วติ่งแห่งนี้ให้ผู้อื่นคอยปฏิบัติตาม แต่กับพวกเราตระกูลหวน เราย่อมอยู่เหนือกฎทั้งปวง และสามารถเหยียบไว้ใต้ฝ่าเท้าได้เลย!”
เสียงของเขาเย่อหยิ่งและมีอำนาจ
หญิงชุดหงส์หยกข้างกายผู้มีดวงตางามฉ่ำราวกับน้ำ กล่าวด้วยรอยยิ้มจาง ๆ “รอจนไปถึงภูเขาเทียนหมาง นายน้อยก็รอถูกลงโทษจากจักรพรรดิแห่งต้าเซี่ยได้เลย”
“ฮ่า ๆ จักรพรรดิแห่งต้าเซี่ยโกรธอีกแล้ว ข้าจะทำอย่างไรดี?”
ชายหนุ่มชุดสีหยกอดหัวเราะไม่ได้
เมื่อพูดจบ ฉับพลันเสียงอันดังของพลังต้องห้ามจากค่ายกลก็ดังไปทั่วทั้งนครหลวงจิ๋วติ่ง
เสียงหัวเราะของชายหนุ่มชุดสีหยกหยุดลงในทันใด
ราวกับเป็ดที่ถูกมนุษย์บีบคออย่างแท้จริง!
[1] กฎตายแต่คนเป็น หรือ 规矩是死的,人是活的 เป็นสำนวนจีน หมายถึงแม้ว่ากฎจะเป็นสิ่งที่ตายตัว ต้องทำตาม แต่ทว่าคนนั้นมีชีวิตจิตใจ มีเหตุมีผลของการกระทำ ดังนั้นกฎจึงควรยืดหยุ่นและโอนอ่อนผ่อนตาม